(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมทตอนพิเศษ 1-8 สถานที่

Now you are reading (Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท Chapter ตอนพิเศษ 1-8 สถานที่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนพิเศษ 1-8 สถานที่

 

 

 

 

พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว สีหน้าของจองอูก็ดูจะยังเคร่งเครียดอยู่ ซองฮีคิดว่าคำพูดของเขามันช่างไร้สาระ พร้อมกับตบลงที่หลังของอีกคน 

 

 

“นี่ อย่าใส่ใจเลยน่า ฉันก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อย” 

 

 

“ไม่ใช่หรอกครับ ยังไงๆ ผมก็เป็นคนถามเองนี่ครับ” 

 

 

จองอูยิ้มเจื่อนออกมา พร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ แต่ทว่าซองฮีกลับรู้สึกได้ว่าสีหน้าของอีกคนมันดูเศร้าสลดจนทำให้ทนนิ่งไม่ได้อีกต่อไป เมื่อเห็นจองอูก้มมองปลายเท้าตัวเองอยู่นานสองนาน แล้วจึงค่อยๆ เปิดปากอย่างช้าๆ เงาแห่งความเงียบที่เข้าปกคลุมห้องซ้อมในช่วงเวลาที่ผ่านมาเหมือนจะยังไม่หายไปเสียทีเดียว สุดท้ายความเงียบนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเพราะคำพูดของจองอู 

 

 

“ก็แค่ มันคอยจะสนใจอยู่ตลอด ยังไงซะสิ่งที่ผมจดจ่อกับมันก็มีแค่ดนตรี ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น กลับกันผมกลับมีสิ่งที่ซุกซ่อนเอาไว้มากมาย สภาพจิตใจก็ไม่ได้ดีนัก แค่ดูก็รู้แล้วว่ามีข้อตำหนิมากขนาดไหน แต่ว่าคนนั้นก็แค่ปิดหูปิดตาก็เท่านั้น หากเป็นคนที่ดูสดใสแบบนั้นแล้ว คนนั้นก็จะไม่ต้องเจ็บปวดหรือเปล่า” 

 

 

“นายเนี่ย ถ้าพูดแบบนั้นออกมา คงได้โดนหมอนั่นต่อยเข้าให้แน่” 

 

 

“ถ้าจะตีก็ต้องยอมอยู่แล้วนี่ครับ” 

 

 

“พูดไม่เข้าท่าจริงเลยไอ้เด็กนี่” 

 

 

ซองฮีมีสีหน้าตกตะลึง จิ๊ปากออกมา ดูเหมือนจองอูจะไปกดโดนสวิตซ์บางอย่างในตัวเขาเข้าให้เสียแล้ว 

 

 

“ตอนนี้นายกำลังกังวลกับเรื่องไร้ประโยชน์แบบนั้นงั้นเหรอ ฮันซองจูเองก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย คนเราแค่มองจากภายนอกไม่ได้หรอกนะ ยังมีอะไรอีกมากที่เราไม่รู้ ดูจากเราพี่น้องก็เห็นแล้วนี่ ในสายตาคนอื่นคือคนที่ได้รับการศึกษาที่ดีและเติบโตมาอย่างดี ในความเป็นจริงมันเป็นแบบนั้นเหรอ อย่าดูถูกตัวเองนักเลย แบบนั้นมันเหมือนไม่ให้ค่าฮันซองจูที่เป็นคนเลือกนายเลยนะ” 

 

 

ซองฮีกล่าวเช่นนั้นออกมาพร้อมกับตบลงไปบนไหล่ของจองอู แล้วจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง 

 

 

“นี่ ปล่อยเรื่องเครียดๆ พวกนี้ทิ้งไปเถอะนะ อีกเดี๋ยวเจ้าพวกนั้นก็จะเข้ามากันแล้ว” 

 

 

เจ้าตัวฝืนทำตัวให้สดใสขึ้นมา พร้อมกับบิดขี้เกียจ จองอูที่มองท่าทางแบบนั้นของซองฮีอยู่ก่อน จึงได้หลุดขำออกมา 

 

 

“พี่” 

 

 

“หือ?” 

 

 

จองอูมองไปยังซองฮีพร้อมกับยกยิ้มพราย ท่าทางแบบนั้นทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นความสงสัยอย่างบอกไม่ถูก แล้วริมฝีปากของจองอูก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างขึ้นไปอีก 

 

 

“พี่ลองพูดออกมาตรงๆ เถอะครับ ไม่ได้เกลียดคนนั้นหรอกใช่ไหม” 

 

 

“อะไร” 

 

 

พอจองอูพูดจบ ใบหน้าซองฮีก็ขึ้นสีแดงระเรื่อในทันที มันกระแทกเข้าจุดสำคัญเสียจนพูดอะไรต่อไม่ได้อีกแล้ว ได้แต่เผยออ้าๆ หุบๆ ปากเหมือนคนโง่อยู่แบบนั้น พอได้เห็นท่าทางแบบนั้นของซองฮี จองอูก็หัวเราะคิกคักออกมา 

 

 

“อันที่จริงเนี่ย พี่กับคนนั้นเหมือนกันอย่างกับอะไรดีเลยนะครับ ถึงจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจแต่ก็คอยห่วงใย แล้วก็ใส่ใจกับเรื่องของกันและกันทุกวันอยู่แล้วนี่” 

 

 

“นี่ ฉันไปทำแบบนั้นตอนไหนกัน!” 

 

 

“ไม่ใช่เหรอครับ จริงเหรอ” 

 

 

ทำตาเบิกโพลง พร้อมถามกลับด้วยท่าทางเล่นใหญ่แบบนั้นของจองอู ทำเอาใบหน้าของซองฮีนั้นบูดบึ้ง แต่ทว่าจองอูก็ยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น อีกฝ่ายยังคงกดดันซองฮีด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มสดใส 

 

 

“โธ่ ดูก็รู้แล้ว พี่น้องกันต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนแบบนั้นอยู่แล้วนี่ ถึงได้บอกมาตรงๆ ไม่ได้แบบนั้น ทั้งคนนั้น ทั้งพี่ต่างก็แกล้งทำเป็นทำไม่ดีต่อกัน แต่ที่จริงก็ไม่ได้เกลียดกันขนาดนั้นเสียหน่อย แค่เพราะไม่รู้วิธีที่จะพูดคุยกัน มันก็แค่นั้น ทั้งคู่ต้องแสดงออกแบบตรงไปตรงมาบ้าง ถ้ายิ่งอายุมากขึ้น มันก็จะยิ่งกลายเป็นเรื่องยากนะครับ วันข้างหน้าก็จะต้องมาเสียใจ” 

 

 

“นี่ นายจะเอาแบบนี้จริงๆ เหรอ พูดมาตามตรง นายโดนเจ้านั่นซื้อไปแล้วหรือไง” 

 

 

“พูดอะไรของพี่น่ะ ที่พูดตอนนี้คือให้กลับไปที่บ้าน ทำอย่างที่ทำ พูดอย่างที่พูด แค่นั้นมันจะตายหรือไงครับ” 

 

 

“นี่ นายเองน่ะต่อหน้าหมอนั่นก็ไม่ได้มาพูดอะไรยืดยาวแบบนี้สักหน่อย แล้วทำไมถึงมาลงที่ฉันคนเดียวละวะ!” 

 

 

“ไม่ใช่ว่าผมพูดสั้นๆ กับเขาสักหน่อย แล้วก็นะ ทำไมมันถึงเป็นปัญหาขึ้นมาได้ล่ะ เราก็เข้าใจกัน พูดคุยกันด้วยดีอยู่แล้วนี่” 

 

 

“นี่! คิมจองอู!” 

 

 

จองอูยังคงกดดันซองฮีด้วยท่าทางเหมือนโดนผีเข้า ซองฮีที่ตอบโต้มาอย่างกระหืดกระหอบ แล้วยังท่าทางของอีกคนนั่นอีก จองอูที่เอาแต่หัวเราะออกมาแบบนั้น ทำให้บรรยากาศหนักอึ้งในห้องสตูดิโอนั้นเปลี่ยนเป็นผ่อนคลายขึ้นมาได้ แล้ววันอันยาวนานก็ล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเวลาค่ำ 

 

 

 

 

 

“วันนี้ไม่ไปห้องสตูดิโอหรอกเหรอ” 

 

 

“ว่าจะพักน่ะ” 

 

 

“โอ๊ะ พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกเหรอ คนบ้างานไหงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ” 

 

 

ในเย็นวันนั้น พอส่งซองฮีกลับบ้านไปแล้ว จองอูที่ขึ้นมายังชั้นสี่ก็ได้รับคำถามนั้นจากซองจูทันที ช่วงนี้ทำแต่งานจนละเลยซองจูไปบ้าง จองอูที่รู้สึกผิดอยู่บ้าง จึงเดินเกาหัวแกรกๆ เข้าไปทางห้องครัว 

 

 

“ข้าวล่ะ” 

 

 

“ยัง อยากกินด้วยกัน” 

 

 

“ที่หลังกินไปก่อนเลยนะ ถ้าฉันกินมาแล้ว จะทำยังไง” 

 

 

“ว่าไงนะ” 

 

 

“เปล่า แค่พูดให้ฟังเฉยๆ” 

 

 

เมื่อเอ่ยคำพูดที่คิดออกไปก็ได้รับท่าทีเกรี้ยวกราดกลับมา เห็นทีนิสัยนั้นของเจ้าตัวคงแก้ไม่หายสินะ อย่างไรก็โดนกดดันและมีนิสัยบูดๆ เบี้ยวๆ มาทั้งชีวิตแล้ว คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ง่ายๆ หรอก ทำได้แค่ยอมตามใจไปก็เท่านั้น จองอูเปิดตู้เย็น แล้วเริ่มต้นค้นหาอาหารเย็น 

 

 

“เดี๋ยวคงต้องไปซื้อของแล้วละ” 

 

 

“ทำไม ไม่มีของกินแล้วเหรอ” 

 

 

“ตอนนี้ก็มีอยู่หรอก แต่คงจะไม่พอถึงปลายอาทิตย์ ถ้าอาทิตย์หน้าเริ่มทำงานจริงจังแล้ว คงจะยุ่งจนหัวหมุน งั้นสั่งจากในเน็ตมาดีไหม” 

 

 

“ยุ่งยาก ไม่เห็นจะดีกว่าตรงไหน ปกตินายเองก็ไปคนเดียวแล้วหอบกลับมาทุกที” 

 

 

“ถ้ามีอะไรที่อยากกินก็จดเอาไว้ ขอภายในวันพรุ่งนี้นะ” 

 

 

“รู้แล้ว” 

 

 

ทั้งคู่พูดคุยเรื่องราวในชีวิตประจำวัน พร้อมกับจับจองที่นั่งในครัว 

 

 

เขาเอาสตูที่ซองฮีให้มาออกมาอุ่น นำผักออกมาหั่นให้มีขนาดพอดีคำ จากนั้นจึงนำไปผัด เอาไข่ต้มที่วางทิ้งไว้ในมุมหนึ่งของตู้เย็นมาตลอดออกมาสองฟอง ปลอกเปลือกแล้วนำไปผัดกับผัก วางถ้วยสตูลงข้างกัน อาหารเย็นของทั้งคู่เสร็จเรียบร้อย ช่างเป็นเมนูที่ธรรมดามาก 

 

 

“แค่นี้กินได้ไหม” 

 

 

“ยังไงก็ได้ ฉันไม่ได้กินเยอะอะไรอยู่แล้ว” 

 

 

จะด้วยรูปร่าง หรืออะไรก็ตาม จองอูควรจะกินเยอะกว่าเขา แต่มื้อนี้กลับมีเพียงสตูถ้วยเล็กๆ สีหน้าของซองจูเคร่งเครียดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ  

 

 

หลังจากกลับมาเจอกันอีกครั้ง โต๊ะอาหารของสองคนก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ 

 

 

แม้จะปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ แต่เพราะซองจูที่ต้องควบคุมอาหารเป็นกิจวัตร บนโต๊ะอาหารของทั้งคู่จึงจะมีข้าวโผล่ขึ้นมาเพียงหนึ่งมื้อเท่านั้น ตัวเขาทำแบบนั้น แต่กระทั่งจองอูก็พลอยกินอาหารไดเอตไปด้วย ไม่ให้ไม่สนใจคงไม่ได้ 

 

 

ถึงจะบอกให้กินอย่างที่อยากกิน แต่ไม่ว่าจะพูดบ่นไปกี่ครั้ง จองอูก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไปเสียทุกครั้ง มันก็ทำให้ไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ว่าเขาเองก็ไม่ได้เป็นคนเตรียมอาหาร จะให้มาทำเรื่องมากนู่นนี่ก็จะพาลให้ต้องทะเลาะกันเสียเปล่าๆ ซองจูจึงลืมๆ มันไป เรื่องการบ่นก็เป็นเพียงการแสดงความในใจออกมาเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะหัวร้อนอะไร 

 

 

พอจองอูนั่งลงแล้ว ก็หยิบช้อนตักเอาสตูเข้าปากไปคำหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น 

 

 

“ตอนเย็นกินรสจัดได้เหรอ ไม่ได้ไม่ใช่รึไง” 

 

 

“นานๆ ทีไม่เป็นไรหรอกน่า คิดซะว่าเป็นวันฟรีไปแล้วกัน” 

 

 

“ลำบากจังนะ” 

 

 

“ถ้าจะกินเพื่ออยู่ มันก็ช่วยไม่ได้นี่ ไม่ค่อยมีบทที่ไม่ต้องควบคุมอาหารแล้วด้วย พวกนายเองก็เหมือนกันไม่ใช่รึไง ทำงานด้านดนตรีก็ต้องการให้ดูอ่อนกว่าวัย แล้วก็ดูดีด้วยนี่” 

 

 

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” 

 

 

จองอูยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แล้วจึงจัดการวางแก้วน้ำที่มีน้ำแข็งเต็มแก้วลงตรงหน้าซองจู ซองจูที่มีใบหน้าซีดเซียวรับมันมาดื่มอึกหนึ่งเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา 

 

 

“แต่ไม่ต้องดูแลขนาดนั้นก็ได้” 

 

 

บ่นพึมพำออกมาแบบนั้น ซองจูก็เบะปากออกมาทันที 

 

 

“สูงวัยน่ะรู้จักไหม ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ร่างกายจะน้ำหนักเพิ่มจนลดลงได้ยาก ก่อนจะถึงช่วงนั้นก็ต้องดูแลให้ดีสิ” 

 

 

จองอูไม่ได้ตอบโต้อะไรกับคำพูดนั้น ได้แต่นั่งกินข้าวไปเงียบๆ 

 

 

เมื่อการทานอาหารที่เงียบเสียจนไม่มีกระทั่งเสียงเคี้ยวเสร็จสิ้นลง ซองจูก็ยกน้ำขึ้นดื่มอึกหนึ่ง ก่อนจะหันไปถามจองอู 

 

 

“ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” 

 

 

“หืม” 

 

 

จองอูที่ตกใจกับคำถามที่โพล่งขึ้นมาอย่างกะทันหันนั้น จึงได้ปล่อยมือที่กำช้อนให้นิ่งค้างไว้กลางอากาศ แก้วตากลมเบิกกว้างขึ้น ซองจูจึงเอ่ยถามจองอูที่มองมาที่ตนเองอีกครั้ง 

 

 

“ข้างนอกนั่นมีเรื่องอะไร ตั้งแต่เข้ามาแล้ว หน้านายดูไม่โอเคเลย” 

 

 

คำพูดนั้นทำให้จองอูตกใจอีกรอบ เหมือนโดนจับได้ว่าเป็นคนถามเรื่องเซจองออกมาก่อน และยังท่าทางทุกข์ใจของตัวเองอีก เขาแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไร พร้อมกับหัวเราะออกมา 

 

 

“ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย” 

 

 

“ทำไมล่ะ เพราะการถ่ายทำงั้นเหรอ” 

 

 

“อื้อ” 

 

 

แน่นอนว่ามันมีสิ่งสำคัญนอกเหนือไปจากการถ่ายทำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเสียทีเดียว จริงๆ แล้วเขาก็ไม่อยากทำงานนี้ จึงได้พูดแบบนั้นออกไป แต่ทว่าซองจูก็ยังจับสังเกตได้อยู่ดี 

 

 

“เหมือนจะไม่ใช่แค่นั้นนะ” 

 

 

“มันก็หลายอย่างปนๆ กันน่ะ แค่คิดว่าจำเป็นที่จะต้องถ่ายทำฉันด้วยเหรอ อะไรแบบนี้น่ะ” 

 

 

“อ้า ก็นะ นายไม่ค่อยชอบอยู่กับคนที่ไม่รู้จักอยู่แล้วด้วยนี่” 

 

 

โดนหลอกจริงๆ หรือแกล้งทำเป็นโดนหรอกกันแน่ ซองจูถึงได้พูดออกมาแบบนั้น เขาเริ่มเขี่ยช้อนไปมาอย่างเงียบๆ ในตอนนั้นเองจองอูจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด