ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 310 เล่นกับไฟ ไฟเผาตน

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 310 เล่นกับไฟ ไฟเผาตน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า มาแล้ว!” อู๋ตี้รวบรวมพลังทั้งหมดที่มี จากนั้นร่างของมันก็พองโตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงเองก็โจมตีออกไป ในเวลานี้เอง เปลวไฟสีแดงเข้มเต็มทั่วทั้งบริเวณ พวกหนามแหลมเหล่านั้นก็ถดถอยออกไปบ้าง แต่ทว่า…

— ปั้ก! —

“ผนึกมังกรวารี!”

สำหรับการรับมือกับหนามปีศาจนี้ มู่เฉียนซีไม่เพียงแต่ป้องกันเท่านั้น นางยังโจมตีในเชิงรุก

แต่ทว่าแม้ใช้ไฟก็ยังแทบจะทำอะไรกับมันไม่ได้ ยิ่งกับการโจมตีด้วยพลังของธาตุวารี ยิ่งได้ผลน้อยลงไปกว่าเดิม!

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

มันไม่ได้ผล… ไม่ได้ผลเลยแม้สักนิดเดียว

เมื่อหนามปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา มู่เฉียนซีเร่งใช้กระบวนท่าบุปผาหลั่งสายฝนป้องกันหนามปีศาจเหล่านั้นเอาไว้  ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่การปัดป้องเท่านั้น เพื่อที่จะให้ตัวนางเองได้มีเวลาในการหลบหลีกเพิ่มขึ้น

“มังกรวารีสะท้านสวรรค์!”

— ตูมมมมม! —

มู่เฉียนซีและสัตว์พันธสัญญาสองตัวของนางนั้นอยู่ในรังของเถาวัลย์หนามปีศาจและต่อสู้กันอย่างพัวพัน!

การต่อสู้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เถาวัลย์หนามปีศาจนั้นจะไม่ปล่อยให้เหยื่อได้มีเวลาพักหายใจ มันยังคงโจมตีต่อไปเรื่อย ๆ

แม้ว่ามู่เฉียนซีจะอยู่ในสถานที่ปิดที่มืดมิดกับสัตว์พันธสัญญาสองตัว แต่สำหรับนางแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นการทดสอบที่แข็งกร้าวอย่างมาก ชั่วขณะหนึ่ง การโจมตีที่รุนแรงอย่างที่สุดฟาดลงมา

— โครม! —

— แควก! —

ชุดคลุมยาวที่เดิมทีอยู่ในสภาพดี เวลานี้ถูกเถาวัลย์หนามปีศาจทำฉีกขาดเสียไม่เป็นท่า บนร่างของมู่เฉียนซีเองก็มีรอยเลือดเปื้อนเปรอะอยู่ไม่น้อย ทว่ามันดีขึ้นกว่าคราก่อนมาก

— ปึง! —

มู่เฉียนซีต่อสู้ดิ้นรนอยู่ด้านในอย่างไม่หยุดยั้ง นางบีบคั้นความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ของของตนเองออกมาเต็มที่

เมื่อพลังวิญญาณหมดลง แน่นอนนางกลืนยาเม็ดเพิ่มพลังในทันใด

โลหิต… สามารถหยุดได้โดยพลัน

— ปัง! —

การต่อสู้ที่ไม่หยุดหย่อนจนถึงตอนนี้ ได้ทำให้มู่เฉียนซีนั้นหมดแรง ทว่านางก็สามารถหาแหล่งต้นตอของพวกมันได้ว่าอยู่ที่ใด

“มังกรวารีพิฆาต!” นางตะโกน

การโจมตีด้วยมังกรวารีพิฆาตนั้น ในความคิดนางมันคือการโจมตีที่มีความแข็งแกร่งชนิดที่ว่าท้าทายฟ้าดิน โชคดีที่การโจมตีนี้ทำให้ความรวดเร็วของเถาวัลย์หนามปีศาจนั้นลดลง  มันค่อย ๆ เชื่องช้าลงแล้ว

— ตูม! —

มู่เฉียนซีมุ่งไปยังที่มุมนั้น และใช้กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งออกไป! โคลนที่อยู่ตรงหน้ากระเด็นลอยขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง มู่เฉียนซีจัดการตัดรากที่อยู่บนดินและหยิบมันขึ้นมา  จากนั้นนางไปตัดรากของเถาวัลย์หนามปีศาจซึ่งเป็นการไปกระตุ้นให้หนามปีศาจโกรธจัด มันพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างบ้าคลั่ง จงใจบีบพื้นที่ทั้งหมดของมู่เฉียนซีให้คับแคบ

— ปึบ! —

อู๋ตี้โจมตีกวาดไปรอบด้านที่มันกำลังคืบคลานเข้ามา

— แกรก! —

“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงก็มิได้อยู่เฉย ส่งเพลิงไฟร้อน ๆ พุ่งออกมา

แต่การที่พวกมันทั้งสองจัดการกับเถาวัลย์ที่คืบคลานเข้ามา เทียบไม่ได้เลยกับความเร็วในการงอกออกมาใหม่ของเถาวัลย์ อู๋ตี้กล่าวขึ้น “นายท่าน พวกเราจะต้องฝ่าออกไป มิเช่นนั้นแล้วหากมันแผ่ไปจนไม่มีพื้นให้ยืนละก็ พวกเราจะถูกมันรัดและฆ่าเราตายทั้งเป็น”

“มังกรเพลิงสังหาร!”

มู่เฉียนซีตัดสินใจใช้มังกรเพลิงสังหารเพื่อการโจมทีในทันใด

— ครืนนน! —

มังกรเพลิงที่ออกมาจากกระบี่นั้นพุ่งออกไป ฝ่าวงล้อมออกไปเป็นทาง

— ฟึ่บ! —

มู่เฉียนซีนางพยายามอย่างสุดกําลังที่จะพุ่งออกไป ทว่าแน่นอน… บนทางนั้นนางได้พบกับการขัดขวางจากหนามจำนวนไม่น้อย

กว่าจะหนีออกมาได้นั้นไม่ง่ายดายเลย แต่หนามจำนวนนับไม่ถ้วนก็ยังจะพุ่งตามออกมาดั่งสายฝนโปรย และฝนที่มืดฟ้ามัวดินนั้นให้ความรู้สึกน่ากลัวเป็นอย่างมาก!

มู่เฉียนซีแค่นเสียง “โล่วิญญาณวารีสองชั้น!”

“เพลิงเผาสวรรค์!”

— บึ้ม! —

ถึงแม้ว่านางจะมีบาดแผลมากมาย แต่ครั้งนี้ก็สามารถหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังโชคดี นางยังไม่ได้เสียเลือดจนถึงขนาดเป็นลมล้มลง

มู่เฉียนซีประคองกิ่งของต้นไม้ที่อยู่ข้างตัวนางเพื่อพักหายใจ และเงาร่างสีดำเงาหนึ่งก็ได้กระโดดลงมาอยู่ข้างนางอย่างสง่างาม

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “จิ่วเยี่ย เวลานี้ข้ายังไหว บาดแผลนั้นข้าจัดการเองได้ ตัวข้าเป็นหมอยา”

จิ่วเยี่ยกล่าวขึ้น “ซี… เจ้าจะผจญภัยนั้น ข้าไม่ห้ามเจ้า  แต่เจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าต้องรับผิดชอบ”

“แต่ว่าข้าสามารถ…” มู่เฉียนซียืนกราน ทว่าจิ่วเยี่ยกล่าวขัดนาง

“ข้ารู้เจ้าเป็นหมอยา แต่ข้าสามารถรักษาแผลให้เจ้าได้ และข้าผู้นี้รักษาให้เจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น” จิ่วเยี่ยกล่าวจบ เขาบังคับพานางไปโดยไม่สนใจเลยว่านางจะตอบตกลงหรือไม่ตกลง

— แควก! —

จิ่วเยี่ยฉีกเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของมู่เฉียนซีออกจนหมด

มู่เฉียนซีรีบเอามือมาปิดตาทั้งสองข้างของจิ่วเยี่ยไว้พร้อมกล่าว “เจ้าอย่ามองข้า  เอ่อ… คือว่า… ช่างมันเถอะ”

คราก่อนนั้นนางอยู่ในอาการสลบหลับใหล จึงรู้สึกว่าไม่มีอะไร  ทว่าตอนนี้นางยังมีสติดี มีกำลัง และไม่ได้บาดเจ็บจนถึงขั้นไม่รู้สึกตัว  การที่นางมาถูกเพศตรงข้ามเปิดจนหมดจดโล่งโจ้งเช่นนี้  มันช่าง…

จิ่วเยี่ยค่อย ๆ ดึงมือของมู่เฉียนซีออก ทว่าเขาหลับตา ดวงตาทั้งสองของเขานั้นหลับสนิท

ขนตางอนงามไร้ที่ติราวกับปีกผีเสื้อสร้างส่วนโค้งที่สมบูรณ์แบบบนเปลือกตา และด้วยความที่มันอยู่บนใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขานี้ ช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง

จิ่วเยี่ยกล่าวเสียงนุ่มนวลซึ่งหาได้ยากอย่างยิ่ง “ซี… สำหรับร่างกายของเจ้า ข้านั้นคุ้นเคยดี จะหลับตาก็ไม่เป็นปัญหาเลย”

มู่เฉียนซีนั้นแทบจะเป็นลมสลบไป  ‘คุ้นเคย… แน่อยู่แล้วเจ้าคุ้นเคย ชอบมาป้วนเปี้ยนใกล้ข้าบ่อยเพียงนี้ จะไม่คุ้นเคยได้หรือไร ?’

แต่ทว่า…

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจิ่วเยี่ย มู่เฉียนซีนั้นไร้เรี่ยวแรง ยิ่งนางนึกถึงตอนที่โดนเขาจุมพิต  มันเป็นจุมพิตที่กัดกร่อนถึงวิญญาณครานั้นไป ยิ่งทำให้นางไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้

หนามแหลมคมที่ปักอยู่แต่ละจุดถูกเขาถอนออกมา ทั้งร่างของมู่เฉียนซีนั้นเสมือนกับโดนไฟไหม้

จุมพิตที่นุ่มเบาราวกับขนนกนั้น ทำให้เส้นประสาททุกจุดของนางสั่นไหวขึ้นมา เมื่อรอจนบาดแผลทั้งหมดบนร่างของนางถูกจัดการเสร็จสิ้นแล้ว มู่เฉียนซีจึงได้กล่าวขึ้นอย่างจนปัญญากับจิ่วเยี่ยว่า “จิ่วเยี่ย เจ้ากล่าวมาตามตรง เจ้ากำลังหยอกล้อข้าอยู่หรือไม่ ?”

“เจ้าท้าทายความอดทนของข้าอยู่ตลอดเวลาเลยนี่”

จิ่วเยี่ยก้มหน้าลงมองมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีนางรู้สึกว่าสายตาของจิ่วเยี่ยเหมือนจะกลืนกินนางเข้าไปทั้งตัว

สรุปแล้วเป็นผู้ใดกันแน่ที่กำลังท้าทายความอดทนของอีกฝ่าย ?

“อื้อ!”

โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย มู่เฉียนซีถูกจุมพิตเข้าเสียแล้ว ทว่าสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนางในเวลานี้นั้น จิ่วเยี่ยยังมีเมตตา เขาไม่ใคร่อยากจะกระทำป่าเถื่อนรุนแรงต่อนางเท่าไหร่นัก เพียงแต่ระยะเวลาของจุมพิตนี้นั้นยาวนาน… มันช่างยาวนานจริง ๆ

หลังจากที่เขาถอนจุมพิตออกแล้ว  ก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง “ถ้าหากว่าใช่ แล้วเจ้าจะทำเช่นไร ?”

มู่เฉียนซีมองจิ่วเยี่ยก่อนจะบ่นออกมาด้วยเสียงต่ำว่า… “เจ้านั้นอันตรายเหมือนเช่นดอกไม้นรก มันงดงามมากแต่ข้าทำได้เพียงชื่นชมอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น ถ้าหากไปยุ่งกับมันเข้า ก็คงเหมือนอิงซูที่ไม่สามารถละเลิกได้  หากข้าไปเล่นกับไฟ มิใช่ว่าข้ารนหาที่ตายรึ ?”

เมื่อคนผู้หนึ่งโดนปีศาจเข้าสิงเข้าแล้ว ก็จะเหมือนดั่งเช่นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ หรือเหมือนดั่งสายลมที่ไม่เคยหยุดยั้งเพื่อผู้ใดทั้งสิ้น การใช้ชีวิตอย่างตามใจ นั่นต่างหากที่ถึงจะเป็นการใช้ชีวิตอย่างที่นางผู้เป็นหมอปีศาจต้องการ

มู่เฉียนซีมีบางเรื่องที่ซ่อนเอาไว้อยู่ภายใต้ดวงตาดำขลับของนาง  จิ่วเยี่ยเหมือนจะมองออก ทว่าก็คล้ายจะมองไม่ออกปะปนกันไป  เขายื่นมือไปลูบผ่านหน้าผากขาวผ่องของมู่เฉียนซีเบา ๆ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย”

มู่เฉียนซีจนปัญญา “โธ่จิ่วเยี่ย… ข้าเพียงแค่เปรียบเทียบเท่านั้นเอง”

“ดอกไม้แห่งนรกงดงามมาก แต่ทว่าหากยอมรับใครสักคนหนึ่งแล้ว มันก็จะไม่ทำร้ายคนผู้นั้นแม้แต่น้อย”

มู่เฉียนซีอึ้งงัน ‘จิ่วเยี่ย ขะ… เขากำลังอธิบายความอยู่รึ ?’

“อื้ม ข้าเชื่อจิ่วเยี่ย” นางกอดแขนของจิ่วเยี่ยไว้ขณะที่กล่าวออกไปเช่นนั้น “แต่ทว่าจิ่วเยี่ย… นิสัยการใช้ชีวิตเมื่อก่อนหน้านี้นั้น มักจะยากที่จะเปลี่ยนแปลง”

จิ่วเยี่ยถามขึ้น “อิงซูคืออะไรรึ ?”

มู่เฉียนซีเพิ่งนึกขึ้นได้ ในโลกแห่งนี้เหมือนจะไม่มีดอกไม้ที่เรียกว่า…อิงซู

นางอธิบาย “อิงซูนั้นเป็นดอกไม้ที่งดงามมากชนิดหนึ่ง เปลือกของมันสามารถนำเอามาบดเป็นยาได้ หากผู้ใดได้ไปลองมันเข้าสักครั้งละก็ ทั้งชีวิตก็จะเลิกมันไม่ได้ มันร้ายเสียยิ่งกว่าการโดนพิษที่อันตรายถึงชีวิตเสียอีก มันน่ากลัวกว่านั้นมากนัก”

จิ่วเยี่ยได้ฟังคำกล่าวนาง จึงได้ถามขึ้นต่อ “ซี… เจ้าเคยใช้พิษเช่นนี้กับผู้อื่นแล้วหรือ ? ใช่ไหม ?”

.

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด