ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 502 เข้าสู่หอฉงโหลวบนเมฆา

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 502 เข้าสู่หอฉงโหลวบนเมฆา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าสวะเซี่ย ลงมือ!” มู่เฉียนซีมองไปที่เชียนอ้าวเซี่ย

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “ทำไมถึงได้เป็นข้าล่ะ!”

“พลังวิญญาณของข้าฟื้นกลับมาแล้ว น่าหลานก็ด้วย ส่วนท่านอาก็เดินเหินไม่สะดวก อีกอย่างพลังของเจ้าก็เป็นถึงมหาจักรพรรดิ”

“ขั้นมหาจักรพรรดิแล้วยังไงล่ะ ตอนนี้ข้าบาดเจ็บอยู่นะ ทำไมถึงไม่ให้เขาไป!” เชียนอ้าวเซี่ยชี้ไปที่จิ่วเยี่ยด้วยความโกรธ

นิ้วที่เรียวยาวขาวดั่งหยกนั้น ชี้มาที่จิ่วเยี่ย ดวงตาของจิ่วเยี่ยหรี่ลงเล็กน้อย คิดอยากจะจัดการนิ้วเรียวยาวนั้นให้กลายเป็นกระดูกขาวไปเสีย

เชียนอ้าวเซี่ยรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกอันน่าสะพรึงกลัวนั้น ราวกับกำลังโดนสัตว์ร้ายที่อันตรายกำลังจ้องเขมือบอยู่ก็มิปาน

มู่เฉียนซีกล่าว “หากให้จิ่วเยี่ยลงมือกับตาเฒ่าบ้านั่นก็จะเป็นการเสียแรงโดยใช่เหตุนะสิ เจ้านั่นแหละเหมาะสมที่สุดแล้ว”

จิ่วเยี่ยได้ยินเช่นนี้ก็ดึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนั้นกลับมา และยิ้มมุมปากเล็กน้อย!

ไม่ใช่ว่ามู่เฉียนซีจะกดขี่ใช้งานเชียนอ้าวเซี่ยเยี่ยงทาส แต่เพราะว่าหากนางใช้จิ่วเยี่ยลงมือ ไม่แน่จิ่วเยี่ยก็อาจจะไม่ช่วยชีวิตผู้ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเกี่ยวข้องกับเขาอย่างหลินเอ๋อร์ก็ได้

เชียนอ้าวเซี่ยแทบจะกระอักเลือด ครั้นแล้วเขาก็กัดฟันกรอดและกระโดดขึ้นไปบนอากาศในทันที

“ตาเฒ่าบ้า ส่งตัวเด็กน้อยมาให้ข้าซะโดยดี”

ตาเฒ่าบ้ากล่าว “เหอะ เหอะ! ไอ้หนู เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองได้เลื่อนขั้นพลังวิญญาณเป็นมหาจักรพรรดิแล้วก็จะชี้หน้าสั่งข้าได้นะ! ข้าต่างหากเล่า ที่จะได้เป็นผู้แข็งแกร่งสูงสุดในอนาคตกาล!”

เชียนอ้าวเซี่ยหัวเราะก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “อนาคตกาล! เจ้าคิดว่าตาเฒ่าอย่างเจ้ายังจะมีอนาคตอีกเหรอ? ” กระบี่วิญญาณน้ำแข็งถูกชักออกจากฝัก

แตะต้องเจ้าหนุ่มผู้อันตรายนั่นไม่ได้ หรือว่าคนอย่างเขาจะจัดการกับตาเฒ่าบ้านี่ไม่ได้ ?

ตูม!

ครั้นแล้วการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นบนท้องนภาในขณะนี้ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่ซ่านออกมาอีกครั้ง

ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกจริง ๆ !

และสิ่งที่ทำให้เชียนอ้าวเซี่ยแทบจะกระอักเลือดยิ่งกว่านั้นก็คือ ในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับตาเฒ่าบ้านี้อย่างสุดชีวิตอยู่นั้น จิ่วเยี่ยกลับโอบมู่เฉียนซีดูการต่อสู้ครั้งนี้ในท่วงท่าที่สบายอกสบายใจ!

อันที่จริงแล้วเชียนอ้าวเซี่ยเข้าใจจิ่วเยี่ยผิด จิ่วเยี่ยไม่ได้สนใจและไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะนอกจากมู่เฉียนซีแล้ว ก็ไม่มีใครที่จะอยู่ในสายตาเขา เขาเพียงแค่โอบกอดมู่เฉียนซีเพื่อรอให้ประตูหอฉงโหลวบนเมฆาเปิดออกอย่างสมบูรณ์ก็เท่านั้น

เพราะว่าในตอนที่หอฉงโหลวบนเมฆาเปิดนั้น มีพายุที่โหมกระหน่ำอันน่าสะพรึงกลัวในบริเวณรอบ ๆ ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ต้องรอให้ประตูเปิดออกอย่างสมบูรณ์ก่อน พายุที่โหมกระหน่ำนั้นถึงจะหยุดลง!

ความเร็วของหอฉงโหลวบนเมฆานั้นเชื่องช้ามาก จิ่วเยี่ยจึงต้องโอบกอดมู่เฉียนซีหญิงผู้เป็นที่เพื่อฆ่าเวลาไป

การต่อสู้ของเชียนอ้าวเซี่ยตอนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พลังของตาเฒ่าบ้านั่นแข็งแกร่งกว่าเขาหนึ่งระดับ อีกอย่างเขาก็เหนื่อยล้ามาจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้แล้วด้วย นอกจากนี้เขายังต้องระมัดระวังไม่ให้ทำร้ายโดนหลินเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของตาเฒ่าบ้าผู้นี้ ไม่ว่าลงมือด้วยกระบวนท่าใดเขาก็มีความกังวลมาก ไม่กล้าลงมือเต็มที่

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตาเฒ่า ลองกระบวนท่านี้หน่อยเป็นไง!” กระบี่วิญญาณน้ำแข็งพ่นเกล็ดเหมันต์อันหนาวเหน็บและแหลมคมออกมา เชียนอ้าวเซี่ยตะโกนอย่างดุดันว่า “คมหิมะพันสะท้าน!”

ทันใดนั้นเองกระบี่ขนาดใหญ่สีขาวราวหิมะเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนอากาศ และพุ่งไปที่ตาเฒ่าบ้าคลั่งนั่น!

ร่างของตาเฒ่าบ้าร่วงลงมาก เมื่อเห็นตามเฒ่าบ้าพ่ายแพ้เช่นนี้สีหน้าของชิวหลิงก็เผยให้เห็นถึงความดีใจ นางรีบพรวดเข้าไปตะโกนดังลั่น!

“หลินเอ๋อร์!”

ทว่า จู่ ๆ ก็มีร่างชายในชุดเทาอีกคนหนึ่งโผล่ออกมาคว้าตัวหลินเอ๋อร์เอาไว้!

คนผู้นั้นก็คือเจ้าสำนักคนเก่าของสำนักอวิ๋นเยียนนั่นเอง!

“สองคน สองคน! มีเจ้าสำนักคนเก่าสองคนได้อย่างไร นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?’

“สองคน!”

หลังจากที่เจ้าสำนักคนเก่าคว้าตัวหลินเอ๋อร์เอาไว้ ร่างอีกร่างหนึ่งที่บาดเจ็บสาหัสก็อันตรธานหายไปในทันที

“แยกร่าง! แยกร่างเป็นสองร่าง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักคนเก่าของสำนักอวิ๋นเยียนฝึกฝนเคล็ดวิชาลับเช่นนี้ด้วย!”

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึมว่า “บัดซบยิ่งนัก นึกไม่ถึงเลยว่าตาเฒ่าบ้านี่จะมีไพ่เด็ดนี้ด้วย ไปหยุดมันเดี๋ยวนี้! เสี่ยวหง อู๋ตี้!”

ตูม ตูม ตูม!

ในตอนนี้เอง ประตูทั้งบานของหอฉงโหลวบนเมฆาได้เปิดออกอย่างสมบูรณ์แล้ว และตาเฒ่าบ้านั่นก็พรวดเข้าประตูไปอย่างรวดเร็วราวกับปลาก็มิปาน!

ในเวลานี้มีคนส่งเสียงโห่ร้องขึ้นว่า “ประตูหอฉงโหลวบนเมฆาเปิดออกแล้ว พวกเราก็รีบขึ้นไปด้วยดีกว่า!”

“ยอดดวงใจ ข้ามาแล้ว!”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแค่คนในสำนักนิกายครึ่งระดับ ไม่มีผู้ใดเป็นมหาจักรพรรดิสักคน เทียบกับมู่เฉียนซีและพวกไม่ได้ แต่สามารถแบ่งประโยชน์กันได้คนละเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้พวกเขาสุขใจมากแล้ว!

ครั้นแล้วพวกเขาก็พรวดขึ้นไปทันที!

ภายในชั่วครู่เดียวผู้คนมากมายก็ขึ้นไปรบราฆ่าฟันกันอยู่ด้านบน สถานการณ์ยุ่งเหยิงไปหมด ในใจของชิวหลิวก็ร้อนรนราวกับมดปลวกที่ตกอยู่ในเตาร้อนก็มิปาน

แย่แล้ว

ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่อาจขัดขืนชะตาฟ้าลิขิตชีวิตของหลินเอ๋อร์ได้

มู่เฉียนซีกล่าว “ฮูหยินชิว ขอโทษที่ไม่อาจขัดขวางไว้ได้ทัน!”

“นี่มันเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตของหลินเอ๋อร์ ไม่โทษเจ้าหรอก! แต่ไม่ว่ายังไง ข้าก็จะต้องหยุดตาเฒ่านั้นให้ได้!” ชิวหลิงพรวดขึ้นไปบนหอฉงโหลวอย่างไม่ลังเล!

หอฉงโหลวบนเมฆา ไม่ใช่ว่าใครจะขึ้นไปก่อนแล้วจะได้ของล้ำค่ามากที่สุด มู่เฉียนซีตอนนี้ไม่ได้เร่งรีบขึ้นไปเหมือนกลุ่มคนพวกนั้น

นางหันไปมองมู่อวู่ซวง และกล่าวว่า “ท่านอา องครักษ์เงาจะปกป้องท่านอาได้ ท่านอารอหลานอยู่ที่นี่ ดีหรือไม่ ?”

“รอให้หลานเอาดอกเก้าพิฆาตลึกลับมาได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้น ท่านอาก็จะกลับมายืนได้อีกครั้ง”

ท่านอาเดินเหินไม่สะดวก นางไม่วางใจที่จะให้ท่านอาเข้าไปในหอฉงโหลวบนเมฆา ดินแดนเซี่ยโจวที่เป็นสถานที่ในตำนานนี้ ใช่ว่าจะปลอดภัย

สายตาของมู่เฉียนซีกำลังขอร้องอ้อนวอน มู่อวู่ซวงจึงทำได้เพียงแต่พยักหน้า!

ขวั่บ ขวั่บ ขวั่บ!

ในตอนนี้เอง ร่างในชุดขาวหลายร่างก็พรวดขึ้นไปบนหอฉงโหลวอย่างบ้าคลั่ง!

เป็นคนของหุบเขาหมอเทวดา พวกเขาไม่ได้วิ่งหนีหางจุกตูดแต่อย่างใด แต่พวกเขาหมายปองในสิ่งเดียวกันนั่นก็คือหอฉงโหลวบนเมฆา!

ทว่า เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน พวกมันขึ้นไปบนหอฉงโหลวกันหมด ท่านอาอยู่ที่นี่ก็จะได้ไม่มีอันตรายใดใด!

มู่อวู่ซวงคว้าแขนมู่เฉียนซีเอาไว้ “ซีเอ๋อร์ต้องปลอดภัยกลับมานะ อาจจะรอหลานกลับมาพร้อมกับความสำเร็จ แก้พิษให้อา!”

มู่เฉียนซีพยักหน้า “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ท่านอา!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไปเถอะ! ส่วนพวกเจ้าจะไปหรือไม่นั้น แล้วแต่จะตัดสินใจ!” คำพูดนี้ แน่นอนว่าพูดกับเชียนอ้าวเซี่ยและน่าหลานอวี้!

เชียนอ้าวเซี่ยกับน่าหลานอวี้กล่าว “หอฉงโหลวบนเมฆา หลายพันปีกว่าจะปรากฏออกมาสักครั้ง นี่นับว่าเป็นโอกาสที่ดี พวกเราไม่ยอมทิ้งโอกาสนี้ไปเด็ดขาด!”

พวกเขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของตัวเองดีว่ามันไม่เพียงพอ สำนักนิกายระดับหนึ่งพวกเขาอาจจะจัดการได้ แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในปฐพี ไม่อาจเอาไปเปรียบเทียบกับสำนักนิกายระดับหนึ่งได้

สำนักนิกายระดับสอง ระดับสาม ยิ่งระดับสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

พวกเขามีคนที่พวกเขาอยากปกป้อง ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเสี่ยงอันตราย แต่ก็หวังว่าจะทำให้ตัวเองนั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!

“เช่นนั้น พวกเราไปกันเถอะ!”

มู่เฉียนซีนั้นคิดจะไปเอง แต่ก็จนปัญญาเพราะโดนจิ่วเยี่ยโอบกอดไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่จะพรวดเข้าไปในหอฉงโหลวบนเมฆาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองก็ยืนอยู่กลางอากาศอย่างสง่ามาก!

เห็นได้ชัดว่าความเร็วของเชียนอ้าวเซี่ยนั้นช้ามาก เขากล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ชายผู้นี้ช่างบัดซบยิ่งนัก นี่มันกำลังจะแสดงพลังอำนาจให้ข้าเห็นงั้นเหรอ ? ช่างน่ารังเกียจนัก คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งแล้วจะเจ๋งนักรึไง!”

น่าหลานอวี้กล่าว “อย่ามัวแต่พูดไร้สาระอยู่เลย ซีเอ๋อร์เข้าไปนู้นแล้ว”

ใช่ มู่เฉียนซีถูกจิ่วเยี่ยพาเข้าไปในหอฉงโหลวแล้ว นั่นเป็นพื้นที่ที่สะอาดเป็นอย่างมาก

“ศาลาเลือนรางเก้าชั้นตื่นหรือยัง ?” จิ่วเยี่ยกล่าวถามอย่างเย็นชา

มู่เฉียนซีส่ายหน้าก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “อาถิงใช้พลังมากเกินไปในคราเดียว ตอนนี้ยังไม่ตื่น หากเจ้าจะตามหาคน เกรงว่าตอนนี้อาถิงคงจะช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”

จิ่วเยี่ยกล่าว “งั้นก็รอให้เขาตื่นขึ้นมาก่อน!”

จิ่วเยี่ยพามู่เฉียนซีเดินอยู่ในหอฉงโหลวบนเมฆา มู่เฉียนซีแอบคิดในใจว่า ‘หรือว่าก่อนที่อาถิงจะตื่นขึ้นมา เขาจะเป็นคนเดินทางไปกับนาง ?’

ในหอฉงโหลวบนเมฆานี้ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว จิ่วเยี่ยบอกว่าจะตามหาใครคนหนึ่ง แน่ใจเหรอว่าคนคนนั้นจะอยู่ที่นี่ ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด