ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 449 หุบเขาหมอเทวดามาเยือน

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 449 หุบเขาหมอเทวดามาเยือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาถิงกล่าว “ตกลง ข้ารับปากเจ้า ตัวเองหาเรื่องเองแถมยังให้ข้าตามล้างตามเช็ดอีก ข้านี่ช่างโชคร้ายจริง ๆ” มู่เฉียนซีกล่าว “เห็น ๆ กันอยู่ว่าเจ้าเป็นคนก่อเรื่อง ก็เป็นเพราะข้าใช้ใบหน้าของเจ้านั่นแหละ เจ้าดูตอนนี้สิ น่าหลานไม่ได้สนใจข้าเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเรื่องนี้เจ้าต้องเป็นคนจัดการ” อาถิงโกรธมู่เฉียนซีจนแทบจะเป็นลม “เจ้าบ้า ตอนนี้ข้ามั่นใจมากเลยนะว่าสมองของเจ้ามีแต่โพรง ๆ ๆ! ” มู่เฉียนซี “สมองเจ้านะสิมีแต่โพรง! ” ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยากำลังจะประกาศเริ่มการประลองใหญ่งานนักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจว และนักปรุงยาที่เข้าร่วมการประลองก็เริ่มเตรียมความพร้อมกันแล้ว งานนักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจวในครั้งนี้ นักปรุงยาในทางตะวันตกของเซี่ยโจวไม่มีสิทธิ์ในการเข้าร่วม และแน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ผู้นำตระกูลมู่กำลังยืนอยู่บนเวทีประลอง ตอนนี้มู่เฉียนเป็นตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาเฟิงตูมาเข้าร่วมการประลอง เมื่อเห็นมู่เฉียนซียืนประจำในตำแหน่งนั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันทันที “ได้ยินมาว่าแคว้นนานเถิงมีอัจฉริยะนักปรุงยาอายุน้อยอยู่คนหนึ่ง น่าจะใช่แม่นางน้อยคนนั้นแน่เลย! ” “เจ้ารู้ข่าวช้าจริง ๆ เลยนะ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางผู้นี้ปรุงยาชนะอัจฉริยะอายุน้อยผู้นั้น แม่นางน้อยนี่ก็เลยได้รับสิทธิ์มาเป็นตัวแทนยังไงล่ะ” “แต่ดู ๆ แล้วนางอายุน้อยไปหน่อย เดี๋ยวนี้มีอัจฉริยะนักปรุงยารุ่นเยาว์โผล่ขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายเลยนะ! ” “ก็ใช่นะสิ! แต่แม่นางน้อยผู้นี้ยังเด็กอยู่เลย ข้าเกรงว่านางจะติดสิบอันดับแรก ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่ไม่ได้เจอนางก่อนหน้านี้!  แต่ด้วยพรสวรรค์ของนางแล้วนางอาจจะติดสิบอันดับแรกก็ได้นะ” งานนักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจวนี้ หนึ่งร้อยปีจะจัดขึ้นหนึ่งครั้ง และนี่ก็เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของนักปรุงยาในเซี่ยโจว นักปรุงยาจากทั่วทุกแคว้นต่างพากันมาเข้าร่วม อีกทั้งยังมีอัจฉริยะนักปรุงยาจากตระกูลอื่นที่ซ่อนเร้นก็ปรากฏกายออกมาในครั้งนี้ด้วย และก่อนที่งานรวมตัวครั้งใหญ่นี้จะเริ่มขึ้น จู่ ๆ ก็มีชายชุดขาวผู้หนึ่งลอยลงมาจากฟากฟ้า หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาเห็นเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครมาจากไหน? ” จากนั้นคนชุดขาวอีกสองสามคนก็ลอยตามลงมา หัวหน้าคนเหล่านี้ก็คือชายชราผมหงอก ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าคือผู้อาวุโสสี่แห่งหุบเขาหมอเทวดา สำนักนิกายระดับสอง ข้ามาทำธุระที่เซี่ยโจว ได้ยินข่าวมาว่าเซี่ยโจวจัดงานประลองใหญ่นักปรุงยาร้อยปี ข้าก็เลยแวะมาดูสักหน่อย ยังไม่จัดการหาที่นั่งให้ข้าอีกรึ” ผู้อาวุโสสี่ผู้นี้ทั้งเย่อหยิ่งและก้าวร้าวเป็นอย่างมาก พลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแผ่ซ่านออกมากดดัน ทำให้ทุกคนตกใจกลัวจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เขาคิดว่าไม่มีผู้ใดกล้าบังอาจปฏิเสธเขา ผู้นำมีพลังวิญญาณถึงขั้นมหาจักรพรรดิ ส่วนผู้ติดตามก็เป็นถึงยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุด ซึ่งแน่นอนว่าหัวหน้าพันธมิตรมิกล้าล่วงเกินพวกเขาเด็ดขาด เขารีบกล่าวว่า “ยังไม่รีบไปจัดเตรียมที่ทางให้ท่านผู้อาวุโสอีก รีบไปเตรียมเร็วเข้า” การกระทำเช่นนี้ของหุบเขาหมอเทวดา มู่เฉียนซีเคยเจอมาแล้ว ในขณะที่นางเหลือบเห็นคนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้ ดวงตาของนางก็เปล่งประกายเย็นวาบขึ้น ผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดาได้ตายไปแล้วสองคน แน่นอนว่าพวกเขาต้องส่งคนมาตามข่าว ตราบใดที่เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนไม่เปิดโปงนาง คนของหุบเขาหมอเทวดาก็ไม่มีทางจะสงสัยนางได้ ถึงอย่างไรเสีย เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเองก็ไม่อยากให้คนของหุบเขาหมอเทวดาได้หม้อเทพนิรันดร์ไป มู่เฉียนซีเป็นแค่หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ได้หม้อเทพนิรันดร์ไป ถึงแม้ว่านางจะมีผู้ช่วยที่ทำให้เขาสะพรึงกลัว อย่างน้อยเขาก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง แต่หากหม้อเทพนิรันดร์ตกไปอยู่ในกำมือของสำนักนิกายระดับสองอย่างหุบเขาหมอเทวดา เขาจะไม่มีโอกาสที่จะแย่งชิงมาได้เลย ถึงแม้ว่าความลับของหม้อเทพนิรันดร์จะไม่ได้ถูกเปิดเผยออกไป แต่การเผชิญหน้ากับคนของหุบเขาหมอเทวดา มู่เฉียนซีก็ยังคงรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่ปลอดภัย การเข้าร่วมรับชมการประลองฝีมือปรุงยาของนักปรุงยาในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางทำอะไรโดยไร้เหตุผลแน่ แต่เกรงว่าหากพบหนุ่มสาวที่มีความสามารถและพรสวรรค์ที่โดนตาโดนใจเข้า เกรงว่าพวกเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดูเหมือนว่าการประลองในงานร้อยปีนี้ นางต้องออมมือลงบ้าง ขอเพียงแค่ให้เข้ารอบสิบอันดับแรกก็พอแล้ว ถึงแม้ว่าหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาจะมีความเกรงขามต่อคนของหุบเขาหมอเทวดา ทว่า เขาก็รู้สึกไม่พอใจคนเหล่านี้อยู่เล็กน้อย เขามีความสงสัยว่า คนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้จะมาเอาตัวอัจฉริยะนักปรุงยาของเซี่ยโจวไป เดิมทีอัจฉริยะนักปรุงยาของเซี่ยโจวก็มีน้อยอยู่แล้ว ร้อยปียากนักที่จะมีอัจฉริยะฝีมือดี หากโดนคนของหุบเขาหมอเทวดาเอาตัวไปอีก เกรงว่าระดับการปรุงยาของเซี่ยโจวจะมีแต่ถดถอยลง แต่ถึงกระนั้น การประลองใหญ่ครั้งนี้ก็ยังคงต้องดำเนินการต่อไป ครั้นแล้วหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรก็ประกาศขึ้นว่า “ผู้เข้าร่วมประลองทุกคนจะต้องหลอมยาระดับเจ็ด ยาเจ็ดพิฆาต ผู้ที่หลอมยาได้สำเร็จจะมีสิทธิ์ประลองไปด่านถัดไป” การประลองการปรุงยาในด่านที่สองนั้นยากมาก ผู้ที่มีคุณสมบัติอย่างน้อยต้องเป็นนักปรุงยาระดับสูง กลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาได้จัดเตรียมสมุนไพรวิญญาณและอุปกรณ์ในการปรุงยาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนักปรุงยาผู้ร่วมประลองก็ได้เริ่มปรุงยาโดยแข่งกับเวลาที่กำหนด ทุกคนมีสมาธิและปรุงยากันอย่างใจจดใจจ่อ ยาระดับเจ็ดนั้นยากนักที่จะปรุงออกมาได้ ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดากล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “พื้นที่ทุรกันดารนี้เต็มไปด้วยคนอ่อนหัดไร้ความสามารถจริง ๆ ! ดูทักษะนั่นสิ ช่างล้าหลังยิ่งนัก” ศิษย์อีกคนหนึ่งก็กล่าวต่อว่า “ใช่ ท่านอาจารย์ ท่านมาที่นี่นับว่าเสียเวลาเปล่า ศิษย์หุบเขาหมอเทวดาอย่างพวกเรานั้นยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ท่านอาจารย์ไม่จำเป็นต้องมาหาอัจฉริยะในถิ่นทุรกันดารนี่หรอก” สายตาของพวกเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม อัจฉริยะนักปรุงยาเหล่านี้ไม่คู่ควรแม้แต่จะยกรองเท้าให้พวกเขา ผู้อาวุโสสี่กล่าวว่า “ไหน ๆ ก็มาแล้ว รอดูต่ออีกหน่อยเถอะ! ศิษย์พี่รองกับศิษย์พี่สามดวงตกที่นี่ พวกเรามาตามหาข่าว จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด ทุก ๆ ที่อาจมีศัตรูผู้แข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่” “ขอรับ! ” ในตอนนั้น หลังจากที่ผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสสามได้เจอหม้อเทพนิรันดร์ พวกเขาคิดอยากจะครอบครองเอาไว้เอง จึงไม่ได้แจ้งข่าวไปยังหุบเขาหมอเทวดา ดังนั้นทางด้านหุบเขาหมอเทวดาจึงไม่รู้สาเหตุการตายของพวกเขาอย่างแน่ชัด ศิษย์เหล่านี้ต่างก้มหน้าพลางกล่าว “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่คอยสั่งสอน พวกเราจะระมัดระวังขอรับ” เป็นเพราะว่ามีศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาดูอยู่ มู่เฉียนซีจึงหลอมยาระดับเจ็ดออกมาอย่างสะเพร่า เพื่อแค่จะให้ผ่านด่านนี้ไป และเข้าประลองด่านที่สอง เมื่อเวลาได้สิ้นสุดลง ทุกคนก็หลอมยาออกมาสำเร็จ ถึงแม้จะบอกว่าผู้ที่หลอมยาระดับเจ็ดได้สำเร็จจะมีสิทธิ์เข้าประลองในด่านที่สอง แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูที่คุณภาพของเม็ดยานั้นและดำเนินการจัดอันดับด้วย มู่เฉียนซีจงใจหลอมยาออกมาให้คุณภาพของยานั้นแย่เพราะไม่อยากดึงดูดความสนใจของคนของหุบเขาหมอเทวดา สุดท้ายนางไม่ติดแม้แต่ร้อยอันดับแรก หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรกล่าวว่า “วันพรุ่งจะเป็นการดำเนินการประลองในด่านที่สอง ส่วนวันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนได้” ลำดับต่อไปก็ต้องต้อนรับคนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรรู้สึกเกรงกลัวมาก คนแข็งแกร่งเหล่านี้มาเซี่ยโจวด้วยเหตุอันใดกัน? ผู้อาวุโสสี่กล่าว “เหตุใดถึงไม่ประลองให้เสร็จเสียวันนี้เลย? ” หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรยิ้มพลางกล่าว “เอ่อ คือว่า การปรุงยาทำให้สูญเสียพลังจิตไปมาก ดังนั้นต้องพักผ่อนก่อนสักวัน วันพรุ่งพวกเขาจะได้มีพลังจิตเพียงพอที่จะปรุงยาต่อ” “พวกขยะไร้ประโยชน์ แค่ยาระดับเจ็ดก็ควบคุมพลังจิตไม่ได้ พวกเจ้าทำให้ท่านอาจารย์ข้าเสียเวลามาก” “ยังไงวันนี้ก็ต้องประลองให้เสร็จ เวลาของท่านอาจารย์ข้ามีค่ามาก ไม่อาจเสียเวลาได้” ทุกคนต่างขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ถึงแม้จะรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนของสำนักระดับสอง แต่พวกเขาก็ไร้เหตุผลเกินไป! หากเทียบกับสำนักอวิ๋นเยียนแล้ว แย่ยิ่งกว่าอย่างมิอาจเทียบได้เลย

อาถิงกล่าว “ตกลง ข้ารับปากเจ้า ตัวเองหาเรื่องเองแถมยังให้ข้าตามล้างตามเช็ดอีก ข้านี่ช่างโชคร้ายจริง ๆ”

มู่เฉียนซีกล่าว “เห็น ๆ กันอยู่ว่าเจ้าเป็นคนก่อเรื่อง ก็เป็นเพราะข้าใช้ใบหน้าของเจ้านั่นแหละ เจ้าดูตอนนี้สิ น่าหลานไม่ได้สนใจข้าเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเรื่องนี้เจ้าต้องเป็นคนจัดการ”

อาถิงโกรธมู่เฉียนซีจนแทบจะเป็นลม “เจ้าบ้า ตอนนี้ข้ามั่นใจมากเลยนะว่าสมองของเจ้ามีแต่โพรง ๆ ๆ! ”

มู่เฉียนซี “สมองเจ้านะสิมีแต่โพรง! ”

ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยากำลังจะประกาศเริ่มการประลองใหญ่งานนักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจว และนักปรุงยาที่เข้าร่วมการประลองก็เริ่มเตรียมความพร้อมกันแล้ว

งานนักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจวในครั้งนี้ นักปรุงยาในทางตะวันตกของเซี่ยโจวไม่มีสิทธิ์ในการเข้าร่วม และแน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ผู้นำตระกูลมู่กำลังยืนอยู่บนเวทีประลอง

ตอนนี้มู่เฉียนเป็นตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาเฟิงตูมาเข้าร่วมการประลอง เมื่อเห็นมู่เฉียนซียืนประจำในตำแหน่งนั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันทันที

“ได้ยินมาว่าแคว้นนานเถิงมีอัจฉริยะนักปรุงยาอายุน้อยอยู่คนหนึ่ง น่าจะใช่แม่นางน้อยคนนั้นแน่เลย! ”

“เจ้ารู้ข่าวช้าจริง ๆ เลยนะ ข้าได้ยินมาว่าแม่นางผู้นี้ปรุงยาชนะอัจฉริยะอายุน้อยผู้นั้น แม่นางน้อยนี่ก็เลยได้รับสิทธิ์มาเป็นตัวแทนยังไงล่ะ”

“แต่ดู ๆ แล้วนางอายุน้อยไปหน่อย เดี๋ยวนี้มีอัจฉริยะนักปรุงยารุ่นเยาว์โผล่ขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายเลยนะ! ”

“ก็ใช่นะสิ! แต่แม่นางน้อยผู้นี้ยังเด็กอยู่เลย ข้าเกรงว่านางจะติดสิบอันดับแรก ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่ไม่ได้เจอนางก่อนหน้านี้!  แต่ด้วยพรสวรรค์ของนางแล้วนางอาจจะติดสิบอันดับแรกก็ได้นะ”

งานนักปรุงยาร้อยปีของเซี่ยโจวนี้ หนึ่งร้อยปีจะจัดขึ้นหนึ่งครั้ง และนี่ก็เป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ของนักปรุงยาในเซี่ยโจว นักปรุงยาจากทั่วทุกแคว้นต่างพากันมาเข้าร่วม อีกทั้งยังมีอัจฉริยะนักปรุงยาจากตระกูลอื่นที่ซ่อนเร้นก็ปรากฏกายออกมาในครั้งนี้ด้วย

และก่อนที่งานรวมตัวครั้งใหญ่นี้จะเริ่มขึ้น จู่ ๆ ก็มีชายชุดขาวผู้หนึ่งลอยลงมาจากฟากฟ้า

หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาเห็นเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครมาจากไหน? ”

จากนั้นคนชุดขาวอีกสองสามคนก็ลอยตามลงมา หัวหน้าคนเหล่านี้ก็คือชายชราผมหงอก ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ข้าคือผู้อาวุโสสี่แห่งหุบเขาหมอเทวดา สำนักนิกายระดับสอง ข้ามาทำธุระที่เซี่ยโจว ได้ยินข่าวมาว่าเซี่ยโจวจัดงานประลองใหญ่นักปรุงยาร้อยปี ข้าก็เลยแวะมาดูสักหน่อย ยังไม่จัดการหาที่นั่งให้ข้าอีกรึ”

ผู้อาวุโสสี่ผู้นี้ทั้งเย่อหยิ่งและก้าวร้าวเป็นอย่างมาก พลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแผ่ซ่านออกมากดดัน ทำให้ทุกคนตกใจกลัวจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง

เขาคิดว่าไม่มีผู้ใดกล้าบังอาจปฏิเสธเขา

ผู้นำมีพลังวิญญาณถึงขั้นมหาจักรพรรดิ ส่วนผู้ติดตามก็เป็นถึงยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุด ซึ่งแน่นอนว่าหัวหน้าพันธมิตรมิกล้าล่วงเกินพวกเขาเด็ดขาด

เขารีบกล่าวว่า “ยังไม่รีบไปจัดเตรียมที่ทางให้ท่านผู้อาวุโสอีก รีบไปเตรียมเร็วเข้า”

การกระทำเช่นนี้ของหุบเขาหมอเทวดา มู่เฉียนซีเคยเจอมาแล้ว ในขณะที่นางเหลือบเห็นคนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้ ดวงตาของนางก็เปล่งประกายเย็นวาบขึ้น

ผู้อาวุโสของหุบเขาหมอเทวดาได้ตายไปแล้วสองคน แน่นอนว่าพวกเขาต้องส่งคนมาตามข่าว

ตราบใดที่เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนไม่เปิดโปงนาง คนของหุบเขาหมอเทวดาก็ไม่มีทางจะสงสัยนางได้ ถึงอย่างไรเสีย เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนเองก็ไม่อยากให้คนของหุบเขาหมอเทวดาได้หม้อเทพนิรันดร์ไป

มู่เฉียนซีเป็นแค่หญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ได้หม้อเทพนิรันดร์ไป ถึงแม้ว่านางจะมีผู้ช่วยที่ทำให้เขาสะพรึงกลัว อย่างน้อยเขาก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง

แต่หากหม้อเทพนิรันดร์ตกไปอยู่ในกำมือของสำนักนิกายระดับสองอย่างหุบเขาหมอเทวดา เขาจะไม่มีโอกาสที่จะแย่งชิงมาได้เลย

ถึงแม้ว่าความลับของหม้อเทพนิรันดร์จะไม่ได้ถูกเปิดเผยออกไป แต่การเผชิญหน้ากับคนของหุบเขาหมอเทวดา มู่เฉียนซีก็ยังคงรู้สึกว่าตนเองนั้นไม่ปลอดภัย

การเข้าร่วมรับชมการประลองฝีมือปรุงยาของนักปรุงยาในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางทำอะไรโดยไร้เหตุผลแน่ แต่เกรงว่าหากพบหนุ่มสาวที่มีความสามารถและพรสวรรค์ที่โดนตาโดนใจเข้า เกรงว่าพวกเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้

ดูเหมือนว่าการประลองในงานร้อยปีนี้ นางต้องออมมือลงบ้าง ขอเพียงแค่ให้เข้ารอบสิบอันดับแรกก็พอแล้ว

ถึงแม้ว่าหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาจะมีความเกรงขามต่อคนของหุบเขาหมอเทวดา ทว่า เขาก็รู้สึกไม่พอใจคนเหล่านี้อยู่เล็กน้อย

เขามีความสงสัยว่า คนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้จะมาเอาตัวอัจฉริยะนักปรุงยาของเซี่ยโจวไป เดิมทีอัจฉริยะนักปรุงยาของเซี่ยโจวก็มีน้อยอยู่แล้ว ร้อยปียากนักที่จะมีอัจฉริยะฝีมือดี หากโดนคนของหุบเขาหมอเทวดาเอาตัวไปอีก เกรงว่าระดับการปรุงยาของเซี่ยโจวจะมีแต่ถดถอยลง แต่ถึงกระนั้น การประลองใหญ่ครั้งนี้ก็ยังคงต้องดำเนินการต่อไป

ครั้นแล้วหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรก็ประกาศขึ้นว่า “ผู้เข้าร่วมประลองทุกคนจะต้องหลอมยาระดับเจ็ด ยาเจ็ดพิฆาต ผู้ที่หลอมยาได้สำเร็จจะมีสิทธิ์ประลองไปด่านถัดไป”

การประลองการปรุงยาในด่านที่สองนั้นยากมาก ผู้ที่มีคุณสมบัติอย่างน้อยต้องเป็นนักปรุงยาระดับสูง

กลุ่มพันธมิตรนักปรุงยาได้จัดเตรียมสมุนไพรวิญญาณและอุปกรณ์ในการปรุงยาเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนักปรุงยาผู้ร่วมประลองก็ได้เริ่มปรุงยาโดยแข่งกับเวลาที่กำหนด

ทุกคนมีสมาธิและปรุงยากันอย่างใจจดใจจ่อ ยาระดับเจ็ดนั้นยากนักที่จะปรุงออกมาได้

ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดากล่าวขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า “พื้นที่ทุรกันดารนี้เต็มไปด้วยคนอ่อนหัดไร้ความสามารถจริง ๆ ! ดูทักษะนั่นสิ ช่างล้าหลังยิ่งนัก”

ศิษย์อีกคนหนึ่งก็กล่าวต่อว่า “ใช่ ท่านอาจารย์ ท่านมาที่นี่นับว่าเสียเวลาเปล่า ศิษย์หุบเขาหมอเทวดาอย่างพวกเรานั้นยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ท่านอาจารย์ไม่จำเป็นต้องมาหาอัจฉริยะในถิ่นทุรกันดารนี่หรอก”

สายตาของพวกเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม อัจฉริยะนักปรุงยาเหล่านี้ไม่คู่ควรแม้แต่จะยกรองเท้าให้พวกเขา

ผู้อาวุโสสี่กล่าวว่า “ไหน ๆ ก็มาแล้ว รอดูต่ออีกหน่อยเถอะ! ศิษย์พี่รองกับศิษย์พี่สามดวงตกที่นี่ พวกเรามาตามหาข่าว จะประมาทไม่ได้เด็ดขาด ทุก ๆ ที่อาจมีศัตรูผู้แข็งแกร่งซ่อนตัวอยู่”

“ขอรับ! ”

ในตอนนั้น หลังจากที่ผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสสามได้เจอหม้อเทพนิรันดร์ พวกเขาคิดอยากจะครอบครองเอาไว้เอง จึงไม่ได้แจ้งข่าวไปยังหุบเขาหมอเทวดา ดังนั้นทางด้านหุบเขาหมอเทวดาจึงไม่รู้สาเหตุการตายของพวกเขาอย่างแน่ชัด

ศิษย์เหล่านี้ต่างก้มหน้าพลางกล่าว “ขอบคุณท่านอาจารย์ที่คอยสั่งสอน พวกเราจะระมัดระวังขอรับ”

เป็นเพราะว่ามีศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาดูอยู่ มู่เฉียนซีจึงหลอมยาระดับเจ็ดออกมาอย่างสะเพร่า เพื่อแค่จะให้ผ่านด่านนี้ไป และเข้าประลองด่านที่สอง

เมื่อเวลาได้สิ้นสุดลง ทุกคนก็หลอมยาออกมาสำเร็จ

ถึงแม้จะบอกว่าผู้ที่หลอมยาระดับเจ็ดได้สำเร็จจะมีสิทธิ์เข้าประลองในด่านที่สอง แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูที่คุณภาพของเม็ดยานั้นและดำเนินการจัดอันดับด้วย

มู่เฉียนซีจงใจหลอมยาออกมาให้คุณภาพของยานั้นแย่เพราะไม่อยากดึงดูดความสนใจของคนของหุบเขาหมอเทวดา สุดท้ายนางไม่ติดแม้แต่ร้อยอันดับแรก

หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรกล่าวว่า “วันพรุ่งจะเป็นการดำเนินการประลองในด่านที่สอง ส่วนวันนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนได้”

ลำดับต่อไปก็ต้องต้อนรับคนของหุบเขาหมอเทวดาเหล่านี้ หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรรู้สึกเกรงกลัวมาก คนแข็งแกร่งเหล่านี้มาเซี่ยโจวด้วยเหตุอันใดกัน?

ผู้อาวุโสสี่กล่าว “เหตุใดถึงไม่ประลองให้เสร็จเสียวันนี้เลย? ”

หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรยิ้มพลางกล่าว “เอ่อ คือว่า การปรุงยาทำให้สูญเสียพลังจิตไปมาก ดังนั้นต้องพักผ่อนก่อนสักวัน วันพรุ่งพวกเขาจะได้มีพลังจิตเพียงพอที่จะปรุงยาต่อ”

“พวกขยะไร้ประโยชน์ แค่ยาระดับเจ็ดก็ควบคุมพลังจิตไม่ได้ พวกเจ้าทำให้ท่านอาจารย์ข้าเสียเวลามาก”

“ยังไงวันนี้ก็ต้องประลองให้เสร็จ เวลาของท่านอาจารย์ข้ามีค่ามาก ไม่อาจเสียเวลาได้”

ทุกคนต่างขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ถึงแม้จะรู้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนของสำนักระดับสอง แต่พวกเขาก็ไร้เหตุผลเกินไป! หากเทียบกับสำนักอวิ๋นเยียนแล้ว แย่ยิ่งกว่าอย่างมิอาจเทียบได้เลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด