I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย

 

ครอบครัวของอาซานางิต้องการพบผม…ผมไม่รู้ว่าเช้านี้จะต้องโดนดุด่ามากขนาดไหน แต่มันก็เป็นความจริงที่ผมสร้างปัญหา ดังนั้นผมคงไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้

 

ทันทีที่ทำความสะอาดเรียบร้อย ผมก็แต่งตัวและออกจากบ้านมาพร้อมกับอาซานางิ

 

ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเยี่ยมที่บ้านของอาซานางิในลักษณะนี้ ดังนั้นผมจึงไม่ทราบว่าควรใส่เสื้อผ้าแบบไหนดี โดยปกติลำดับความสำคัญในการเลือกซื้อเสื้อผ้าของผมจะเป็น ①ฟังก์ชันการทำงาน ②ราคา ③รูปลักษณ์ภายนอก…พอเป็นแบบนี้ ไม่ว่าผมจะหยิบชุดไหนมาใส่มันก็ดูเลวร้ายไปซะหมด

 

“ฉันอยากจะบอกเรื่องนี้กับนายมาตลอดเลยล่ะ…เซนส์เรื่องเสื้อผ้าของนายมันแย่มาก ถึงมาเอะฮาระจะไม่ชอบออกไปนอกบ้าน แต่ดูนายจะไม่ใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าของตัวเองมากเกินไปหน่อยไหม?…นี่ขนาดฉันพยายามทำให้มันอยู่ในระดับที่เรียกว่า「พอดูได้」แล้วนะ”

 

“ไม่ใช่สักหน่อย ผมแค่เป็นคนประเภทที่สนใจผลลัพธ์ต่างหาก…ที่จะบอกก็คือ อย่างน้อยเธอก็ชอบเสื้อสเวตเตอร์ของผมใช่ไหมล่ะ?”

 

“นั่นก็จริง แต่มันไม่แปลกไปหน่อยรึไงที่เสื้อผ้าของนายมีแต่สีดำกับสีเทาน่ะ หรือว่าจริงๆแล้วความปรารถนาของมาเอะฮาระคือการได้เป็นหนึ่งเดียวกับความมืดอะไรพวกนั้น?”

 

“ผมจบหลักสูตรการเป็นจูนิเบียวไปตั้งแต่ปีที่แล้วๆนะ…อีกอย่างมันก็มีสีขาวด้วย”

 

“ฉันก็นึกว่ามาเอะฮาระอยากเป็นชายชุดดำอะไรพวกนั้นซะอีก…เอาเถอะ ครั้งหน้าถ้านายจะไปซื้อเสื้อผ้า อย่าลืมส่งรูปมาให้ฉันเช็คก่อนด้วยล่ะ”

 

“เพื่อที่เธอจะได้บอกว่าไม่ให้ซื้องั้นเรอะ”

 

“ไม่ใช่แบบนั้น อีกอย่าง…นายควรจะไปซื้อเสื้อผ้าแบบที่คนเค้านิยมใส่กันนะ…เช่นชุดตรงนั้น”

 

“ชุดนั่นมัน Cospa…มันดูเด่นไปหน่อยนะ”

 

เอาเถอะ ถ้าผมเลือกซื้อชุดที่ผมชอบ ชายชุดดำคงจะถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งแน่ๆ ดังนั้นผมจึงควรจะปล่อยให้อาซานางิเป็นคนจัดการทั้งหมดน่าจะดีกว่า อย่างน้อยเซนส์ในการเลือกเสื้อผ้าของเธอก็ดีกว่าผมแน่นอน

 

แต่ว่านะ ทำไมมนุษย์ต้องทำเรื่องยุ่งยากและไร้ประสิทธิภาพแบบนี้เพื่อที่จะออกไปข้างนอกด้วย

 

“อ๊ะ อีกเรื่องนึง…เมื่อกี้ฉันเห็นนายเขียนโน็ตให้มาซากิซัง นายเขียนไปว่ายังไงบ้างล่ะ?”

 

“อา…ผมเขียนไปว่า「ผมถูกคุณแม่ของอาซานางิเรียกพบ ผมเลยจะไปบ้านของอาซานางิพร้อมกันกับเธอ ไม่ต้องตามหานะ」น่ะ”

 

“นั่นมันจดหมายโดนลักพาตัวรึไง? ถึงแม่จะบอกให้พามาเอะฮาระไปหา แต่แม่ก็ไม่ได้โกรธนายสักหน่อย”

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพ่อของอาซานางิจะเป็นเจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเอง(JSDF) แต่ช่วงนี้พ่อของเธอค่อนข้างจะยุ่งจึงแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย  

 

…ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดมากเกินไปหรือเปล่า? แต่ผมคิดว่าพ่อของเธอคงอยากฆ่าผมแน่ๆ  

 

เนื่องจากผมยังเป็นเด็ก จึงยังไม่รู้ว่าการเป็นพ่อแม่นั้นรู้สึกยังไง แต่ถ้าลูกสาวของผมกลับมาบ้านในตอนเช้าพร้อมกับผู้ชายที่อ้างว่าเป็น「เพื่อน」ใช่…บางทีผมอาจจะฆ่าหมอนั่นทันทีทีเจอหน้าก็เป็นได้

 

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเคียงข้างกันผ่านบริเวณที่อยู่อาศัยในยามเช้าพร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย

 

ผมในชุดธรรมดากับอาซานางิในชุดนักเรียน ผมรู้สึกแปลกๆที่ได้ออกมาเดินเล่นข้างนอกกับอาซานางิในวันหยุดแบบนี้ มันไม่เหมือนการเดินด้วยกันตอนอยู่ในโรงเรียน หรือการไปเที่ยวหลังเลิกเรียนด้วยกันอะไรแบบนั้น

 

ผมหันไปมองอาซานางิที่กำลังเดินอยู่ข้างๆผมอีกครั้ง

 

ถึงเธอจะบอกว่าพึ่งตื่นเลยแต่งตัวได้แค่นิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นผิวของอาซานางิก็ยังสวย แก้มของเธอดูเรียบเนียนและแสงแดดยามเช้าช่วยเสริมความงามของเธอ

 

ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงที่สวยมาตั้งแต่แรก แต่เธอคืออาซานางิ ผมมั่นใจว่าเธอต้องคอยดูแลตัวเองอย่างดีอยู่เสมอ

 

แม้ว่าอาซานางิจะชอบทำตัวเลอะเทอะตอนอยู่กับผม แต่ในเวลาอื่นๆเธอก็สามารถวางตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

หญิงสาวที่จริงจังและทุ่มเทในทุกๆเรื่อง…นั่นก็คือ「อาซานางิ อุมิ」ที่ทุกคนรู้จัก

 

“? มาเอะฮาระ เป็นอะไรไป? ยังประหม่าอยู่เหรอ?”

 

“ไม่ล่ะ ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

 

“งั้นทำไมนายมองมาที่ฉันแบบนั้นล่ะ? หรือเกิดรู้สึกชอบฉันขึ้นมา?”

 

“ไม่ได้ชอบ…ไม่สิ ฉันชอบเธอในฐานะเพื่อน…”

 

“อ่า…อะ-โอเค ขอบคุณนะ”

 

“? เป็นอะไรหรือเปล่า?”

 

“ปะ-เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร…ถ้างั้น นายมองฉันทำไม?”

 

ถึงผมจะไม่ค่อยอยากบอก แต่ถ้าไม่บอก อาซานางิคงหงุดหงิดแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจบอกไปตามตรง

 

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอแค่ตอนที่ผมเดินกับอาซานางิ…ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสมดุลนิดหน่อยน่ะ”

 

ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงแดดหรือเปล่า แต่「อาซานางิ อุมิ」ในตอนนี้นั้นดูเปล่งประกายเป็นอย่างมาก

 

รูปลักษณ์ภายนอกของเธอนั้นดูดีอยู่แล้ว และแม้ว่าผมจะไม่เคยบอกกับเธอตรงๆ แต่อาซานางิก็สวยจากภายในด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะกลายมาเป็นศูนย์กลางของห้องเรียนร่วมกันกับอามามิซัง

 

ในทางตรงกันข้าม ตัวผม…

 

แม้ตอนนี้จะเป็นเช้าที่อากาศสดใส และท้องฟ้าก็ปราศจากเมฆ…ตัวผมในตอนนี้ก็ยังดูจืดชืดน่าเบื่อเหมือนเดิม แล้วนอกจากนั้นการแต่งตัวก็แสนจะมืดมน การเดินก็ดูเหมือนคนที่ก้มหน้ามองพื้นถนนตลอดเวลา

 

แน่นอน ผมเข้าใจดีว่าอาซานางิไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องพวกนี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมยกให้อาซานางิเป็น「เพื่อนคนสำคัญ」ที่น่าเคารพของผม

 

“…นายยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่คนอื่นๆในห้องพูดอยู่เหรอ?”

 

“อืม…ผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการได้รับความสนใจมากขนาดนี้มากก่อนน่ะ เลยไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่”

 

ถึงจะพูดว่าไม่กังวล แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้นอารมณ์ด้านลบทั้งหมดที่พุ่งเป้ามาที่ตัวผม

 

ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เมื่อเร็วๆนี้ ข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับตัวผมเริ่มแพร่กระจายไปยังห้องเรียนอื่นบ้างแล้ว

 

โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มจะสนิทกับอามามิซังมากขึ้น

 

ท้ายที่สุดผมก็พยายามบอกตัวเองว่า…พวกนั้นก็แค่พวกขี้อิจฉา เป็นพวกขี้แพ้ที่ไม่มีความกล้าที่จะลงมือทำด้วยตัวเอง…แต่ในบางครั้งผมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเวลาที่นึกถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอยู่ดี…ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ผมนอนไม่หลับเหมือนเมื่อคืน หรือแม้กระทั้งตอนนี้ก็ตาม

 

ผมรู้สึกสมเพชตัวเองที่เป็นคนไม่ได้เรื่องแบบนี้…

 

ผมระบายความรู้สึกทุกอย่างให้อาซานางิฟัง

 

“อา…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้นายพูดเรื่องแบบนี้ในตอนเช้าที่อากาศสดใสแบบนี้หรอกนะ ”

 

“อืม ผมหมายถึง…เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรพูดออกมาไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีฝนตกหรือหิมะถล่มก็ตาม”

 

ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน

 

มันคือการไม่ดูบรรยากาศยังไงล่ะ

 

“นี่ มาเอะฮาระ ช่วยหันหน้ามาทางนี้หน่อยได้รึเปล่า?”

 

“หืม? จะทำอะ…”

 

“นี่แหนะ!”

 

ทันทีที่ผมหันหน้าไป ผมก็รู้สึกเจ็บนิดหน่อยที่กลางหน้าผาก

 

มันคือ『ดีดหน้าผาก』ที่เป็นเวอร์ชั่นอ่อนโยนจากอาซานางิ

 

“อะไรเนี่ย จู่ๆก็…”

 

“หืม? ไม่มีอะไรสักหน่อย~ ฉันแค่คิดว่ามาเอะฮาระดูจะเท่เกินไปหน่อย ฉันก็เลยฉันต้องพามาเอะฮาระที่เป็นพวกหน้าด้านกลับมาไง”

 

“ผมเนี่ยนะเท่…ล้อกันเล่นรึไง”

 

อะไรที่เธอมองว่ามันเท่ในตอนที่ผมกำลังระบายความรู้สึกแย่ๆให้เธอฟังกัน?

 

อย่างไรก็ตาม อาซานางิยังคงทำหน้าจริงจัง

 

“มันก็อาจจะพูดเกินจริงไปหน่อยที่บอกว่าเท่ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่ล่ะนะ การที่นายสามารถเข้าใจความรู้สึกด้อยกว่าของตัวเอง การจัดการกับความรู้สึกไม่พอใจของตัวเอง แล้วก็การที่จะเปิดใจเพื่อที่จะระบายให้คนอื่นฟัง…มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ทุกคนที่จะสามารถทำได้หรอกนะ”

 

“มันจะเป็นแบบนั้นเหรอจริงๆเหรอ…”

 

“จริงสิ นายลองดูพวกผู้ชายคนอื่นสิ พวกนั้นก็เอาแต่คอยไปรวมกลุ่มกับพวกที่มีความคิดเหมือนๆกัน แล้วก็พูดเรื่องแย่ๆลับหลังคนอื่นไปเรื่อย โดยเฉพาะตอนที่ฉันอยู่กับยู ฉันไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ”

 

แม้แต่ในกลุ่มที่เป็นศูนย์กลางของห้องที่ดูรักกันดี แต่เบื้องหลังก็อาจจะมีการจัดแบ่งลำดับชั้นที่ชัดเจนอยู่ก็ได้…แล้วตำแหน่งเพื่อนสนิทของอามามิซังที่อาซานางิครอบครองอยู่ ก็อาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?

 

“มาเอะฮาระ บางทีนายอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นคนที่แย่มากหรืออะไรทำนองนั้น แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น สำหรับฉัน…นายไม่ใช่คนที่แย่เลยสักนิด อ๊ะ…แน่นอนว่าฉันกำลังพูดถึงภายในจิตใจของนายนะ ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก”

 

“ช่างมันเถอะน่า”

 

“ฟุฟุ เฮะๆ”

 

หลังจากพูดปลอบผมเสร็จ อาซานางิก็วางมือของเธอบนหัวของผมก่อนจะเริ่มลูบเบาๆ

 

“…ทำอะไรเนี่ย?”

 

“ไม่มีอะไรสักหน่อย~ แค่หัวของมาเอะฮาระอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการลูบพอดีน่ะ”

 

“หาข้อแก้ตัวที่มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไง หัวมันก็อยู่บนไหล่อยู่แล้วไหม…”

 

แต่ว่า…ผมก็ไม่ได้เกลียดการถูกอาซานางิลูบหัวแบบนี้…ผมก็เลยปล่อยให้เธอทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการ

 

“ถ้าคิดว่าอยู่กับฉันแล้วมันไม่สมดุล ถ้าแบบนั้นฉันก็จะพยายามให้ดีที่สุดที่จะอยู่ข้างๆนายในฐานะ「เพื่อน」นะ…แต่พูดก็พูดเถอะ สิ่งที่เรียกว่าความสมดุลที่นายพูดถึง จริงๆแล้วความต่างของเราเกือบๆเก้าสิบเปอร์เซ็นก็เป็นเรื่องของการแต่งตัวประหลาดๆของมาเอะฮาระนั่นแหละนะ”

 

“จริงดิ ถ้าแบบนั้นอาซานางิจะช่วงแปลงโฉมผมให้กลายเป็นผู้ชายที่ดูดีได้ใช่ไหม?”

 

“โอ้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน ไหนขอดูหน่อย…ทำตาสองชั้น ​​เหลาคาง เสริมจมูก หลังจากนั้นก็ดัดแปลงร่างกายอีกนิดหน่อย…ถ้ามีเงินสักสองล้านก็น่าจะพอนะ”

 

“เอ๋~ แบบนั้นมัน…?”

 

“ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋า นายเข้าใจไหม? พวกปลาซิวปลาสร้อยที่มันมากวนใจ? วิธีบดขยี้พวกนั้นที่ดีที่สุดก็คือการทุบพวกมันด้วยเงินจำนวนมากยังไงล่ะ”

 

“เฮ้ยๆ ทำไมฟังดูเหมือนพวกวายร้ายเข้าไปทุกที”

 

“นิฮี่ฮี่ ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกันนะ”

 

ท้ายที่สุด การสนทนาของเราก็กลับมาเป็นเรื่องงี่เง่าไร้สาระตามปกติ แต่ด้วยเหตุนี้เอง ผมก็รู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด…ความรู้สึกด้านลบของผมค่อยๆจางหายไปอย่างรวดเร็ว

 

ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง สุดท้ายถ้าผมยังคงมีอาซานางิเป็น「เพื่อนคนสำคัญ」…ผมคิดว่าผมก็คงไม่เป็นไร….

 

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ 

 

ปล. ตอนนี้แปลยากจัดเลยครับ สำนวน คำผิดเช็คไปบ้างแล้วบางส่วน แต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังแปลกๆแต่ไม่รู้จะแก้เป็นคำว่าอะไร(ฮา)

ปล2. อีกตอนไม่น่าทันครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ

 

ฝากติดตาม Durimtok Channel เหมือนเดิมนะครับ 

ขอบคุณที่ติดตามครับ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 31 – ไม่ได้แย่ขนาดนั้นสักหน่อย

 

ครอบครัวของอาซานางิต้องการพบผม…ผมไม่รู้ว่าเช้านี้จะต้องโดนดุด่ามากขนาดไหน แต่มันก็เป็นความจริงที่ผมสร้างปัญหา ดังนั้นผมคงไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้

 

ทันทีที่ทำความสะอาดเรียบร้อย ผมก็แต่งตัวและออกจากบ้านมาพร้อมกับอาซานางิ

 

ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเยี่ยมที่บ้านของอาซานางิในลักษณะนี้ ดังนั้นผมจึงไม่ทราบว่าควรใส่เสื้อผ้าแบบไหนดี โดยปกติลำดับความสำคัญในการเลือกซื้อเสื้อผ้าของผมจะเป็น ①ฟังก์ชันการทำงาน ②ราคา ③รูปลักษณ์ภายนอก…พอเป็นแบบนี้ ไม่ว่าผมจะหยิบชุดไหนมาใส่มันก็ดูเลวร้ายไปซะหมด

 

“ฉันอยากจะบอกเรื่องนี้กับนายมาตลอดเลยล่ะ…เซนส์เรื่องเสื้อผ้าของนายมันแย่มาก ถึงมาเอะฮาระจะไม่ชอบออกไปนอกบ้าน แต่ดูนายจะไม่ใส่ใจเรื่องเสื้อผ้าของตัวเองมากเกินไปหน่อยไหม?…นี่ขนาดฉันพยายามทำให้มันอยู่ในระดับที่เรียกว่า「พอดูได้」แล้วนะ”

 

“ไม่ใช่สักหน่อย ผมแค่เป็นคนประเภทที่สนใจผลลัพธ์ต่างหาก…ที่จะบอกก็คือ อย่างน้อยเธอก็ชอบเสื้อสเวตเตอร์ของผมใช่ไหมล่ะ?”

 

“นั่นก็จริง แต่มันไม่แปลกไปหน่อยรึไงที่เสื้อผ้าของนายมีแต่สีดำกับสีเทาน่ะ หรือว่าจริงๆแล้วความปรารถนาของมาเอะฮาระคือการได้เป็นหนึ่งเดียวกับความมืดอะไรพวกนั้น?”

 

“ผมจบหลักสูตรการเป็นจูนิเบียวไปตั้งแต่ปีที่แล้วๆนะ…อีกอย่างมันก็มีสีขาวด้วย”

 

“ฉันก็นึกว่ามาเอะฮาระอยากเป็นชายชุดดำอะไรพวกนั้นซะอีก…เอาเถอะ ครั้งหน้าถ้านายจะไปซื้อเสื้อผ้า อย่าลืมส่งรูปมาให้ฉันเช็คก่อนด้วยล่ะ”

 

“เพื่อที่เธอจะได้บอกว่าไม่ให้ซื้องั้นเรอะ”

 

“ไม่ใช่แบบนั้น อีกอย่าง…นายควรจะไปซื้อเสื้อผ้าแบบที่คนเค้านิยมใส่กันนะ…เช่นชุดตรงนั้น”

 

“ชุดนั่นมัน Cospa…มันดูเด่นไปหน่อยนะ”

 

เอาเถอะ ถ้าผมเลือกซื้อชุดที่ผมชอบ ชายชุดดำคงจะถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งแน่ๆ ดังนั้นผมจึงควรจะปล่อยให้อาซานางิเป็นคนจัดการทั้งหมดน่าจะดีกว่า อย่างน้อยเซนส์ในการเลือกเสื้อผ้าของเธอก็ดีกว่าผมแน่นอน

 

แต่ว่านะ ทำไมมนุษย์ต้องทำเรื่องยุ่งยากและไร้ประสิทธิภาพแบบนี้เพื่อที่จะออกไปข้างนอกด้วย

 

“อ๊ะ อีกเรื่องนึง…เมื่อกี้ฉันเห็นนายเขียนโน็ตให้มาซากิซัง นายเขียนไปว่ายังไงบ้างล่ะ?”

 

“อา…ผมเขียนไปว่า「ผมถูกคุณแม่ของอาซานางิเรียกพบ ผมเลยจะไปบ้านของอาซานางิพร้อมกันกับเธอ ไม่ต้องตามหานะ」น่ะ”

 

“นั่นมันจดหมายโดนลักพาตัวรึไง? ถึงแม่จะบอกให้พามาเอะฮาระไปหา แต่แม่ก็ไม่ได้โกรธนายสักหน่อย”

 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าพ่อของอาซานางิจะเป็นเจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเอง(JSDF) แต่ช่วงนี้พ่อของเธอค่อนข้างจะยุ่งจึงแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย  

 

…ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดมากเกินไปหรือเปล่า? แต่ผมคิดว่าพ่อของเธอคงอยากฆ่าผมแน่ๆ  

 

เนื่องจากผมยังเป็นเด็ก จึงยังไม่รู้ว่าการเป็นพ่อแม่นั้นรู้สึกยังไง แต่ถ้าลูกสาวของผมกลับมาบ้านในตอนเช้าพร้อมกับผู้ชายที่อ้างว่าเป็น「เพื่อน」ใช่…บางทีผมอาจจะฆ่าหมอนั่นทันทีทีเจอหน้าก็เป็นได้

 

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเคียงข้างกันผ่านบริเวณที่อยู่อาศัยในยามเช้าพร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย

 

ผมในชุดธรรมดากับอาซานางิในชุดนักเรียน ผมรู้สึกแปลกๆที่ได้ออกมาเดินเล่นข้างนอกกับอาซานางิในวันหยุดแบบนี้ มันไม่เหมือนการเดินด้วยกันตอนอยู่ในโรงเรียน หรือการไปเที่ยวหลังเลิกเรียนด้วยกันอะไรแบบนั้น

 

ผมหันไปมองอาซานางิที่กำลังเดินอยู่ข้างๆผมอีกครั้ง

 

ถึงเธอจะบอกว่าพึ่งตื่นเลยแต่งตัวได้แค่นิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นผิวของอาซานางิก็ยังสวย แก้มของเธอดูเรียบเนียนและแสงแดดยามเช้าช่วยเสริมความงามของเธอ

 

ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงที่สวยมาตั้งแต่แรก แต่เธอคืออาซานางิ ผมมั่นใจว่าเธอต้องคอยดูแลตัวเองอย่างดีอยู่เสมอ

 

แม้ว่าอาซานางิจะชอบทำตัวเลอะเทอะตอนอยู่กับผม แต่ในเวลาอื่นๆเธอก็สามารถวางตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

หญิงสาวที่จริงจังและทุ่มเทในทุกๆเรื่อง…นั่นก็คือ「อาซานางิ อุมิ」ที่ทุกคนรู้จัก

 

“? มาเอะฮาระ เป็นอะไรไป? ยังประหม่าอยู่เหรอ?”

 

“ไม่ล่ะ ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”

 

“งั้นทำไมนายมองมาที่ฉันแบบนั้นล่ะ? หรือเกิดรู้สึกชอบฉันขึ้นมา?”

 

“ไม่ได้ชอบ…ไม่สิ ฉันชอบเธอในฐานะเพื่อน…”

 

“อ่า…อะ-โอเค ขอบคุณนะ”

 

“? เป็นอะไรหรือเปล่า?”

 

“ปะ-เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร…ถ้างั้น นายมองฉันทำไม?”

 

ถึงผมจะไม่ค่อยอยากบอก แต่ถ้าไม่บอก อาซานางิคงหงุดหงิดแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจบอกไปตามตรง

 

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอแค่ตอนที่ผมเดินกับอาซานางิ…ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสมดุลนิดหน่อยน่ะ”

 

ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงแดดหรือเปล่า แต่「อาซานางิ อุมิ」ในตอนนี้นั้นดูเปล่งประกายเป็นอย่างมาก

 

รูปลักษณ์ภายนอกของเธอนั้นดูดีอยู่แล้ว และแม้ว่าผมจะไม่เคยบอกกับเธอตรงๆ แต่อาซานางิก็สวยจากภายในด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะกลายมาเป็นศูนย์กลางของห้องเรียนร่วมกันกับอามามิซัง

 

ในทางตรงกันข้าม ตัวผม…

 

แม้ตอนนี้จะเป็นเช้าที่อากาศสดใส และท้องฟ้าก็ปราศจากเมฆ…ตัวผมในตอนนี้ก็ยังดูจืดชืดน่าเบื่อเหมือนเดิม แล้วนอกจากนั้นการแต่งตัวก็แสนจะมืดมน การเดินก็ดูเหมือนคนที่ก้มหน้ามองพื้นถนนตลอดเวลา

 

แน่นอน ผมเข้าใจดีว่าอาซานางิไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องพวกนี้ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ผมยกให้อาซานางิเป็น「เพื่อนคนสำคัญ」ที่น่าเคารพของผม

 

“…นายยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่คนอื่นๆในห้องพูดอยู่เหรอ?”

 

“อืม…ผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการได้รับความสนใจมากขนาดนี้มากก่อนน่ะ เลยไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่”

 

ถึงจะพูดว่าไม่กังวล แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดกั้นอารมณ์ด้านลบทั้งหมดที่พุ่งเป้ามาที่ตัวผม

 

ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เมื่อเร็วๆนี้ ข่าวลือไร้สาระเกี่ยวกับตัวผมเริ่มแพร่กระจายไปยังห้องเรียนอื่นบ้างแล้ว

 

โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มจะสนิทกับอามามิซังมากขึ้น

 

ท้ายที่สุดผมก็พยายามบอกตัวเองว่า…พวกนั้นก็แค่พวกขี้อิจฉา เป็นพวกขี้แพ้ที่ไม่มีความกล้าที่จะลงมือทำด้วยตัวเอง…แต่ในบางครั้งผมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเวลาที่นึกถึงเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอยู่ดี…ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ผมนอนไม่หลับเหมือนเมื่อคืน หรือแม้กระทั้งตอนนี้ก็ตาม

 

ผมรู้สึกสมเพชตัวเองที่เป็นคนไม่ได้เรื่องแบบนี้…

 

ผมระบายความรู้สึกทุกอย่างให้อาซานางิฟัง

 

“อา…ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้นายพูดเรื่องแบบนี้ในตอนเช้าที่อากาศสดใสแบบนี้หรอกนะ ”

 

“อืม ผมหมายถึง…เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรพูดออกมาไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีฝนตกหรือหิมะถล่มก็ตาม”

 

ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน

 

มันคือการไม่ดูบรรยากาศยังไงล่ะ

 

“นี่ มาเอะฮาระ ช่วยหันหน้ามาทางนี้หน่อยได้รึเปล่า?”

 

“หืม? จะทำอะ…”

 

“นี่แหนะ!”

 

ทันทีที่ผมหันหน้าไป ผมก็รู้สึกเจ็บนิดหน่อยที่กลางหน้าผาก

 

มันคือ『ดีดหน้าผาก』ที่เป็นเวอร์ชั่นอ่อนโยนจากอาซานางิ

 

“อะไรเนี่ย จู่ๆก็…”

 

“หืม? ไม่มีอะไรสักหน่อย~ ฉันแค่คิดว่ามาเอะฮาระดูจะเท่เกินไปหน่อย ฉันก็เลยฉันต้องพามาเอะฮาระที่เป็นพวกหน้าด้านกลับมาไง”

 

“ผมเนี่ยนะเท่…ล้อกันเล่นรึไง”

 

อะไรที่เธอมองว่ามันเท่ในตอนที่ผมกำลังระบายความรู้สึกแย่ๆให้เธอฟังกัน?

 

อย่างไรก็ตาม อาซานางิยังคงทำหน้าจริงจัง

 

“มันก็อาจจะพูดเกินจริงไปหน่อยที่บอกว่าเท่ แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่ล่ะนะ การที่นายสามารถเข้าใจความรู้สึกด้อยกว่าของตัวเอง การจัดการกับความรู้สึกไม่พอใจของตัวเอง แล้วก็การที่จะเปิดใจเพื่อที่จะระบายให้คนอื่นฟัง…มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ทุกคนที่จะสามารถทำได้หรอกนะ”

 

“มันจะเป็นแบบนั้นเหรอจริงๆเหรอ…”

 

“จริงสิ นายลองดูพวกผู้ชายคนอื่นสิ พวกนั้นก็เอาแต่คอยไปรวมกลุ่มกับพวกที่มีความคิดเหมือนๆกัน แล้วก็พูดเรื่องแย่ๆลับหลังคนอื่นไปเรื่อย โดยเฉพาะตอนที่ฉันอยู่กับยู ฉันไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ที่สุดเลยล่ะ”

 

แม้แต่ในกลุ่มที่เป็นศูนย์กลางของห้องที่ดูรักกันดี แต่เบื้องหลังก็อาจจะมีการจัดแบ่งลำดับชั้นที่ชัดเจนอยู่ก็ได้…แล้วตำแหน่งเพื่อนสนิทของอามามิซังที่อาซานางิครอบครองอยู่ ก็อาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?

 

“มาเอะฮาระ บางทีนายอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นคนที่แย่มากหรืออะไรทำนองนั้น แต่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น สำหรับฉัน…นายไม่ใช่คนที่แย่เลยสักนิด อ๊ะ…แน่นอนว่าฉันกำลังพูดถึงภายในจิตใจของนายนะ ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก”

 

“ช่างมันเถอะน่า”

 

“ฟุฟุ เฮะๆ”

 

หลังจากพูดปลอบผมเสร็จ อาซานางิก็วางมือของเธอบนหัวของผมก่อนจะเริ่มลูบเบาๆ

 

“…ทำอะไรเนี่ย?”

 

“ไม่มีอะไรสักหน่อย~ แค่หัวของมาเอะฮาระอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการลูบพอดีน่ะ”

 

“หาข้อแก้ตัวที่มันดีๆหน่อยไม่ได้รึไง หัวมันก็อยู่บนไหล่อยู่แล้วไหม…”

 

แต่ว่า…ผมก็ไม่ได้เกลียดการถูกอาซานางิลูบหัวแบบนี้…ผมก็เลยปล่อยให้เธอทำทุกอย่างตามที่เธอต้องการ

 

“ถ้าคิดว่าอยู่กับฉันแล้วมันไม่สมดุล ถ้าแบบนั้นฉันก็จะพยายามให้ดีที่สุดที่จะอยู่ข้างๆนายในฐานะ「เพื่อน」นะ…แต่พูดก็พูดเถอะ สิ่งที่เรียกว่าความสมดุลที่นายพูดถึง จริงๆแล้วความต่างของเราเกือบๆเก้าสิบเปอร์เซ็นก็เป็นเรื่องของการแต่งตัวประหลาดๆของมาเอะฮาระนั่นแหละนะ”

 

“จริงดิ ถ้าแบบนั้นอาซานางิจะช่วงแปลงโฉมผมให้กลายเป็นผู้ชายที่ดูดีได้ใช่ไหม?”

 

“โอ้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน ไหนขอดูหน่อย…ทำตาสองชั้น ​​เหลาคาง เสริมจมูก หลังจากนั้นก็ดัดแปลงร่างกายอีกนิดหน่อย…ถ้ามีเงินสักสองล้านก็น่าจะพอนะ”

 

“เอ๋~ แบบนั้นมัน…?”

 

“ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋า นายเข้าใจไหม? พวกปลาซิวปลาสร้อยที่มันมากวนใจ? วิธีบดขยี้พวกนั้นที่ดีที่สุดก็คือการทุบพวกมันด้วยเงินจำนวนมากยังไงล่ะ”

 

“เฮ้ยๆ ทำไมฟังดูเหมือนพวกวายร้ายเข้าไปทุกที”

 

“นิฮี่ฮี่ ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมก็แล้วกันนะ”

 

ท้ายที่สุด การสนทนาของเราก็กลับมาเป็นเรื่องงี่เง่าไร้สาระตามปกติ แต่ด้วยเหตุนี้เอง ผมก็รู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด…ความรู้สึกด้านลบของผมค่อยๆจางหายไปอย่างรวดเร็ว

 

ไม่ว่าคนอื่นจะคิดยังไง สุดท้ายถ้าผมยังคงมีอาซานางิเป็น「เพื่อนคนสำคัญ」…ผมคิดว่าผมก็คงไม่เป็นไร….

 

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ 

 

ปล. ตอนนี้แปลยากจัดเลยครับ สำนวน คำผิดเช็คไปบ้างแล้วบางส่วน แต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังแปลกๆแต่ไม่รู้จะแก้เป็นคำว่าอะไร(ฮา)

ปล2. อีกตอนไม่น่าทันครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ

 

ฝากติดตาม Durimtok Channel เหมือนเดิมนะครับ 

ขอบคุณที่ติดตามครับ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+