(Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย 3-4 เข้าหอ

Now you are reading (Yaoi) รุ่งอรุณเคียงหทัย Chapter 3-4 เข้าหอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 3-4 เข้าหอ

 

“ท่านช่วยดูแลข้าสินะขอรับ” 

 

 

โซกังรู้ดีว่าตนควรต้องกล่าวคำขอบคุณ ทว่ามันกลับไม่มีคำขอบคุณใดออกมา แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาไม่ได้รู้สึกขอบคุณ อีกฝ่ายควรปล่อยให้เขาตายไปเสียอย่างนั้น การจบสิ้นชีวิตนี้เป็นสิ่งที่เขาปรารถนาจากใจจริง 

 

 

เมื่อองค์จักรพรรดิได้เห็นใบหน้าเปียกชื้นหม่นแสงลงยิ่งกว่าเดิมก็พลันรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย อุตส่าห์ช่วยชีวิตให้รอดพ้นจากความตายด้วยต้องพิษไข้ กระทั่งคำขอบคุณก็ยังไม่คิดเอื้อนเอ่ย 

 

 

ทว่าตนก็ไม่คิดจะแสดงความโมโหกับคนป่วยเช่นนั้น หลังจากกดข่มอารมณ์เอาไว้แล้วจึงแตะมือลงบนแผ่นอกบางอีกครั้งและตรัสอย่างหนักแน่น 

 

 

“อย่าคิดจะลุกขึ้นมาอีก เข้าใจหรือไม่” 

 

 

“ขอรับ” 

 

 

โซกังตอบรับอย่างนุ่มนวลกับท่าทางเข้มงวดเล็กน้อยของอีกฝ่าย จากนั้นร่างกายก็พลันไร้เรี่ยวแรง เพราะการขยับอย่างกะทันหันส่งผลให้รู้สึกชาและอ่อนเปลี้ยในทันที ทว่าขณะนั้นภาพเลือนรางก็ปรากฎให้เห็น 

 

 

ร่างกายไม่ได้มีอาภรณ์ปกปิดแม้เพียงสักชิ้น พรูลมหายใจอุ่นร้อนนอนอยู่บนเตียง โดยมีใบหน้าของบุรุษผู้นั้นอยู่ตรงหว่างขา 

 

 

“นี่มันอะไรกัน!” 

 

 

“ทำไมหรือ” 

 

 

“เปล่า เปล่าขอรับ ไม่มีอะไร” 

 

 

พึมพำตอบคำถามด้วยปฏิเสธ แต่บนใบหน้างดงามกลับไม่ได้เป็นดั่งคำพูด 

 

 

ทั้งโซยง ทั้งมูฮยอน ทั้งสหายคนอื่นๆ ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เมื่อโซกังคิดจะโกหก ใบหน้า ท่าทาง สายตา รวมถึงสีหน้าล้วนเปิดเผยออกมาหมด อีกฝ่ายจึงยกยิ้มหยอกล้อต่างจากก่อนหน้านี้พร้อมเอ่ยถาม 

 

 

“คิดอะไรไร้สาระอยู่สินะ” 

 

 

ก่อนจะกระเดาะลิ้นเล็กน้อยและกางขาเขาออกกว้างโดยไม่ลังเล จากนั้นก็สอดนิ้วผ่านช่องทางเข้าไปด้านในจนรู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าเรียวนิ้วที่ควานภายในอย่างอ่อนโยนยามนี้ มันช่างต่างกับที่ตนเคยถูกยํ่ายีตามอำเภอใจเป็นอย่างมาก ร่างบางเผลอร้องครางออกมาไม่รู้ตัว ส่วนอ่อนไหวกลางกายยังถึงกับตั้งชันขึ้น และหลังจากนั้นก็จดจำไม่ได้แล้วว่าเป็นอย่างไร 

 

 

โซกังกำผ้าห่มแน่น อดกลั้นหยาดนํ้าตาแห่งความกระดากอายที่เอ่อล้นออกมา 

 

 

เช่นนั้นสินะ ผู้ที่เคยกล่าวหาว่าตนเหมาะกับการใช้กลยุทธ์สาวงาม อย่างไรก็คงไม่มีทางทำเพียงแค่หันมองเฉยๆ โซกังมีท่าทางคล้ายสูญสิ้นความนึกคิด ต้องยอมโดนกระทำนั่นนี่ตามแต่ใจ ถูกใช้ให้เป็นที่บำเรอความต้องการของผู้อื่น ร่างกายที่ควรเปิดเปลือยก็สมควรเผยออกจนหมดสิ้น ทว่ากระทั่งตกอยู่ในสภาพไร้สตินึกคิด แต่กลับยังนึกรังเกียจการกระทำตามใจชอบของคนตรงหน้า 

 

 

โซกังผิดหวังกับการถูกช่วยชีวิตจึงยิ่งจ้องมองด้วยความผิดหวัง เมื่ออีกฝ่ายแตะต้องร่างกายของเขาตามอำเภอใจ ซึ่งฝ่าบาทเองก็มองกลับ ประสานสบกับดวงตาแสนดึงดูดคู่สวย 

 

 

“ใยถึงจ้องราวกับข้าเป็นคู่อาฆาตบิดามารดาเจ้าเช่นนั้นเล่า” 

 

 

“ข้า ร่างกายข้า… ท่านทำสิ่งใดลงไป” 

 

 

“ท่าทางจะนึกออกแล้วสินะ” 

 

 

“ข้าถามว่าท่านทำสิ่งใดกับคนป่วยอยู่เช่นนี้!” 

 

 

พลันตวาดขึ้นเสียงด้วยความโมโหเจ้าของรอยยิ้มพราย เจ้าตัวไม่อาจอดทนเลยพยายามลุกขึ้นพรวดขึ้นมา ทันใดนั้นบุรุษหน้าตายิ้มแย้มแปรเปลี่ยนเป็นเครียดขึงทันที 

 

 

“ลืมที่ข้าพูดแล้วหรือ อย่าแม้แต่คิดจะลุกขึ้นมา” 

 

 

“ทำเช่นนั้น อ๊ะ!” 

 

 

แล้วโซกังก็ต้องร้องออกมาเมื่อเกิดการกระเทือนกับแผ่นหลังจนหลงลืมวาจาที่ต้องการกล่าว นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายผลักเขากลับลงบนเตียงอย่างรุนแรง น้ำหนักตัวของบุรุษกดทับลงมาบนร่างบอบบาง เขาดิ้นไปมาเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ทว่ามันกลับกลายเป็นการกระทำอันไร้ประโยชน์ 

 

 

ร่างกายโซกังผอมบางจนน่าตกใจ น่าสงสัยว่าสามารถถือสิ่งใดหนักกว่าแท่นฝนหมึกได้หรือไม่ อีกทั้งเมื่อกลายเป็นทาสและกลายเป็นสิ่งบำเรอกามของทาสคนอื่น ก็ยิ่งผ่ายผอม พละกำลังอ่อนแอลงยิ่งกว่าตอนนั้นเป็นอย่างมาก จึงไม่มีทางขัดขืนต่อสู้พละกำลังของนักรบแต่กำเนิดเฉกเช่นคนด้านบนได้ 

 

 

องค์จักรพรรดิกดน้ำหนักลงบนตัวโซกังอย่างกดดันพร้อมกับเอ่ยออกมาแผ่วเบา ปฏิกิริยาตัวสั่นระริกด้วยความเข้าใจผิดช่างน่าเอ็นดู ด้วยเหตุนั้นจึงไม่คิดมองข้ามความต่อต้านของอีกคนได้อีกต่อไป เพราะร่างบางแสดงความโมโหออกมาอย่างไร้เหตุผลจนตนก็รับมือไม่ถูก 

 

 

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้านึกอะไรออก แต่ข้าไม่เคยกระทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้นต่อเจ้า เหมือนอย่างที่เจ้าคิด” 

 

 

“เช่นนั้น ในตัวข้า ทำไม…” 

 

 

“เครื่องนอนเปื้อนเลือดอยู่ตลอด ตรวจดูแล้วก็พบว่ามีบาดแผล เหมือนว่าเลือดนั่นไหลออกมาจากภายใน ข้าจึงตามหมอหลวงมา หมอกล่าวว่าหากผสมแพกคโยฮยัง[1]กับผงฮยอลกัล[2]ในน้ำแล้วทาลงไป จะทำให้ทุเลาลง ข้าก็แค่ทายาให้เจ้าเท่านั้น” 

 

 

“ข้าจะเชื่อได้อย่างไร” 

 

 

“ก็ลองจับดูเอาเองสิ อย่างไรก็มีคราบยาแห้งเป็นผงๆ อยู่แล้ว” 

 

 

เมื่ออีกฝ่ายดึงผ้าคลุมตัวลงและดึงมือเขาให้ลองสัมผัสบริเวณนั้น โซกังจึงส่ายหน้าไปมาพลางยื้อดึงผ้าห่มเอาไว้เช่นเดิม 

 

 

“ไม่ต้องแล้วขอรับ ข้าเชื่อแล้ว” 

 

 

เนื่องจากเขาไม่อยากทำเรื่องน่าอายเช่นการสัมผัสส่วนนั้นต่อหน้าผู้อื่น ยามนีก็ไม่ได้มีความอึดอัดหรือไม่สบายตัวเหมือนที่เคยรู้สึกหลังจากได้รับนํ้ากามเหล่านั้น คำพูดขอบุรุษผู้นี้คงจะเป็นความจริง ฝ่าบาทขยับลุกขึ้นจากตัวโซกัง ก่อนจะช่วยจัดผ้าห่มยับย่นไม่เป็นท่าให้ใหม่อีกครั้ง 

 

 

“หากยังรั้นลุกขึ้นมาอีก ข้าจะตีก้นให้” 

 

 

“หา…” 

 

 

โซกังเผลอหลุดเสียงอุทานออกมาพร้อมใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ เมื่ออีกคนยกยิ้มอ่อนโยนขัดกับวาจาขณะจ้องมองกัน 

 

 

ตั้งแต่วันนั้น หลังจากตกเป็นที่บำเรอให้กับเหล่าทาส เขาก็ไม่เคยได้รับรอยยิ้มเช่นนี้จากผู้ใดอีกเลย แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังรู้ว่ามันเป็นความคิดไร้เดียงสา ทว่าคนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ได้โป้ปดจริงๆ เขาจึงอยากเชื่อว่าทุกอย่างเป็นเช่นนั้น 

 

 

“ข้าคงจะเข้าใจผิดไปขอรับ” 

 

 

“ไม่เป็นไร คงจะจำได้เพียงเลือนรางเพราะพิษไข้น่ะ” 

 

 

และขณะนั้นเสียงของข้ารับใช้ก็ดังขึ้นจากด้านนอก 

 

 

“หมอหลวงมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เข้ามาได้” 

 

 

ประตูเปิดออกทันที่ผู้มีอำนาจสูงสุดตอบรับ หมอหลวงค้อมคำนับ ก่อนจะรับถ้วยยามาถือและเดินเข้ามาภายใน จากนั้นก็ถวายความเคารพแก่องค์จักรพรรดิอีกคราทั้งๆ ที่ยังถือถ้วยยาเอาไว้ พร้อมเอ่ยขอประทานอนุญาตสัมผัสร่างกายของโซกัง และเมื่อได้รับอนุญาตแล้ว หมอหลวงก็ขยับเข้ามาใกล้แท่นบรรทม วางถ้วยยาไว้ด้านหนึ่งและแสดงความเคารพต่อร่างบางเช่นกัน 

 

 

“มามา ขอกระหม่อมตรวจชีพจรสักครู่” 

 

 

“ขอรับ? มามาหรือ ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าไม่บังอาจหรอกขอรับ ข้าเป็นเพียงทาสหลวงเท่านั้น เรียกว่าทาสจึงจะเหมาะสมกว่านะขอรับ” 

 

 

“เป็นฝ่าบาทเป็นผู้พาตัวท่านมา อีกทั้งยังมีเพียงท่านเท่านั้นที่ได้พำนักอยู่ในตำหนักคอนรยุงเช่นนี้ กระหม่อมคงไม่อาจปฏิบัติต่อท่านเฉกเช่นทาสได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

โซกังตาเบิกโตขึ้นอย่างที่ไม่อาจโตได้มากกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าเวลานี้ตนควรจะต้องตกใจกับสิ่งใดมากกว่ากัน 

 

 

ตำหนักคอนรยุงอย่างนั้นหรือ 

 

 

แค่หลับไปบนเสื่อฟางในเรือนนอนหน่วยสามของกรมฝ่ายใต้ ทว่าพอลืมตากลับมาอยู่ในตำหนักส่วนพระองค์ของจักรพรรดิเสียได้ สถานการณ์ราวกับเรื่องโกหกเช่นนี้ เขาไม่รู้เลยว่าจะต้องรับมืออย่างไรต่อ จึงทำได้เพียงปล่อยให้หมอหลวงตรวจดูชีพจรตรงข้อมือ 

 

 

หมอหลวงตรวจชีพจรบริเวณข้อมือทั้งสองข้าง โดยมีผ้าแพรสีขาวคลุมทับอยู่ตลอดจนกระทั่งเสร็จสิ้น จึงลุกขึ้นค้อมศีรษะถวายรายงานแก่ฝ่าบาท 

 

 

“หายจากอาการป่วยแล้ว ทว่าเดิมนั้นร่างกายอ่อนแอมากจึงจำเป็นต้องพักฟื้นพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท แผลภายในจะทรงให้กระหม่อมทำอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

คำถามของหมอหลวงนั้น เป็นเพราะยามโซกังไม่ได้สติ ฝ่าบาทไม่อนุญาตให้หมอหลวงรักษาภายใน แต่กลับตรวจดูด้วยพระองค์เอง และเพียงแค่บอกอาการคร่าวๆ แก่หมอหลวง จึงถือเป็นการรักษาเบื้องต้นเท่านั้น ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงต้องไม่พอใจหากมีผู้อื่นมาแตะต้องส่วนที่ตนยังไม่ได้แตะต้อง 

 

 

กระทั่งหมอหลวงกล่าวว่าเป็นบาดแผลที่เกิดจาก ‘การเสพสังวาสกับบุรุษ’ อย่างแน่นอน ความรู้สึกนั้นก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนไปแต่อย่างใด พระองค์ตอบออกไปอย่างหนักแน่น 

 

 

“เจ้าบอกมาว่าต้องทำอย่างไรบ้างก็พอ” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

จากนั้นเขาขยับเข้าไปใกล้โซกัง สอดมือเข้าไปในผ้าห่มแล้วจับกางขาออก และเนื่องจากตอนนี้โซกังรู้แน่ชัดแล้วว่าบุรุษผู้นี้คือองค์จักรพรรดิ ร่างบางจึงไม่บังอาจขัดขืน ได้แต่ตัวสั่นงันงกอยู่เช่นนั้น 

 

 

“ใยถึงทรงทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“คุกเข่าแล้วกางขาออกเสีย เพียงแค่ทายาไม่เจ็บมากหรอก” 

 

 

โซกังขบริมฝีปากด้วยความกระดากอายจากความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ พร้อมกันนั้นก็กวาดสายตามองโดยรอบอย่างรวดเร็ว ด้านในที่แห่งนี้มีเพียงฝ่าบาทกับหมอหลวงก็จริง ทว่าด้านนอกยังมีองครักษ์ที่มองเห็นเหตุการณ์อีกตั้งแปดคน การถูกสัมผัสภายในด้วยนิ้วมือต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ มันช่างเป็นความจริงที่น่าอับอายอย่างยิ่ง สู้ยํ่ายีเขาเฉกเช่นทาสเหล่านั้นยังจะดีเสียกว่า 

 

 

 

 

 

[1] แพกคโยฮยัง (백교향 : 白膠香) ยางของต้นเมเปิ้ลหอม (Liquidambar formosana Hance) มีสรรพคุณในการห้ามเลือด มักจะใช้กับฝีหนองหรือโรคผิวหนัง  

 

 

[2] ฮยอลกัล (혈갈 : 血竭) มากจากต้น Daemonorops draco Blume มีสรรพคุณในการห้ามเลือด 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด