ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 181 ค้างไว้สองครา

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 181 ค้างไว้สองครา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่เฉียนซีเองก็มิอาจทนฟังได้อีกต่อไป นางตะโกน “จื่อโยว หุบปากเสีย!”

จื่อโยวยิ้มหยาดเยิ้มพลางกล่าว “แม่นางซีอย่าสงสัยไปเลย สิ่งที่กล่าวออกมานั้นล้วนแต่เป็นความในใจของเยี่ย ข้าอ่านใจเขาออก”

มุมปากมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย จิ่วเยี่ยจะน้ำเน่าเช่นนั้นได้อย่างไรกัน ดูท่าเจ้าบ้าจื่อโยวผู้นี้จะว่างมาก ไม่มีอะไรทำถึงได้ทำตัวว่างเช่นนี้

“ไสหัวออกไปซะ!” สิ้นวาจาเสียงเย็นเยียบ พลันมีลมที่น่ากลัวพัดตีจื่อโยวออกไป

จื่อโยวรีบหลบแต่พลังนั้นก็ทำให้ร่างของเขาร่นตัวถอยหลังไปชนกับประตูที่อยู่ด้านหลังเขาจนได้

— ปัง! —

จื่อโยวบ่นพึมพำเบา ๆ ว่า “แม่นางซี นี่คืออาการเขินอายของเยี่ย ดูให้ดี สังเกตเขาสิ ฮ่า ๆ ๆ”

มู่เฉียนซีสีหน้าบิดเบี้ยว นางกล่าวขึ้น “จื่อโยว หากเจ้าไม่พูดก็ไม่มีผู้ใดต่อว่าว่าเจ้าเป็นใบ้”

เวลานี้ สองมือจิ่วเยี่ยที่กอดนางอยู่ค่อย ๆ คลายออก มู่เฉียนซีจึงเอ่ยถาม “จิ่วเยี่ย เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรรึ ?”

ในตอนที่จิ่วเยี่ยเข้ามานั้น กลิ่นอายจิตสังหารที่น่ากลัวของเขาแผ่กระจายไปทั่ว เขาไม่เหมือนกับบุรุษทั่วไปที่มาหอนางโลมเลย

จิ่วเยี่ยตอบเสียงเย็น ๆ เช่นเคย “ข้าเพียงแค่เดินทางผ่านที่นี่จึงแวะมา”

จื่อโยวได้ยินเช่นนี้แทบเป็นลมล้มลง เยี่ยไม่มีข้ออ้างอื่นแล้วหรืออย่างไรถึงได้พูดเช่นนี้เพื่อมาเป็นข้ออ้าง  สงสัยจะมีเพียงเยี่ยคนเดียวเท่านั้นแล้วที่แก้ตัวเช่นนี้ได้  จิ่วเยี่ยนั้น เขามักจะใช้คำกล่าวนี้มาเป็นข้ออ้างเสมอ มู่เฉียนซีรู้สึกคุ้นชินกับคำตอบนี้ของเขาแล้ว แต่ในที่สุดจื่อโยวก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้งว่า “แม่นางซี ความจริงแล้วเยี่ยตั้งใจจะมารอเจ้าที่นี่ต่างหากเล่า”

“รอข้ารึ ?” คำกล่าวของจื่อโยวอาจดูเป็นเพียงคำกล่าวธรรมดา ๆ แต่มู่เฉียนซีก็พอจะเชื่ออยู่บ้าง

จิ่วเยี่ย “มู่เฉียนซี เจ็ดวันผ่านไปสองรอบแล้ว เจ้าลืมบางอย่าง…”

มู่เฉียนซีสะดุ้งตกใจ เจ็ดวันผ่านไปสองรอบแล้วเช่นนั้นหรือ ? นั่นก็หมายความว่า…  ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางยุ่งอยู่กับการปรุงยา แม้ว่าทั้งสองจะนัดกันไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่จิ่วเยี่ยก็ไม่ได้รบกวนนางเลย

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “จิ่วเยี่ย เจ้ารู้สึกไม่ปกติอีกแล้วใช่หรือไม่ เจ้าคงจะทรมานมาก”

“อืม” จิ่วเยี่ยพยักหน้าพลางตอบ “รู้สึกทรมานอยู่”

มู่เฉียนซีส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ นางย่างเท้าเข้าไปหาเขา ค่อย ๆ เอามือถอดหน้ากากดำออก จากนั้นบรรจงจูบลงบนแก้มของเขาก่อนจะกล่าวว่า “ข้าชดเชยให้เจ้าเดี๋ยวนี้เลยเป็นอย่างไร ?”

เยวี่ยเจ๋อตะลึงพลันคิดในใจ ‘พี่ใหญ่กล้าจับเยี่ยอ๋องจุมพิตกลางสายตาผู้คน’ เขารู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหัวใจ จากนั้นหันหน้าไปทางอื่นไม่อยากมองพี่ใหญ่จุมพิตบุรุษผู้ที่น่ากลัวเช่นนี้

จื่อโยวตกใจไม่น้อยไปกว่าเยวี่ยเจ๋อ เดิมทีเขาคิดว่าเยี่ยไม่มีประสบการณ์ ไม่มีทักษะในเรื่องเช่นนี้ เขาไม่มีทางเกี้ยวพาราสีแม่นางผู้นี้ได้  แต่นี่ เขากำลังเห็นภาพอะไรปรากฏตรงหน้า ?  เยี่ยนั้น เขาเพียงเอ่ยคำพูดไม่กี่คำ สามารถทำให้แม่นางผู้นี้มอบจุมพิตแสนหวานให้เขาได้ นี่มันเรื่องแปลกประหลาดอันใด ?

อย่างเยี่ย เขาเรียกว่ายอดฝีมือแล้ว!

จื่อโยวผู้ที่รู้เรื่องนี้มาโดยตลอด เวลานี้ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ทว่าถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงการจุมพิต เยี่ยจะไม่ได้เข้าหอกับนางเลย แต่… แต่ว่าทักษะการเกี้ยวพาราสีของเขานั้น ถือว่าเป็นยอดฝีมือยิ่งนัก

“ไม่ใช่เช่นนี้” จิ่วเยี่ยกล่าววาจาเย็นชา  แม้ว่าความรู้สึกที่ริมฝีปากกระทบกับแก้มของเขานั้นจะอ่อนโยนนุ่มนวลและเขาก็โปรดปราณ ทว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเท่านี้

ยังไม่พอ…

มู่เฉียนซีเหลือบมองจื่อโยวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จิ่วเยี่ยพลางคิดในใจว่าตัวนางยังไม่เคยแสดงทักษะการจูบกับจิ่วเยี่ยต่อหน้าผู้อื่นเลย

จื่อโยวกล่าว “แม่นาง ข้าจองห้องพิเศษเอาไว้ ข้าจะพาเจ้าทั้งสองไปดีหรือไม่ล่ะ ? ในห้องนั้น ข้าขอบอกเลยว่าเจ้าสองคนจะทำอะไรกันก็ได้ตามแต่สะดวก”

จื่อโยวยิ้มเจ้าเล่ห์พลางนำทางไป จิ่วเยี่ยไม่คัดค้าน กอดมู่เฉียนซีเดินตามจื่อโยวไปแต่โดยดี

“พี่ใหญ่…” เยวี่ยเจ๋อเรียกมู่เฉียนซี เขาอยากจะห้ามนางไว้ ไม่อยากให้นางไปกับเยี่ยอ๋องอันตรายผู้นั้น แต่พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่วจนทำให้เยวี่ยเจ๋อหวาดกลัวอย่างมาก

บุรุษผู้นี้ยากเกินที่จะคาดเดาได้ อีกอย่าง นับวันพี่ใหญ่ของตนก็เข้าใกล้เขามากขึ้นทุกวัน อีกทั้งยังดูสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เยวี่ยเจ๋อ เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าเถอะ ข้าขอรักษาคนไข้ของข้าก่อนและข้าจะไปจัดการกับบุรุษรูปงามผู้นั้นภายหลัง  ส่วนเรื่องจุ้ยเมิ่งพันปี เจ้าก็วางใจได้แล้ว”

ดวงตาของเยวี่ยเจ๋อหลุบต่ำลงเล็กน้อย เขาพยักหน้าพลางตอบ “ก็ได้… ก็ได้พี่ใหญ่”

“เชิญทางนี้” จื่อโยวเปิดประตู ทำกิริยาท่าทางผายมือเชื้อเชิญอย่างงดงาม

จิ่วเยี่ยพามู่เฉียนซีเข้าไปในห้อง  ทันทีที่เข้าไปด้านใน สีหน้ามู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไป บุรุษผู้งดงามดั่งปีศาจอย่างจื่อโยว คงจะไม่ทำเรื่องดีเป็นแน่!

มู่เฉียนซีนางรีบพรวดไปดับธูปที่ส่งควันหอม ๆ หลายสิบดอกนั้นลง เร่งเปิดหน้าตางเพื่อระบายอากาศให้ลมพัดเข้ามา นางคารวะจื่อโยวยิ่งนัก ธูปหอมที่สามารถปลุกอารมณ์ทางเพศเช่นนี้หาได้ยาก นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างเขาจะหามาได้ อีกทั้งยังนำเอามาจุดในห้องนี้เสร็จสรรพ

เจ้าจื่อโยวนั่นเอาเปรียบกันชัด ๆ

มู่เฉียนซีหันมองจิ่วเยี่ย แม้ว่านางจะลงมือดับธูปหอมนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทว่าภายในห้องยังคงมีกลิ่นหลงเหลืออยู่จาง ๆ

ร่างของมู่เฉียนซีมีความดื้อยาอยู่บ้าง ธูปหอมนี้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อนางมากนัก ทว่าจิ่วเยี่ยล่ะ ? เขาคงไม่เป็นอะไรเช่นกันใช่หรือไม่ ?

มู่เฉียนซีมองดูดวงตาสีฟ้าของเขาคู่นั้น มันยังคงดูนิ่งสงบเฉกเช่นเคย  นางถอนหายใจโล่งใจ ดูเหมือนจิ่วเยี่ยจะยังไม่โดนธูปหอมนั่นเล่นงาน แต่นางต้องขอบอกเลยว่า… สหายของจิ่วเยี่ยอย่างจื่อโยวทำให้นางจนปัญญาจริง ๆ

จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซี กล่าวขึ้น “เมื่อครู่ไม่นับว่าเป็นการจูบ”

“ไม่นับก็ไม่นับ ข้าทำใหม่ก็ได้”

มู่เฉียนซีกัดริมฝีปากเขาเบา ๆ  ทว่าเมื่อเริ่มแล้วก็ดูเหมือนว่าจิ่วเยี่ยจะไม่ต้องการให้มันสิ้นสุดลง  อา… จูบแรกในรอบครึ่งเดือน แน่นอนว่าเขาหวังให้มันเป็นจูบที่ยาวนานที่สุด เมื่อจูบแรกสิ้นสุดลง มู่เฉียนซีหายใจอย่างหอบ ๆ จูบนี้นานเกินไปแล้ว นางเกือบจะหมดลมหายใจ

“กลับจวน”

ดูเหมือนว่าสถานที่ที่จื่อโยวเตรียมเอาไว้ให้  จิ่วเยี่ยจะไม่โปรดเอาเสียแล้ว เขารับรู้ได้ถึงความอึดอัดของมู่เฉียนซี จึงกอดนางและหายตัวออกไปจากจุ้ยเมิ่งพันปีแห่งนี้

ระหว่างทางกลับจวนในยามรัตติกาล ทันใดนั้นเสียงจิ่วเยี่ยก็ดังขึ้นว่า “ครั้งที่สอง”

“แต่เรายังอยู่ระหว่างทางกลับจวน” มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว

“ไม่สนใจ”

สีหน้ามู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก “แล้วข้าคิดต่างกับเจ้าได้หรือไม่ ?”

“ไม่ได้” จิ่วเยี่ยตอบทันควัน

มู่เฉียนซีซบร่างของเขา สายลมยามรัตติกาลพัดเส้นผมของพวกเขาสยายปลิวไสว ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันเป็นเวลายาวนาน  ความเร็วของจิ่วเยี่ยลดลง เส้นทางกลับจวนนี้ สำหรับมู่เฉียนซีแล้วช่างดูยาวนานยิ่งนัก

จื่อโยวในเวลานี้ เมื่อเห็นภาพการกลับจวนที่สวยงามของทั้งคู่ ก็อดที่จะชื่นชมจิ่วเยี่ยไม่ได้ เขากล่าว “อา… บุรุษเย็นชาดุจดั่งน้ำแข็งเย็นยะเยือกอย่างเยี่ยมีความคิดหวาน ๆ เช่นนี้  ไม่เลวเลย!  ดู ๆ ไปแล้วนอกจากทักษะเหล่านี้ อย่างอื่นเขาคงไม่ต้องให้ข้าช่วย”

— ตุบ! —

เมื่อกลับมาถึงจวนเยี่ยอ๋อง มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่าคงจะต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่  จูบของจิ่วเยี่ยรุนแรงและเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เดิมทีรุนแรงอยู่แล้ว แต่กลับรุนแรงเร่าร้อนดุเดือดมากกว่าเดิมหลายเท่า

“ฮืม…” ดวงตามู่เฉียนซีเบิกกว้างด้วยความตกใจ คำสาปของจิ่วเยี่ยกำลังจะระเบิดขึ้นอีกแล้วรึ ? อาการเขากำลังกำเริบมากขึ้นรึ ? หรือว่าเป็นเพราะฤทธิ์ธูปหอมนั่นของจื่อโยวเมื่อครู่ ?

ร้อน… ร่างของจิ่วเยี่ยที่เดิมทีเย็นยะเยือก กลับร้อนผ่าวไปทั่วราวกับเตาไฟขนาดใหญ่ก็มิปาน

ขณะที่จิ่วเยี่ยผละริมฝีปากออกไปและกำลังจะมอบจูบหวานให้นางอีกครา ทว่ามู่เฉียนซีกลับห้ามเขาเอาไว้ นางกล่าวขึ้นด้วยความร้อนรน “จิ่วเยี่ย ท่าทางของเจ้าไม่ดีแล้ว เจ้าต้องไปแช่ในสระน้ำพุเย็นเสียเดี๋ยวนี้”

มู่เฉียนซีรีบพาจิ่วเยี่ยไปที่สระน้ำพุเย็นอย่างทุลักทุเล เมื่อมาถึงสระน้ำพุเย็น นางกล่าว “จิ่วเยี่ย เจ้าโดนควันหอมของจื่อโยว อาการเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เจ้ารีบลงไปแช่ในสระน้ำเร็วเข้าเถอะ อาการเจ้าจะทุเลาลง แต่หากยังไม่หาย ข้าจะปรุงยาให้เจ้าเอง”

— ตูม! —

ในที่สุดจิ่วเยี่ยก็ลงสระ ทว่าเขาไม่ลงผู้เดียว กลับคว้าเอาร่างบางของของมู่เฉียนซีลงไปในสระน้ำพุเย็นด้วย เสื้อผ้าของทั้งสองเปียกโชก ร่างของทั้งสองกอดรัดกันแน่น

ความหนาวเย็นของน้ำจะหนาวเย็นสักเท่าไหร่ และจะช่วยทำให้อาการของจิ่วเยี่ยทุเลาลงได้หรือไม่ ?

.

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด