ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 186 พิธีฉลองวันเติบโตเป็นผู้ใหญ่

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 186 พิธีฉลองวันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่อวู่ซวงกล่าว “ที่นั่นเคยเป็นบ้านของพวกเรา” จากนั้นไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก

มู่เฉียนซี “ท่านอา ท่านตอบกว้างเกินไป อย่างน้อยท่านก็น่าจะบอกตำแหน่งของมันมาว่าอยู่ที่ใด ตำแหน่งไหน ?”

“ข้าจะบอกซีเอ๋อร์เมื่อเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอ” มู่อวู่ซวงกล่าว

มู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่กำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว จวนสกุลมู่จะจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้น ทำให้ทั้งเมืองจื่อตูเริ่มครึกครื้น

งานฉลองการเป็นผู้ใหญ่ของผู้นำตระกูลมู่มีผลประโยชน์ไม่น้อย โรงเตี๊ยมทั้งหมดลดราคาลงครึ่งหนึ่ง หอยาหมอปีศาจของนางก็ลดราคา  แม้เมื่อตอนวันที่องค์รัชทายาทซวนหยวนหลี่ซางได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ยังมิเอิกเกริกเช่นนี้เลย วิธีการของมู่อวู่ซวงและเยวี่ยเจ๋อนั้น ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกจนปัญญา

ท่านอา… อันที่จริงมิเห็นต้องทำยิ่งใหญ่เช่นนี้เลย” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น มู่อวู่ซวง “แม้ว่าพี่ใหญ่จะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่หากเขารู้ว่าข้าทำให้ซีเอ๋อร์ต้องได้รับความลำบาก ต่อไปในภายหน้า เขาจะต้องถลกหนังข้าอย่างแน่นอน จัดงานเช่นนี้ถือว่าเรียบง่ายแล้ว”

อย่างไรเสียในที่แห่งนี้ก็ไม่ได้มีของดีวิเศษอะไร

เยวี่ยเจ๋อกล่าว “พี่ใหญ่ เรื่องงานฉลองของพี่ใหญ่เป็นเรื่องใหญ่ เราทำให้คนทั้งปวงมีความสุข ไม่ใช่ว่าท่านเคยบอกเอาไว้หรือว่าเอาเงินเล็กน้อยออกเอาจำนวนมากเข้า ?”

มู่อวู่ซวงพยักหน้าเห็นด้วยกับเยวี่ยเจ๋อ

มู่เฉียนซีถูกทั้งสองทำให้หัวเราะทั้งน้ำตา

เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว  สาวใช้สวมอาภรณ์ที่มีการตกแต่งอย่างซับซ้อนให้แก่มู่เฉียนซี ชุดนี้ซับซ้อนเสียจนนางไม่สามารถนับได้อย่างชัดเจนว่ามีกี่ชั้น

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นทีเล่นทีจริง “ท่านอา ท่านเตรียมชุดที่ซับซ้อนเช่นนี้ไว้ให้ข้า คิดอยากจะให้ข้าหนักตายหรืออย่างไร ?”

มู่อวู่ซวงกล่าวอย่างจนปัญญา “ซีเอ๋อร์ เรื่องนี้เจ้าจะมาว่าข้าไม่ได้  แม่ของเจ้าตระเตรียมชุดนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนเจ้าจะเกิด บอกว่าจะเอาไว้ให้เจ้าใส่เมื่อจัดงานฉลองวันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เรื่องการแต่งกายนั้นบ่งบอกถึงวรรณะของซีเอ๋อร์ เรื่องนี้มิอาจทำแบบขอไปทีได้”

“ที่แท้เป็นท่านแม่นี่เองที่เตรียมเอาไว้” มู่เฉียนซีพึมพำกับตนเอง สิ่งที่ควรใส่ก็ได้ใส่แล้ว สิ่งที่ควรประดับก็ได้ประดับเรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีก้าวออกจากประตูอย่างช้า ๆ

ในพิธีฉลองการเป็นผู้ใหญ่ ตระกูลต่าง ๆ ในแคว้นจื่อเยี่ยส่งคนของตนมาอวยพรและส่งของขวัญให้ผู้นำตระกูลมู่  แม้แต่สำนักอัสนีลึกลับและสำนักตานจี้ก็ส่งคนมา

จวนกั๋วกงทางด้านของแคว้นชิง  ราชสํานัก  สํานักเฟินเทียน  สํานักจินติ่ง ก็ส่งคนมาด้วยเช่นเดียวกัน

อีกทั้งทางแคว้นชิงก็มีคนจากจวนกั๋วกง สำนักเพลิงผลาญฟ้า สำนักจินติ่ง และคนของราชวงศ์ก็ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย งานที่สั่นสะท้านไปทั้งสองแคว้นเช่นนี้ เกรงว่าจะมีแต่ผู้นำตระกูลมู่มู่เฉียนซีเท่านั้นที่ทำได้

เมื่อร่างสีม่วงค่อย ๆ เดินออกมา ท้องฟ้าและผืนแผ่นดินราวกับสีสันจืดชืดไป   นางเดินออกมาอย่างสง่างามและสูงส่งราวกับจักรพรรดิ  ทำให้ผู้ที่มาร่วมงานอย่างซวนหยวนจือดูอับเฉายิ่งนัก หญิงสาวที่อยู่ข้างกายของเขามองมาที่นางด้วยสายตาลุกร้อนเป็นไฟ

ทุกคนยิ้มก่อนจะกล่าวพร้อมกันว่า “ขอแสดงความยินดีกับท่านผู้นำตระกูลมู่”

ต่อมาบรรดาผู้คนต่างพากันกล่าว “ยินดีกับผู้นำตระกูลมู่ด้วย”

“ยินดีด้วย…”

หญิงสาวที่อายุยังน้อย เมื่อปรากฏตัวออกมาถึงกับบดขยี้ให้พวกเขามัวหมองไป! ช่างเป็นสาวน้อยที่วิเศษจริง ๆ!

มู่อวู่ซวงยิ้มอย่างปีติ “ซีเอ๋อร์ มานี่สิ” มู่เฉียนซีเดินเข้าไปช้า ๆ  มู่อวู่ซวงหยิบปิ่นปักผมออกมา สอดปิ่นปักผมนั้นเข้าไปในช่อผมของมู่เฉียนซีอย่างคล่องแคล่ว

ณ พื้นที่ไม่ไกลจากตัวงานมากนัก จื่อโยวกล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่งยวด “เยี่ย พระชายาของเจ้าผู้นี้ไม่ธรรมดา! ชุดจื่ออวิ๋นจุนฉ่างมิใช่ว่าใครอยากจะใส่ก็ใส่ได้ ผู้ที่สามารถใส่ชุดระดับนี้ในพิธีฉลองการเป็นผู้ใหญ่ได้ มีแต่เพียง…”

“เรื่องนั้นช่างมัน แต่ปิ่นปักผมหยกกับลวดลายนั่น หากข้าจำไม่ผิด เหมือนจะเป็น…”

จิ่วเยี่ยใช้คำพูดของมู่เฉียนซีมาอุดปากของจื่อโยวที่พูดไม่หยุด “เจ้าไม่พูดก็ไม่มีผู้ใดกล่าวหาว่าเจ้าเป็นใบ้”

“เยี่ย เจ้ายังไม่ได้รับนางมาเป็นชายาเลย เจ้าก็ทำตัวเป็นช้างเท้าหน้าช้างเท้าหลังกันเสียแล้ว” จื่อโยวกล่าวถากถาง พิธีการที่ซับซ้อนยุ่งยากสิ้นสุดลงในที่สุด  วันนี้ไม่ได้เป็นเพียงวันที่มู่เฉียนซีกลายเป็นผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นวันที่นางจะมีสิทธิ์อำนาจเต็ม ๆ ในตระกูลมู่ด้วยเช่นกัน

ส่วนเหล่าผู้อาวุโสที่คอยเป็นที่ปรึกษาประคับประคองมานั้น  ก็จะต้องฟังคำสั่งหนึ่งเดียวจากผู้นำตระกูล

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวขึ้น “ในเมื่อผู้นำตระกูลเป็นผู้ใหญ่แล้ว เช่นนั้นท่านก็ได้เป็นผู้นำตระกูลสมดั่งคำเรียกขานอย่างแท้จริง แต่หากผู้นำตระกูลต้องการปกครองตระกูลจริง ๆ ก็จำต้องแสดงความสามารถใหคนอื่นยอมรับ พวกหนุ่มสาวตระกูลมู่นั้นเห็นท่านผู้นำตระกูลเป็นตัวอย่าง …ต่อไปจะมีหนุ่มสาวตระกูลมู่มาท้าประลองกับท่าน ขอให้ท่านผู้นำตระกูลจงอย่าได้ปฏิเสธ”

แม้น้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดจะฟังดูดีมีมารยาททุกถ้อยคำ แต่ก็ได้ปิดตายทางหนีของมู่เฉียนซีเป็นที่เรียบร้อย ทำให้นางไม่อาจปฏิเสธใด ๆ ได้ มู่อวู่ซวงกำลังจะปลดปล่อยความโกรธออกมา ทว่าถูกมู่เฉียนซีห้ามเอาไว้  นางกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของข้าหรือ ? ยังจะต้องให้สู้กันอีกหรือ ?”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ท่านผู้นำตระกูลคงไม่ได้ใส่ใจกับคนในตระกูลอยู่บ้าง ไม่นานปีมานี้ตระกูลมู่ของเรา นอกจากเหยียนเอ๋อร์และอวิ๋นเอ๋อร์  ยังมีลูกหลานตระกูลมู่ที่มีพรสวรรค์ไม่น้อย พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าท่านเลย”

เวลานี้คนอื่น ๆ เริ่มกระซิบกระซาบกัน “มีคนเก่งเท่าผู้นำตระกูลมู่ นั่นเป็นไปได้ด้วยรึ ?”

“ก็ต้องได้สิ! แน่นอนว่ามู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่เก่งกาจนัก นางเป็นถึงสตรีอัฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแคว้นจื่อเยี่ย ทว่าคนที่อายุเท่า ๆ กันทั้งแคว้นมีตั้งมากมาย เช่นนั้นมันก็คงจะต้องมีสักคนที่สามารถเทียบเทียมนางได้ คนเก่งกาจอย่างผู้นำตระกูลมู่ย่อมต้องมีอยู่ เหตุใดจึงจะไม่มีผู้อื่นที่เก่งเท่านางล่ะ ?”

“แต่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวว่าเป็นคนในตระกูลมู่ที่แข็งแกร่ง  หรือว่า… ตระกูลมู่ยังมีผู้มีความสามารถซ่อนไว้อยู่อีกเช่นนั้นรึ ?”

ขณะนั้นเอง มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวทำลายเสียงซุบซิบนินทา “โอ้! หากเป็นเช่นนั้นข้าก็สนใจอยู่ไม่น้อย ข้ารับคำท้าของลูกหลานตระกูลมู่”

ดูผิวเผินเหมือนกับว่ามู่เฉียนซีถอนอำนาจของผู้อาวุโสในตระกูลมู่เหล่านั้นไปสิ้นแล้ว แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็หยั่งรากลึกอยู่ในตระกูลมู่มาเกือบยี่สิบปี แน่นอนว่าพวกเขามีไพ่ใบเด็ดซ่อนอยู่ไม่น้อยเลย

ในตอนที่พวกเขาไม่ได้นำเอาไพ่ใบเด็ดพวกนี้ออกมาใช้ นางก็ไม่ได้จัดการปราบพวกเขาให้สิ้น แต่เวลานี้ สถานการณ์ถึงขั้นที่ต้องงัดไม้เด็ดแล้ว พวกเขาไม่ต้องการจะอดทนอีกต่อไป  ค่อย ๆ เปิดเผยไม้ตายของตนเองออกมา

มู่เฉียนซีนางไม่รังเกียจที่จะเล่นกับพวกเขาสักหน่อย

ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้ม กล่าวว่า “ท่านผู้นำตระกูล อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตระกูลมู่ของพวกเราจะไม่ทําให้ท่านผิดหวัง ”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย “หลายปีมานี้ผู้อาวุโสใหญ่มีความตั้งใจปลูกฝังอัจริยะรุ่นใหม่ ท่านช่างใจดีจริง ๆ”

ทุกคนสนใจการประลองครั้งนี้มาก ต่างพากันย้ายมายังลานประลองของตระกูลมู่ เวทีประลองตั้งเด่นตระหง่านอยู่ตรงกลางพร้อมให้ประลอง

แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่ได้สวมชุดจื่ออวิ๋นจุนฉ่างที่หรูหราเทอะทะไปประลอง นางเปลี่ยนไปใส่ชุดปกติทั่วไปที่ใส่ประจำวันแล้ว

เมื่อนางปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง ทุกผู้คนพบว่าผู้นำตระกูลมู่เปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์แล้วเรียบร้อย นางดูเคร่งขรึมน้อยลง ทว่าดูสง่างามราวกับสายลมพัดโชย

มู่เฉียนซีมองผู้อาวุโสสูงสุดก่อนจะถามว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด ? ไหนรึ ? ท่านมิได้บอกว่ามีอัฉริยะรุ่นเยาว์ตระกูลมู่จะมาท้าประลองกับข้ารึ ?”

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวขึ้น “ฮ่าวเอ๋อร์ เจ้าเคารพนับถือท่านผู้นำตระกูลมู่มาแต่ไหนแต่ไรแล้วมิใช่หรือ ? ในการต่อสู้ครั้งแรก ยกให้เจ้าเข้าไปก่อนแล้วกัน”

มู่ฮ่าวเดินมาด้านหน้าก่อนจะกล่าวว่า “ขอรับ”

ชายหนุ่มตรงหน้า  ดู ๆ ไปแล้วอายุอานามเขาคงจะยี่สิบกว่า ๆ  ร่างไม่สูงมากนัก ทว่ากลับแฝงพลังบางอย่างที่เสมือนพร้อมจะระเบิดออกมา

มู่เฉียนซีหมุนตัว กระโดดขึ้นไปยืนยังเวทีประลองราวกับใบไม้ที่ล่องลอย นางยิ้มมุมปาก กล่าวว่า “วันนี้ข้าได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ หากมีหนุ่มสาวคนใดในตระกูลมู่ต้องการที่จะท้าประลองกับข้า รอให้ข้าชนะมู่ฮ่าวก่อน แล้วข้าจะสนองให้”

ผู้อาวุโสสูงสุดต้องการที่จะใช้โอกาสในงานฉลองการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของนางมากดอำนาจนางไว้  ทว่ามีหรือนางจะยอมให้เขาทำได้สมดั่งใจหวัง ดูเอาแล้วกันว่าใครจะกดอำนาจใคร

— ปัง! —

มู่ฮ่าวก้าวกระทืบขึ้นไปบนเวทีประลอง  ทำให้บนเวทีประลองสั่นสะเทือน เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ท่านผู้นำตระกูลจะสามารถชนะข้าได้หรือไม่นั้น ขอให้ท่านทำได้ก่อนแล้วค่อยกล่าววาจาอวดเบ่งจะดีกว่า”

.

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด