ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1404 ไขความลับชาติกำเนิด

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 1404 ไขความลับชาติกำเนิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายฟ้าลงทัณฑ์กำลังจะฟาดลงมา มู่เฟิงหลิงมองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “อารองมีเรื่องราวมากมายจะบอกกับซีเอ๋อร์ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ทำได้เพียงแค่บอกสั้น ๆ แล้ว”

มู่เฉียนซีกระโจนขึ้นไปกลางอากาศและกล่าวว่า “อารองพูดมาเลย ข้าฟังอยู่!”

เขามองมู่เฉียนซีด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์เป็นอย่างยิ่ง “ซีเอ๋อร์ เจ้าคือองค์หญิงแห่งตระกูลมู่ของพวกเรา เป็นองค์หญิงที่มีสายเลือดสายตรงของตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวง พี่ใหญ่เป็นทายาทโดยตรงของสายเลือด พี่ใหญ่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลมู่มาโดยตลอดในระยะเวลาหมื่นปี เพียบพร้อมไปด้วยพลังความแข็งแกร่งและความสามารถ”

“ข้ากับพี่ใหญ่จัดการเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยความชัดเจนแจ่มแจ้งมาโดยตลอด! ท่านปู่ของเจ้าในฐานะที่เป็นองค์รัชทายาทในตอนนั้นได้จากพวกเราไปตั้งแต่เรายังเด็ก พี่ใหญ่เป็นคนดูแลและสร้างครอบครัวของพวกเรามา และไม่มีใครกล้าล่วงเกินพวกเราได้เลย”

“ครอบครัวของอารองข้า (อารองของมู่เฟิงหลิง) มักจะรังแกพวกเราอยู่บ่อย ๆ คอยลอบกัดพวกเรา แต่พวกเราก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ แต่พวกเขากลับฆ่าท่านปู่และโยนความผิดทั้งหมดมาให้กับพี่ใหญ่ พวกเขามีคนคอยช่วยเหลืออยู่ คอยชี้แนะวิธีการทำร้ายพวกเรา”

“วันนั้น เป็นวันที่ชิงเฉินเพิ่งคลอด พี่ใหญ่ต้องการปกป้องพี่สะใภ้ ปกป้องชิงเฉินและน้องสาม พวกเราจึงจำเป็นต้องแยกจากกัน และเลือกใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกลที่สุด ปลอดภัยที่สุดอย่างดินแดนชั้นล่าง และสร้างครอบครัวของพวกเราขึ้นมาใหม่”

“ตระกูลมู่ในแคว้นจื่อเยี่ย แม้ว่าจะไม่มีของล้ำค่า ไม่มีอำนาจราชวงศ์ แต่พวกเรากลับได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของพี่ใหญ่ แน่นอนว่าเขาไม่สบายใจกับเรื่องที่ถูกกล่าวหาเหล่านั้น แต่เขาเป็นห่วงคนในครอบครัวมากกว่า เป็นห่วงพี่สะใภ้ จากนั้นไม่นานพี่สะใภ้จึงตั้งครรภ์เจ้า พี่ใหญ่จึงล้มเลิกความคิดที่จะไปแก้แค้น และใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนกระทั่งพวกเจ้าเติบใหญ่”

“พวกเราคิดว่าพวกเราจะสามารถใช้ชีวิตอันเงียบสงบและมั่นคงจริง ๆ ได้เช่นนั้นต่อไป แต่ในวันนั้นที่พี่สะใภ้คลอด ก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น…”

มู่เฉียนซีตกใจผงะไป “เกิดอะไรขึ้นในวันที่ข้าคลอดเหรออารอง?”

นางรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการที่นางได้มาในโลกใบนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!

ญาติของนาง ญาติที่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดของนาง มีความรู้สึกรู้จักกันอย่างลึกซึ้งถึงกระดูกและวิญญาณ

ไม่เหมือนกับความรู้สึกที่มีต่อแม่ผู้นั้นที่อยู่ในสมัยปัจจุบันตอนนั้นของนางเลย!

แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฟิงหลิง เขากล่าว “ในวันที่ซีเอ๋อร์คลอดวันนั้น ดินแดนสี่ทิศเกิดความวุ่นวายขึ้นมากมาย จากนั้นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ตอนนั้น อารองไม่สามารถเข้าใกล้ได้ มีเพียงแค่พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้เท่านั้นที่ได้พบกับคนผู้นั้น…”

“ต่อมา พอเจ้าคลอดออกมา คนของแดนศักดิ์สิทธิ์ ครอบครัวของพี่สะใภ้ก็มา แดนศักดิ์สิทธิ์เป็นกองกำลังระดับเจ็ดเพียงหนึ่งเดียวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาใกล้ชิดกับเหล่าเทพที่สุดแล้ว พวกเขาต้องการเอาตัวพี่สะใภ้กลับไป”

“พี่สะใภ้ใช้อาวุธเทพของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็คืออาวุธวิญญาณชั้นยอด ถึงแม้ว่าจะไม่อาจเทียบกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ได้ แต่มันก็เป็นอาวุธวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก พี่สะใภ้เอาดวงวิญญาณของเจ้าไปไว้อีกโลกหนึ่ง พี่ใหญ่จำใจต้องทำลายพรสวรรค์ในการฝึกฝนของเจ้าอย่างโหดร้าย หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ตกลงเงื่อนไขบางอย่างกัน พี่สะใภ้ยอมจากไป ทำให้พวกเขายอมปล่อยตัวพี่ใหญ่กับเจ้า”

“เมื่อพี่สะใภ้ถูกพวกเขาเอาตัวไป พี่ใหญ่ก็นิ่งเงียบอย่างน่ากลัว เขาบอกว่าเป้าหมายของผู้แข็งแกร่งผู้นั้นก็คือดวงวิญญาณของเจ้า ที่พี่สะใภ้ส่งเจ้าไปนางรู้อยู่แล้วว่าวันหนึ่งเจ้าจะต้องกลับมา แต่ร่างกายของเจ้าจะอยู่ได้ถึงอายุสิบสามปีเท่านั้น หากร่างไร้วิญญาณ เจ้าก็จะตายไปโดยสมบูรณ์”

“พี่ใหญ่ทุ่มเทและพยายามทุกวิถีทางตามหาวิญญาณที่แดนซวนเทียนที่สามารถเข้ากับร่างของเจ้าได้ เพื่อที่จะรักษาร่างของเจ้าไว้รอวันให้เจ้ากลับมา พี่ใหญ่ฝากฝังของพวกเราให้ดูแลเจ้า แล้วเขาก็จากไป”

“อันที่จริงแล้วพี่ใหญ่อาลัยอาวรณ์เจ้ามาก แต่ก็อาลัยอาวรณ์พี่สะใภ้มากเหมือนกัน เขาต้องการที่จะช่วยพี่สะใภ้กลับมา และแย่งชิงทุกอย่างกลับมา บางทีเจ้ากลับมาก็อาจจะถูกคนผู้นั้นจ้องเล่นงานเอาได้ พี่ใหญ่รู้ถึงอันตรายนี้ เขาจึงกลับไปที่แดนซวนเทียน ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทสิ่งใดไป เขาก็ต้องการมีพลังความแข็งแกร่งเพื่อปกป้องคนในครอบครัวให้ได้”

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็นิ่งอึ้งไป “คนผู้นั้นเป็นใครกัน?”

“ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร พี่ใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ต้องเหนือกว่ากองกำลังระดับเจ็ดเป็นแน่”

มู่เฟิงหลิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวต่อว่า “สุดท้าย ข้าก็ไม่ได้ยินคำพูดของพี่ใหญ่ ตอนนั้นพี่ใหญ่ถูกอารอง (อารองของมู่เฟิงหลิง) ทำลายการฝึกฝน เดิมทีไม่สามารถฝึกฝนได้ แม้ว่าเขาจะมีความสามารถที่น่าทึ่ง แต่ก็ยากที่จะจัดการกับคู่ต่อสู้ได้ ข้าไม่วางใจ จำเป็นต้องจากไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอไปถึงแดนซวนเทียนกลับถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายก็ถูกผู้อาวุโสสูงสุดควบคุม”

“อารองต้องขอโทษเจ้าด้วย!” เดิมทีเขาควรจะอยู่ดูแลซีเอ๋อร์ให้เติบโต แต่เขากลับต้องจากไป

มู่เฉียนซีกล่าว “อารอง คนในครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องขอโทษ! หากข้าเป็นท่าน ข้าก็คงเลือกที่จะทำเหมือนกัน”

ใบหน้าอันงดงามนั้นของมู่เฟิงหลิงเผยรอยยิ้มออกมา “พี่ใหญ่หาสถานที่นี้จนเจอ ก็เพราะไม่อยากให้คนพวกนั้นหาเจ้าเจอ หากเป็นไปได้ ซีเอ๋อร์อยู่ที่ดินแดนสี่ทิศเถอะ รอฟังข่าวดีจากพวกเรา คนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ข้ากลัวว่าเขาจะทำร้ายเจ้า!”

เป้าหมายของคนผู้นั้นก็คือวิญญาณของซีเอ๋อร์! หากไม่มีวิญญาณ ทุกอย่างก็ดับสิ้น

มู่เฉียนซีกล่าว “อารอง ข้าทำไม่ได้! คนในครอบครัวตกอยู่ในอันตราย ต่อให้พวกท่านมีโอกาสที่จะชนะ ข้าก็ไม่อาจเสพสุขหลังชัยชนะอย่างสบายใจได้”

“ข้าเป็นห่วงท่านพ่อ เป็นห่วงท่านแม่ ท่านพี่ ท่านอาเล็ก และท่าน ข้าจะไม่ผลีผลามเด็ดขาด แต่หากข้ามีพลังความแข็งแกร่งที่เพียงพอ ข้าไม่มีทางอยู่เฉยแน่นอน”

แววตาของมู่เฉียนซีแน่วแน่มาก ครอบครัวของพวกเขาล้วนแต่มีนิสัยเช่นนี้

เมื่อตัดสินใจไปแล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะอันตรายมากเพียงใด จะทอดทิ้งญาติพี่น้องได้อย่างไรกันล่ะ

มู่เฟิงหลิงกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ข้าจะไปตามหาพี่ใหญ่ สิ่งที่เสียไปจะต้องเอาคืนกลับมาให้ได้ จะทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ส่งตัวพี่สะใภ้กลับมาให้ได้ ซีเอ๋อร์ก็ระวังตัวด้วย”

มู่เฉียนซีกล่าว “อารอง คนที่ต้องระวังตัวก็คือพวกท่าน! พวกท่านต่างหากที่กำลังตกอยู่ในอันตราย!”

เปรี้ยง!

มังกรสีเงินบนท้องฟ้าฟาดลงมาอีกครั้ง มู่เฟิงหลิงจะยอมแพ้ได้อย่างไรกันล่ะ

เขาไม่ยอมแพ้! เขายังต้องไปตามหาพี่ใหญ่!

เขาไม่ยอมแพ้แน่นอน เขาต้องการปกป้องซีเอ๋อร์!

ภายใต้การครอบคลุมของลำแสงสีเงินนั้น มู่เฟิงหลิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เขากล่าว “แล้วเจอกันใหม่ ซีเอ๋อร์!”

มู่เฉียนซีรู้สึกตาพร่ามัว ในที่สุดร่างนั้นก็ห่างไกลไปจากนางจนลับสายตา

“อารอง ท่านพ่อ รอข้านะ!”

นางต้องไปแดนซวนเทียนให้ได้

เมฆดำบนท้องฟ้าสลายหายลับไป ท้องฟ้ากลับมาแจ่มใสดังเดิม มู่เฉียนซีก็จรดตัวลงมาจากกลางอากาศ

“ซีเอ๋อร์!” กู้ไป๋อีมองนางด้วยความเป็นห่วง

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่เป็นไร อารองแข็งแกร่งขึ้นมากจนขึ้นไปแดนซวนเทียนแล้ว ข้าดีใจมากเสี่ยวไป๋!”

“แต่สิ่งที่ข้าดีใจยิ่งกว่าก็คือญาติของข้า ครอบครัวของข้า พวกเขาเป็นญาติของข้าจริง ๆ เป็นครอบครัวของข้าอย่างแท้จริง”

ส่วนครอบครัวที่นางเคยผ่านมานั้น นอกจากความทรงจำอันนองเลือดอย่างบ้าคลั่งในค่ำคืนนั้นแล้ว ก็ไม่มีความรู้สึกอันใดเลย

ท่านแม่ของนาง เพื่อปกป้องนาง นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้วิธีต้านสวรรค์เช่นนั้นส่งนางไป ผู้แข็งแกร่งผู้นั้น ตกลงแล้วเขาเป็นใครกันแน่

ต้องการวิญญาณของนางไปเพื่ออันใด หรือว่าวิญญาณของนางหอมกรุ่นกว่าดวงวิญญาณอื่นอย่างนั้นเหรอ

เรื่องราวเหล่านี้มู่เฉียนซีเองก็ไม่เข้าใจ แม้แต่อารองก็ไม่รู้ คาดว่าคงมีเพียงแต่ท่านพ่อกับท่านแม่เท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง! ในตอนนี้เอง จู่ ๆ ตำหนักเป่ยหานก็สั่นสะเทือนขึ้น

เมื่อครู่มีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงขึ้นบนท้องฟ้า ตอนนี้ใต้พื้นดินของตำหนักเป่ยหานก็มีกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาอีกแล้ว

ลำแสงสีเงินพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วทั้งบริเวณ สีหน้าของกู้ไป๋อีพลันเปลี่ยนไปมาก “ซีเอ๋อร์ รีบออกไปจากที่นี่เถอะ! เขามาแล้ว!”

.

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด