ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 913 จิ่วเยี่ยหลงตัวเอง

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 913 จิ่วเยี่ยหลงตัวเอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ่วเยี่ยจับมือมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ไม่สบายทุกส่วน โดยเฉพาะตรงนี้”

มือของมู่เฉียนซีกดลงตรงหัวใจของเขา จิ่วเยี่ยจึงกล่าวต่อว่า “ซีไม่อยากให้เขาตาย ข้าก็จะไม่ฆ่าเขา แต่จะทำลายใบหน้าของเขา เป็นเช่นไร?”

มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็มีวันที่อิจฉาริษยาหน้าตาอันงดงามของผู้อื่นด้วย!”

“ไม่ได้อิจฉาริษยา บนโลกใบนี้ยังมีคนที่มีค่าพอให้ข้าอิจฉาริษยาด้วยหรือ?” สายตาของจิ่วเยี่ยค่อย ๆ มองไปที่เขา

“ข้าก็แค่ไม่อยากให้ซีเห็นใบหน้านี้ของเขา”

“ต่อไปซีมองข้าแค่เพียงคนเดียวก็พอแล้ว!”

แกร่ก!

หน้ากากตกลงมา จิ่วเยี่ยให้มู่เฉียนซีมองหน้า

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ได้ ได้ ได้! มองเจ้าก็พอแล้ว องค์ชายจิ่วเยี่ยเป็นผู้ที่รูปงามที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาแล้ว”

“แน่นอน!”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย “จิ่วเยี่ย มีคนเคยบอกหรือไม่ว่าเจ้าเป็นคนที่หลงตัวเองมาก!”

“ไม่มี!”

“แต่ตอนนี้ข้าขอบอกเลยว่าเจ้าหลงตัวเองมาก!”

กู้ไป๋อีจากไปและเห็นพวกเขาทั้งสองพูดไปยิ้มไป รอยยิ้มของหญิงสาวงดงามวิจิตตระการตาดุจดั่งสายลมอันอบอุ่นก็มิปาน

ใบหน้าอันงดงามของชายหนุ่มไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึกใด ๆ แต่เผยความน่าหลงใหลออกมาเล็กน้อย และทำให้รูม่านตาของกู้ไป๋อีหดตัวลงด้วยความไม่พอใจ

รอยยิ้มที่คุณหนูใหญ่ผู้นี้เผยให้ชายตรงหน้าเห็นกับรอยยิ้มที่นางเผยให้ผู้อื่นเห็นนั้นไม่เหมือนกัน รวมถึงเขาด้วย!

เขามองออกแล้ว ชายผู้นี้มีความสำคัญต่อนางมาก สำคัญมาก!

หลังจากที่กินอิ่ม มู่เฉียนซีก็จับจิ่วเยี่ยให้เริ่มสอนทักษะโยวหลัว

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย เริ่มได้หรือยัง?”

จิ่วเยี่ยค่อย ๆ พยักหน้า “อืม!”

พลังวิญญาณโคจรขึ้น ระลอกคลื่นสีดำได้ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ จิ่วเยี่ย และทันทีที่แขนของเขาขยับ ทักษะวิญญาณนั้นก็ตกลงมา

“ทักษะโยวหลัว!”

ตูม!

กำแพงที่อยู่ตรงหน้าตกระเนระนาดลงมาราวกับไพ่ก็มิปาน

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น “จิ่วเยี่ย พลังการทำลายล้างนี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!”

“แต่โชคดีที่กำแพงจวนเจ้าเมืองนี้จะต้องซ่อมแซมใหม่พอดี พังแล้วก็พังช่างมันเถอะ เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องให้คนไปรื้อกำแพงทิ้ง”

“แต่ว่าจะโคจรพลังวิญญาณเช่นไรล่ะ ข้ายังไม่รู้เลย!”

จิ่วเยี่ยปรากฏตัวขึ้นด้านหลังมู่เฉียนซี และจับแขนนางเอาไว้ “ซีเห็นไม่ชัดก็ไม่เป็นไร ข้าจะช่วยสอนเอง”

มีจิ่วเยี่ยคอยสอน พลังวิญญาณธาตุวารีของมู่เฉียนซีก็โคจรขึ้นรอบ ๆ ตัวนาง จากนั้นก็ค่อย ๆ ก่อตัวเป็นระลอกคลื่น

แขนของนางถูกจิ่วเยี่ยยกขึ้น เขากล่าวข้างหูมู่เฉียนซีว่า “ลงมือได้แล้ว!”

มู่เฉียนซีตะโกนว่า “ทักษะโยวหลัว!”

แล้วผลลัพธ์เป็นเช่นไรล่ะ!

ผลลัพธ์ก็คือ ทำได้เพียงแค่ทำให้อิฐก้อนเดียวแตกเท่านั้น!

มู่เฉียนซีจนปัญญาเป็นอย่างยิ่ง มันช่างห่างชั้นกันเกินไปแล้ว ช่างน่าตกใจยิ่งนัก

“พยายามต่อไป!”

เมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น กู้ไป๋อีก็ตกใจทันที

ร่างชุดขาวเคลื่อนไหวไป เขาปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ กำแพงที่พังทลายลง และมองไปที่เศษซากกำแพงที่แตกกระจายเหล่านั้น แล้วกล่าวขึ้นในใจว่า ‘ช่างเป็นทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่งนัก’

ผู้แข็งแกร่งทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศนั้นเขาล้วนแต่รู้ดี คนผู้นี้ไม่มีอยู่แน่นอน เช่นนั้นความเป็นไปได้มีเพียงแค่อย่างเดียวนั้นก็คือ…

เขาไม่ใช่คนที่นี่!

“ทักษะโยวหลัว!”

เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังขึ้น และเสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกครั้งเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าอ่อนแอกว่าเดิมไม่น้อยเลย

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดสาวน้อยผู้นี้ถึงได้มีความมั่นใจมากนักว่านางจะสามารถเอาชนะเขาได้ ที่แท้นางก็มีอาจารย์ที่แข็งแกร่งผู้นี้อยู่นี่เอง!

เขาสามารถหลอกตัวเองได้หรือไม่ว่าอันที่จริงแล้วพวกเขาสองคนเหมือนกัน!

ทว่า สายตาที่นางส่งให้ชายผู้นั้น กับสายตาที่นางส่งให้เขามันเหมือนกันจริง ๆ เหรอ

หลังจากที่เย่เฉินจัดการทุกอย่างเสร็จและกลับมาถึงเมืองเหลย เขาก็พบว่ากำแพงจวนเจ้าเมืองนั้นได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว

เย่เฉินตื่นตระหนกขึ้นรีบวิ่งพรวดเข้าไป “นายท่าน นายท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม หรือว่ามีคนมาลอบโจมตี”

“นายท่าน…”

ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเจอนายท่านของตนเอง และกลับพบว่านายท่านของพวกเขานั้นถูกชายสวมหน้ากากสีดำกอดอยู่

“นายท่าน ท่าน…เขา…”

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นนายท่านผู้แข็งแกร่งถูกกอดเช่นนี้

มู่เฉียนซีกล่าว “เขาคือจิ่วเยี่ย”

“เย่เฉิน คำนับท่านผู้ยิ่งใหญ่จิ่วเยี่ย”

เป็นคนข้างกายมู่เฉียนซีเหมือนกัน แต่กับเย่เฉิน จิ่วเยี่ยกลับไม่มีความวู่วามในการสังหารเขาเลยแม้แต่น้อย

คนผู้นี้ไม่เหมือนกับคนชุดขาวผู้นั้น นี่คือสัญชาตญาณ!

มู่เฉียนซีกล่าว “จวนเจ้าเมืองก็ถูกรื้อไปพอสมควรแล้ว ต่อไปเจ้าก็ให้คนมาซ่อมใหม่เถอะ ถึงอย่างไรเสียความชอบของเจ้าหมอนั่นก็ดูไม่ได้เอาซะเลย”

เย่เฉินกล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า “นายท่าน…นะ นี่ นายท่านหมายความว่าจวนเจ้าเมืองนี่นายท่านเป็นคนรื้ออย่างนั้นเหรอ”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ก็แค่ฝึกฝนเท่านั้น ก็เลยถือโอกาสรื้อไปด้วย”

มุมปากของเย่เฉินกระตุกขึ้น นายท่าน นี่ท่านจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว ฝึกฝนจนพังจวนเจ้าเมืองทั้งหลังได้ เขาไร้คำพูดแล้วจริง ๆ!

ทักษะโยวหลัวนั้นยากกว่าทักษะตี้ซวนและทักษะเทียนซวนมาก อีกทั้งต้องควบคุมพลังวิญญาณให้ได้อย่างแข็งแกร่ง จิ่วเยี่ยได้ฝึกฝนให้นางนานมาก แต่มู่เฉียนซีกลับทำไม่สำเร็จแม้แต่ส่วนเดียว

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “จิ่วเยี่ย หลายวันที่ผ่านมานี้ร่างกายของเจ้ามีปัญหาอันใดบ้างหรือไม่?”

“ก็แค่สอนซี ไม่ได้คิดเรื่องอื่น ไม่มีปัญหาอะไร”

พลังการควบคุมของเขานั้นน่าทึ่งยิ่งนัก มิเช่นนั้นเขาก็คงไม่อาจอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้ทั้ง ๆ ที่ร่างกายยังโดนคำสาปเช่นนั้นอยู่

นิ้วมือของเขาสัมผัสบนใบหน้าของมู่เฉียนซี “ก่อนที่ข้าจะสูญเสียการควบคุม ซีต้องฝึกทักษะโยวหลัวให้ได้”

มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว ข้าจะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะฝึกให้สำเร็จ”

มู่เฉียนซีฝึกต่ออีกสองวัน และในตอนนี้เอง เย่เฉินก็มารายงานว่า “นายท่าน เมืองชางหมางแห่งทุ่งรกร้างใหญ่กำลังจะจัดการประมูลขึ้น และการประมูลครั้งนี้มีสมุนไพรวิญญาณขั้นปฐพีที่นายท่านต้องการด้วย”

“สมุนไพรวิญญาณขั้นปฐพีเหรอ?” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำ

ทว่า หาสมุนไพรวิญญาณขั้นปฐพีให้ครบก่อน จากนั้นค่อยหาสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์อีกสองชนิดที่เหลือ

มู่เฉียนซีกล่าว “จะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่?”

“ค่ำของวันมะรืน!”

มู่เฉียนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เช่นนั้นก็เกรงว่าจะต้องออกเดินทางตอนนี้แล้ว”

เย่เฉินกล่าวว่า “การเข้าร่วมประมูลในเมืองชางหมางจำเป็นต้องมีบัตรเชิญถึงจะเข้าได้ ตอนนี้ข้าเพิ่งจะได้ครองเมืองเหลย ไม่มีคุณสมบัติที่จะได้บัตรเชิญนั้นมา มีเพียงแค่ท่านเจ้าเมืองเหยียนเท่านั้นที่มี ฉีเอ๋อร์ก็คงจะไปด้วย ได้ยินมาว่าที่งานการประมูลมีกลไกวิญญาณที่ปกปิดร่าง แต่ว่าข้า…”

มู่เฉียนซีกล่าว “แต่ว่าตอนนี้เจ้ายุ่งจนไม่อาจปลีกตัวได้ เป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับฉีเอ๋อร์ เพราะฉะนั้นเจ้าจึงอยากให้ข้าเดินทางไปด้วยกันกับท่านเจ้าเมืองเหยียนและพวก”

เย่เฉินพยักหน้าพลางกล่าว “ขอรับ!”

เมืองชางหมาง เป็นเมืองแห่งการค้าขายในทุ่งรกร้างใหญ่แห่งนี้ โดยในเมืองนี้มีการค้าขายทุกประเภท

สำหรับเมืองแห่งทุ่งรกร้างใหญ่นี้ แน่นอนว่าไม่ใช่สถานที่ที่สงบ ซ้ำยังวุ่นวายเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ว่าท่านเจ้าเมืองจะเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง แต่ทุ่งรกร้างใหญ่แห่งนี้ยังมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่านี้อยู่

ด้วยรูปร่างหน้าตาอันงดงามของเหยียนฉั่วฉีแล้ว เย่เฉินไม่มีทางวางใจให้นางออกไปแน่

มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงยังไงข้าก็ไม่มีบัตรเชิญ ไปด้วยกันก็ไปด้วยกัน”

“วันพรุ่งท่านเจ้าเมืองเหยียนกับฉีเอ๋อร์จะเดินทางผ่านเมืองเหลย เมื่อถึงตอนนั้นนายท่านก็ไปกับพวกเขาเลย” เย่เฉินกล่าว

“ตกลง!”

วันรุ่งขึ้น

“เฉียนซี เฉียนซี!” เหยียนเซี่ยฉีกระโดดลงมาจากร่างของสัตว์วิญญาณบินได้ อยากจะกระโดดเขาไปในอ้อมแขนของมู่เฉียนซี

“เฉียนซี ข้าคิดถึงเจ้ามาก!”

เป็นผลให้ร่างในชุดดำที่กอดมู่เฉียนซีอยู่ดึงนางก้าวหลบไป เหยียนเซี่ยฉีที่กระโดดมาจึงคว้าไม่โดนตัวมู่เฉียนซี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด