I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ

 

ในช่วงนี้ อาซานางิมาเที่ยวที่บ้านผมแทบจะทุกสัปดาห์ แต่ว่าแบบนี้…มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรือที่เธอไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนคนอื่นๆของเธอเลย

 

อยู่ๆผมก็นึกสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา

 

วันศุกร์…เนื่องจากวันต่อไปคือวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุด วันศุกร์จึงน่าจะเป็นวันที่เหมาะกับไปเที่ยวกับเพื่อนมากกว่าเมื่อเทียบกับวันอังคาร หรือวันพุธ อันที่จริงแล้วผมมักจะได้ยินว่าเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆต่างสัญญากันว่าจะไปเที่ยวเล่นกันหลังเลิกเรียนในเย็นวันศุกร์กันอยู่บ่อยๆ

 

ที่ผมต้องการจะบอกก็คือ…ผมคิดว่าการที่ได้ไปเที่ยวเล่นกับคนอื่นๆน่าจะมีประโยชน์มากกว่าการมาอยู่กับผม

 

ไม่ว่าจะเป็นตอนชั้นม.ปลาย มหาลัย หรือตอนทำงาน…เราทุกคนจะถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในสังคมใหม่ๆที่แตกต่างกันอยู่เสมอ หากเราคุ้นเคยกับการเข้าสังคมกับคนจำนวนมาก มันจะทำให้เรามีความสามารถในการปรับตัวที่ดีและเข้ากับสังคมใหม่ๆได้ง่ายขึ้น

 

ยกตัวอย่างง่ายๆเช่นกรณีการย้ายโรงเรียนในระดับประถมไปม.ต้น หรือจากม.ต้นไปม.ปลาย คนส่วนมากจะทำการจับกลุ่มกับนักเรียนที่มาจากโรงเรียนเดียวกันก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยๆมีการติดต่อกับกลุ่มนักเรียนโรงเรียนอื่น ก่อนที่จะค่อยๆสนิทกันและกลายมาเป็นกลุ่มใหม่

 

ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมากนักในช่วงม.ต้น ผมจึงค่อนข้างสงสัยว่าบางทีที่คนอื่นๆเข้ากันได้ดีเป็นเพราะพวกเขามาจากโรงเรียนม.ต้นเดียวกันใช่ไหม?

 

และเนื่องจากผมเป็นคนที่ไม่เคยมีเพื่อนมากก่อน ผมจึงได้แต่จินตนาการและคิดเอาเองจากเรื่องที่เคยเห็นและเคยได้ยินมา…อืม… เพราะผมเป็นแบบนี้ ผมเลยเป็นห่วงอาซานางิเกี่ยวกับเรื่องนี้นิดหน่อย

 

เพราะเธอต้องมาเที่ยวเล่นกับผม เธอเลยไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆใช่ไหม?…คงเป็นอะไรประมาณนี้

 

โดยปกติผมจะทำตัวให้ว่างในตอนเย็นวันศุกร์เสมอ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ให้อาซานางิสามารถมาที่นี่ได้ตลอดเวลา ดังนั้นสำหรับผมแล้วการที่เธอมาที่นี่ทุกสัปดาห์ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน

 

มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกและก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใจเลยสักนิดที่อาซานางิจะมาที่นี่ทุกสัปดาห์ ดังนั้นผมจึงรู้สึกเต็มใจเป็นอย่างมากที่จะต้อนรับเธอ

 

“…อะไร? นายกำลังทำอะไร? ทำไมมองฉันแบบนั้น”

 

อาซานางิที่สังเกตเห็นการจ้องมองของผม เธอหันมามองที่ผมและเอียงคอของเธอด้วยความสงสัย…ในขณะที่กำลังถือเฟรนช์ฟรายส์ในมือขวา และจอยเกมในมือซ้าย แต่เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก…ดังนั้นมันออกจะดูเป็นภาพที่แปลกตาไปสักหน่อย

 

“อ๊ะ เข้าใจล่ะ นายตกหลุมรักฉันแล้วใช่ไหมล่ะ งั้นทำไมนายไม่ลองอ่อนให้ฉันสักหน่อยล่ะ เผื่อว่า—”

 

“ตายซะ”

 

“อะ-อึ๊ก ไอเวรนี่ นายยิงฉันอีกแล้วนะ! แน่จริงก็หยุดทำเป็นหลบๆซ่อนๆแล้วออกมาสู้กันอย่างแมนๆสิ!”

 

“เธอต้องหัดที่จะซ่อนตัวให้ดีกว่านี้นะ…แล้วก็…ผมมีเรื่องกังวลเกี่ยวกับเธอนิดหน่อยน่ะ”

 

“นายกังวลเรื่องอะไร? ฉันไม่ได้อ้วนเหมือนนายสักหน่อย”

 

“น้ำหนักขึ้นแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”

 

หลังจากนั้น ผมจึงตัดสินใจคุยกับอาซานางิเกี่ยวกับความกังวลของผม

 

ท้ายที่สุด ความกังวลที่ผมหมายถึงก็คือ「เธอไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆไม่ดีกว่าเหรอ?」ทันทีที่ได้ยิน…อาซานางิก็แสดงสีหน้าหงุดหงิดทันที

 

“อะไร? นายเกลียดการเล่นกับฉันมากขนาดนั้นเลยหรอ? นายเหนื่อยที่จะเล่นกับฉันแล้วก็เลยอยากจะทิ้งฉันใช่ไหม?”

 

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น สำหรับผม อาซานางิ เธอคือ…”

 

“…ฉันคืออะไร?”

 

“อุ…”

 

ผมเกือบจะบอกความรู้สึกที่แท้จริงของผมออกมา โชคดีที่ผมหยุดตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม…ดูเหมือนอาซานางิจะสังเกตเห็นและเริ่มยิ้มออกมา

 

ผมพลาดแล้ว

 

“เห~หืม~?”

 

“อะ-อะไร”

 

“หืม? เดี่ยวก่อนน้า~ มาเอะฮาระ ฉันสงสัยว่านายกำลังพยายามจะพูดอะไรเมื้อกี้นี้…「อาซานางิ เธอคือ…」ฉันคืออะไรงั้นเหรอ นี่ มาเอะฮาระคุง รีบบอกมาสักทีสิ”

 

“…เธอคือ…”

 

“หืม? ฉันคือ?”

 

“…โดนไปซะ!”

 

ในขณะที่เธอกำลังฟุ้งซ่าน ผมได้ใช้ปืนกลในมือทำให้ตัวละครสุดน่ารักของอาซานางิบนหน้าจอกลายเป็นรังผึ้ง

 

“อ๊ะ เฮ้! เล่นทีเผลองั้นเหรอ…คนขี้ขลาด!”

 

“ในสนามรบน่ะไม่มีคำว่าขี้ขลาดหรอกนะ!”

 

ผมจัดการทำให้การสนทนาของเราหยุดชะงักลง เพื่อหันเหความสนใจของอาซานางิให้กลับไปอยู่ที่เกม

 

แม้จะยังเล่นแปลกๆอยู่บ้าง แต่ทักษะการเล่นเกมของอาซานางิก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เมื่อผมถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอบอกกับผมว่าพี่ชายของเธอมีเกมแบบเดียวกัน เธอเลยได้ใช้มันเพื่อซ้อมมือเป็นประจำ

 

นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงนี้…ตอนที่เราคุยกันหรือส่งข้อความหากัน อาซานางิมักใช้คำศัพท์ของเกมเข้ามาในการสนทนาอยู่เสมอ

 

ดูเหมือนว่าอาซานางิจะก้าวเท้าเข้าไปในโลกของโอตาคุมาข้างนึงแล้ว…ไม่สิ บางที เธออาจจะกระโดดข้ามเข้าไปเต็มตัวแล้วก็ได้

 

“…เอาเถอะ นายเป็นห่วงฉันใช่ไหมล่ะ? ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นด้วย”

 

“…อืม ขอโทษด้วยนะที่กังวลเรื่องแปลกๆ”

 

“เข้าใจแล้ว ฉันยกโทษให้ละกัน เพราะฉันชอบมาบ้านนายมากล่ะนะ…แต่ช่วงนี้ดูเหมือนฉันจะทำตัวหมกมุ่นไปหน่อย คงต้องระวังตัวไว้บ้างแล้วล่ะ ไม่งั้นต้องโดนยูจับได้แน่เลย…แต่ว่ายังไงก็เถอะ อาทิตย์หน้าเราจะกินอะไรกันดีล่ะ แล้วอีกอย่าง…แถวนี้มีร้านโอโคโนมิยากิมาส่งบ้างไหมน้า~”

 

“เดี๋ยวนะ? นี่เธอได้ฟังที่ผมพูดบ้างไหมเนี่ย?”

 

บทสนทนากลายไปเป็นเรื่องของอาทิตย์หน้า…แต่ยังไงก็ตาม อาซานางิเป็นคนฉลาด ผมแน่ใจว่าเธอเข้าใจเรื่องที่ผมกังวลเป็นอย่างดี

 

นอกจากนี้ เธอมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ที่เธออยากทำ

 

“อ๊ะ จริงสิ มังงะที่มาเอะฮาระให้ยืมครั้งที่แล้ว…มันน่าสนใจมากเลยล่ะ จะอธิบายยังไงดี…ที่เนื้อเรื่องมันดีๆแล้วก็ภาพสวยๆน่ะ”

 

“อ้อ เธอหมายถึงเรื่อง「Chains*w M*n」ใช่ไหม? เล่มสุดท้ายพึ่งออกเมื่อวานนี้เอง ผมพึ่งซื้อมา”

(TL: ในเรื่องใช้ชื่อเรื่องว่า ノコギリーマン น่าจะล้อมาจากเรื่อง チェンソーマン [Chainsaw Man] ครับ เพราะ ノコギリ มันแปลว่าเลื่อย )

 

“เอ๊ะ จริงเหรอ? บอกมาเลยนะว่ามันอยู่ที่ไหน? ห้องของมาเอะฮาระ? ขออ่านหน่อยสิ!”

 

“ได้สิ แต่ผมเองก็ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน…”

 

“งั้นก็อ่านด้วยกันสิ เอาล่ะ หยุดกินเฟรนช์ฟรายส์เหี่ยวๆพวกนี้ได้แล้ว รีบไปที่ห้องนายกันเถอะ”

 

“เธอเป็นคนสั่งพวกมันมาเองนะ…”

 

เราเลยตัดสินใจเลิกเล่นเกมแล้วพากันไปที่ห้องของผมเพื่ออ่านการ์ตูนแทน

 

เนื่องจากแม่ของผมทำงานเป็นบรรณาธิการ ชั้นหนังสือของผมจึงเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูน ไลท์โนเวล และอื่นๆ เวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยกับการเล่นเกม หรือเมื่อรู้สึกเบื่อๆ ผมมักจะมานอนอ่านการ์ตูนอยู่ในห้องเสมอ

 

“มาเอะฮาระ ขอนั่งข้างๆนะ”

 

“อืม เชิญเลย”

 

“ขอบใจนะ”

 

หลังจากหาหนังสือเจอ พวกเราก็นั่งลงบนเตียงและเริ่มอ่านมันด้วยกัน

 

เนื่องจากมันเป็นเล่มสุดท้ายของซีรีส์ยอดนิยมและกำลังจะถูกสร้างเป็นอนิเมะ ผมและอาซานางิจึงค่อยๆอ่านทีละหน้าๆอย่างตั้งใจ จนเผลอลืมเวลากันไปทั้งคู่

 

“ว้าว~ ตอนจบแบบนี้~…ไม่สิ ตอนแรกที่ฉันเริ่มอ่านนะฉันคิดว่าการ์ตูนนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย…แต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆก็ดันติดซะงั้น! ตอนที่พวกผู้ชายในห้องเราพูดถึงเรื่องนี้ ฉันอยากเข้าไปร่วมวงกับพวกนั้นจนแทบจะทนไม่ไหวจนเลยล่ะ”

 

“เข้าใจเลยล่ะ มันจะอารมณ์ประมาณว่า「ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย」ใช่ไหมล่ะ”

 

ทั้งผมและอาซานางิเป็นคนประเภทที่จะพูดคุยเกี่ยวกับผลงานที่พวกเราชื่นชอบแบบลงลึกในรายละเอียด เช่น พวกคำใบ้ที่ซ่อนอยู่ หรือเนื้อหาที่มีความขัดแย้งกันอยู่ เป็นต้น

 

ในเรื่องของการดูหนังเองก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าเวลาที่อาซานางิไปดูหนังกับอามามิซังและเพื่อนคนอื่นๆ พวกเขาจะคุยกันแค่เรื่องพื้นฐาน เช่น ภาพสวยดีนะ ดนตรีเพราะจัง หรือฉากสวยมาก อะไรประมาณนี้ ซึ่งหัวข้อการสนทนาเหล่านี้ไม่สามารถไปถึงที่ที่อาซานางิอยากจะคุยจริงๆได้

 

นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำไมอาซานางิถึงมองว่าผมเป็น「สหาย」ของเธอ

 

“ฮา~…สนุกจัง อ่านอีกสักรอบดีกว่า…มาเอะฮาระ เล่มหนึ่งอยู่ตรงไหนนะ?”

 

“อยู่ตรงชั้นหนังสือตรงกลางน่ะ…งั้นผมเองก็อ่านเรื่องอื่นด้วยดีกว่า”

 

หลังจากนั้น เราแต่ละคนก็นอนลงบนเตียงหรือนั่งพิงผนังพร้อมกับอ่านหนังสือกันเงียบๆ

 

ในระหว่างนี้ พวกเราต่างเงียบและไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเรารู้สึกอึดอัดอะไร

 

นี่เป็นเวลายามปกติของผมและอาซานางิ

 

“ฟู่~…ดูเหมือนจะตั้งใจอ่านเกินไปหน่อย…”

 

เมื่อหยุดพัก ผมสังเกตว่าเวลาได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว เวลาอ่านหนังสือหรือเล่นเกม ผมมักจะมีปัญหากับเรื่องแบบนี้เป็นประจำ

 

“กินกาแฟแก้ง่วงสักหน่อยดีไหมนะ? อาซานางิ ผมว่าจะไปชงกาแฟสักหน่อย เธอเอากาแฟ–”

 

ผมเรียกอาซานางิที่นอนอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงของผม ก่อนที่จะสังเกตเห็นใบหน้าของเธอ

 

“Zzz…Zzz…”

 

“? หลับอยู่เหรอ…?”

 

เมื่อผมมองใบหน้าของเธอ บางทีเธออาจจะหลับไปตอนกลางทางในระหว่างที่อ่านการ์ตูนอยู่…อาซานางิหลับทั้งๆที่ปากยังอ้าอยู่ครึ่งนึง  

 

นอกจากนี้เธอยังกรนด้วย…หลับสบายก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่เธอไม่ได้ผ่อนคลายเกินไปหน่อยเหรอ

 

แล้วก็นะ…อาซานางิ นี่เธอลืมไปหรือเปล่าว่ายังอยู่ที่บ้านของผม

 

“Zzz…Zzz…”

 

“กรนขนาดนี้…ไม่เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด…”

 

อย่างไรก็ตาม…น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกว่าเธอที่เป็นแบบนี้นั้นน่ารักดี…หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอสวยเกินไปกันนะ

 

ผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าผมได้เกิดมามีใบหน้าที่ดูดีเหมือนอาซานางิ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็คง…แต่ผมก็ตัดสินใจลืมมันไปทันที เพราะถึงคิดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาอยู่ดี

 

“หาว~…เราเองก็เริ่มง่วงแล้วสิ…”

 

ปกติแล้วอาซานางิจะกลับบ้านในอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ ดังนั้นปล่อยให้เธอนอนต่ออีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร

 

ผมตั้งนาฬิกาปลุก แล้วปล่อยให้อาซานางินอนหลับอย่างสบายบนเตียงของผม ส่วนผมก็ตัดสินใจที่จะงีบหลับโดยใช้เบาะรองนั่งมาเป็นหมอนแทน

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆  

 

ตื่น มากิ ตื่นได้แล้ว

 

“อืม…?”

 

ตอนที่ผมกำลังนอนหลับฝันดี เสียงของใครบางคนก็ดังก้องเข้าในหัวที่กำลังสะลึมสะลือของผม

 

นาฬิกาปลุกยังไม่ดัง…ไม่น่าจะหลับไปนานเท่าไหร่ หรืออาซานางิจะตื่นแล้ว? ถ้าแบบนั้น…คงต้องออกไปส่งเธอที่ประตูบ้านก่อนสินะ–

 

“มากิ มากิ ตื่นได้แล้ว”

 

“ขอโทษนะอาซานางิ ผมเองก็เผลอหลับไปเหมือนกัน”

 

“หืม…เด็กผู้หญิงคนนี้ชื่ออาซานางิซังงั้นสินะ?”

 

“…เอ๊ะ?”

 

ในขณะนั้นเอง…ลางสังหรณ์อันไม่พึงประสงค์ก็แล่นไปทั่วร่างกายของผม

 

เมื่อผมลืมตาขึ้น…ผมก็เห็นอาซานางิที่ยังคงนอนหลับอย่างสงบอยู่บนเตียงของผม

 

ใช่ อาซานางิยังคงอยู่ในความฝันของเธอ

 

ถ้าอย่างนั้น…คนที่กำลังเรียกผมอยู่คงเป็น…

 

ผมลืมตาขึ้นแล้วค่อยๆหันหน้าไปอีกด้านอย่างช้าๆอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

“พอดีวันนี้แม่เลิกงานไวก็เลยได้กลับบ้านเร็วหน่อยในรอบหลายอาทิตย์…แต่ว่านะ…แม่ไม่เคยคิดเลยว่าลูกจะพาผู้หญิงเข้ามาในห้องแบบนี้”

 

“ม-แม่…”

 

คนที่กำลังยืนมองลงมาที่ผมอยู่ก็คือ「มาเอฮาระ มาซากิ」แม่ที่ยังไม่ควรจะกลับมาจากที่ทำงานในเวลานี้…

 

 

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆  

 

ปล. ขอโทษด้วยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองจะไหว สุดท้ายนอนตาย(ฮา) 

 

ปล2. ตอนแรกว่าจะลง 2 ตอนพร้อมกัน สุดท้ายบทที่ 28 ก็ยังแปลไม่ไหว เลยตัดสินใจลงตอน 27 แก้ขัดไปก่อนนะครับ

 

ปล3. น่าจะค้างแหละ แต่ถ้าอ่านถึงตรงนี้ก็ขอให้โชคดีครับ(ฮา) เดี่ยวผมจะรีบปั่นตอน 28 ให้นะครับ ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว

 

ปล4. ยังไม่ได้เช็คคำผิด กับสำนวน เดี่ยวกลับมาเช็คให้อีกทีตอนลงตอนที่ 28 นะครับ

 

ติดตามข่าวสารผู้แปลได้ที่ Durimtok Channel เผื่อมีข่าวจะแจ้งในเพจก่อนนะครับ

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 27 – อาซานางิกับการงีบหลับ

 

ในช่วงนี้ อาซานางิมาเที่ยวที่บ้านผมแทบจะทุกสัปดาห์ แต่ว่าแบบนี้…มันจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรือที่เธอไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนคนอื่นๆของเธอเลย

 

อยู่ๆผมก็นึกสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา

 

วันศุกร์…เนื่องจากวันต่อไปคือวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุด วันศุกร์จึงน่าจะเป็นวันที่เหมาะกับไปเที่ยวกับเพื่อนมากกว่าเมื่อเทียบกับวันอังคาร หรือวันพุธ อันที่จริงแล้วผมมักจะได้ยินว่าเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆต่างสัญญากันว่าจะไปเที่ยวเล่นกันหลังเลิกเรียนในเย็นวันศุกร์กันอยู่บ่อยๆ

 

ที่ผมต้องการจะบอกก็คือ…ผมคิดว่าการที่ได้ไปเที่ยวเล่นกับคนอื่นๆน่าจะมีประโยชน์มากกว่าการมาอยู่กับผม

 

ไม่ว่าจะเป็นตอนชั้นม.ปลาย มหาลัย หรือตอนทำงาน…เราทุกคนจะถูกบังคับให้เข้าไปอยู่ในสังคมใหม่ๆที่แตกต่างกันอยู่เสมอ หากเราคุ้นเคยกับการเข้าสังคมกับคนจำนวนมาก มันจะทำให้เรามีความสามารถในการปรับตัวที่ดีและเข้ากับสังคมใหม่ๆได้ง่ายขึ้น

 

ยกตัวอย่างง่ายๆเช่นกรณีการย้ายโรงเรียนในระดับประถมไปม.ต้น หรือจากม.ต้นไปม.ปลาย คนส่วนมากจะทำการจับกลุ่มกับนักเรียนที่มาจากโรงเรียนเดียวกันก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยๆมีการติดต่อกับกลุ่มนักเรียนโรงเรียนอื่น ก่อนที่จะค่อยๆสนิทกันและกลายมาเป็นกลุ่มใหม่

 

ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นมากนักในช่วงม.ต้น ผมจึงค่อนข้างสงสัยว่าบางทีที่คนอื่นๆเข้ากันได้ดีเป็นเพราะพวกเขามาจากโรงเรียนม.ต้นเดียวกันใช่ไหม?

 

และเนื่องจากผมเป็นคนที่ไม่เคยมีเพื่อนมากก่อน ผมจึงได้แต่จินตนาการและคิดเอาเองจากเรื่องที่เคยเห็นและเคยได้ยินมา…อืม… เพราะผมเป็นแบบนี้ ผมเลยเป็นห่วงอาซานางิเกี่ยวกับเรื่องนี้นิดหน่อย

 

เพราะเธอต้องมาเที่ยวเล่นกับผม เธอเลยไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆใช่ไหม?…คงเป็นอะไรประมาณนี้

 

โดยปกติผมจะทำตัวให้ว่างในตอนเย็นวันศุกร์เสมอ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ให้อาซานางิสามารถมาที่นี่ได้ตลอดเวลา ดังนั้นสำหรับผมแล้วการที่เธอมาที่นี่ทุกสัปดาห์ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นเหมือนกัน

 

มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกและก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดใจเลยสักนิดที่อาซานางิจะมาที่นี่ทุกสัปดาห์ ดังนั้นผมจึงรู้สึกเต็มใจเป็นอย่างมากที่จะต้อนรับเธอ

 

“…อะไร? นายกำลังทำอะไร? ทำไมมองฉันแบบนั้น”

 

อาซานางิที่สังเกตเห็นการจ้องมองของผม เธอหันมามองที่ผมและเอียงคอของเธอด้วยความสงสัย…ในขณะที่กำลังถือเฟรนช์ฟรายส์ในมือขวา และจอยเกมในมือซ้าย แต่เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก…ดังนั้นมันออกจะดูเป็นภาพที่แปลกตาไปสักหน่อย

 

“อ๊ะ เข้าใจล่ะ นายตกหลุมรักฉันแล้วใช่ไหมล่ะ งั้นทำไมนายไม่ลองอ่อนให้ฉันสักหน่อยล่ะ เผื่อว่า—”

 

“ตายซะ”

 

“อะ-อึ๊ก ไอเวรนี่ นายยิงฉันอีกแล้วนะ! แน่จริงก็หยุดทำเป็นหลบๆซ่อนๆแล้วออกมาสู้กันอย่างแมนๆสิ!”

 

“เธอต้องหัดที่จะซ่อนตัวให้ดีกว่านี้นะ…แล้วก็…ผมมีเรื่องกังวลเกี่ยวกับเธอนิดหน่อยน่ะ”

 

“นายกังวลเรื่องอะไร? ฉันไม่ได้อ้วนเหมือนนายสักหน่อย”

 

“น้ำหนักขึ้นแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”

 

หลังจากนั้น ผมจึงตัดสินใจคุยกับอาซานางิเกี่ยวกับความกังวลของผม

 

ท้ายที่สุด ความกังวลที่ผมหมายถึงก็คือ「เธอไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆไม่ดีกว่าเหรอ?」ทันทีที่ได้ยิน…อาซานางิก็แสดงสีหน้าหงุดหงิดทันที

 

“อะไร? นายเกลียดการเล่นกับฉันมากขนาดนั้นเลยหรอ? นายเหนื่อยที่จะเล่นกับฉันแล้วก็เลยอยากจะทิ้งฉันใช่ไหม?”

 

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น สำหรับผม อาซานางิ เธอคือ…”

 

“…ฉันคืออะไร?”

 

“อุ…”

 

ผมเกือบจะบอกความรู้สึกที่แท้จริงของผมออกมา โชคดีที่ผมหยุดตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม…ดูเหมือนอาซานางิจะสังเกตเห็นและเริ่มยิ้มออกมา

 

ผมพลาดแล้ว

 

“เห~หืม~?”

 

“อะ-อะไร”

 

“หืม? เดี่ยวก่อนน้า~ มาเอะฮาระ ฉันสงสัยว่านายกำลังพยายามจะพูดอะไรเมื้อกี้นี้…「อาซานางิ เธอคือ…」ฉันคืออะไรงั้นเหรอ นี่ มาเอะฮาระคุง รีบบอกมาสักทีสิ”

 

“…เธอคือ…”

 

“หืม? ฉันคือ?”

 

“…โดนไปซะ!”

 

ในขณะที่เธอกำลังฟุ้งซ่าน ผมได้ใช้ปืนกลในมือทำให้ตัวละครสุดน่ารักของอาซานางิบนหน้าจอกลายเป็นรังผึ้ง

 

“อ๊ะ เฮ้! เล่นทีเผลองั้นเหรอ…คนขี้ขลาด!”

 

“ในสนามรบน่ะไม่มีคำว่าขี้ขลาดหรอกนะ!”

 

ผมจัดการทำให้การสนทนาของเราหยุดชะงักลง เพื่อหันเหความสนใจของอาซานางิให้กลับไปอยู่ที่เกม

 

แม้จะยังเล่นแปลกๆอยู่บ้าง แต่ทักษะการเล่นเกมของอาซานางิก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เมื่อผมถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอบอกกับผมว่าพี่ชายของเธอมีเกมแบบเดียวกัน เธอเลยได้ใช้มันเพื่อซ้อมมือเป็นประจำ

 

นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงนี้…ตอนที่เราคุยกันหรือส่งข้อความหากัน อาซานางิมักใช้คำศัพท์ของเกมเข้ามาในการสนทนาอยู่เสมอ

 

ดูเหมือนว่าอาซานางิจะก้าวเท้าเข้าไปในโลกของโอตาคุมาข้างนึงแล้ว…ไม่สิ บางที เธออาจจะกระโดดข้ามเข้าไปเต็มตัวแล้วก็ได้

 

“…เอาเถอะ นายเป็นห่วงฉันใช่ไหมล่ะ? ยังไงก็ขอบคุณสำหรับเรื่องนั้นด้วย”

 

“…อืม ขอโทษด้วยนะที่กังวลเรื่องแปลกๆ”

 

“เข้าใจแล้ว ฉันยกโทษให้ละกัน เพราะฉันชอบมาบ้านนายมากล่ะนะ…แต่ช่วงนี้ดูเหมือนฉันจะทำตัวหมกมุ่นไปหน่อย คงต้องระวังตัวไว้บ้างแล้วล่ะ ไม่งั้นต้องโดนยูจับได้แน่เลย…แต่ว่ายังไงก็เถอะ อาทิตย์หน้าเราจะกินอะไรกันดีล่ะ แล้วอีกอย่าง…แถวนี้มีร้านโอโคโนมิยากิมาส่งบ้างไหมน้า~”

 

“เดี๋ยวนะ? นี่เธอได้ฟังที่ผมพูดบ้างไหมเนี่ย?”

 

บทสนทนากลายไปเป็นเรื่องของอาทิตย์หน้า…แต่ยังไงก็ตาม อาซานางิเป็นคนฉลาด ผมแน่ใจว่าเธอเข้าใจเรื่องที่ผมกังวลเป็นอย่างดี

 

นอกจากนี้ เธอมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ที่เธออยากทำ

 

“อ๊ะ จริงสิ มังงะที่มาเอะฮาระให้ยืมครั้งที่แล้ว…มันน่าสนใจมากเลยล่ะ จะอธิบายยังไงดี…ที่เนื้อเรื่องมันดีๆแล้วก็ภาพสวยๆน่ะ”

 

“อ้อ เธอหมายถึงเรื่อง「Chains*w M*n」ใช่ไหม? เล่มสุดท้ายพึ่งออกเมื่อวานนี้เอง ผมพึ่งซื้อมา”

(TL: ในเรื่องใช้ชื่อเรื่องว่า ノコギリーマン น่าจะล้อมาจากเรื่อง チェンソーマン [Chainsaw Man] ครับ เพราะ ノコギリ มันแปลว่าเลื่อย )

 

“เอ๊ะ จริงเหรอ? บอกมาเลยนะว่ามันอยู่ที่ไหน? ห้องของมาเอะฮาระ? ขออ่านหน่อยสิ!”

 

“ได้สิ แต่ผมเองก็ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน…”

 

“งั้นก็อ่านด้วยกันสิ เอาล่ะ หยุดกินเฟรนช์ฟรายส์เหี่ยวๆพวกนี้ได้แล้ว รีบไปที่ห้องนายกันเถอะ”

 

“เธอเป็นคนสั่งพวกมันมาเองนะ…”

 

เราเลยตัดสินใจเลิกเล่นเกมแล้วพากันไปที่ห้องของผมเพื่ออ่านการ์ตูนแทน

 

เนื่องจากแม่ของผมทำงานเป็นบรรณาธิการ ชั้นหนังสือของผมจึงเต็มไปด้วยหนังสือการ์ตูน ไลท์โนเวล และอื่นๆ เวลาที่ผมรู้สึกเหนื่อยกับการเล่นเกม หรือเมื่อรู้สึกเบื่อๆ ผมมักจะมานอนอ่านการ์ตูนอยู่ในห้องเสมอ

 

“มาเอะฮาระ ขอนั่งข้างๆนะ”

 

“อืม เชิญเลย”

 

“ขอบใจนะ”

 

หลังจากหาหนังสือเจอ พวกเราก็นั่งลงบนเตียงและเริ่มอ่านมันด้วยกัน

 

เนื่องจากมันเป็นเล่มสุดท้ายของซีรีส์ยอดนิยมและกำลังจะถูกสร้างเป็นอนิเมะ ผมและอาซานางิจึงค่อยๆอ่านทีละหน้าๆอย่างตั้งใจ จนเผลอลืมเวลากันไปทั้งคู่

 

“ว้าว~ ตอนจบแบบนี้~…ไม่สิ ตอนแรกที่ฉันเริ่มอ่านนะฉันคิดว่าการ์ตูนนี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย…แต่พอได้อ่านไปเรื่อยๆก็ดันติดซะงั้น! ตอนที่พวกผู้ชายในห้องเราพูดถึงเรื่องนี้ ฉันอยากเข้าไปร่วมวงกับพวกนั้นจนแทบจะทนไม่ไหวจนเลยล่ะ”

 

“เข้าใจเลยล่ะ มันจะอารมณ์ประมาณว่า「ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย」ใช่ไหมล่ะ”

 

ทั้งผมและอาซานางิเป็นคนประเภทที่จะพูดคุยเกี่ยวกับผลงานที่พวกเราชื่นชอบแบบลงลึกในรายละเอียด เช่น พวกคำใบ้ที่ซ่อนอยู่ หรือเนื้อหาที่มีความขัดแย้งกันอยู่ เป็นต้น

 

ในเรื่องของการดูหนังเองก็เหมือนกัน ดูเหมือนว่าเวลาที่อาซานางิไปดูหนังกับอามามิซังและเพื่อนคนอื่นๆ พวกเขาจะคุยกันแค่เรื่องพื้นฐาน เช่น ภาพสวยดีนะ ดนตรีเพราะจัง หรือฉากสวยมาก อะไรประมาณนี้ ซึ่งหัวข้อการสนทนาเหล่านี้ไม่สามารถไปถึงที่ที่อาซานางิอยากจะคุยจริงๆได้

 

นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำไมอาซานางิถึงมองว่าผมเป็น「สหาย」ของเธอ

 

“ฮา~…สนุกจัง อ่านอีกสักรอบดีกว่า…มาเอะฮาระ เล่มหนึ่งอยู่ตรงไหนนะ?”

 

“อยู่ตรงชั้นหนังสือตรงกลางน่ะ…งั้นผมเองก็อ่านเรื่องอื่นด้วยดีกว่า”

 

หลังจากนั้น เราแต่ละคนก็นอนลงบนเตียงหรือนั่งพิงผนังพร้อมกับอ่านหนังสือกันเงียบๆ

 

ในระหว่างนี้ พวกเราต่างเงียบและไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเรารู้สึกอึดอัดอะไร

 

นี่เป็นเวลายามปกติของผมและอาซานางิ

 

“ฟู่~…ดูเหมือนจะตั้งใจอ่านเกินไปหน่อย…”

 

เมื่อหยุดพัก ผมสังเกตว่าเวลาได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว เวลาอ่านหนังสือหรือเล่นเกม ผมมักจะมีปัญหากับเรื่องแบบนี้เป็นประจำ

 

“กินกาแฟแก้ง่วงสักหน่อยดีไหมนะ? อาซานางิ ผมว่าจะไปชงกาแฟสักหน่อย เธอเอากาแฟ–”

 

ผมเรียกอาซานางิที่นอนอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงของผม ก่อนที่จะสังเกตเห็นใบหน้าของเธอ

 

“Zzz…Zzz…”

 

“? หลับอยู่เหรอ…?”

 

เมื่อผมมองใบหน้าของเธอ บางทีเธออาจจะหลับไปตอนกลางทางในระหว่างที่อ่านการ์ตูนอยู่…อาซานางิหลับทั้งๆที่ปากยังอ้าอยู่ครึ่งนึง  

 

นอกจากนี้เธอยังกรนด้วย…หลับสบายก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่เธอไม่ได้ผ่อนคลายเกินไปหน่อยเหรอ

 

แล้วก็นะ…อาซานางิ นี่เธอลืมไปหรือเปล่าว่ายังอยู่ที่บ้านของผม

 

“Zzz…Zzz…”

 

“กรนขนาดนี้…ไม่เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด…”

 

อย่างไรก็ตาม…น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกว่าเธอที่เป็นแบบนี้นั้นน่ารักดี…หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอสวยเกินไปกันนะ

 

ผมคิดว่ามันคงจะดีถ้าผมได้เกิดมามีใบหน้าที่ดูดีเหมือนอาซานางิ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็คง…แต่ผมก็ตัดสินใจลืมมันไปทันที เพราะถึงคิดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาอยู่ดี

 

“หาว~…เราเองก็เริ่มง่วงแล้วสิ…”

 

ปกติแล้วอาซานางิจะกลับบ้านในอีกหนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้ ดังนั้นปล่อยให้เธอนอนต่ออีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร

 

ผมตั้งนาฬิกาปลุก แล้วปล่อยให้อาซานางินอนหลับอย่างสบายบนเตียงของผม ส่วนผมก็ตัดสินใจที่จะงีบหลับโดยใช้เบาะรองนั่งมาเป็นหมอนแทน

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆  

 

ตื่น มากิ ตื่นได้แล้ว

 

“อืม…?”

 

ตอนที่ผมกำลังนอนหลับฝันดี เสียงของใครบางคนก็ดังก้องเข้าในหัวที่กำลังสะลึมสะลือของผม

 

นาฬิกาปลุกยังไม่ดัง…ไม่น่าจะหลับไปนานเท่าไหร่ หรืออาซานางิจะตื่นแล้ว? ถ้าแบบนั้น…คงต้องออกไปส่งเธอที่ประตูบ้านก่อนสินะ–

 

“มากิ มากิ ตื่นได้แล้ว”

 

“ขอโทษนะอาซานางิ ผมเองก็เผลอหลับไปเหมือนกัน”

 

“หืม…เด็กผู้หญิงคนนี้ชื่ออาซานางิซังงั้นสินะ?”

 

“…เอ๊ะ?”

 

ในขณะนั้นเอง…ลางสังหรณ์อันไม่พึงประสงค์ก็แล่นไปทั่วร่างกายของผม

 

เมื่อผมลืมตาขึ้น…ผมก็เห็นอาซานางิที่ยังคงนอนหลับอย่างสงบอยู่บนเตียงของผม

 

ใช่ อาซานางิยังคงอยู่ในความฝันของเธอ

 

ถ้าอย่างนั้น…คนที่กำลังเรียกผมอยู่คงเป็น…

 

ผมลืมตาขึ้นแล้วค่อยๆหันหน้าไปอีกด้านอย่างช้าๆอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

“พอดีวันนี้แม่เลิกงานไวก็เลยได้กลับบ้านเร็วหน่อยในรอบหลายอาทิตย์…แต่ว่านะ…แม่ไม่เคยคิดเลยว่าลูกจะพาผู้หญิงเข้ามาในห้องแบบนี้”

 

“ม-แม่…”

 

คนที่กำลังยืนมองลงมาที่ผมอยู่ก็คือ「มาเอฮาระ มาซากิ」แม่ที่ยังไม่ควรจะกลับมาจากที่ทำงานในเวลานี้…

 

 

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆  

 

ปล. ขอโทษด้วยครับ ตอนแรกนึกว่าตัวเองจะไหว สุดท้ายนอนตาย(ฮา) 

 

ปล2. ตอนแรกว่าจะลง 2 ตอนพร้อมกัน สุดท้ายบทที่ 28 ก็ยังแปลไม่ไหว เลยตัดสินใจลงตอน 27 แก้ขัดไปก่อนนะครับ

 

ปล3. น่าจะค้างแหละ แต่ถ้าอ่านถึงตรงนี้ก็ขอให้โชคดีครับ(ฮา) เดี่ยวผมจะรีบปั่นตอน 28 ให้นะครับ ตอนนี้อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว

 

ปล4. ยังไม่ได้เช็คคำผิด กับสำนวน เดี่ยวกลับมาเช็คให้อีกทีตอนลงตอนที่ 28 นะครับ

 

ติดตามข่าวสารผู้แปลได้ที่ Durimtok Channel เผื่อมีข่าวจะแจ้งในเพจก่อนนะครับ

 

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+