ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1065 สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 1065 สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คราก่อนที่ไป๋อู๋ห่ายปรากฏตัวออกมา มู่เฉียนซีอดทนเอาไว้ได้โดยที่ไม่ลงมือกับเขา

ทว่า ในตอนนี้นางไม่อยากจะอดทนแล้ว

มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าตำหนัก หากท่านไม่อยากเป็นศัตรูกับตำหนักเป่ยหานแล้วละก็ อย่าได้มีความคิดที่ไม่ดี ข้าก็แค่มาหาสหายเล่นก็เท่านั้น”

ไป๋อู๋ห่ายขู่เฟิงอวิ๋นซิวได้ นางก็ขู่เขาได้เช่นกัน!

ไป๋อู๋ห่ายยิ้มพลางกล่าว “ฮ่าฮ่าฮ่า! ตำหนักตงจี๋ของพวกเราเป็นมิตรกับตำหนักเป่ยหานมาโดยตลอด ข้าจะคิดร้ายต่อเจ้าได้อย่างไรกันเล่า!”

แสงสว่างอันแปลกประหลาดวาบผ่านดวงตาของเขา “เพียงแต่ข้าไม่มั่นใจว่าเจ้าจะใช่ศิษย์ของสหายข้าหรือไม่ หากเจ้าใช้ชื่อของเขามาหลอกข้าล่ะ มันจะไม่ดีเอานะ!”

แม้แต่ทักษะกระบี่เงาจันทราคู่นางยังทำได้เลย จะเป็นตัวปลอมไปได้อย่างไรกันเล่า!

เห็นได้ชัดว่าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้กำลังทดสอบนาง

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านหัวหน้าไป๋กล่าววาจาขบขันแล้ว หากทักษะกระบี่ของข้าไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนั้นก็คงต้องบอกว่าท่านตาบอดแล้วล่ะ”

มุมปากของไป๋อู๋ห่ายกระตุกขึ้นเล็กน้อย เจ้าเด็กผู้นี้ปากหาเรื่องจริง ๆ

“แต่หากท่านหัวหน้าไป๋ตาบอดไปก็ไม่เป็นไร ของสิ่งนี้ ท่านรู้จักหรือไม่?”

มู่เฉียนซีเอาป้ายคำสั่งที่กู้ไป๋อีมอบไว้ให้นางก่อนที่จะจากไปออกมา ป้ายคำสั่งป้ายนี้น่าจะสำคัญมาก

มู่เฉียนซีคิดในใจว่า ‘ตาเฒ่าไป๋อู๋ห่ายผู้นี้เป็นเหมือนอย่างที่เจ้าพูดเอาไว้ไม่มีผิด รับมือยากมาก ข้าทำได้แค่เป็นสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือรับมือกับเขาแล้วล่ะ’

หลังจากที่มู่เฉียนซีเอาป้ายคำสั่งป้ายนี้ออกมา เฟิงอวิ๋นซิวและไป๋อู๋ห่ายต่างก็ตกตะลึงขึ้น

ไป๋อู๋ห่ายยิ้มพลางกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูท่ากู้ไป๋อีจะรับศิษย์ที่เก่งกาจมาคนหนึ่งแล้วจริง ๆ แม้แต่ป้ายคำสั่งก็มอบให้กับเจ้าแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้ากับอวิ๋นซิวต้องขอตัวกลับไปพักผ่อนแล้ว ท่านกับธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็รีบพักผ่อนล่ะ”

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะจากไปนั้น จู่ ๆ ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็ตะโกนขึ้นว่า “ช้าก่อน!”

“เอายาแก้พิษมาให้ข้า! หน้าข้า หน้าของข้า…”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “พิษนี้ ข้ายังไม่มียาแก้พิษเลย ข้าได้ยินมาว่าท่านหัวหน้านักปรุงยาของตำหนักตงจี๋เป็นถึงสุดยอดนักปรุงยาแห่งแดนตะวันออก เจ้าไปรบกวนท่านหัวหน้านักปรุงยาให้ช่วยเถอะ ข้าเหนื่อยมากแล้ว!”

มู่เฉียนซีทิ้งคำพูดนี้ไว้และเดินเชิดหน้าชูคอจากไป

“ท่านพ่อ…” ไป๋เหยียนเอ๋อร์เห็นท่านพ่อของตนเองไม่เพียงแต่จะไม่จัดการกับมู่หรงเฉียนเยี่ย อีกทั้งยังไม่ขอยาแก้พิษจากเขามาให้กับนางอีก สีหน้าของนางก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ

“ไปให้หัวหน้านักปรุงยาแก้พิษให้เจ้าเสียเถอะ!”

รู้จักกับกู้ไป๋อีมานานหลายปี เขาไม่เคยรับผู้ใดเป็นศิษย์มาก่อน ที่แท้ไม่ใช่ว่าไม่รับศิษย์ แต่แอบซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีต่างหากล่ะ

แม้แต่ป้ายคำสั่งนั่นก็ยอมมอบให้กับเจ้าเด็กผู้นั้น ดูท่า กู้ไป๋อีต้องการที่จะให้เขาเป็นผู้สืบทอดแล้วเป็นแน่

เขารู้ดีว่าพลังความแข็งแกร่งของกู้ไป๋อีนั้นน่ากลัวเพียงใด หากลงมือแตะต้องศิษย์สุดที่รักของเขาเข้า บางทีเขาอาจจะต้องกลายเป็นวิญญาณภายใต้กระบี่ของกู้ไป๋อีโดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ได้

อย่างไรก็ตามก็ได้ทำให้ไป๋อู๋ห่ายตกใจไปแล้ว การข่มขู่ของมู่เฉียนซีนี้ช่างเสแสร้งได้อย่างแนบเนียนเป็นอย่างมาก

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “โชคดีนะที่กู้ไป๋อีได้มอบของสำคัญสิ่งนี้ไว้ให้กับเจ้า มิเช่นนั้นไป๋อู๋ห่ายไม่มีทางยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เช่นนี้แน่”

เฟิงอวิ๋นซิวเห็นรอยบาดแผลบนร่างกายของมู่เฉียนซีก็กล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า “เฉียนเยี่ย ข้าขอโทษ ข้าทำร้ายเจ้าบาดเจ็บแล้ว ข้า…”

มู่เฉียนซีกล่าว “วันนี้ ข้าโกรธมาก!”

“เฉียนเยี่ย หากเจ้าโกรธก็ลงกระบี่มาที่ข้าเถอะ!”

มู่เฉียนซีส่ายหน้าพลางกล่าว “ไม่ใช่เพราะข้า แต่เป็นเพราะว่าเจ้า! เจ้าไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเจ้าเอง เรื่องนี้ทำให้ข้าโกรธมาก”

นางก็มีคนที่นางรักนางชอบเหมือนกัน แต่นางไม่ได้เป็นเหมือนดั่งเฟิงอวิ๋นซิวแน่นอน

ตกลงเป็นเพราะว่าความรักความชอบของนางมันไม่ลึกซึ้งพอ หรือว่าความรักความชอบของเฟิงอวิ๋นซิวนั้นมันไม่ปกติกันแน่

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เฉียนเยี่ย ข้าไม่เข้าใจ! ชีวิตของข้า เป็นนางที่ช่วยเอาไว้ ข้า…”

“ข้าไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา “นี่เป็นวิธีการรักของเจ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าจะว่าเจ้าเช่นไรแล้ว แต่อย่าได้ถูกตัวปลอมหลอกเจ้าได้เป็นอันขาด และอย่าได้เอาผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายนางมาคิดว่านางเป็นคนที่เจ้ารักเจ้าชอบจะได้หรือไม่?”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง แต่คนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนางที่ไม่ใช่ตัวปลอม ข้า…”

มู่เฉียนซีเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ปิดประตูและทิ้งให้เฟิงอวิ๋นซิวยืนอยู่ด้านนอก

ก็หมายความว่ายังคงควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ดี!…

มู่เฉียนซีคิดในใจ ‘รอให้ข้าแปลงร่างกลับมาเป็นตัวเองเมื่อไหร่ ข้าจะไม่มีทางมาเจอหน้าเจ้าอีกเป็นอันขาด’

มู่เฉียนซีนึกไม่ถึงเลยว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะรักและหลงใหลหญิงสาวผู้นั้นอย่างลึกซึ้งถึงปานนี้

หวังว่าหญิงสาวผู้นั้นจะไม่หลอกลวงเฟิงอวิ๋นซิวนะ มิเช่นนั้น…

บนโลกใบนี้ สำหรับเฟิงอวิ๋นซิวแล้วเกรงว่าจะเปรียบเสมือนนรก

รักที่ไม่สามารถครอบครองได้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับความทุกข์ทรมานคนคนหนึ่ง

เฟิงอวิ๋นซิวเห็นมู่เฉียนซีเข้าห้องปิดประตูไปอย่างไร้ความปรานี ในใจก็รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง

เขาชอบมากที่ได้เป็นสหายกับเฉียนเยี่ย อยู่กับเฉียนเยี่ยแล้วเขารู้สึกสบายใจ แต่วันนี้เขาทำให้เฉียนเยี่ยโกรธจริง ๆ

เขารักนางมากจริง ๆ รักจนสามารถยอมทำทุกอย่างเพื่อนางได้ แม้กระทั่งชีวิตของเขา ก็ให้นางได้

ถึงแม้ว่าเมื่อได้เห็นคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนางแล้วจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ได้รังเกียจเฉียนซีเลยแม้แต่น้อย

ไม่รู้เหมือนกันว่าหากได้เจอคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนนางอีกจะเป็นเช่นนี้อีกหรือไม่ แต่สำหรับเฉียนซีนั้น…

เขาดีต่อนางโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่สามารถปฏิเสธนาง เป็นห่วงเป็นใยนาง…

เฟิงอวิ๋นซิวรู้สึกตัวเองแทบจะเป็นบ้าแล้ว ความรักที่อยู่ในใจจะกลายเป็นร่องน้ำตามหุบเขาระหว่างเขากับเฉียนซี และเฉียนเยี่ย

ทว่า เว้นเสียแต่เขาจะตาย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เสียดายที่จะละทิ้งความรู้สึกนั้น

เฉียนได้รับบาดเจ็บแล้ว!

ก็แค่บาดแผลเล็กน้อย ชิงอิ่งลากมู่เฉียนซีไปและรีบรักษาให้นาง

ดวงตาอันนิ่งสงบนั้นเผยความเย็นยะเยือกออกมา เขาอยากจะสั่งสอนชายผู้ที่ยังเดินกลับไปได้ไม่ไกลผู้นั้นมาก ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาทำร้ายเฉียนได้

มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง ข้าไม่เป็นไร แค่แผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”

เช้าวันต่อมาเฟิงอวิ๋นซิวอยากจะกล่าวคำขอโทษกับมู่เฉียนซี กลับคิดไม่ถึงว่าหัวหน้านักปรุงยาจะพรวดพราดเข้ามาด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า

“เจ้าเด็กที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมวางยาพิษธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

หลังจากที่เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ชายชราชุดคลุมยาวสีขาวก็ได้ปรากฏตัวขึ้น

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ที่แท้ก็เป็นหัวหน้านักปรุงยานี่เอง ต่อให้เจ้าเป็นหัวหน้านักปรุงยา แต่อยู่ในตำหนักของข้าก็ต้องรักษากฎเกณฑ์สักหน่อยนะ”

“ไร้เหตุผลเช่นนี้ มันไม่ดี” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวเตือน

สายตาของปรมาจารย์จางจับจ้องไปที่ร่างของมู่เฉียนซี “เป็นเจ้าที่วางยาพิษนั่นใส่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์ทรมานถึงเพียงนี้”

มู่เฉียนซีกล่าว “ใช่! ท่านมีปัญหาอันใด?”

“ข้าจะเอาตัวเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าไปสั่งสอนสักหน่อย ยังไม่ตามข้ามาอีก” ปรมาจารย์จางกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว

มู่เฉียนซียิ้ม “ท่านหัวหน้านักปรุงยา ท่านยุ่งเรื่องคนอื่นมากเกินไปแล้ว ข้าวางยาธิดาศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ท่านหัวหน้าตำหนักยังไม่ว่าอะไรสักคำ ท่านมีสิทธิ์อะไรมานำตัวข้าไปเหรอ?”

“หรือว่า…” มู่เฉียนซีมองหัวหน้านักปรุงยาท่านนี้อย่างเย้ยหยัน

“หรือว่าท่านสวมเขาให้ท่านหัวหน้าตำหนัก! ความจริงแล้วไป๋เหยียนเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของท่าน”

ปรมาจารย์จางโกรธเกรี้ยวจนหนวดเคราสั่นเทา “นี่เจ้า! พูดจาเหลวไหล!”

“หรือว่าท่านหัวหน้านักปรุงยาจะแอบชอบธิดาศักดิ์สิทธิ์ อยากจะเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อน ก็เลยเดือดเนื้อร้อนตัวแทนเช่นนี้…”

“เจ้าพูดจาเหลวไหลมากเกินไปแล้วนะ ข้าจะตบเจ้าให้ตายคามือ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด