ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1111 ดาวมฤตยูของหุ่นเชิด

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 1111 ดาวมฤตยูของหุ่นเชิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง! ชิงอิ่งพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่หนามนั้นได้แทงเข้ามาในร่างของเขาแล้ว!

พลั่ก พลั่ก พลั่ก!

พลังในการป้องกันนั้นถูกหนามนี้ทำลายลงแล้ว

คนชุดดำกล่าวว่า “นี่คือหนามปีศาจดำ มันเป็นดาวมฤตยูของหุ่นเชิดทั้งหลาย สามารถทำลายพลังการป้องกันของหุ่นเชิดได้ จากนั้นมันก็จะกลืนกินพลังของเจ้า แล้วหากว่าเจ้าคือหุ่นเชิด เจ้าก็ไม่อาจหลุดพ้นไปได้”

หนามที่แทงเข้าไปในร่างของชิงอิ่งนั้นเริ่มดูดพลังในร่างของชิงอิ่ง และทำให้ชิงอิ่งยิ่งดิ้นรนไม่ไหวขึ้นเรื่อย ๆ

ในตอนนี้คนชุดดำต้องการจะจับชิงอิ่ง มันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก

เขายิ้มพลางกล่าวว่า “มีคนมาแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ! เจ้าได้กลายเป็นเหยื่อในกำมือข้าแล้ว”

ถูกหนามปีศาจดำกักขังเอาไว้เช่นนี้ ชิงอิ่งไม่สามารถหนีได้ และก่อนที่จะถูกนำตัวไป เขาได้เอ่ยคำพูดออกมาคำหนึ่งด้วยเสียงขรึม

“เฉียน!”

เขาจะต้องกลับมา หวังว่านางจะไม่เป็นกังวล!

คนชุดดำผู้นั้นกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “เฉียน! จนถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังไม่ลืมเจ้านายของเจ้าอีกเหรอ ข้าจะกำจัดพันธสัญญาของพวกเจ้าทิ้งซะ และนับจากวันนี้ไป เจ้ากับนางจะไม่มีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกันอีก”

ชิงอิ่งกำหมัดแน่น ไม่มีทางเป็นไปได้!

ไม่ว่าจะมีพันธสัญญาต่อกันหรือไม่ ก็ไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เขาไปจากเฉียนได้

พลังของไป๋อู๋ห่ายนั้นแข็งแกร่งมาก และความเร็วของเขาก็รวดเร็วมากเช่นกัน

ทว่า เมื่อเขามาถึง นอกจากพื้นดินที่แตกระแหงออกเป็นเสี่ยง ๆ หลังจากที่เกิดการต่อสู้แล้ว เขาก็ไม่พบเงาร่างแม้แต่เงาเดียว

“ไป๋อู๋ห่าย นี่เจ้ากล้าแตะต้องคนของข้าอย่างนั้นเหรอ”

ร่างในชุดม่วงกระโจนเคลื่อนไหวมา ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

กลิ่นอายจาง ๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในบริเวณโดยรอบนางคุ้นเคยเป็นอย่างมาก มันเป็นกลิ่นอายของชิงอิ่ง

ถูกเด็กที่อ่อนวัยกว่าเรียกชื่ออย่างไร้มารยาทเช่นนี้ ไป๋อู๋ห่ายก็โกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว

“สาวน้อย เจ้าอย่าคิดว่าเจ้ามีหมอปีศาจคอยหนุนหลังอยู่แล้วเจ้าจะทำตัวไร้มารยาทเช่นไรก็ได้นะ ข้าก็เพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่นี่เอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”

“หากเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนสาวน้อยเช่นเจ้าแทนหมอปีศาจ”

ไป๋อู๋ห่ายยังไม่ทันได้ลงมือ ร่างในชุดดำแดงร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้นขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวเสียงขรึมว่า “หัวหน้าตำหนัก หมอปีศาจเป็นคนเช่นไร ในใจท่านก็น่าจะรู้ดี หากท่านไม่อยากให้ตำหนักตงจี๋ถูกทำลายล้างแล้วละก็ อย่าลงมือทำเรื่องที่ไม่ควรจะดีกว่า”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “เพราะว่ารูปร่างหน้าตาของสาวน้อยผู้นี้ใช่หรือไม่ ถึงทำให้เจ้าปกป้องนางได้ถึงเพียงนี้ จนกระทั่งยอมวางตัวเป็นศัตรูกับข้า”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “นางเป็นสหายของข้า!”

สีหน้าของไป๋อู๋ห่ายยิ่งเย็นชามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เฟิงอวิ๋นซิวนั้นกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าคนอย่างเฟิงอวิ๋นซิวจะมีสหายด้วย

หากไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาของสาวน้อยผู้นี้ เกรงว่าเฟิงอวิ๋นซิวก็คงไม่แม้แต่จะมองนาง แล้วจะมาเป็นสหายกันได้อย่างไร

มู่เฉียนซีมองไป๋อู๋ห่ายพลางกล่าว “ท่านหัวหน้าตำหนักไป๋ ข้าอยากรู้ว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ แล้วสหายของข้าหายไปที่ใดแล้ว?”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “พอข้ามาถึง สองคนนั่นก็ต่อสู้กันเสร็จแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอันใดขึ้น”

“ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าไม่ใช่คนของท่าน?”

ทั่วทั้งเมืองตงจี๋แห่งนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ไป๋อู๋ห่ายเท่านั้นที่นางได้ล่วงเกิน

“ข้า หัวหน้าตำหนักรังเกียจคำพูดจาโกหกเป็นอย่างยิ่ง”

“แต่ว่าข้าไม่เชื่อ!”

คนอื่น ๆ ต่างพากันมามุงดูเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นกับยอดฝีมือทั้งสองที่ได้ต่อสู้กัน แต่กลับเห็นมู่เฉียนซีกับไป๋อู๋ห่ายที่กำลังจะเปิดศึกกัน

“นั่นมู่เฉียนซีไม่ใช่เหรอ อัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออกของพวกเรายังไงล่ะ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีปัญหากันกับท่านหัวหน้าตำหนักตงจี๋เข้าแล้ว นี่ตกลงมันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”

“สมกับที่เป็นอัจฉริยะจริง ๆ ช่างกล้าหาญมาก เผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวของท่านหัวหน้าตำหนักเช่นนี้แล้ว แต่ยังดูนิ่งได้ถึงเพียงนี้”

“……”

เฟิงอวิ๋นซิวหันไปมองมู่เฉียนซีและกล่าวเสียงต่ำว่า “เฉียนซีเชื่อข้าได้!”

มู่เฉียนซีตกใจผงะไป ก่อนจะพยักหน้าลงเบา ๆ

“เท่าที่ข้ารู้มา คงจะไม่ใช่เขาที่ลงมือ!”

ถึงแม้ว่าหัวหน้าตำหนักตงจี๋กับนายน้อยแห่งตำหนักตงจี๋จะดูเหมือนว่าเป็นกองกำลังเดียวกัน ทว่า ทั้งสองนั้นเปรียบเสมือนน้ำกับไฟ สำหรับการเคลื่อนไหวของไป๋อู๋ห่ายนั้น เขาคอยจับตาดูมาโดยตลอด

ไม่ใช่ไป๋อู๋ห่าย แล้วยังจะมีผู้ใด!

มู่เฉียนซีกระวนกระวายใจขึ้นแล้ว ยิ่งไร้เป้าหมายเช่นนี้ นางก็ยิ่งเป็นห่วงชิงอิ่งมากขึ้น

มู่เฉียนซีกระวนกระวายใจมากยิ่งขึ้น และอาถิงก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว

“จะเป็นกังวลไปทำไมกันเล่า เจ้าท่อนไม้นั่นก็เป็นเพียงแค่หุ่นเชิด ไม่รู้จักความเจ็บปวดและก็ไม่มีทางตาย นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกนะ”

“อาถิง!” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้น และน้ำเสียงก็เย็นชาลง

“เอาล่ะ! ข้ารู้ว่าเจ้าใส่ใจเจ้าท่อนไม้นั่นมาก รูปร่างหน้าตาเช่นนั้นเจ้าจะไม่ชอบได้เหรอ หึ โชคดีนะที่เป็นเพียงแค่ท่อนไม้ท่อนหนึ่งเท่านั้น!”

“นี่ที่เจ้าตื่นขึ้นมาก็เพื่อจะมาพูดจาไร้สาระเช่นนี้ใช่ไหม หากว่าใช่ เจ้ากลับไปนอนต่อเถอะ”

“นอนต่อ! เจ้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าท่อนไม้นั่นถูกจับตัวไปที่ไหน บางทีอาจจะถูกจับไปฉีกเนื้อแล้วก็ไม่แน่นะ”

มู่เฉียนซีตกใจขึ้น นางกล่าวถามว่า “อาถิง เจ้ามีวิธีหรือไม่?”

“มีแน่นอน หญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้าก็ดูสิว่าข้าเป็นใคร ความจริงแล้วมันง่ายมาก”

แสงสีเขียวอ่อนสว่างวาบขึ้น และชายหนุ่มหน้าตางดงามดุจดั่งทวยเทพผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากลำแสงนั้น

เมื่อได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว ทุกคนต่างก็เผยสีหน้าอันหวาดกลัวออกมา

ความสามารถในการหลอมยาลูกกลอนนั้นพิสดารกว่านักปรุงยาทุกคนในแดนตะวันออก คนวิปริตเช่นนี้ไม่ควรล่วงเกิน

อาถิงกล่าว “ทุกคนถอยออกไปห่าง ๆ หน่อย อย่ามาเกะกะขวางทางตรงนี้!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็รีบถอยห่างไปทันที

สายตาของอาถิงจ้องมองไปที่ไป๋อู๋ห่าย “หูเจ้าหนวกหรืออย่างไร?”

“นี่เจ้า…นี่เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า เจ้า…”

ตุบ! ไป๋อู๋ห่ายยังไม่ทันพูดจบก็ถูกพลังหนึ่งกระแทกจนร่างเหวี่ยงออกไปกว่าร้อยเมตร

ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้นฉายแววอันตรายออกมา “หญิงอัปลักษณ์เป็นห่วงเจ้าท่อนไม้นั่นจะแย่แล้ว ข้าไม่อยากจะเสียเวลากับพวกเจ้าที่นี่ ยังไม่รีบหลบไปอีก”

“ท่านหัวหน้าตำหนัก!” เหล่าบรรดาลูกน้องของไป๋อู๋ห่ายมองไปที่เขา

เมื่อครู่หมอปีศาจลงมือทั้งเร็วทั้งโหดร้าย ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!

ไป๋อู๋ห่ายก็ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ เขากล่าว “ในเมื่อหมอปีศาจมีเรื่องต้องทำ เช่นนั้นก็เชิญ”

ไป๋อู๋ห่ายก็หลีกทางให้เช่นกัน ขณะนี้บริเวณรอบ ๆ จึงเหลือเพียงความว่างเปล่า

อาถิงแผ่ซ่านแสงสีเขียวอ่อนออกมาจากร่าง

หลังจากที่แสงสีเขียวอ่อนลอยละล่องไปรอบ ๆ บริเวณก็ได้กลายเป็นม่านแสงม่านแสงหนึ่ง

“ย้อนเวลา!”

หลังจากที่เสียงอันไพเราะของชายหนุ่มผู้นี้จบลง ม่านแสงสีเขียวอ่อนนั้นก็ได้ปรากฏร่างสองร่างขึ้น

ร่างชายสวมชุดสีเขียวร่างหนึ่งกำลังไล่ตามชายชุดดำผู้หนึ่งมาหยุดอยู่ ณ ที่แห่งนี้

จากนั้นชายชุดดำกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นหุ่นเชิดผู้จงรักภักดีนี่เอง ข้าคิดว่าเจ้าไม่เหมือนกับหุ่นเชิดทั่ว ๆ ไป เหตุใดเจ้าถึงยอมให้สาวน้อยผู้มีพลังอ่อนแอผู้นั้นควบคุมเจ้าอยู่ได้ล่ะ”

ไม่ว่าชายชุดดำจะกล่าวเช่นไร ชายชุดเขียวก็ลงมือโจมตีเขาราวกับไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งนั้น การต่อสู้ของทั้งสองทำให้คนที่ดูอยู่บริเวณโดยรอบตกตะลึงเป็นอย่างมาก!

“ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”

“อย่างน้อยก็ต้องมีพลังขั้นสูงสุดแน่นอนเลย! แดนตะวันออกมียอดฝีมืออย่างสองคนนี้ตั้งแต่เมื่อใดกันแล้ว”

“……”

สุดท้าย ทุกคนก็ได้เห็นชายชุดเขียวถูกมัดด้วยเถาวัลย์หนามสีดำแปลกประหลาด ชายชุดดำผู้นั้นกล่าวด้วยความลำพองใจว่า “นี่คือหนามปีศาจดำ มันเป็นดาวมฤตยูของหุ่นเชิดทั้งหลาย สามารถทำลายพลังการป้องกันของหุ่นเชิดได้ จากนั้นมันก็จะกลืนกินพลังของเจ้า แล้วหากว่าเจ้าคือหุ่นเชิด เจ้าก็ไม่อาจหลุดพ้นไปได้”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด