You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! 155

Now you are reading You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! Chapter 155 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

GG บทที่ 155 – ฝีมือที่แท้จริงของพี่ชาย

ทันใดนั้น

เมื่อพลังพุ่งเข้าปะทะกัน ทั้งสองคนก็กระโดดแยกออกจากกัน

เย่ฮัวมองหน้าเย่จีจี้ด้วยความเย็นชา ดูเหมือนว่าเด็กหญิงจะเกิดความสับสนเล็กน้อย แต่พลังของเธอก็ยังจัดได้ว่าน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

“เย่จีจี้ ฉันดีใจนะที่เห็นเธอแข็งแกร่งขนาดนี้” เมื่อเย่ฮัวโบกมือขึ้นเบาๆ ชุดเกราะของเขาก็หายวับไป เปิดเผยให้เห็นร่างที่แท้จริงซึ่งเป็นโครงกระดูก

เย่จีจี้สูดหายใจลึกและพูดออกมาว่า “พี่ชายจะยอมแพ้ได้หรือยัง?”

“เย่จีจี้ เธอไม่รู้หรอกว่าพลังที่แท้จริงของฉันเป็นยังไง” เบ้าตาที่ว่างเปล่าของเย่ฮัวเปล่งประกายสีแดงออกมา

“งั้นเรามาสู้กันต่อก็ได้ เอาให้ฉันหักกระดูกของพี่ชายเมื่อไหร่ ค่อยมาดูกันก็ได้ว่าพลังที่แท้จริงของพี่ชายเป็นยังไง” เด็กหญิงคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยกปืนสูบโลหิตในมือขึ้นเล็งใส่ใบหน้าของเย่ฮัว

แต่เย่ฮัวยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้มีท่าทีเตรียมป้องกันตัวแต่อย่างใด

ปืนสูบโลหิตปล่อยลำแสงสีแดงพุ่งตรงออกมา หมายมั่นว่าจะเผด็จศึกในครั้งนี้ได้แน่นอน

ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีมาก แต่ก็อย่างที่เย่ฮัวได้กล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ เย่จีจี้ไม่รู้หรอกว่าตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับใคร!

ในขณะที่ลำแสงจากปืนของเด็กหญิงพุ่งเข้ามาจะถึงหัวกะโหลกของเย่ฮัว ทันใดนั้นลำแสงก็หยุดชะงักอยู่กับที่ มันหยุดอยู่ห่างจากหัวกะโหลกของเขาเพียงแค่หนึ่งมิลลิเมตรเท่านั้น! นี่จึงเป็นหลักฐานที่บอกว่าเย่ฮัวมีพลังควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ

เย่จีจี้ถึงกับตกตะลึงสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปในทันที เธอรู้ตัวว่าจำเป็นต้องหนีแล้ว ชายหนุ่มแข็งแกร่งมากเกินไป แต่กลับพบว่าร่างกายของตนเองเคลื่อนไหวไม่ได้เสียแล้ว!

“เย่จีจี้ แค่ดีดนิ้วฉันก็ฆ่าเธอได้ แต่รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงไม่ฆ่าเธอ” เย่ฮัวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

เย่จีจี้ไม่รู้คำตอบ ถึงจะทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวตอนนี้ ก็ไม่สามารถปลดมนต์พัฒนาการของชายหนุ่มได้

“เพราะว่าฉันไม่อยากทำไงล่ะ”

หลังจากนั้น เย่ฮัวก็ส่งเสียงร่ายคาถาออกมาว่า “อัคคีวิญญาณนภา!”

ปรากฏเปลวไฟสีม่วงผุดขึ้นมารายล้อมรอบตัวของเด็กหญิงห้าจุด ส่วนปลายของเปลวไฟแต่ละจุด โค้งขึ้นสัมผัสกันก่อให้เกิดเป็นรูปร่างกรงขังแปลกประหลาด และมีร่างของเย่จีจี้ยืนอยู่ตรงกลางภายในกรงขังนั้น

นี่มันอะไรกัน!

และบนยอดสูงสุดของกรงขังไฟ เปลวไฟของมันพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ราวกับว่าจะแผดเผาท้องนภาให้สูญสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมๆ กับร่างของเด็กหญิงที่อยู่ด้านในก็ไม่ปาน

“ไม่นะ! ฉันจะฆ่าแก!” เย่จีจี้ส่งเสียงกรีดร้องอยู่ในกรงขัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

ดูเหมือนว่าเย่ฮัวจะรอคอยโอกาสนี้มานานแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกว่าเย่จีจี้ที่อยู่ในกรงขังไฟมีอะไรบางอย่างผิดปกติจริงๆ

เด็กหญิงร้องตะโกนออกมาว่า “ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ!”

“ไม่มีทาง”

ดวงตาที่อยู่หลังชุดเกราะของเย่จีจี้ปรากฏความหวาดกลัวถึงขีดสุด เธอไม่สามารถขยับร่างกายได้อีกแล้ว มันเป็นไปได้ยังไงกัน!

เย่ฮัวยังคงยืนมองเด็กหญิงถูกไฟเผาต่อไป ชุดเกราะของเธอกลายเป็นสีแดงเข้ม มีแต่ผมหางม้าทั้งสองข้างของเธอเท่านั้นที่โบกสะบัดไปมา

“พี่ชายกระดูกใหญ่ ฉันยอมแพ้แล้ว ฉันยอมแพ้!” แม้จะอยู่ในชุดเกราะ แต่เย่จีจี้ก็ทนรับการถูกเผาไม่ไหวอีกต่อไป เธอถึงกับร้องขอความเมตตาด้วยซ้ำ

แต่เย่ฮัวกลับไม่สนใจและยืนมองเฉยๆ ต่อไป

“ฉันยอมแพ้แล้ว นายยังต้องการอะไรอีก!” เย่จีจี้ยังคงส่งเสียงกรีดร้องต่อไป เย่ฮัวถอนหายใจออกมา แต่เขาก็ยังคงยืนมองเด็กหญิงถูกไฟเผาเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป… 1 ชั่วโมงผ่านไป… 2 ชั่วโมงผ่านไป…

“ทำไมถึงอำมหิตขนาดนี้…” เย่จีจี้พูดออกมา ก่อนที่จะหมดสติไป

ในที่สุดเด็กหญิงก็หมดสติเสียที

เย่ฮัวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก กว่าจะสลบได้เล่นเอาเหนื่อยไม่น้อย มาดูกันเถอะว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่!

เมื่อยื่นฝ่ามือออกมาข้างหน้า ตะเกียงดวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา

ตะเกียงดวงนี้มีนามว่าตะเกียงยอดจันทรา แสงของมันจะช่วยสาดส่องบนร่างกายให้ตรวจพบว่า มีส่วนไหนภายในร่างกายเสียหายหรือได้รับบาดเจ็บบ้าง โชคไม่ดีที่ตะเกียงนี้สามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเมื่อถูกจุดแล้ว มันก็จะหายไปทันที ยิ่งกว่านั้น ตะเกียงยอดจันทราจะต้องใช้งานกับคนที่หมดสติอยู่เท่านั้น ไม่อย่างนั้น แสงของมันก็จะไม่สามารถใช้ตรวจร่างกายได้อย่างที่ควรจะเป็น

เย่ฮัวตั้งใจเพียงแค่อยากทดสอบพลังของเย่จีจี้ตั้งแต่แรก และเป็นไปตามที่คาด เด็กหญิงมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก ส่วนที่เขาใช้กรงขังไฟเผาเธอ ก็เพราะอยากให้เย่จีจี้หมดสติไป เพื่อที่เขาจะได้ใช้งานตะเกียงยอดจันทราได้เท่านั้นเอง

ทันทีที่เย่ฮัวสะบัดฝ่ามือ กรงขังไฟก็ดับวูบ เย่ฮัวจึงสามารถเข้าไปตรวจดูอาการของเด็กหญิงได้อย่างใกล้ชิด

แสงสว่างจากตะเกียงยอดจันทราค่อยๆ อาบไล้ไปบนร่างกายของเย่จีจี้ ทำให้ร่างกายของเธอมีลักษณะโปร่งแสงทันที

เย่ฮัวกวาดตามองสำรวจภายในร่างกายของเย่จีจี้ ได้แต่หวังว่าตะเกียงยอดจันทราจะใช้งานกับเธอได้ผล

แล้วแสงไฟจากตะเกียงก็เปิดเผยให้เห็นส่วนที่เสียหายภายในร่างกายของเด็กหญิงจริงๆ เย่ฮัวคิดเอาไว้ไม่มีผิด ภายนอกเย่จีจี้ดูเป็นปกติดี แต่ภายในไม่ได้เป็นปกติเลยสักนิด

นั่นก็เป็นเพราะว่า มีแผ่นยันต์สามแผ่นแปะอยู่บนหัวกะโหลกของเย่จีจี้ในลักษณะสามเหลี่ยม แต่มันยังขาดแผ่นยันต์ที่ควรจะมีอยู่อีกสองแผ่น การควบคุมวิญญาณเด็กหญิงจึงไม่สมบูรณ์

เย่ฮัวกําหมัดแน่น มันหน้าไหนกันกล้ามาแปะแผ่นยันต์ใส่คนของเขาแบบนี้ แต่เย่จีจี้มีพลังแกร่งกล้าอย่างที่คิดไม่ถึง เธอคงตื่นขึ้นมากลางพิธี ใครก็ตามที่ทำแบบนั้นกับเธอ เขาจะต้องรู้ตัวตนของพวกมันให้ได้!

ชายหนุ่มดีดนิ้ว แผ่นยันต์ทั้งสามแผ่นหายวับไปกับตา เป็นเวลาเดียวกับที่แสงสว่างจากตะเกียงยอดจันทราดับลง แล้วตัวตะเกียงก็หายวับไปในอากาศเช่นเดียวกัน

หลังจากที่แผ่นยันต์หายไปแล้ว ชุดเกราะของเย่จีจี้ก็หายไปด้วย ตอนนี้เด็กหญิงกลับมาอยู่ในชุดกระโปรงเจ้าหญิงดิสนีย์อีกครั้ง เย่ฮัวค่อยๆ ทรุดนั่งลงกับพื้นและล้วงหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ ก็คือรอให้เย่จีจี้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

ผ่านไปอีกครึ่งค่อนวัน

เสียงของเด็กหญิงก็ดังขึ้น

เธอตื่นแล้ว

เย่จีจี้นอนกระพริบตาปริบๆ อยู่บนพื้น ถามออกมาว่า “ที่นี่ที่ไหนกันเนี่ย?…หิวจังเลย…”

เด็กหญิงลุกขึ้นนั่ง แล้วเลียริมฝีปาก

หลังจากนั้น เธอก็เห็นชายแปลกหน้าคนนึงนั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงหน้า หน้าตาของเขาช่างหล่อเหลาอะไรขนาดนี้

แต่ก็ดูคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย…

“เย่จีจี้” เย่ฮัวร้องเรียก

ทันใดนั้น ความทรงจำของเด็กหญิงก็กลับคืนมา ใบหน้าที่แสนน่ารักน่าชังของเธอร้องไห้ออกมาแล้ว

“พี่ชายกระดูกใหญ่” เย่จีจี้โผเข้ามาสวมกอดเขาด้วยใบหน้านองน้ำตาแห่งความสุข

ภาพที่เด็กหญิงวิ่งเข้ามาสู่อ้อมแขนของเย่ฮัวเป็นภาพที่น่าเศร้าไม่น้อย เธอไม่ต่างจากเด็กน้อยหลงทาง ที่ได้กลับมาเจอครอบครัวอีกครั้ง

เย่ฮัวระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนที่จะลูบหัวของเย่จีจี้

“ฝันร้ายจบลงแล้วใช่ไหมคะ พี่ชาย จีจี้คิดถึงพี่ชายจังเลย” เด็กหญิงใช้แขนเสื้อของเย่ฮัวเป็นผ้าซับน้ำตา

เย่ฮัวเลิกคิ้วขึ้นสูง

“จำได้ไหมว่าถ้าเธอทำผิด จะต้องถูกลงโทษ”

เย่จีจี้มองหน้าชายหนุ่มอย่างน่าสงสาร ก่อนที่จะพยักหน้า

แววตาของเย่ฮัวปรากฏความประหลาดใจขึ้น ถึงแม้ว่าเย่จีจี้จะทำความผิดจริง แต่เขาก็เพียงแค่ตั้งใจแหย่เธอเล่นเท่านั้น

แน่นอนว่าหลังจากนี้ เย่ฮัวต้องหาโอกาสสั่งสอนเธอ แต่เย่จีจี้ที่กลับมาเป็นคนเดิมแล้ว ทำให้เขากำลังมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

“ช่างมันก่อนเถอะ”

เย่จีจี้โอบแขนกอดรอบคอเย่ฮัวทันที “พี่ชาย จีจี้คิดถึงพี่ชายที่สุดเลย”

“ไม่ต้องร้องไห้นะ ฉันมีอะไรอยากถามเธอสักหน่อย” เย่ฮัวพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เย่จีจี้ยกมือปาดน้ำตาและทำให้อายไลเนอร์เปื้อนเป็นทางยาว “ถามมาได้เลยเจ้าค่ะ ถ้าจีจี้รู้ จีจี้ก็จะตอบ”

“เธอตื่นขึ้นมาตอนไหน? แล้วใครเป็นคนแปะแผ่นยันต์พวกนั้น?”

เย่จีจี้ตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเยอะ “จีจี้ตื่นขึ้นมาเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีพวกหมอผีกำลังทำพิธีอยู่รอบตัวจีจี้ แต่พวกเขามีอาวุธวิเศษอยู่กับตัว จีจี้รู้ว่าพวกเขาเป็นตัวอันตราย ก็เลยดูดเลือดกินวิญญาณพวกเขาไปทั้งหมด หลังจากนั้น จีจี้ก็ออกท่องเที่ยวในโลกมนุษย์ และพบว่าโลกมนุษย์มันสนุกมากๆ เลยล่ะ มีชุดสวยๆ ให้ใส่ตั้งเยอะแยะแน่ะ”

เด็กหญิงอธิบายต่อว่า “พี่ชายก็รู้ว่าจีจี้เป็นคนขี้เกียจ จีจี้ก็เลยคิดหาทางที่ไม่ต้องออกแรงเยอะสำหรับดึงดูดเหยื่อเข้ามา ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีอยู่หรอก จนจีจี้มาเจอเข้ากับพวกของพี่ชายนี่แหละ พี่ชายยกโทษให้จีจี้ด้วยนะ”

เด็กหญิงกลับมาอยู่ในโหมดอ้อนเขาอีกครั้ง

เย่จีจี้ทราบดีว่าตนเองเป็นเด็กซุกซุน แต่เธอก็ไม่เคยทำอะไรผิดร้ายแรง และเด็กหญิงหวังว่าเย่ฮัวคงให้อภัยเธอสำหรับความผิดในครั้งนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด