I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 45 – ช่วยรออีกนิดนึงนะ

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 45 – ช่วยรออีกนิดนึงนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 45 – ช่วยรออีกนิดนึงนะ

 

มาคิดดูอีกทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ใกล้ชิดกับอาซานางิขนาดนี้

 

ถึงพวกเราอาจจะเคยสกินชิพเช่นการลูบหัวหรือการจับมือกันบ่อยๆ แต่คราวนี้ผมคิดว่ามันอาจจะเกินไปหน่อยสำหรับคนที่เป็นเพื่อนต่างเพศกัน

 

ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของร่างกายของอาซานางิได้ที่แผนหลังของผม…หรือแม้กระทั่งสัมผัสของส่วนที่เป็นหญิงสาวของเธอเองก็ตาม

 

แม้จะรู้สึกสับสนอยู่ แต่ใจของผมก็ค่อยๆเต้นเร็วขึ้น

 

“ตาบ้า ตาบ้า ทำไมนายต้องมาทำเป็นใจดีด้วยล่ะ…ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าข้อดีของนายก็คือความใจดี แต่ถ้ามันมากเกินไป…สุดท้ายนายจะโดนเอาเปรียบได้นะ…เหมือนกับที่ฉันกำลังทำอยู่…”

 

“อะ-อาซานางิ…?”

 

“ไม่ได้นะ…ห้ามหันมานะ ถ้านายหันมาฉันจะดีดหน้าผากนายจริงๆด้วย”

 

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย…แต่…เอาแบบนั้นก็ได้”

 

ผมไม่รู้สึกว่าอาซานางิกำลังร้องไห้อยู่ แต่ผมได้ยินเสียงสูดจมูกของเธอเบาๆ บางทีเธออาจจะแค่น้ำตาซึม

 

แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาเห็นตอนตัวเองร้องไห้…ก็เพราะรู้สึกว่ามันน่าอายล่ะนะ

 

“นี่ มาเอะฮาระ”

 

“หืม..”

 

“ฉันขอโทษนะที่วันนี้ทำตัวแปลกๆไปน่ะ แล้วก็เรื่องหนังสือเรียนนั่นด้วย…ขอบคุณนะที่เอามันมาคืน”

 

“สำหรับเรื่องนั้นเธอควรขอบคุณจริงๆนั่นแหละ…รู้รึเปล่าว่าตอนที่กำลังเรียนอยู่ผมอยากเอาหนังสือเรียนของเธอไปฝั่งดินที่สนามหญ้าของโรงเรียนกี่ครั้งกัน?”

 

ความจริงผมอยากจะเอาหนังสือเรียนของเธอไปฝั่งดินไว้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าผมทำอย่างนั้นก็จะทำให้อาซานางิต้องเดือดร้อน ผมเลยหยุดตัวเองไว้ก่อน…การซ่อนของๆคนอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำจริงๆนั่นแหละนะ

 

“มาเอะฮาระโกรธหรอ?”

 

“ก็อยากจะบอกว่าไม่โกรธอยู่หรอกนะ แต่…ไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกัน”

 

“ฮะๆ นั่นสินะ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ๆ นายคงจะสับสนว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่าสินะ”

 

อึ๊ก…ผมรู้สึกว่าอ้อมกอดของอาซานางินั้นแน่นขึ้นไปอีก

 

ตึกตักๆๆๆ ผมสามารถสัมผัสถึงเสียงหัวใจของอาซานางิผ่านทางแผ่นหลังของผมได้อย่างชัดเจน

 

“…ขอถามได้ไหมว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น?”

 

“ได้สิ แต่เอาไว้บอกตอนที่สารภาพพร้อมกันทีเดียวละกันนะ”

 

“ไม่ยอมบอกงั้นเหรอ? ปกติเวลาแบบนี้มันต้องไหลไปตามน้ำไม่ใช่รึไง? แบบนี้ก็ไม่เหมือนในหนังหรือมังงะสิ”

 

“เรื่องนั้นก็เห็นด้วยกับนายนะ แต่ว่าฉันน่ะ…ไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ชอบทำอะไรตรงไปตรงมาแบบนั้นซะด้วยสิ”

 

“นี่ยอมรับออกมาเองเลยงั้นเรอะ…”

 

“เฮะๆ ขอโทษที่ฉันเป็นผู้หญิงที่บิดเบี้ยวนะ”

 

“พอได้แล้วน่า…”

 

ถึงจะไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร แต่ในความคิดของพวกโดดเดี่ยวแบบผม…ถ้าเทียบกันกับผมแล้ว…อาซานางินั้นน่ารักเกินไป ผมอยากจะบอกเรื่องนี้กับเธอจริงๆ…ไม่สิ ผมคงบอกเธอไม่ได้หรอก

 

“นี่ มาเอะฮาระ”

 

“คราวนี้อะไรอีกล่ะ?”

 

“ถ้าฉันบอกว่าฉันจะยอมเล่าเรื่องทุกอย่าง นายจะยอมฟังเรื่องของฉันไหม?”

 

“แน่นอนสิ เดินทีก็ตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว…ก็เลยพยายามทำให้ได้อยู่กันแค่สองคนนี่ไง”

 

“แต่เรื่องมันค่อนข้างยาวนะ นายจะไม่บ่นใช่ไหม?”

 

“ยาวขนาดไหนกันล่ะนั่น?”

 

“ถ้าจะให้พูดตรงๆก็น่าจะตั้งแต่สมัยอยู่ม.ต้นน่ะ…ไม่สิ อาจจะก่อนหน้านั้นไปอีก”

 

“…ถ้าแบบนั้นก็คงเล่าตอนนี้ไม่ได้สินะ”

 

อาซานางิที่เดิมทีนั้นเรียนอยู่ในโรงเรียนสตรีและยังเป็นโรงเรียนสำหรับพวกลูกคุณหนูด้วย…ตอนแรกผมคิดว่าบางทีอาจจะมี「เรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น」ทำให้เธอต้องย้ายมาเรียนที่โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนสหศึกษา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเรื่องทุกอย่างเริ่มขึ้นจากที่นั่น…

 

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าอาซานางิอยากจะเล่าให้ผมฟัง…ผมก็จะฟังเรื่องของเธออย่างตั้งใจ

 

บางทีสิ่งที่อาซานางิจะเล่าให้ฟัง…อาจจะเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสสำหรับตัวของอาซานางิ และอามามิซังก็น่าจะมีส่วนในเรื่องนี้ไม่น้อย

 

ความรู้สึกที่แท้จริงของอาซานางิที่เธอปิดบังซ่อนเร้นจากเพื่อนสนิทของเธอ…อามามิซังมาโดยตลอด

 

…หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆก็ได้ เพราะว่าอาซานางิเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของการจับฉลากตัวแทนห้องที่ผ่านมา…แต่ไม่ว่ายังไง…ผมก็ยังอยากที่จะฟังและอยากที่จะช่วยเป็นกำลังให้เธอได้แม้สักนิดก็ยังดี

 

ผมกับอาซานางิเป็นเพื่อนกัน…ถึงจะไม่อยู่ในฐานะที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นเพื่อนสนิทเหมือนอย่างอามามิซังได้  แต่ผมก็ยังคิดว่าตัวเองไว้ใจได้มากพอที่อาซานางิจะสามารถเปิดเผยความกังวลของตัวเธอให้กับผมฟังได้

 

และเพื่อที่จะตอบแทนความเชื่อใจที่อาซานางิมีให้…ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อเธอเช่นกัน

 

…บางทีการที่ผมทำแบบนี้…ผมอาจจะเป็นคนบ้าเหมือนที่เธอเรียกจริงๆก็ได้

 

“อืม…มาเอะฮาระช่วยรอจนกว่าจะถึงช่วงงานวัฒนธรรมได้ไหม?”

 

“เรื่องเวลาผมให้อาซานางิเป็นคนตัดสินใจเองเลย…แต่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเลยหรอ?”

 

“ไม่หรอก ถ้าจะให้เล่าเลยก็ได้อยู่…แต่ฉันคิดว่าถ้าได้มีเวลาเรียบเรียงความคิด มาเอะฮาระน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่าน่ะ”

 

“อย่างงั้นเหรอ?”

 

“อืม น่าจะล่ะนะ…”

 

ถึงท่าทางของเธอจะยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่ถ้าอาซานางิตัดสินใจแบบนั้น ผมก็จะไม่ไปพูดขัดอะไรเธอ

 

“เข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะอดทนรอจนกว่าจะถึงงานวัฒนธรรมโรงเรียนนะ”

 

“ขอบคุณนะ ฉันจะเล่าทุกเรื่องเลย…ช่วยรออีกนิดนึงนะ”

 

“อือ งั้น…ทำงานกันต่อดีกว่าไหม?”

 

“นั่นสินะ”

 

พวกเรากลับมาทำงานกันอีกครั้ง แต่เพราะเหตุการณ์ที่ผมถูกอาซานางิกอด…เราจึงใช้เวลามากกว่าที่คาดการไว้ แต่มันก็คงไม่เป็นอะไรเพราะพวกเราสามารถใช้เหตุผลว่าต้องทำความสะอาดกระป๋องเปล่ามากกว่าที่คิดไว้บอกกับทุกคนได้

 

“…นี่”

 

“หืม? เป็นอะไรไป? ถ้าเราไม่รีบทำให้เสร็จเดี๋ยวก็มืดก่อนหรอก”

 

“เรื่องนั้นผมรู้น่า ไม่สิ…”

 

ผมพูดกับอาซานางิที่ในตอนนี้กำลังนั่งนับกระป๋องเปล่าอยู่

 

“ทำไมเธอถึงมานั่งนับกระป๋องที่ข้างๆผมล่ะ? เราแบ่งหน้าที่กันนับไม่ใช่รึไง”

 

“ไม่ว่าจะแบ่งกันนับ หรือช่วยกันนับ สุดท้ายผลมันก็เหมือนกันนี่…แล้วอีกอย่าง…ฉันอยากจะนั่งอยู่ที่นี่…ในตอนนี้นี่นา”

 

ถึงอาซานางิจะปล่อยแขนที่กอดผมไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้กลับไปนั่งทำงานที่เดิม แต่เลือกที่จะนั่งอยู่ข้างๆผมในลักษณะไหล่แนบชิดกันกับผมแทน

 

ถึงผมจะไม่ได้ยินว่าอาซานางิพูดอะไร แต่ผมรู้สึกว่าการทำงานแบบนี้มันไม่มีประสิทธิภาพ

 

แต่ถึงผมจะพูดอะไรอาซานางิก็คงไม่ยอมฟังอยู่ดี…นี่เธอเป็นเด็กนิสัยเสียหรือเด็กเอาแต่ใจรึยังไง? ให้ตายสิ….สุดท้ายก็ต้องยอมตามใจเธอสินะ

 

“…เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็มาช่วยกันนับแล้วกัน”

 

“ฟุฟุ สุดท้ายก็ยอมงั้นสินะ? ยอมตามใจสินะ”

 

“เรียกว่ายอมประนีประนอมดีกว่านะ”

 

“เฮะๆ อย่าไปใส่ใจเรื่องยิบย่อยน่า”

 

“เงียบไปเลย ยัยบ้า”

 

“ห๊ะ? นายว่าใครยัยบ้านะ ไอบ้านี่”

 

“อ๊า~ หนวกหูน่า ยัยบ้า ยัยบ้า ยัยบ้า”

 

สุดท้ายมันก็กลายเป็นการทะเลาะกันของเด็ก 3 ขวบ แต่นี่เป็นเรื่องปกติของผมกับอาซานางิ

 

ยังมีเรื่องของอามามิซังอีกนิดหน่อย แต่ตอนนี้ผมกับอาซานางิก็คืนดีกันแล้ว(?) เอาเป็นว่าผลออกมาแบบนี้ สำหรับผมก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะกันนะ

 

ผมมันใจว่าถ้าเป็นอาซานางิในตอนนี้แล้วล่ะก็…เธอจะสามารถจัดการเรื่องของอามามิซังได้อย่างแน่นอน

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. งานด่วนครับ ไปดูหมอแปลกมาครับ พึ่งกลับมาครับ(ฮา)

ปล2. ตอนนี้สั๊นสั้น แต่บทพูดชวนปวดหัวหลายๆ ไออ่านก็เข้าใจได้ในบริบทของญี่ปุ่น แต่แปลไทยตรงตัวแล้วแปล๊กแปลก

ปล3. ยังไม่ได้เช็คคำผิดกับสำนวนนะครับ เจอตรงไหนแจ้งไว้ได้ครับ

 

ฝากติดตามด้วยนะครับ

Durimtok Channel | Facebook

ขอบคุณครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 45 – ช่วยรออีกนิดนึงนะ

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 45 – ช่วยรออีกนิดนึงนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 45 – ช่วยรออีกนิดนึงนะ

 

มาคิดดูอีกทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ใกล้ชิดกับอาซานางิขนาดนี้

 

ถึงพวกเราอาจจะเคยสกินชิพเช่นการลูบหัวหรือการจับมือกันบ่อยๆ แต่คราวนี้ผมคิดว่ามันอาจจะเกินไปหน่อยสำหรับคนที่เป็นเพื่อนต่างเพศกัน

 

ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของร่างกายของอาซานางิได้ที่แผนหลังของผม…หรือแม้กระทั่งสัมผัสของส่วนที่เป็นหญิงสาวของเธอเองก็ตาม

 

แม้จะรู้สึกสับสนอยู่ แต่ใจของผมก็ค่อยๆเต้นเร็วขึ้น

 

“ตาบ้า ตาบ้า ทำไมนายต้องมาทำเป็นใจดีด้วยล่ะ…ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าข้อดีของนายก็คือความใจดี แต่ถ้ามันมากเกินไป…สุดท้ายนายจะโดนเอาเปรียบได้นะ…เหมือนกับที่ฉันกำลังทำอยู่…”

 

“อะ-อาซานางิ…?”

 

“ไม่ได้นะ…ห้ามหันมานะ ถ้านายหันมาฉันจะดีดหน้าผากนายจริงๆด้วย”

 

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย…แต่…เอาแบบนั้นก็ได้”

 

ผมไม่รู้สึกว่าอาซานางิกำลังร้องไห้อยู่ แต่ผมได้ยินเสียงสูดจมูกของเธอเบาๆ บางทีเธออาจจะแค่น้ำตาซึม

 

แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่ชอบให้คนอื่นมาเห็นตอนตัวเองร้องไห้…ก็เพราะรู้สึกว่ามันน่าอายล่ะนะ

 

“นี่ มาเอะฮาระ”

 

“หืม..”

 

“ฉันขอโทษนะที่วันนี้ทำตัวแปลกๆไปน่ะ แล้วก็เรื่องหนังสือเรียนนั่นด้วย…ขอบคุณนะที่เอามันมาคืน”

 

“สำหรับเรื่องนั้นเธอควรขอบคุณจริงๆนั่นแหละ…รู้รึเปล่าว่าตอนที่กำลังเรียนอยู่ผมอยากเอาหนังสือเรียนของเธอไปฝั่งดินที่สนามหญ้าของโรงเรียนกี่ครั้งกัน?”

 

ความจริงผมอยากจะเอาหนังสือเรียนของเธอไปฝั่งดินไว้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าผมทำอย่างนั้นก็จะทำให้อาซานางิต้องเดือดร้อน ผมเลยหยุดตัวเองไว้ก่อน…การซ่อนของๆคนอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำจริงๆนั่นแหละนะ

 

“มาเอะฮาระโกรธหรอ?”

 

“ก็อยากจะบอกว่าไม่โกรธอยู่หรอกนะ แต่…ไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกัน”

 

“ฮะๆ นั่นสินะ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ๆ นายคงจะสับสนว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่าสินะ”

 

อึ๊ก…ผมรู้สึกว่าอ้อมกอดของอาซานางินั้นแน่นขึ้นไปอีก

 

ตึกตักๆๆๆ ผมสามารถสัมผัสถึงเสียงหัวใจของอาซานางิผ่านทางแผ่นหลังของผมได้อย่างชัดเจน

 

“…ขอถามได้ไหมว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้น?”

 

“ได้สิ แต่เอาไว้บอกตอนที่สารภาพพร้อมกันทีเดียวละกันนะ”

 

“ไม่ยอมบอกงั้นเหรอ? ปกติเวลาแบบนี้มันต้องไหลไปตามน้ำไม่ใช่รึไง? แบบนี้ก็ไม่เหมือนในหนังหรือมังงะสิ”

 

“เรื่องนั้นก็เห็นด้วยกับนายนะ แต่ว่าฉันน่ะ…ไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ชอบทำอะไรตรงไปตรงมาแบบนั้นซะด้วยสิ”

 

“นี่ยอมรับออกมาเองเลยงั้นเรอะ…”

 

“เฮะๆ ขอโทษที่ฉันเป็นผู้หญิงที่บิดเบี้ยวนะ”

 

“พอได้แล้วน่า…”

 

ถึงจะไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร แต่ในความคิดของพวกโดดเดี่ยวแบบผม…ถ้าเทียบกันกับผมแล้ว…อาซานางินั้นน่ารักเกินไป ผมอยากจะบอกเรื่องนี้กับเธอจริงๆ…ไม่สิ ผมคงบอกเธอไม่ได้หรอก

 

“นี่ มาเอะฮาระ”

 

“คราวนี้อะไรอีกล่ะ?”

 

“ถ้าฉันบอกว่าฉันจะยอมเล่าเรื่องทุกอย่าง นายจะยอมฟังเรื่องของฉันไหม?”

 

“แน่นอนสิ เดินทีก็ตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว…ก็เลยพยายามทำให้ได้อยู่กันแค่สองคนนี่ไง”

 

“แต่เรื่องมันค่อนข้างยาวนะ นายจะไม่บ่นใช่ไหม?”

 

“ยาวขนาดไหนกันล่ะนั่น?”

 

“ถ้าจะให้พูดตรงๆก็น่าจะตั้งแต่สมัยอยู่ม.ต้นน่ะ…ไม่สิ อาจจะก่อนหน้านั้นไปอีก”

 

“…ถ้าแบบนั้นก็คงเล่าตอนนี้ไม่ได้สินะ”

 

อาซานางิที่เดิมทีนั้นเรียนอยู่ในโรงเรียนสตรีและยังเป็นโรงเรียนสำหรับพวกลูกคุณหนูด้วย…ตอนแรกผมคิดว่าบางทีอาจจะมี「เรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น」ทำให้เธอต้องย้ายมาเรียนที่โรงเรียนที่เป็นโรงเรียนสหศึกษา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเรื่องทุกอย่างเริ่มขึ้นจากที่นั่น…

 

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าอาซานางิอยากจะเล่าให้ผมฟัง…ผมก็จะฟังเรื่องของเธออย่างตั้งใจ

 

บางทีสิ่งที่อาซานางิจะเล่าให้ฟัง…อาจจะเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสสำหรับตัวของอาซานางิ และอามามิซังก็น่าจะมีส่วนในเรื่องนี้ไม่น้อย

 

ความรู้สึกที่แท้จริงของอาซานางิที่เธอปิดบังซ่อนเร้นจากเพื่อนสนิทของเธอ…อามามิซังมาโดยตลอด

 

…หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆก็ได้ เพราะว่าอาซานางิเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของการจับฉลากตัวแทนห้องที่ผ่านมา…แต่ไม่ว่ายังไง…ผมก็ยังอยากที่จะฟังและอยากที่จะช่วยเป็นกำลังให้เธอได้แม้สักนิดก็ยังดี

 

ผมกับอาซานางิเป็นเพื่อนกัน…ถึงจะไม่อยู่ในฐานะที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นเพื่อนสนิทเหมือนอย่างอามามิซังได้  แต่ผมก็ยังคิดว่าตัวเองไว้ใจได้มากพอที่อาซานางิจะสามารถเปิดเผยความกังวลของตัวเธอให้กับผมฟังได้

 

และเพื่อที่จะตอบแทนความเชื่อใจที่อาซานางิมีให้…ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อเธอเช่นกัน

 

…บางทีการที่ผมทำแบบนี้…ผมอาจจะเป็นคนบ้าเหมือนที่เธอเรียกจริงๆก็ได้

 

“อืม…มาเอะฮาระช่วยรอจนกว่าจะถึงช่วงงานวัฒนธรรมได้ไหม?”

 

“เรื่องเวลาผมให้อาซานางิเป็นคนตัดสินใจเองเลย…แต่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเลยหรอ?”

 

“ไม่หรอก ถ้าจะให้เล่าเลยก็ได้อยู่…แต่ฉันคิดว่าถ้าได้มีเวลาเรียบเรียงความคิด มาเอะฮาระน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่าน่ะ”

 

“อย่างงั้นเหรอ?”

 

“อืม น่าจะล่ะนะ…”

 

ถึงท่าทางของเธอจะยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่ถ้าอาซานางิตัดสินใจแบบนั้น ผมก็จะไม่ไปพูดขัดอะไรเธอ

 

“เข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะอดทนรอจนกว่าจะถึงงานวัฒนธรรมโรงเรียนนะ”

 

“ขอบคุณนะ ฉันจะเล่าทุกเรื่องเลย…ช่วยรออีกนิดนึงนะ”

 

“อือ งั้น…ทำงานกันต่อดีกว่าไหม?”

 

“นั่นสินะ”

 

พวกเรากลับมาทำงานกันอีกครั้ง แต่เพราะเหตุการณ์ที่ผมถูกอาซานางิกอด…เราจึงใช้เวลามากกว่าที่คาดการไว้ แต่มันก็คงไม่เป็นอะไรเพราะพวกเราสามารถใช้เหตุผลว่าต้องทำความสะอาดกระป๋องเปล่ามากกว่าที่คิดไว้บอกกับทุกคนได้

 

“…นี่”

 

“หืม? เป็นอะไรไป? ถ้าเราไม่รีบทำให้เสร็จเดี๋ยวก็มืดก่อนหรอก”

 

“เรื่องนั้นผมรู้น่า ไม่สิ…”

 

ผมพูดกับอาซานางิที่ในตอนนี้กำลังนั่งนับกระป๋องเปล่าอยู่

 

“ทำไมเธอถึงมานั่งนับกระป๋องที่ข้างๆผมล่ะ? เราแบ่งหน้าที่กันนับไม่ใช่รึไง”

 

“ไม่ว่าจะแบ่งกันนับ หรือช่วยกันนับ สุดท้ายผลมันก็เหมือนกันนี่…แล้วอีกอย่าง…ฉันอยากจะนั่งอยู่ที่นี่…ในตอนนี้นี่นา”

 

ถึงอาซานางิจะปล่อยแขนที่กอดผมไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้กลับไปนั่งทำงานที่เดิม แต่เลือกที่จะนั่งอยู่ข้างๆผมในลักษณะไหล่แนบชิดกันกับผมแทน

 

ถึงผมจะไม่ได้ยินว่าอาซานางิพูดอะไร แต่ผมรู้สึกว่าการทำงานแบบนี้มันไม่มีประสิทธิภาพ

 

แต่ถึงผมจะพูดอะไรอาซานางิก็คงไม่ยอมฟังอยู่ดี…นี่เธอเป็นเด็กนิสัยเสียหรือเด็กเอาแต่ใจรึยังไง? ให้ตายสิ….สุดท้ายก็ต้องยอมตามใจเธอสินะ

 

“…เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็มาช่วยกันนับแล้วกัน”

 

“ฟุฟุ สุดท้ายก็ยอมงั้นสินะ? ยอมตามใจสินะ”

 

“เรียกว่ายอมประนีประนอมดีกว่านะ”

 

“เฮะๆ อย่าไปใส่ใจเรื่องยิบย่อยน่า”

 

“เงียบไปเลย ยัยบ้า”

 

“ห๊ะ? นายว่าใครยัยบ้านะ ไอบ้านี่”

 

“อ๊า~ หนวกหูน่า ยัยบ้า ยัยบ้า ยัยบ้า”

 

สุดท้ายมันก็กลายเป็นการทะเลาะกันของเด็ก 3 ขวบ แต่นี่เป็นเรื่องปกติของผมกับอาซานางิ

 

ยังมีเรื่องของอามามิซังอีกนิดหน่อย แต่ตอนนี้ผมกับอาซานางิก็คืนดีกันแล้ว(?) เอาเป็นว่าผลออกมาแบบนี้ สำหรับผมก็ถือว่าโอเคแล้วล่ะกันนะ

 

ผมมันใจว่าถ้าเป็นอาซานางิในตอนนี้แล้วล่ะก็…เธอจะสามารถจัดการเรื่องของอามามิซังได้อย่างแน่นอน

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. งานด่วนครับ ไปดูหมอแปลกมาครับ พึ่งกลับมาครับ(ฮา)

ปล2. ตอนนี้สั๊นสั้น แต่บทพูดชวนปวดหัวหลายๆ ไออ่านก็เข้าใจได้ในบริบทของญี่ปุ่น แต่แปลไทยตรงตัวแล้วแปล๊กแปลก

ปล3. ยังไม่ได้เช็คคำผิดกับสำนวนนะครับ เจอตรงไหนแจ้งไว้ได้ครับ

 

ฝากติดตามด้วยนะครับ

Durimtok Channel | Facebook

ขอบคุณครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+