You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! 123

Now you are reading You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! Chapter 123 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 123 มันน่าหงุดหงิดจริงๆนั่นแหละ

เฉกเช่นตอนนี้ ความเงียบคืบคลานเข้ามาทางฝั่งของฉัน ก็ไม่ได้อึดอัดอะไรหรอก แต่ก็อึดอัดแหละ มันสบายจริงๆนะ ผมที่นุ่มสลวยนั่น ทำเอาฉันรู้สึกสบายทุกครั้งที่ได้สัมผัสเลยแล้วก็…รสชาติของริมฝีปากมันชวนให้ไม่ลืมจริงๆ อยากจะขอโทษแล้วก็จูบเธอซะ แต่ถ้าเริ่มต้นใหม่ คุณเองก็คงจะถูกมองเป็นพวกไร้ตัวตนแน่ๆ และผู้หญิงโง่คนนี้ก็จะไม่ยอมเริ่มใหม่แน่ๆด้วย นี่แหละปัญหา

“จะเอาอะไร?” ชิง หยา เอ่ยถามขณะที่ซบอกเย่ ฮั่วอยู่

เย่ ฮั่วตอบอย่างใส่ใจ “ไม่เอา”

“ฉันจะไปโรงพยาบาลพรุ่งนี้เพื่อตรวจอะไรหน่อย” ชิงหยาพูดเสริม

เย่ ฮั่วขมวดคิ้วแน่น “อะไรหน่อยที่ว่านั่นคือตรวจอะไร?”

“แน่นอนว่าก็ต้องเป็นเรื่องเด็กน่ะสิ นี่นายเป็นพ่อประสาอะไรถึงไม่รู้เรื่องนี้เนี่ย?” ชิง หยากำหมัดเบาๆพร้อมทั้งหายใจฟึดฟัด

ไอ้เรื่องเด็กนั่น เย่ ฮั่วรู้ดีว่ามันไม่จำเป็นต้องไปตรวจถึงโรงพยาบาลก็ได้

“เด็กไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้”

“ฉันรู้ว่านายน่ะศึกษามาดี แต่ฉันไม่เชื่อหรอก” น้ำเสียงของชิงหยาฟังดูอ่อนลง เมื่อ 2 วันก่อนจากที่ติดต่อกับจักรพรรดิจากทิศตะวันออกมันทำให้เธอหันมาดูแลลูกที่กำลังจะเกิดมากขึ้นแถมยังอยากทำให้มั่นใจด้วยว่าลูกเธอจะไม่เป็นอันตรายใดๆ

“อะไรกันเนี่ย นี่ไม่เชื่อฉันเหรอ?”

“ฉันไม่เชื่อนาย ฉันแค่อยากจะหาอะไรมาทำให้มั่นใจเฉยๆ” ชิงหยาสัมผัสไปที่สะโพกแบนๆของเขาก่อนจะยิ้มน้อยๆออกมาที่มุมปาก แต่นั้นก็นับว่ายิ้มเยอะที่สุดในรอบหลายเดือนมาแล้ว

เย่ ฮั่วไม่ได้พูดอะไร เพราะท้ายสุดแล้วนั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของชิงหยา แน่นอน ฉันเชื่อในการแพทย์สมัยใหม่ ยังไงซะก็ช่วยทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นด้วยก็แล้วกัน

“เย่ ฮั่ว ถ่ายรูปงานแต่งของเราก่อนที่ท้องฉันจะป่องนะ” ชิงหยาพูดด้วยเสียงละมุน เหนือสิ่งอื่นใด การได้ใส่ชุดเจ้าสาวก็เป็นสิ่งที่สาวๆไฝ่ฝันล่ะนะ แม้แต่ชิงหยาเองก็ไม่มีข้อยกเว้น

เย่ ฮั่วพูดอย่างใส่ใจอีก “ไม่เห็นว่าถ่ายรูปแล้วจะมีอะไรดีเลย น่าเบื่อ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ! พวกเราจัดพิธีแต่งงานกันไม่ได้ แต่ภาพแต่งงานน่ะจำเป็นต้องมีนะ!“ ชิงหยาอารมณ์แปลผันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว และครั้งนี้ก็เพราะว่านายไม่อยากถ่ายรูปแต่งงานกับฉันยังไงล่ะ!

เย่ ฮั่วเงียบ

แต่ในสายตาของชิงหยา นี่คือการปฏิเสธแบบซ่อนๆ

ฉันเห็นชิงหยาลุกขึ้นไปนั่งและถามด้วยเสียงเยือกเย็น “เย่ฮัว ฉันจะถามนายอีกครั้งนึงนะ ว่านายยังใช้ฉันเป็นแค่เครื่องมือผลิตเด็กใช่ไหม!”

“ใช่” เย่ฮัวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเดียวกัน แต่คำตอบนี้ก็ทำให้ตัวเขาเองรู้สึกหงุดหงิดไปด้วย

นัยน์ตาสวยของชิงหยาแดงก่ำ เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน เขาคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเมื่อถึงเวลานี้ แต่ไม่เลย เขานี่มันโง่จริงๆ!

หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ชิงหยา พูดอย่างไม่แยแส “หลังจากที่เด็กคนนี้เกิด เราจะหย่ากัน”

เมื่อพูดจบเธอก็เอนไปที่อีกข้างหนึ่ง แสงนวลผ่องจากดวงจันทร์กระทบบนใบหน้าสวยที่ปกคลุมด้วยหยาดน้ำตา

เย่ ฮั่วได้ยินคำว่าหย่าร้างมาหลายต่อหลายครั้ง เขาจึงพูดอย่างเย็นชาออกไป “เรื่องของเธอ!”

ได้ยินถ้อยคำที่แสนจะไร้เยื่อใยจากเย่ ฮั่ว ชิง หยาก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งไหล่กระตุกเบาๆ ถึงแม้ว่าเธอจะร้องไห้อยู่แต่เธอก็ไม่ได้ทำให้มันเกิดเสียงดังหรืออะไรทั้งสิน เธอ…จะไม่ยอมให้ชายคนนี้่แล้ว!

เย่ ฮั่วอารมณ์บูดมากๆ ณ ตอนนี้ แต่เขาก็ยังคงคิดตลอดว่าเธอนั้นเอาแต่ใจเกินไปแล้ว เพราะเขาปล่อยปะละเลยปล่อยให้เธอเหลิงมากเกินไปจนตอนนี้กล้าที่จะมาเสนอที่จะหย่าเสียแล้ว

จอมมารนั้นไม่เคยดีพอสำหรับผู้หญิง ปล่อยให้เธออยู่กับตัวเองไปก่อน แล้วก็คิดว่าเขาทำอะไรไปแล้วบ้างในวันนี้ เย่ ฮั่วรู้สึกได้เลยว่าเขานั้นใจดีเกินไป

ในเวลานี้มันทำให้นอนไม่หลับอีกต่อไปแล้ว เย่ฮั่วเองก็ลุกแล้วเดินออกไปจากห้องนอนนั้นด้วย

ทางฝั่งของชิง หยา เขาได้ยินเสียงของเย่ ฮั่ว และเมื่อประตูปิดเธอก็ไม่สามารถระงับความคับข้องใจในหัวใจของเธอได้ เธอร้องไห้ออกมา หมอนที่อยู่ด้านหลังถูกหยิบมาซุกไว้และมุดหน้าเพื่อร้องไห้อัด ใบหน้าสวยจมหายไปในหมอนซึ่งตอนนี้กำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาแห่งความอึดอัดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

สำหรับเด็กแล้ว ฉันยังคงอยากที่จะก้าวไปพร้อมๆกับคุณ แต่คุณไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ หรือถึงแม้ว่าคุณจะจงใจใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือผลิตเด็กจริงๆ ฉันคงไม่อาจเจอคุณได้!

เมื่อเขาเดินเข้ามายังออฟฟิศ เย่ฮั่วหยิบเอาขวดวอดก้าและบุหรี่ออกมาก่อนจะไปนั่งที่ริมหน้าต่างเพื่อเชยชมแสงจันทร์

“เว่ยจาง เลี่ยกู!” เขาเรียกหา

แทบจะทันทีเว่ยจาง และเลี่ยกูก็ปราฏออกมา พวกเขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับอะไรแบบนี้และคุกเข่าลงไปกับพื้นทันที นั่นเพราะว่าน้ำเสียงของผู้สูงส่งตรงนี้ต่างไปจากเดิม ราวกับว่าเขาย้อนกลับไปยังอดีต ณ จุดที่ยังไม่มีความเป็นมนุษย์

เย่ ฮั่วเหลือบมองดวงจันทร์ก่อนจะพ่นควันออกมา “ไหนพวกเจ้าพูดมาซิ ว่าจอมมารอย่างข้านั้นมีเมตตามากเกินไปหรือไม่!”

เว่ยจางและเลี่ยกูหน้าซีดพร้อมสั่นกลัว นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมท่านผู้สูงส่งนี้จึงได้เปลี่ยนง่ายในเสี่ยววินาทีเช่นนี้ ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังพูดอยู่เลยว่าจะพาทุกคนออกจากที่นี่ และตอนนี้ก็กลับกลอกเสียแล้ว

เลี่ยกูนิ่งชะงักไปเลย เว่ยจางก็เช่นกัน พวกเขาไม่สามารถพูดออกไปได้ เพราะงั้นหาเรื่องอื่นมาพูดดีกว่า

เว่ยจางในครานี้กล้าที่จะพูดมันออกไป สำหรับกรณีที่ถ้าพูดผิดหูล่ะก็ แน่นอนว่าท่านผู้สูงส่งตรงนี้คงได้จากไปแน่ๆ แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วแม่หนูถังจะยังคงมีชีวิตอยู่ได้หรือเปล่า? ชัดเจนแล้วว่าไม่

“พวกเขาไม่กล้าที่จะพยายามเข้าใจท่านครับ ท่านผู้สูงส่ง” เว่ยจางพูดออกไปด้วยความเคารพ นั่นก็เพื่อพยายามจะเข้าใจว่าทำไมท่านผู้สูงส่งตรงนี้ถึงเปลี่ยนไป จากนั้นค่อยให้ลดยา

“ดูเหมือนว่าถัง เว่ยจะเปลี่ยนเจ้าไปมากนะ!” เย่ ฮั่ว พูดอย่างไม่แยแสแต่แบบนั้นก็ยิ่งทำให้อุณหภูมิในอากาศลดต่ำลงไปอีก

เว่ย จางช็อคไปเลย “ท่านผู้สูงส่ง เจ้าหนูถังนั้นยังคงไร้เดียงสาครับ”

เย่ ฮั่วยืนขึ้นช้าๆก่อนจะเดินไปที่เว่ย จางและมองไปที่เขา ผู้ที่กำลังก้มหน้าลง “เจ้ากำลังพูดถึงมนุษย์ผู้หญิงอยู่นะ!”

เซนส์แห่งการกดขี่ของเว่ยจางทำงานแล้ว เขาหนาวสั่นไปทั้งตัวในขณะที่เหงื่อก็เริ่มแตกพลั่กๆแล้ว ท่านผู้สูงส่ง ท่านไปโด๊ปหรือเตะขอบโต๊ะมาหรือไงเนี่ย!

“ท่านผู้สูงส่ง เว่ย จางไม่ได้มีเจตนาจะหมายถึงแบบนั้นหรอกครับ และเขาหวังว่าท่านผู้สูงสูงส่งจะไว้ชีวิตเขาในครั้งนี้ด้วย” เลี่ย กูรีบตอบขึ้นมาทันที

เย่ ฮั่วมองและสูดหายใจเข้าลึกๆ “นานมาแล้ว ข้าได้ยินมาว่ามนุษย์ผู้หญิงนั้นมีพลังที่จะทำให้ผู้คนสับสน ดูท่าว่าเจ้าสิ่งนั้นจะเป็นจริง!”

เว่ย จางและเลี่ยกูมองไปซึ่งกันและกัน รู้สึกเลยว่าท่านผู้สูงส่งนี่เปลี่ยนไปเพราะท่านผู้หญิงแน่ๆ!

แต่นายหญิงก็เป็นแค่มนุษย์ เหตุใดจึงทำให้ท่านผู้สูงส่งโกรธได้กันนะ?

เลี่ยกูสบตาเล็กน้อย และรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เว่ยจางเองก็คิดถึงภรรยาของเขาที่ค่อนข้างจะสุภาพมากๆ ไม่เหมือนผู้หญิงประเภทที่จะทำให้ผู้คนโกรธได้ง่ายๆเลย

เว่ย จางหยุดและพูด “ข้าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชารู้สึกว่า ท่านผู้สูงส่งนั้นใจดีและนอกจากนั้นก็ยังเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์ด้วย นอกจากนี้ท่านยังเป็นคนใจดีในหมู่มนุษย์ด้วยกันเองด้วย”

เย่ ฮั่วไม่ได้พูดอะไรนอกจากสูบบุหรี่ต่อไป

มองไปยังท่าทีของท่านผู้สูงส่ง เว่ยจางก็เริ่มผ่อนคลาย “ท่านผุ้สูงส่ง อาจจะบอกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังสับสนในคำพูดของท่านก็เป็นได้และพวกนางก็เข้าใจในมุมอื่นแทน”

“พูด” เย่ ฮั่วถามอย่างไม่แยแส

เว่ยจางเพียงแค่พูดไปเรื่อย ใครจะคิดว่าท่านผู้สูงส่งจะถามกัน แบบนี้ดีแล้วสินะ

ความเงียบดึงเลี่ยกูไว้ให้อยู่กับที่ เขาเลียมือของตัวเองขณะเปลี่ยนความคิด ราชันของพวกเขานั้นเพียงแค่รู้สึกว่าเขาดีสำหรับทุกๆมุมมองบนเตียง

สำหรับเลี่ยกูแล้ว ผู้หญิงก็ไม่ได้อะไรมากมาย ถ้าพูดถึงประสบการณ์ล่ะก็อาจจะตายได้เลยก็ได้!

หากจะพูดออกมาล่ะก็ ท่านผู้สูงส่งคงต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งนี้อีกเป็นแน่

เพราะงั้นรั้งปากไว้งาบกระดูกดีกว่า

“ท่านผู้สูงส่ง ถ้าหากท่านมองไปยังกลศาสตร์ที่น่าสับสนเช่นเดียวกับความรักนี่ ท่านอาจจะเข้าใจมัน”

“สามหาว!” เย่ ฮั่วตะโกนออกมาด้วยเสียงดัง

เว่ย จางมองไปยังเย่ ฮั่ว ทัศนคติของเขาเหมือนกับประธานธิบดีที่เอาแต่ใจที่เห็นได้ในทีวีซีรี่ย์เสียจริง มันเปิดเผยให้เห็นแล้วว่าท่านผู้สูงส่งเองดูท่าจะมีปัญหากับตัวเขาเอง และท้ายสุด นี่คือความสมดุลย์

“ให้ตายเถอะ!”

“ชิบหาย!”

เว่ย จางและเลี่ย กูรีบสารภาพบาปทันทีแต่กระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกผ่อนคลายอยู่ เพราะไอ้คำว่า “สามหาว”นั่น ชัดเจนเลยว่าเป็นความรู้สึกของมนุษย์

“ท่านผู้สูงส่ง รักนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดในบรรดาความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ถ้าท่านผู้สูงส่งสามารถทลายมันลงได้ ท่านก็จะเป็นอมตะได้” เว่ย จางพูดอย่างจริงจัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด