I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 21 – มุมมองด้านหลังที่เป็นธรรมชาติ

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 21 – มุมมองด้านหลังที่เป็นธรรมชาติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 21 – มุมมองด้านหลังที่เป็นธรรมชาติ

 

หลังจากที่สามารถหนีนิตตะซังได้สำเร็จ ผมกับอาซานางิก็ตัดสินใจกลับไปที่บ้านของผมก่อน

 

อาซานางิได้ส่งที่อยู่บ้านของผมไปให้อามามิซังเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเธอน่าจะตามเรามาที่บ้านได้ในเวลาไม่นาน

 

“ฟู่~..หนีมาไกลขนาดนี้ก็น่าจะหนีพ้นแล้วล่ะ…มาเอะฮาระ นายยังไหวใช่ไหม?”

 

“แฮกๆ…เห็นแบบนี้แล้ว…เธอคิดว่าไงล่ะ…?”

 

“ถึงขีดจำกัดแล้วงั้นเหรอ”

 

“แฮกๆ…ผมถึงขีดจำกัดตั้งแต่สามสิบวินาทีแรกที่เริ่มวิ่งแล้วล่ะ…”

 

น่าเสียดาย…นี่คือผลเสียร้ายแรงของการเป็นฮิคิโคโมริ…ผู้ที่ไม่เคยออกจากบ้านไปที่ไหน…ยกเว้นการไปโรงเรียน

 

ปกติผมเคยวิ่งอยู่ภายในเกมเท่านั้น ดังนั้นแล้วการทำงานของหัวใจและปอดในชีวิตจริงของผมนั้นจึงย่ำแย่อย่างมาก นั่นทำให้ผมกลายเป็นตัวถ่วงของอาซานางิไปโดยปริยาย  

 

“จะว่าไปนายก็หมดแรงหลังจากเล่นแบตติ้งเซ็นเตอร์ไปแค่เกมเดียวเองนี่นะ…พูดก็พูดเถอะ…นี่นายไม่คิดจะออกกำลังบ้างหรอ ถ้าเป็นการฝึกกล้ามเนื้อง่ายๆ นายจะทำที่บ้านก็ได้ จะว่าไป…เห็นว่าช่วงนี้มีเกมแบบนั้นออกมาเยอะเหมือนกันนี่”

 

“เอ๋~….ไม่เอาหรอก เกมแบบนั้นมันเหนื่อยเกินไป”

 

“เอ๋~ ไม่ได้นะ ถ้านายขี้เกียจแบบนี้ รู้ตัวอีกที…ร่างกายของนายก็อาจจะพังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…เข้าใจไหม?”

 

“เธอพูดเหมือนเคยมีประสบการณ์มาก่อนเลยนะ”

 

“พี่ชายฉันเป็นแบบนั้นจริงๆนะสิ เขาพึ่งจะอายุ 25 เองนะ แต่แค่เขาเดินนิดหน่อยก็บ่นปวดหลังแล้ว”

 

อย่างไรก็ตาม อาซานางิในตอนนี้ไม่มีอาการเหนื่อยหรือหอบเลยสักนิด…แม้แต่เหงื่อก็ยังไม่ออกด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เธอกินอาหารขยะจำนวนมากในช่วงสุดสัปดาห์แท้ๆ…แต่เธอก็ยังคงมีรูปร่างที่เพรียวบาง…มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก

ในทางกลับกัน ผม…ทั้งๆที่ผอม แต่เมื่อผมลองบีบท้องตัวเอง ผมกลับว่าตัวเองรู้สึกอ่อนแอมาก

 

หรือผมควรจะทำตามที่อาซานางิบอกดี?

 

“อ๊ะ ก่อนหน้านั้นเราแวะร้านสะดวกซื้อก่อนดีไหม? ผมจำได้ว่าขนมกับชาที่เอาไว้เสิร์ฟให้อามามิซังน่าจะหมดแล้ว แล้วจะได้ซื้อของอย่างอื่นเข้าไปเติมที่บ้านด้วยเลยทีเดียว”

 

“อืม แล้วโค้กในตู้เย็นเองก็จะหมดแล้วด้วย จะได้ซื้อไปเติมด้วยเลย”

 

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…ว่าแต่เธอไปเช็คของในตู้เย็นตอนไหนกัน?”

 

“อย่าใส่ใจรายละเอียดยิบย่อยน่า~ อ๊ะ ไอศกรีมที่อยู่ในช่องฟรีสเมื่อวันก่อนนั่นอร่อยมากเลยล่ะ ขอบคุณสำหรับของอร่อยนะ~”

 

“ไม่เป็นไร จริงๆลืมไปแล้วล่ะว่าเคยซื้อมาด้วย…แต่ว่านะคนร้ายในชุดดำก็คือเธอเองงั้นเหรอ”

 

ระหว่างที่สนทนากันตามปกติ เราก็เดินมาถึงร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆบ้านผม

 

กาแฟ นม แล้วก็ถ้วยกระดาษกับจานกระดาษ ว่าแต่ชา(ฝรั่ง)ที่บ้านไม่มีด้วยสิ ซื้อไปด้วยเลยดีไหมนะ?

(TL: ในเนื้อเรื่องใช้คำว่า 紅茶 โคชะ ซึ่งมีความหมายว่า ชาต่างประเทศ หลายคนอาจจะงงกับบริบทได้ เลยมาขยายให้ครับ)

 

“ที่เหลือก็พวกขนมสินะ ว่าแต่…นี่อาซานางิ อามามิซังชอบขนมแบบไหนงั้นเหรอ?”

 

“อืม~~? ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…แต่เหมือนจำได้ว่าตอนแนะนำตัวเธอจะบอกว่า…ชอบขนมหวานๆ ส่วนที่ไม่ชอบก็มีพริกหยวกกับมะระขี้นกน่ะ”

 

“คล้ายๆเธอเลยสินะ…งั้นถ้าเป็นคุกกี้แคนแคนอันนี้ล่ะ ถึงจะแพงไปหน่อย แต่มันก็มีหลายรสล่ะนะ”

(TL:クッキーのカンカン Kukkī no kankan ผมไม่รู้ว่าภาษาไทยมันเรียกว่าอะไรครับ เลยทับศัพท์ไปเลยละกันนะครับ)

“โอเคเลย คุกกี้แคนแคนแบบนี้แหละที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอทุกครั้งที่ไปเยี่ยมบ้านญาติ”

 

“เยี่ยมเลย งั้นเอาอันนี้นี่แหละ…แล้วก็อีกอย่างนะ เธอช่วยเอาโค้กกลับไปเก็บที่ด้วยเถอะ เราไม่ได้ต้องการโค้กเยอะขนาดนั้น”

 

“เอ๋~~~”

 

“ไม่ต้องมาทำเป็น ‘เอ๋~~’ เลย”

 

ทำไมเธอถึงกล้าเอาโค้กขนาดสองลิตรหกขวดมาใส่ในตะกร้ากัน? ผมหมายถึง…ถ้าซื้อเยอะเกินไปเดี๋ยวแม่จะสงสัยเอาได้น่ะ

 

นอกจากนี้ ผมซื้อของอื่นๆอีก เพื่อเตรียมตัวในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงก่อนจะเดินตรงไปที่แคชเชียร์

 

“ทั้งหมด 2,944 เยนค่ะ”

 

“อืม…อย่างที่คิด…คุกกี้แคนแคนแพงจริงๆ”

 

แม้ว่าจะมีเงินค่าขนมเยอะแค่ไหน แต่ค่าใช้จ่ายจำนวนนี้ก็ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับนักเรียนมัธยมปลายได้อยู่ดี

 

“อ๊ะ ฉันช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง อะนี่ 1,500 เยน”

 

“ไม่เป็นไร ของที่ซื้อมาส่วนใหญ่ผมก็เอาไว้ใช้เองทั้งนั้น อีกอย่าง..เดี่ยวแม่ก็ให้เงินค่าขนมเพิ่มอยู่ดี”

 

“แต่คุกกี้แคนแคนมันแพงไม่ใช่เหรอ เอาน่า…ไม่ต้องเกรงใจ”

 

อาซานางิยังไม่ยอมแพ้  

 

เมื่อพวกเรากำลังโต้เถียงกันเรื่องที่ว่าจะแยกบิลหรือผมจะจ่ายเองคนเดียว เสียงกระซิบของเหล่าแม่บ้านที่กำลังซื้อของ ก็ดังมาถึงพวกเรา

 

‘นี่นี่ ดูเด็กพวกนั้นสิ’

 

‘อืม น่ารักจัง คู่รักม.ปลาย? ดูเหมือนพวกเขากำลังเถียงกันว่าจะแยกบิลหรือให้แฟนเป็นคนจ่าย’

 

‘พวกหนุ่มสาวนี่ดีจังเลยน้า~~~! สมัยก่อนฉันก็เคยเป็นแบบนั้นกับสามีด้วยล่ะ~’

 

‘เอ๊ะ? คุณไม่ได้พบกับสามีคุณครั้งแรกในที่ทำงานหรอกเหรอ?’

 

‘อ๊ะ ขอโทษ นั่นเป็นเรื่องของแฟนเก่าน่ะ โอโฮโฮะ’ (TL: ohohoho)

 

‘ขี้ลืมจังเลยนะเธอเนี่ย~?’

 

“รอบนี้ให้ฉันจ่ายก่อนแล้วกันนะ โอเคไหม”

 

“อืม…ได้สิ แน่นอน”

 

เราตัดสินใจจะไปคำนวนแยกบิลกันทีหลัง และจ่ายทุกอย่างด้วยเงินของผมไปก่อนเพื่อไม่ให้คนที่ต่อคิวอยู่ด้านหลังต้องรอนาน และออกจากร้านสะดวกซื้อมาทันที

 

“มาเอะฮาระ มา…ฉันช่วยถือ”

 

“อะ อืม ขอบคุณนะ”

 

ผมกับอาซานางิเดินเคียงข้างกันในขณะที่ผมยื่นถุงที่ไม่มีโค้กให้เธอ

 

“อาซานางิ”

 

“ว่าไง?”

 

“…จากมุมมองของคนนอก เราดูเหมือนคู่รักกันใช่ไหม?”

 

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ…แม้ว่าพวกเราจะไม่รู้สึกแบบนั้น แต่ความจริงที่ว่านักเรียนชายม.ปลายกับนักเรียนหญิงม.ปลายมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน มันก็คงไม่แปลกถ้าจะมีคนเข้าใจผิด”

 

ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอาซานางิเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและผมก็ชอบอาซานางิมากด้วย แต่ว่าผมชอบเธอในฐานะ「เพื่อน」เท่านั้น…ไม่ได้มีความรู้สึกแบบ「คนรัก」  

 

ผมสงสัยว่าทำไมคนอื่นถึงชอบตัดสินว่าพวกเขากำลัง「ออกเดท」หรือเป็น「แฟนหนุ่มกับแฟนสาว」ในทันทีที่ผู้ชายและผู้หญิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน?

 

เมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ อาซานางิมีใบหน้าที่สวยงาม เซนส์ด้านแฟชั่นที่ยอดเยี่ยม และบุคลิกที่จริงจัง(อย่างเห็นได้ชัด) ผมเข้าใจได้ว่าทำไมผู้ชายบางคนถึงตกหลุมรักเธอ

 

แต่เพียงเพราะผมเข้าใจ…ไม่ได้หมายความว่าผมรู้สึกแบบเดียวกับพวกเขา

 

เวลาอยู่ที่บ้านของผม อาซานางิมักจะไม่ค่อยระวังตัว บางครั้ง ผมก็จะมองเห็นชุดชั้นในของเธอทุกครั้งที่เธอยกขาขึ้นเตะผม และบางครั้งผมก็ชอบดูสารคดีกำเนิดมนุษย์ตอนผมอยู่คนเดียว แต่อย่าเข้าใจฉันผิด ผมเองก็เป็นนักเรียนม.ปลายที่สุขภาพแข็งแรง ดังนั้นผมเลยไม่ปฏิเสธเรื่องแบบนี้

 

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมมีความรู้สึกตื่นเต้นกับอาซานางิ หรือต้องการจะทำอะไรซุกซนกับเธอ

 

ขอแค่เรายังสามารถเล่นเกมด้วยกัน หรือตื่นเต้นกับเรื่องราวไร้สาระด้วยกันได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม

 

“นี่…อาซานางิ ”

 

“หืม?”

 

“…ความรักคืออะไรกันแน่?”

 

“จู่ๆ ก็มาถามคำถามเชิงปรัชญางั้นเหรอ? แต่ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจมันจริงๆเหมือนกัน ดังนั้นฉันคิดว่าเราอยู่ในเรือลำเดียวกันในเรื่องนี้นะ”

 

“งั้นเหรอ”

 

“ก็ใช่นะสิ”

 

แม้แต่อาซานางิที่(อาจจะ)มีประสบการณ์มากมายยังตอบไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงคนอย่างผม…ผู้ที่แทบจะไม่เคยเข้าสังคม

 

ผมกับอาซานางิรีบกลับบ้านโดยที่ระยะห่างระหว่างเรากว้างขึ้นเล็กน้อยจากปกติ

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. ส่วนที่แปลยากที่สุดในตอนนี้คือ…ชื่อตอนครับ (自然な後ろ姿) ใครมีคำแปลสวยๆแจ้งได้เลยนะครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class 21 – มุมมองด้านหลังที่เป็นธรรมชาติ

Now you are reading I Became Friends with the Second Cutest Girl in My Class Chapter 21 – มุมมองด้านหลังที่เป็นธรรมชาติ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 21 – มุมมองด้านหลังที่เป็นธรรมชาติ

 

หลังจากที่สามารถหนีนิตตะซังได้สำเร็จ ผมกับอาซานางิก็ตัดสินใจกลับไปที่บ้านของผมก่อน

 

อาซานางิได้ส่งที่อยู่บ้านของผมไปให้อามามิซังเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเธอน่าจะตามเรามาที่บ้านได้ในเวลาไม่นาน

 

“ฟู่~..หนีมาไกลขนาดนี้ก็น่าจะหนีพ้นแล้วล่ะ…มาเอะฮาระ นายยังไหวใช่ไหม?”

 

“แฮกๆ…เห็นแบบนี้แล้ว…เธอคิดว่าไงล่ะ…?”

 

“ถึงขีดจำกัดแล้วงั้นเหรอ”

 

“แฮกๆ…ผมถึงขีดจำกัดตั้งแต่สามสิบวินาทีแรกที่เริ่มวิ่งแล้วล่ะ…”

 

น่าเสียดาย…นี่คือผลเสียร้ายแรงของการเป็นฮิคิโคโมริ…ผู้ที่ไม่เคยออกจากบ้านไปที่ไหน…ยกเว้นการไปโรงเรียน

 

ปกติผมเคยวิ่งอยู่ภายในเกมเท่านั้น ดังนั้นแล้วการทำงานของหัวใจและปอดในชีวิตจริงของผมนั้นจึงย่ำแย่อย่างมาก นั่นทำให้ผมกลายเป็นตัวถ่วงของอาซานางิไปโดยปริยาย  

 

“จะว่าไปนายก็หมดแรงหลังจากเล่นแบตติ้งเซ็นเตอร์ไปแค่เกมเดียวเองนี่นะ…พูดก็พูดเถอะ…นี่นายไม่คิดจะออกกำลังบ้างหรอ ถ้าเป็นการฝึกกล้ามเนื้อง่ายๆ นายจะทำที่บ้านก็ได้ จะว่าไป…เห็นว่าช่วงนี้มีเกมแบบนั้นออกมาเยอะเหมือนกันนี่”

 

“เอ๋~….ไม่เอาหรอก เกมแบบนั้นมันเหนื่อยเกินไป”

 

“เอ๋~ ไม่ได้นะ ถ้านายขี้เกียจแบบนี้ รู้ตัวอีกที…ร่างกายของนายก็อาจจะพังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…เข้าใจไหม?”

 

“เธอพูดเหมือนเคยมีประสบการณ์มาก่อนเลยนะ”

 

“พี่ชายฉันเป็นแบบนั้นจริงๆนะสิ เขาพึ่งจะอายุ 25 เองนะ แต่แค่เขาเดินนิดหน่อยก็บ่นปวดหลังแล้ว”

 

อย่างไรก็ตาม อาซานางิในตอนนี้ไม่มีอาการเหนื่อยหรือหอบเลยสักนิด…แม้แต่เหงื่อก็ยังไม่ออกด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เธอกินอาหารขยะจำนวนมากในช่วงสุดสัปดาห์แท้ๆ…แต่เธอก็ยังคงมีรูปร่างที่เพรียวบาง…มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก

ในทางกลับกัน ผม…ทั้งๆที่ผอม แต่เมื่อผมลองบีบท้องตัวเอง ผมกลับว่าตัวเองรู้สึกอ่อนแอมาก

 

หรือผมควรจะทำตามที่อาซานางิบอกดี?

 

“อ๊ะ ก่อนหน้านั้นเราแวะร้านสะดวกซื้อก่อนดีไหม? ผมจำได้ว่าขนมกับชาที่เอาไว้เสิร์ฟให้อามามิซังน่าจะหมดแล้ว แล้วจะได้ซื้อของอย่างอื่นเข้าไปเติมที่บ้านด้วยเลยทีเดียว”

 

“อืม แล้วโค้กในตู้เย็นเองก็จะหมดแล้วด้วย จะได้ซื้อไปเติมด้วยเลย”

 

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…ว่าแต่เธอไปเช็คของในตู้เย็นตอนไหนกัน?”

 

“อย่าใส่ใจรายละเอียดยิบย่อยน่า~ อ๊ะ ไอศกรีมที่อยู่ในช่องฟรีสเมื่อวันก่อนนั่นอร่อยมากเลยล่ะ ขอบคุณสำหรับของอร่อยนะ~”

 

“ไม่เป็นไร จริงๆลืมไปแล้วล่ะว่าเคยซื้อมาด้วย…แต่ว่านะคนร้ายในชุดดำก็คือเธอเองงั้นเหรอ”

 

ระหว่างที่สนทนากันตามปกติ เราก็เดินมาถึงร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆบ้านผม

 

กาแฟ นม แล้วก็ถ้วยกระดาษกับจานกระดาษ ว่าแต่ชา(ฝรั่ง)ที่บ้านไม่มีด้วยสิ ซื้อไปด้วยเลยดีไหมนะ?

(TL: ในเนื้อเรื่องใช้คำว่า 紅茶 โคชะ ซึ่งมีความหมายว่า ชาต่างประเทศ หลายคนอาจจะงงกับบริบทได้ เลยมาขยายให้ครับ)

 

“ที่เหลือก็พวกขนมสินะ ว่าแต่…นี่อาซานางิ อามามิซังชอบขนมแบบไหนงั้นเหรอ?”

 

“อืม~~? ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…แต่เหมือนจำได้ว่าตอนแนะนำตัวเธอจะบอกว่า…ชอบขนมหวานๆ ส่วนที่ไม่ชอบก็มีพริกหยวกกับมะระขี้นกน่ะ”

 

“คล้ายๆเธอเลยสินะ…งั้นถ้าเป็นคุกกี้แคนแคนอันนี้ล่ะ ถึงจะแพงไปหน่อย แต่มันก็มีหลายรสล่ะนะ”

(TL:クッキーのカンカン Kukkī no kankan ผมไม่รู้ว่าภาษาไทยมันเรียกว่าอะไรครับ เลยทับศัพท์ไปเลยละกันนะครับ)

“โอเคเลย คุกกี้แคนแคนแบบนี้แหละที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอทุกครั้งที่ไปเยี่ยมบ้านญาติ”

 

“เยี่ยมเลย งั้นเอาอันนี้นี่แหละ…แล้วก็อีกอย่างนะ เธอช่วยเอาโค้กกลับไปเก็บที่ด้วยเถอะ เราไม่ได้ต้องการโค้กเยอะขนาดนั้น”

 

“เอ๋~~~”

 

“ไม่ต้องมาทำเป็น ‘เอ๋~~’ เลย”

 

ทำไมเธอถึงกล้าเอาโค้กขนาดสองลิตรหกขวดมาใส่ในตะกร้ากัน? ผมหมายถึง…ถ้าซื้อเยอะเกินไปเดี๋ยวแม่จะสงสัยเอาได้น่ะ

 

นอกจากนี้ ผมซื้อของอื่นๆอีก เพื่อเตรียมตัวในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงก่อนจะเดินตรงไปที่แคชเชียร์

 

“ทั้งหมด 2,944 เยนค่ะ”

 

“อืม…อย่างที่คิด…คุกกี้แคนแคนแพงจริงๆ”

 

แม้ว่าจะมีเงินค่าขนมเยอะแค่ไหน แต่ค่าใช้จ่ายจำนวนนี้ก็ยังสร้างความเจ็บปวดให้กับนักเรียนมัธยมปลายได้อยู่ดี

 

“อ๊ะ ฉันช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง อะนี่ 1,500 เยน”

 

“ไม่เป็นไร ของที่ซื้อมาส่วนใหญ่ผมก็เอาไว้ใช้เองทั้งนั้น อีกอย่าง..เดี่ยวแม่ก็ให้เงินค่าขนมเพิ่มอยู่ดี”

 

“แต่คุกกี้แคนแคนมันแพงไม่ใช่เหรอ เอาน่า…ไม่ต้องเกรงใจ”

 

อาซานางิยังไม่ยอมแพ้  

 

เมื่อพวกเรากำลังโต้เถียงกันเรื่องที่ว่าจะแยกบิลหรือผมจะจ่ายเองคนเดียว เสียงกระซิบของเหล่าแม่บ้านที่กำลังซื้อของ ก็ดังมาถึงพวกเรา

 

‘นี่นี่ ดูเด็กพวกนั้นสิ’

 

‘อืม น่ารักจัง คู่รักม.ปลาย? ดูเหมือนพวกเขากำลังเถียงกันว่าจะแยกบิลหรือให้แฟนเป็นคนจ่าย’

 

‘พวกหนุ่มสาวนี่ดีจังเลยน้า~~~! สมัยก่อนฉันก็เคยเป็นแบบนั้นกับสามีด้วยล่ะ~’

 

‘เอ๊ะ? คุณไม่ได้พบกับสามีคุณครั้งแรกในที่ทำงานหรอกเหรอ?’

 

‘อ๊ะ ขอโทษ นั่นเป็นเรื่องของแฟนเก่าน่ะ โอโฮโฮะ’ (TL: ohohoho)

 

‘ขี้ลืมจังเลยนะเธอเนี่ย~?’

 

“รอบนี้ให้ฉันจ่ายก่อนแล้วกันนะ โอเคไหม”

 

“อืม…ได้สิ แน่นอน”

 

เราตัดสินใจจะไปคำนวนแยกบิลกันทีหลัง และจ่ายทุกอย่างด้วยเงินของผมไปก่อนเพื่อไม่ให้คนที่ต่อคิวอยู่ด้านหลังต้องรอนาน และออกจากร้านสะดวกซื้อมาทันที

 

“มาเอะฮาระ มา…ฉันช่วยถือ”

 

“อะ อืม ขอบคุณนะ”

 

ผมกับอาซานางิเดินเคียงข้างกันในขณะที่ผมยื่นถุงที่ไม่มีโค้กให้เธอ

 

“อาซานางิ”

 

“ว่าไง?”

 

“…จากมุมมองของคนนอก เราดูเหมือนคู่รักกันใช่ไหม?”

 

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ…แม้ว่าพวกเราจะไม่รู้สึกแบบนั้น แต่ความจริงที่ว่านักเรียนชายม.ปลายกับนักเรียนหญิงม.ปลายมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน มันก็คงไม่แปลกถ้าจะมีคนเข้าใจผิด”

 

ผมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอาซานางิเป็นความสัมพันธ์ที่ดีและผมก็ชอบอาซานางิมากด้วย แต่ว่าผมชอบเธอในฐานะ「เพื่อน」เท่านั้น…ไม่ได้มีความรู้สึกแบบ「คนรัก」  

 

ผมสงสัยว่าทำไมคนอื่นถึงชอบตัดสินว่าพวกเขากำลัง「ออกเดท」หรือเป็น「แฟนหนุ่มกับแฟนสาว」ในทันทีที่ผู้ชายและผู้หญิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน?

 

เมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆ อาซานางิมีใบหน้าที่สวยงาม เซนส์ด้านแฟชั่นที่ยอดเยี่ยม และบุคลิกที่จริงจัง(อย่างเห็นได้ชัด) ผมเข้าใจได้ว่าทำไมผู้ชายบางคนถึงตกหลุมรักเธอ

 

แต่เพียงเพราะผมเข้าใจ…ไม่ได้หมายความว่าผมรู้สึกแบบเดียวกับพวกเขา

 

เวลาอยู่ที่บ้านของผม อาซานางิมักจะไม่ค่อยระวังตัว บางครั้ง ผมก็จะมองเห็นชุดชั้นในของเธอทุกครั้งที่เธอยกขาขึ้นเตะผม และบางครั้งผมก็ชอบดูสารคดีกำเนิดมนุษย์ตอนผมอยู่คนเดียว แต่อย่าเข้าใจฉันผิด ผมเองก็เป็นนักเรียนม.ปลายที่สุขภาพแข็งแรง ดังนั้นผมเลยไม่ปฏิเสธเรื่องแบบนี้

 

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมมีความรู้สึกตื่นเต้นกับอาซานางิ หรือต้องการจะทำอะไรซุกซนกับเธอ

 

ขอแค่เรายังสามารถเล่นเกมด้วยกัน หรือตื่นเต้นกับเรื่องราวไร้สาระด้วยกันได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม

 

“นี่…อาซานางิ ”

 

“หืม?”

 

“…ความรักคืออะไรกันแน่?”

 

“จู่ๆ ก็มาถามคำถามเชิงปรัชญางั้นเหรอ? แต่ฉันเองก็ยังไม่เข้าใจมันจริงๆเหมือนกัน ดังนั้นฉันคิดว่าเราอยู่ในเรือลำเดียวกันในเรื่องนี้นะ”

 

“งั้นเหรอ”

 

“ก็ใช่นะสิ”

 

แม้แต่อาซานางิที่(อาจจะ)มีประสบการณ์มากมายยังตอบไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงคนอย่างผม…ผู้ที่แทบจะไม่เคยเข้าสังคม

 

ผมกับอาซานางิรีบกลับบ้านโดยที่ระยะห่างระหว่างเรากว้างขึ้นเล็กน้อยจากปกติ

 

☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆

 

ปล. ส่วนที่แปลยากที่สุดในตอนนี้คือ…ชื่อตอนครับ (自然な後ろ姿) ใครมีคำแปลสวยๆแจ้งได้เลยนะครับ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+