You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! 192

Now you are reading You Cannot Afford To Offend My Woman ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ! Chapter 192 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 192 เรื่องบังเอิญ

หลังจาก 1 วินาทีผ่านไป

เย่ฮั่วเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส “ฉันรู้ว่าเวลามันสั้น แต่นี่ก็เห็นใจแล้วนะ!”

ตระกูลหยิง “…”

นี่สินะที่เรียกว่าเวลาแห่งการตัดสินใจ ที่อื่นให้ตั้ง 1 วันนี่กะจะให้แค่ 1 วิจริงดิ!? จากนั้นก็พูดเหมือนรู้ว่าพวกข้าไม่รู้ว่านี่เป็นเวลาคับขันซะงั้น? นี่มันดีตรงไหนน่ะ จะรีบร้อนเกินไปแล้ว

“ไม่ว่าเมื่อวานพวกแกจะเป็นอะไร แต่หลังจากนี้พวกเจ้าจะต้องฟังคำสั่งจากคนเพียงคนเดียวเท่านั้น!”

เย่ฮั่วตะโกน “ซุนฟ่าง ออกมา”

ร่างบางที่ยืนอยู่หลังสุดได้แต่ช็อคสลับกับตะลึง ตานั่นจะเรียกเธอไปทำอะไรกันน่ะ?

ผู้วิเศษแห่งความตายผลักยัยเงอะงะนี่ออกไปด้านหน้า ยัยทึ่ม ท่านผู้สูงส่งอุตส่าห์เรียกอย่าเอาแต่หลบซ่อนสิ!

ฟ่างที่ยังสวมชุดเมดยามที่ได้ถูกยลโฉมโดยพวกตระกูลหยิง พวกเขาก็ส่ายหน้า นี่จะต้องถูกชี้นำโดยเมดในอนาคตงั้นเหรอ?

“เธอคนนี้คือ 1 ในคนที่พวกแกต้องเชื่อฟังในอนาคต คำสั่งของเธอจะถูกถ่ายทอดจากเทวทูตผู้ยิ่งใหญ่อีกทอดหนึ่ง แน่นอนว่าพวกแกสามารถต่อต้านได้ แต่อย่าได้ลืมว่ามูลค่าของมันนั้นมหาศาล ฉันสามารถฆ่าคนได้เป็นจำนวนมากมายในเวลาอันสั้น เพราะงั้นจะไม่แนะนำให้ต่อต้านละกัน”

หลังจากพูดจบ เย่ฮั่วก็ดูดบุหรี่เงียบๆต่อไป

เว่ยชางตะโกน “ได้ยินชัดเจนแล้วนะ!”

ตระกูลหยิงเงียบไป

เหล่ายักษ์วารีตัวเบิ้มค่อยๆเดินเข้าไปยังฝูงชนและต่อยลงไปตรงนั้น!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!!

ทั่วทั้งเกาะนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้ายและทารุณ และเช่นกัน ขณะที่พวกมันขยับ รอบๆเกาะก็มีคลื่นน้ำมากมายซัดเข้ามาด้วย สิ่งปลูกสร้างอันน่าภาคภูมิใจของหยิงนั้นถูกซัดพังราวกับเป็นเพียงเศษซากของอารยธรรมหมดเลย

“ได้ยินชัดเจนแล้วนะ!” เว่ยชางตะโกนอีกครั้งพร้อมกับยืนมองยักษ์วารีของเขาที่ง้างหมัดเตรียมจะต่อยลงไปอีก และถ้ามันทำสำเร็จ ตระกูลหยิงก็จะเหลือเพียงแค่ชื่อเท่านั้น

“ได้ยินแล้ว!” พวกเขาตะโกนลั่น

เมื่อมีคนเปิดขึ้นมาแบบนั้น ตระกูลหยิงคนอื่นก็เริ่มที่จะพูดออกมาตามๆกัน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว การต่อต้านใดๆล้วนเปล่าประโยชน์ และสิ่งเดียวที่ทำได้คือยอมจำนนเท่านั้น!

เลี่ยกูตะโกน “เฮ้ย! ทำด้วยความประณีตสิวะ พูดออกมาจากใจดิ๊!”

เมื่อได้ยินดังนั้นชาวเกาะก็ต่างพากันตื่นตัวและพูดออกมาพร้อมกัน “ตามบัญชาท่านผู้สูงส่ง!”

ไม่ได้รู้สึกดีกับกรรมวิธีอะไรแบบนี้มานานแล้ว…เย่ฮั่วค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ในอดีต พวกเขาคงจะไม่มีโอกาสได้มีชีวิตอยู่ต่อแล้ว แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตนเอง เพียงแค่ใช้มันให้ดีที่สุด!

ขณะที่ยืนอยู่ด้านหลังของเว่ยชาง เลี่ยกูและเย่จีจี้ ภาพตรงหน้ามันน่าตื่นเต้นมากๆ ราวกับว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันเองก็อยากจะฆ่าพวกนั้นบ้างนิดๆหน่อยๆโดยที่ไม่มีเย่จีจี้เหมือนกัน~

สำหรับสาวๆของเว่ยชางและเลี่ยกู สิ่งที่พวกเธอเห็นนั้นมันสดใหม่มากๆ แน่นอนว่ามันเปิดโลกของพวกเธอสุดๆ

ซุนฟ่างยังอยู่ในอาการช็อค สติของเธอยังคงไม่กลับมา

ในความเป็นจริงนั้น ควรจะเป็นชิงยูตงที่ช็อคที่สุด เพราะเธอรู้แหละว่าพี่เขยของเธอทรงพลังขนาดไหน แต่ไม่ได้คิดเลยว่าจะทรงพลังขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงสู้อีกฝ่ายไม่ได้และก็ไม่แปลกใจเช่นกันถ้าพี่สาวเธอจะมีความสุข

หลังจากที่ได้รับการปกป้องโดยพี่เขย ในตอนนี้ฉันไว้ใจเขาได้แล้ว

เย่ฮั่วยื่นมือออกไปพร้อมกับเหรียญโทเค่น “ซุนฟ่าง ยักษ์วารีทั้ง 8 นี้อยู่ใต้บัญชาของเธอกับเจ้าแมว? เอาเป็นว่าถ้าพวกหยิงไม่เชื่อฟังเธอ ยักษ์พวกนี้จะฆ่าคนพวกนี้ทิ้งซะ แต่จงจำไว้อีกอย่างว่ายักษ์ทั้ง 8 ตนนี้จะอยู่ได้แค่บางพื้นที่เท่านั้น พวกมันอยู่ได้แค่ในทะเล”

ผู้วิเศษแห่งความตายหันขวับไปมองอย่างรวดเร็วทันที แต่ก็ต้องหงอยไปเพราะเขาคงจะถูกฆ่าตายแน่ๆถ้าเห็นว่าโกรธกับเรื่องแบบนี้ แล้วแบบนี้จะไปหาเมียได้มั้ยเนี่ย?

แน่นอนว่าฟ่างนั้นรู้กฏของมันอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงคุกเข่าลงไปกับพื้น และรับโทเค่นนั้นมา

“พวกเจ้าอยู่ใต้บัญชาของเธอแล้ว เพราะงั้นก็ต้องเชื่อฟังเธอด้วยล่ะ!” เย่ฮั่วกลับมาเครียดอีกครั้งจากนั้นก็ดีดนิ้วและหายวั้บไปเลย

เทพอสูรวารีทั้ง 8 ตนเองก็กลับกลายเป็นน้ำทะเลรวมไปถึงบัลลังค์น้ำแข็งก็ค่อยๆละลายลงไปด้วย หากไม่มีซากศพอยู่ล่ะก็ ทั้งหมดก็แทบจะเหมือนฝันไปแล้วแท้ๆ…

หยิง จิงชานมองไปยังเทพบรรพกาลที่ตกอยู่ไม่ไกลนั้น เขาดูหงอยลงนิดหน่อย พวกนั้นไม่ได้สนใจเทพบรรพกาลพวกของพวกเขาเลย

ในเวลานี้ ทั้งเย่ฮั่วและคนอื่นๆกลับไปที่ทะเลหมดแล้ว เขาพูดออกมาแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร “ไปกันได้แล้ว มีใครจะทำอะไรหรือเปล่า?”

ผู้วิเศษแห่งความตายรีบพูดขึ้นทันที “ท่านผู้สูงส่ง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอยากขอไปช่วยซุนฟ่างขอรับ”

“อนุมัติ”

“ขอบพระคุณขอรับท่านผู้สูงส่ง” ผู้วิเศษแห่งความตายนั้นกังวลว่าผู้คนคนนี้จะไม่สามารถสยบพวกตระกูลหยิงได้ เธอมีจิตใจที่สงบเกินไป ที่สำคัญ…เธอมีคุณสมบัติที่จะเป็นภรรยาได้ ดังนั้นแล้วเธอตายไม่ได้

ซุนฟ่างยืนอยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าผู้วิเศษแห่งความตายกำลังพูดอะไรแต่ก็รู้สึกว่าจะหมายถึงตัวเธอเนี่ยแหละ

“ท่านผู้สูงส่ง งั้นขอตัวก่อนนะครับ” เลี่ยกูพูดอย่างเคารพ

เย่ฮั่วยกมือขึ้นเชิงอนุญาตก่อนที่ทั้งสามสาวของเลี่ยกูเองจะทำความเคารพเขาด้วย “ท่านผู้สูงส่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาขออนุญาตไปก่อนค่ะ”

จากนั้นก็เป็นคราวของเว่ยชางที่มากับถังเว่ย และผู้วิเศษแห่งความตายที่เข้ามาในวงเวทย์พร้อมกับซุนฟ่าง

เย่จีจี้ควงชิงยูตงไว้ โดยทั้งคู่พร้อมที่จะแว้บหายไปแล้ว

“พวกเธอสองคนจะไปไหนกัน!” เย่ฮั่วตะโกนดัก

เย่จีจี้หันมาแลบลิ้นใส่และทันใดนั้นก็โดนยกก้นขึ้นสูง

ชิงยูตงถอนหายใจ พี่เขยเนี่ยแหละ เป็นบทเรียนที่ทำให้น้องสะใภ้อย่างเธอต้องจำยอมและเรียนรู้ที่จะยกก้นขึ้นโดยละม่อม

ตอนแรกเย่ฮั่วกะจะพูดอะไรซักอย่างแต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าพวกนี้จะสติยังดีแล้วคิดจะหนีแบบนี้ ต้องคุยกันหน่อยแล้ว!

ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ!

ความเจ็บปวดสลักลึกลงไปในชั้นผิว

และหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงทั้งสองก็นั่งลูบก้นของตนเองขณะฟังเย่ฮั่วไปด้วย ฟาดเต็มแรงตั้งแต่ครั้งแรกยันครั้งสุดท้ายถ้าไม่บวมสิแปลก

“เอาล่ะ ตอบมาว่าไอ้ตระกูลนั่นคืออะไร?” เย่ฮั่วถาม

ชิงยูตงจับก้นตัวเองก่อนจะตอบกลับไป “ฉันไม่รู้หรอก”

“ใช่แล้ว น้องก็ไม่รู้”

เย่ฮั่วถอนหายใจ “เฮ้อ มันบังเอิญเกินไป”

ถ้าตระกูลหยิงรู้ล่ะก็ คงได้เข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำแน่

เขาพยายามโน้มน้าวตัวเองด้วยความรุนแรง แต่ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่โดนโน้มน้าว…ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 งั้นเหรอ?

“ยูตงมาทางนี้” เย่ฮั่วเรียก

“พี่เขย ฉันสู้ไม่ไหวแล้วนะ มันบวมไปหมดแล้ว”

เย่ฮั่วหัวเราะหึๆ “อย่าทำอีกในอนาคต”

“แล้วก็อย่าบอกพี่สาวของเธอด้วย” เย่ฮั่วพูดอย่างจริงจัง ตัวตนของเขานั้นยังคงเป็นสิ่งที่ตัวเขาเองกลัวว่าชิงหยาจะรับไม่ได้

“ทำไมล่ะ?” ชิงยูตงสับสน

เย่ฮั่วถอนหายใจ “ฉันกลัวว่าพี่เธอจะรู้สึกต้อยต่ำ…คือฉันมันเป็นคนดีมากๆไง”

ชิงยูตง “….”

“พี่เขยพอจะช่วยเลิกเก๊กซัก 20 นาทีได้มั้ย?”

เย่ฮั่วยกมือขึ้นสูงและนั่นทำให้ชิงยูตงกลัวจนหนีมาอยู่หลังเย่จีจี้

“เข้าใจแล้วใช่มั้ย!”

“เข้าใจแล้ววววววว ฉันจะไม่บอกพี่สาว ต-แต่พี่เขยต้องหาเหตุผลที่จะคุยกับพี่เองนะ”

แน่นอนว่าเย่ฮั่วรู้เรื่องนั้นอยู่แล้วว่าจะบอกชิงหยายังไง โดยเขาจะบอกว่าตนเป็นผู้ฝึกตน ถึงไม่บอกเรื่องนี้ก็พอจะรับรู้ได้ว่าชิงหยารู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำอยู่ไม่น้อยเลย

ถ้าเกิดเผลอบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วเธอไม่รู้สึกอะไรและเริ่มที่จะคิดอย่างอื่น นั่นคงเป็นปัญหาเหมือนกัน

เมื่อฉันกลับไปถึงโรงแรม เย่ฮั่วได้ยินเสียงของชิงหยาว่าเธออยู่ที่ร้านเกี่ยวกับงานแต่งดังนั้นเขาจึงรีบกลับไป

“พี่ชายที่ทำตัวอวดเก่งนี่ดูแข็งแกร่งสุดๆไปเลย รู้สึกเหมือนเรากำลังถูกทำลายเลยเนอะ ว่ามั้ย” เย่จีจี้พูดพร้อมยิ้มให้ เธอชอบที่จะเห็นท่านผู้สูงส่งนั้นทำตัวอวดเก่งสุดๆ

“หึๆๆ เด็กน้อย เธอรู้หรือเปล่าว่าพี่ชายของเธอน่ะจะต้องสูบบุหรี่ทุกครั้งที่ทำตัวอวดเก่งเลยนะ”

“อ๋า? ทำไมล่ะ?”

“พี่สาวฉันบอกว่า พี่เขยน่ะเป็นโรคร้ายที่ไม่สามารถเยียวยาได้ จะต้องทำเป็นปากดีซินโดรมทุกครั้งหลังสูบบุหรี่”

“หืม ดูท่าเราจะต้องพูดเรื่องนี้กันหน่อยนะ”

“เธอทำตามพี่ชายของเธอไม่ได้หรอก ผู้หญิงสูบบุหรี่ไม่ได้ สู้ไม่ได้ สร้างบาร์ไม่ได้ และใช้ไฟก็ไม่ได้”

“พี่ยูตง เราจะสวมอะไรไปบาร์กลางคืนกัน?”

“ฉันคิดว่าเธอเหมาะกับชุดสีชมพูนะ ชุดแบบโลลิๆ แล้วฉันล่ะ?”

“เซเลอร์มูน…”

“ไอเดียดีนี่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด