ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 81 บุรุษอัจฉริยะอันดับหนึ่ง

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 81 บุรุษอัจฉริยะอันดับหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเย็นชา นางไม่สนว่าจะต้องพูดกับผู้เป็นกษัตริย์อย่างไร นางอยากจะพูดกับเขาอย่างไรนางก็จะพูด

“องค์รัชทายาททรงอย่ามั่นพระทัยในตนเองเกินไปเลย ท่านพาว่าที่พระชายามาจากจวนไหนก็พากลับจวนนั้นเถอะ  หากพรุ่งนี้บ่ายได้รับชัยชนะ ค่อยนำตัวกลับมาส่งก็ย่อมได้”

“ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่าโกรธไปเลย ข้ากับท่านพี่หลี่ซางไปจากที่นี่ถูกต้องแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปชมการประลองที่จินอู๋ถาง ซีเอ๋อร์ ข้าเป็นกำลังใจให้เจ้านะ” มู่หรูเหยียนกล่าววาจาจริงใจ

ซวนหยวนหลี่ซางครุ่นคิด ก็ดีเหมือนกันที่สตรีผู้งดงามได้กลับตำหนักไปกับเขา วันนี้เขาออกหน้าปกป้องนาง แสดงความรักอันยิ่งใหญ่ให้นางได้เห็น เขาหมายจะใช้เวลานี้เพื่อทำให้นางรู้สึกดีขึ้นไปอีกก็เป็นการดี

ซวนหยวนหลี่ซางพามู่หรูเหยียนกลับตำหนัก

หลังจากที่ซวนหยวนจือทราบข่าว ตาขวาพลันกระตุกโดยตลอด ประหนึ่งจะมีลางร้ายปรากฏ

“ทหาร! เข้ามา จงไปตามองค์รัชทายาทเข้าวังมาพบข้า”

หลังจากการประลองตระการตาของท่านผู้นำตระกูลมู่กับบุรุษอัจฉริยะอันดับเจ็ดอย่างเยวี่ยเจ๋อจบลง จินอู๋ถางก็ได้รับเกียรติให้จัดการประลองอันคาดว่าจะดุเดือดเลือดพล่านขึ้นอีกครา

นั่นก็คือ… การประลองระหว่างมู่เฉียนซีกับบุรุษอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ย ซวนหยวนหลี่ซาง

ทั่วทั้งจื่อตูเดือดพล่าน ราคาตั๋วเข้าชมการประลองในครั้งนี้เพิ่มสูงลิ่ว

“อ่า! ท่านผู้นำตระกูลมู่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ชนะบุรุษอัจฉริยะอันดับเจ็ดอย่างเยวี่ยเจ๋อ ต่อมาก็ชนะสตรีอัจฉริยะอันดับสี่อย่างโอวหยางเหว่ย  มาวันนี้นางยังจะประลองฝีมือกับบุรุษอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างองค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางอีก”

“ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำตระกูลมู่เป็นผู้บำเพ็ญภูติธาตุวารี ส่วนองค์รัชทายาทใกล้จะเป็นจอมภูตธาตุวายุเชียวนา เขาอยู่ระดับผู้บำเพ็ญภูตระดับเก้าแล้ว  เผลอ ๆ เขาอาจเป็นถึงระดับจอมภูตไปแล้วก็ได้ ครานี้เราได้ดูของดีเป็นแน่”

เยวี่ยซู่กล่าวกับเยวี่ยเจ๋อ “พี่ใหญ่ ท่านเชื่อมั่นในตัวพี่ใหญ่ผู้นั้นของท่านจริง ๆ รึ ? จะว่าไป… ท่านห้ามข้าไม่ได้หรอก ข้าเอาจวนทั้งจวนค้ำประกันไว้แล้ว”

“เยวี่ยซู่ พี่ใหญ่ข้านำเอาเงินค้ำประกันจำนวนสามล้านเหรียญทองคำให้จินอู๋ถางไปแล้ว เงินจำนวนพันสองเหรียญเงินของเจ้ายังเทียบกับเศษเงินของพี่ใหญ่ข้าไม่ได้เลย ข้าจะไปห้ามเจ้าทำไมกัน ?” เยวี่ยเจ๋อกล่าวดูแคลนผู้เป็นน้องชาย ท่าทีเขาเฉยเมย

เยวี่ยซู่กำหมัดแน่น คับข้องใจนัก ทำอะไรไม่ได้ “ก็ดี เช่นนั้นข้าจะเทหมดหน้าตักไปเลย”

“อ๊าาาา! นั่น! องค์รัชทายาทลงสนามประลองแล้ว” เสียงร้องของสตรีผู้หนึ่งดังลั่นขึ้น ทำให้ผู้คนหันสายตาลงไปมองกลางสนามประลองทันที

วันนี้ซวนหยวนหลี่ซางมาในชุดขาว ทว่าดูไม่อ่อนโยนเหมือนก่อน เขาดูดุร้ายกว่าปกติเล็กน้อย  ผมสีน้ำหมึกสยายตามสายลมพัดเบา ๆ ใบหน้างดงามอย่างบุรุษเพศทรงเสน่ห์ลึกล้ำ ผู้คนมิอาจละสายตา

หากตระกูลมู่ไม่มีคุณชายสามมู่อวู่ซวง จะกล่าวว่าองค์รัชทายาทหลี่ซางเป็นบุรุษผู้งดงามยิ่งในแคว้นจื่อเยี่ยก็ไม่ถือว่าพูดเกินจริง

สตรีในชุดสีม่วงผ้าแพรไหมก้าวขึ้นเวทีการประลองอย่างช้า ๆ  ท่าทางนางโดดเด่นยิ่งนัก ทุกย่างก้าวดูแข็งแกร่ง รูปร่างหน้าตาหรือแม้แต่ความสง่าผ่าเผยแทบจะเหนือกว่าองค์รัชทายาทเสียด้วยซ้ำ

เพียงรูปลักษณ์ภายนอก นางก็กินขาด!

เหล่าผู้ชมอึ้งงัน อ้าปางค้างตาม ๆ กันไป  สุดยอด!  ยอดเยี่ยม!  เยี่ยมมาก!  สมแล้วที่เป็นท่านผู้นำตระกูลผู้อายุน้อยที่สุด ช่างดูน่าเกรงขามจริง ๆ

เกิดแสงสลัวสว่างวาบสลับกันในดวงตาซวนหยวนหลี่ซาง เขากล่าวเสียงเย็น

“มู่เฉียนซี ยศถาบรรดาศักดิ์ของเราทั้งสองพิเศษกว่าคนปกติทั่วไป เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝันขึ้น อย่างเช่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บหรือเกิดความเสียหายหนักหนาสาหัส  เรามาลงนามพันธสัญญากันก่อนการประลองดีหรือไม่ ?”

การลงนามเพื่อทำพันธสัญญาในแคว้นจื่อเยี่ยมีน้อยมาก กฎของโลกและสวรรค์ เมื่อมีการลงนามก็จะมีการตรวจสอบตามกฎของสวรรค์ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ราชสำนักจะต้องการปลิดชีพนางจริง ๆ

นางยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ลงนามพันธสัญญารึ ? ไม่มีปัญหา ข้าก็มีมาเช่นกัน”

ในพันธสัญญาของมู่เฉียนซี กล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ว่า

‘การประลองระหว่างมู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่กับองค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางในวันนี้ มีข้อตกลงกันว่า หากองค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางได้รับชัยชนะ มู่เฉียนซีจักต้องรับตัวมู่หรูเหยียนกลับจวนตระกูลมู่ในฐานะที่นางเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ ทว่าหากมู่เฉียนซีไดรับชัยชนะ องค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางจักต้องนำเงินทุนที่ตระกูลมู่ใช้ไปกับมู่หรูเหยียนในช่วงสิบแปดปีทั้งหมดคืนให้กับตระกูลมู่โดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น’

ซวนหยวนหลี่ซางพอพระทัยกับพันธสัญญานี้มาก มู่เฉียนซีกระทำเช่นนี้ตรงกับความประสงค์ของเขา

ซวนหยวนหลี่ซางพยักหน้า “ได้ ไม่มีปัญหา”

พันธสัญญาทั้งสองใบของทั้งสองฝ่าย ถูกลงนามเป็นที่เรียบร้อย ถือว่าพันธสัญญานี้มีผลอย่างเป็นทางการ

เวลานี้การประลองที่ดุเดือดน่าตื่นเต้นกำลังจะเริ่มขึ้น และแล้ว… เวลาที่ทุกคนเฝ้ารอคอยก็มาถึง หัวหน้าจินอู๋ถางประกาศ

“การประลองเริ่มได้!”

“มู่เฉียนซีระวังตัวไว้!” ซวนหยวนหลี่ซางกล่าวเกทับ  เขาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขายกเท้าขึ้น ร่างพุ่งตรงเข้าใส่มู่เฉียนซี

เมื่อวานนี้เสด็จพ่อเรียกตัวเขาเข้าพบ ได้รับสั่งว่าการประลองครั้งนี้ต้องชนะมู่เฉียนซีเท่านั้น  ต้องชนะเท่านั้น!

“พลังนิ้ววายุ!” ซวนหยวนหลี่ซางตะโกน นิ้วมือพลันปรากฏเงานับร้อยภายในชั่วพริบตา มันรวมตัวกันพุ่งไปกระแทกลำคอเรียวขาวของมู่เฉียนซีด้วยพลังวายุอย่างรุนแรง

“อ๊า!” เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างร้องอุทาน มือปิดปาก ใจคอไม่ดี

“สววรค์! ข้าเกิดมาทั้งชีวิตนี้เพิ่งจะเคยเห็นกับตา นั่นใช่พลังของจอมภูตธาตุวายุหรือไม่ ? รวดเร็วจริง ๆ เช่นนี้แล้วท่านผู้นำตระกูลมู่จะหลบหลีกได้ทันหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“นั่นพลังที่เหนือกว่าระดับผู้บำเพ็ญภูตระดับเก้าเชียวนา! องค์รัชทายาทสมแล้วที่เป็นบุรุษอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ยของพวกเรา เจ้าดูสิ”

พลังธาตุวายุนั้นรวดเร็วและดุดันยิ่งนัก แข็งแกร่งอย่างมิอาจเปรียบได้ จอมภูติพลังธาตุกับผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุนั้นไม่เหมือนกัน พลังจอมภูติของซวนหยวนหลี่เทียนย่อมแข็งแกร่งกว่า  มู่เฉียนซีต้องลำบากกว่าตอนที่นางสู้กับโอวหยางเหว่ย

มู่เฉียนซีรีบหลบพลังวายุมรณะที่พุ่งเข้าใกล้ตัว ร่างของนางสั่นไหวก่อนที่จะร่นตัวถอยหลังไปกว่าสิบก้าว

ซวนหยวนหลี่ซางเป็นผู้เริ่มโจมตีนางก่อน อีกทั้งยังใช้พลังธาตุในการโจมตีนาง ทำให้นางรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย

“ผนึกมังกรวารี!”

ฉับพลันทันใด มังกรวารีสีฟ้าพุ่งไปที่ซวนหยวนหลี่ซาง

— ตูม! —

เมื่อมังกรวารีเข้าใกล้ซวนหยวนหลี่ซาง เขาเลี่ยงด้วยกระบี่ในทันใด

ผู้ชมนิ่งอึ้งตะลึงลาน บ้างเอามือปิดปาก บ้างเอามือทาบอก

“สวรรค์! มู่เฉียนซีกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตระดับแปดไปแล้วหรือไร ?! ไม่ธรรมดา นางไม่ธรรมดาจริง ๆ”

“ระดับแปดแล้วอย่างไรเล่า ?! หากเทียบกับองค์รัชทายาทผู้เป็นถึงจอมภูตธาตุวายุ เกรงว่ามู่เฉียนซีมีแต่ความพ่ายแพ้ คำว่าแพ้ตัวโตทาบบนหน้าผากนางแล้วไม่เห็นรึ ?”

เยวี่ยซู่เบิกตากว้าง กล่าวขึ้น “พี่ใหญ่ นั่น… พี่ใหญ่ผู้นั้นของท่านเปลี่ยนไปมากจริง ๆ! เดือนก่อนตอนที่ประลองกับพี่ใหญ่ นางยังระดับหกอยู่เลย! ”

“ภายในเวลาเพียงเดือนเดียว นางเลื่อนขึ้นมาถึงสองระดับ  สวรรค์! เก่งกาจยิ่งนัก”

เกิดแสงประกายวาบในดวงตาเยวี่ยเจ๋อ เขาเองก็กล่าวชื่นชม “ข้า… คิดไม่ถึงเลยว่าพี่ใหญ่จะบรรลุระดับแปดไปแล้ว ดูเหมือนว่าข้าจะต้องพยายามขึ้นไปอีก”

เยวี่ยซู่กล่าวด้วยเสียงสั่น ๆ “พี่ใหญ่ ท่านก็น่าจะใกล้บรรลุแล้วใช่ไหมล่ะ ?”

เยวี่ยเจ๋อพยักหน้าตอบ “อืม ระดับเจ็ด ใกล้แล้ว”

เยวี่ยซู่กล่าวถามขึ้นมาอีก “พี่ใหญ่ ท่านลองถามพี่ใหญ่ผู้นั้นของท่านให้ข้าหน่อยสิว่าต้องการน้องชายเพิ่มอีกคนหรือไม่ เป็นน้องชายได้ฝึกฝนรวดเร็วเช่นนี้ คนอื่นคงอิจฉาแย่”

“ข้าคิดว่าพี่ใหญ่ข้าคงไม่ต้องการ ถึงแม้จะต้องการพี่ใหญ่ก็คงไม่มองเจ้าหรอก” เยวี่ยเจ๋อกล่าวอย่างไร้ความปรานี ทำเอาหัวใจของเยวี่ยซู่เหี่ยวฟีบ

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

ในขณะที่สองพี่น้องตระกูลเยวี่ยกำลังสนทนากันอยู่นั้น บนเวทีการประลอง มู่เฉียนซีกับซวนหยวนหลี่ซางปะทะกันนับกระบวนท่าไม่ถ้วน

พลังธาตุวายุปะทะกับพลังธาตุวารีอย่างดุเดือด ความแข็งแกร่งพอ ๆ กันแทบจะแยกไม่ออกว่าใครเหนือกว่าใคร ช่างเป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับเหล่าผู้ชมเสียจริง

ทว่า… สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจนั่นก็คือมู่เฉียนซี ถึงแม้ว่านางจะอยู่ระดับต่ำกว่าองค์รัชทายาทไปมาก ความแข็งแกร่งของนางหาใช่จะต่ำไปกว่าองค์รัชทายาท ฝีมือทั้งคู่สูสี แทบดูไม่ออกว่าใครแข็งแกร่งกว่า

ซวนหยวนหลี่ซางรู้ดี สงครามการประลองครั้งนี้อันที่จริงเขามิอาจสู้มู่เฉียนซีได้ ในทีแรกเขาก็มั่นใจ  ทว่าคิดไปคิดมา ตัวเขาจะสู้นางได้อย่างไรในเมื่อนางกินยาลูกกลอนระดับสองระดับสามเล่นราวกับกินลูกกวาดเช่นนั้น

ยิ่งเวลาล่าช้ามากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่ส่งผลดีกับตัวเขาเท่านั้น เขาต้องรีบจบการประลองครั้งนี้โดยเร็วที่สุด

ซวนหยวนหลี่ซางใช้พลังอย่างเกรี้ยวกราด

“ราชาวายุ!”

วายุนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นกระแสน้ำวน พุ่งตรงไปที่มู่เฉียนซีทันที กำลังของมันแรงและรวดเร็ว ไม่ง่ายแก่การหลบเลย

มู่เฉียนซีหมุนร่าง ทั้งพลังปราณพลังวิญญาณของนางพุ่งสุงขึ้นถึงขีดสุด

“วารีสะท้านสวรรค์!”

มังกรวารีสีน้ำเงินกระโจนขึ้นไปในอากาศราวกับกำลังร่ายรำในท่วงท่าเร้าใจ พลันโจมตีกับวังวนวายุของซวนหยวนหลี่ซาง

“ทักษะเช่นนี้ของนาง เหตุใดถึงได้เหมือนพลังราชาวายุขององค์รัชทายาทได้!”

“โอ้! นั่นใช่พลังใหม่หรือไม่ ?!”

“อะไรกัน ?!” ซวนหยวนหลี่ซางเบิกตากว้าง ดวงตาแทบถลนออกนอกเบ้า ทักษะเช่นนี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา

หรือว่ามู่เฉียนซี ทักษะที่นางใช้…

นางเลียนแบบเขาได้เหมือนยิ่งนัก!

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด