ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ 1416 ดึงหางเจ้าสุนัขจิ้งจอก

Now you are reading ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ Chapter 1416 ดึงหางเจ้าสุนัขจิ้งจอก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อินรั่วเฉินกล่าว “เผ่าโบราณมีความคิดเช่นนี้หรอกเหรอ?”

“เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าการที่แคว้นเทพฟ้านอินยิ่งใหญ่อยู่แค่กองกำลังเดียว กองกำลังอื่นจะไม่คิดแย่งชิงความยิ่งใหญ่! ทุกอย่างมันมีความเป็นไปได้หมด” มู่เฉียนซีกล่าว

“เจ้าค่อย ๆ สืบดูต่อไปเถอะ! แล้วก็จับตัวของคนเผ่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นออกมาด้วย จากนั้นค่อยกลับไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้า!”

อินรั่วเฉินพยักหน้าตอบรับ “ข้าจะจัดการให้เร็วที่สุด! และหากตำหนักเป่ยหานมีความเคลื่อนไหวอะไร ข้าจะบอกเจ้าทันที”

“ดี!”

“อาการของหัวหน้าเผ่าโบราณเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ก็แค่โดนพิษร้ายเข้า หากเผ่าโบราณยอมวางใจให้ข้ารักษา ประมาณสองสามวันก็คงรักษาหายได้ แต่หากพวกเขาเชื่อใจคนอื่นมาก ก็คงจะวุ่นวาย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้าน

จะเป็นเช่นไรพวกเขาก็เป็นคนเลือกเอง!

อาการป่วยของหัวหน้าเผ่าถึงขั้นวิกฤตแล้วจริง ๆ นายน้อยแห่งเผ่าได้รวบรวมสมุนไพรมาครบแล้ว แต่ว่า…

“ปรมาจารย์มู่ ต้องขอโทษด้วย สมุนไพรเหล่านั้นที่ท่านต้องใช้ พวกเราเตรียมให้ไม่ทัน ตอนนี้อาการป่วยของท่านพ่อข้าทรุดลงมาก ดังนั้น…”

“นักปรุงยาท่านอื่น ๆ เริ่มทำการปรุงยาแล้ว ข้าว่าท่าน เอ่อ ข้าว่าท่านกลับไปอยู่กับภรรยาที่ห้องเถอะ!”

ไม่ใช่ว่าเตรียมสมุนไพรให้ไม่ทัน แต่เกรงว่าตั้งใจจะไม่เตรียมให้นางตั้งแต่แรกอยู่แล้ว กลัวว่านางจะทำให้สิ้นเปลืองสมุนไพรกระมัง!

มู่เฉียนซีกล่าว “อยู่กับภรรยาน่าเบื่อจะตาย! ข้าอยากดูเหล่านักปรุงยาหลอมยา หวังว่านายน้อยแห่งหุบเขาจะไม่ถือสากระมัง!”

“เอ่อ ไม่ถือสา ๆ! เชิญปรมาจารย์มู่ทางนี้!”

เมื่อมาถึงสถานที่ปรุงยา คนอื่น ๆ ก็เริ่มทำการปรุงยาทันที

เมื่อเห็นมู่เฉียนซีเดินมา พวกเขาก็เหลือบมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาอันเย่อหยิ่ง จากนั้นก็ปรุงยาต่อ

นักปรุงยาเหล่านั้นเริ่มทำการปรุงยา และแสดงพลังวิญญาณของตัวเองออกมา พวกเขาใช้เวลาไปถึงครึ่งค่อนวัน ในที่สุดการหลอมยาก็สิ้นสุดลง

ทุกคนล้วนแต่หลอมยาออกมาได้สำเร็จ แต่หัวหน้าเผ่าจะกินยาลูกกลอนของใครก่อนนั้นเป็นปัญหาใหญ่

“ต้องกินยาของข้าก่อน ยาของข้ากินแล้วโรคภัยไข้เจ็บหายทันที ไม่จำเป็นต้องใช้ยาของพวกเจ้า”

“หยุดกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว ยาของข้าต่างหากล่ะที่ได้ผลดีที่สุด”

“……”

พวกเขาแก่งแย่งกันจนหน้าดำคร่ำเครียด สุดท้ายนายน้อยแห่งเผ่าก็ตัดสินใจยาก ทำได้เพียงแค่ให้นักปรุงยาแห่งเผ่าโบราณตรวจสอบคุณภาพของเม็ดยาเพื่อเป็นการตัดสิน

ยาลูกกลอนของผู้ใดคุณภาพดีที่สุด จะให้หัวหน้าเผ่ากินก่อน!

ไม่นานนัก ก็ให้หัวหน้าเผ่ากินยาเข้าไปทีละเม็ด จนสุดท้ายอาการของหัวหน้าเผ่าก็ทรุดลงเรื่อย ๆ

ทั่วทั้งร่างกายของหัวหน้าเผ่าเริ่มเกิดหมอกควันสีดำขึ้น นักปรุงยาเหล่านั้นเห็นเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น!

“เป็นเช่นนี้ไปได้ยังไง?”

“มันต้องไม่เป็นเช่นนี้สิ!”

“นี่มันผิดพลาดตรงไหนกันแน่!”

ในตอนนี้เอง นักปรุงยาท่านหนึ่งที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็กล่าวขึ้นว่า “ลองกินยาของข้าดูเถอะ!”

มู่เฉียนซีหันไปมองนักปรุงยาท่านนั้น ร่างของคนผู้นี้มีกลิ่นอายอันชั่วร้ายมาก

มู่เฉียนซีกล่าว “ให้ข้าลองก่อนเป็นเช่นไร?”

ทุกคนตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่ได้หลอมยา เจ้าจะเอาอะไรมาลอง”

“แม้ว่าข้าจะไม่ได้หลอมยา แต่ก่อนจะมาที่นี่ ท่านอาจารย์ของข้าได้มอบยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งให้ข้ามา และข้าคิดว่ายาลูกกลอนของข้าสามารถรักษาอาการป่วยของท่านหัวหน้าเผ่าได้”

“จะรักษาได้ยังไง ปรมาจารย์จางไม่รู้ถึงอาการป่วยของท่านหัวหน้าเผ่า ยาที่หลอมออกมาไม่มีทางรักษาท่านหัวหน้าเผ่าได้!”

“นั่นน่ะสิ! เจ้าหนุ่ม เจ้าอย่าได้ก่อเรื่องวุ่นวานที่นี่อีกเลยนะ!”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้น “ทุกท่านยังไม่ได้เห็นยาลูกกลอนของข้าเลย อย่าเพิ่งด่วนตัดสินได้หรือไม่!”

“เช่นนั้นเจ้าก็รีบเอายาลูกกลอนออกมาให้พวกข้าดูสิ”

ทันทีที่มู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนออกมา สีหน้าท่าทางของนักปรุงยาเหล่านี้ก็เปลี่ยนไปทันที

“พระเจ้าช่วย! ฝีมือการหลอมยาของปรมาจารย์จางก้าวหน้าถึงขั้นนี้แล้วเหรอ”

“ยาเม็ดนี้ช่างหอมยิ่งนัก!”

“ตาเฒ่านั่นกินยาวิเศษเข้าไปกระมัง! นึกไม่ถึงเลยว่าจะหลอมยาเช่นนี้ออกมาได้”

นายน้อยแห่งเผ่ากล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ปรมาจารย์ทุกท่าน นี่พวกท่าน…พวกท่านหมายความว่าบางทียาเม็ดนี้อาจจะใช้ได้ผลอย่างนั้นเหรอ”

พวกเขากล่าว “หากยาลูกกลอนระดับนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้วละก็ เกรงว่าทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศคงไม่มีผู้ใดรักษาท่านหัวหน้าเผ่าได้แล้ว”

ได้ยินเช่นนี้แล้ว นายน้อยแห่งเผ่าก็ทำท่าทางเคารพเลื่อมใสมู่เฉียนซีมากขึ้น เขากล่าว “ปรมาจารย์มู่ เชิญทางนี้ ต้องรบกวนท่านปรมาจารย์มู่แล้ว”

ในตอนนี้เอง นักปรุงยาผู้ชั่วร้ายผู้นั้นก็กล่าวขึ้นว่า “ช้าก่อน! ให้ข้าก่อน!”

ใบหน้าอันเรียบนิ่งของเขาในก่อนหน้านี้ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้ว มู่เฉียนซีกล่าว “หากท่านอยากรักษาก่อน เช่นนั้นก็เอายาลูกกลอนของท่านมาให้ข้าดูสิ เปรียบเทียบกันว่ายาลูกกลอนของใครดีกว่า เป็นเช่นไร?”

“เจ้า…” เขาถลึงตาจ้องมองมู่เฉียนซี หากเอายาลูกกลอนออกมา มีหวังเทียบไม่ได้แน่นอน

“ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องรักษาก่อน”

“อายุท่านก็มากปูนนี้แล้ว จะไม่ยอมถอยให้ผู้น้อยบ้างหรืออย่างไร นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาแก่งแย่งกับผู้น้อยอย่างข้า ท่านไม่รู้สึกอับอายขายหน้าบ้างหรือไร”

สีหน้าของคนผู้นี้ดำคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ นายน้อยแห่งเผ่าจึงต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย “ปรมาจารย์เทียน สิ่งที่ปรมาจารย์มู่กล่าวมานั้นก็ถูก เขาเป็นผู้น้อย ท่านควรให้โอกาสผู้น้อยถึงจะถูก!”

ปรมาจารย์เทียนผู้นี้จ้องมองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าดุร้าย มู่เฉียนซีเดินไปข้างกายหัวหน้าเผ่าโบราณด้วยท่าทางสงบ จากนั้นก็ป้อนยาลูกกลอนเข้าปากเขา

หมอกควันดำบนร่างกายของหัวหน้าเผ่าค่อย ๆ จางลง ดวงจิตที่บาดเจ็บสาหัสก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น

“นี่ทำสำเร็จแล้วอย่างนั้นเหรอ?พวกเขาเบิกตากว้างจ้องมองด้วยความตกใจ”

“ยาลูกกลอนเม็ดนี้ช่างวิเศษยิ่งนัก!”

“ยอดเยี่ยม!”

ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าดูถูกมู่เฉียนซีเลยแม้แต่น้อย

ต่อให้เจ้าหนุ่มผู้นี้จะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่อาจารย์ของเขาก็มีฝีมือที่ยอดเยี่ยมมาก

มู่เฉียนซีกล่าว “อีกครึ่งชั่วยาม ท่านหัวหน้าเผ่าโบราณก็จะฟื้นขึ้นมา ทุกท่านรอสักครู่!”

นายน้อยแห่งเผ่าพยักหน้า ส่วนนักปรุงยาท่านอื่นต่างพากันห้อมล้อมมู่เฉียนซีด้วยความตื่นเต้น และถามเรื่องราวของปรมาจารย์จาง

พวกเขาไม่มีผู้ใดนึกถึงเลยว่าปรมาจารย์จางได้ตายไปแล้ว

ส่วนปรมาจารย์เทียนผู้นั้นก็ยืนจ้องมองมู่เฉียนซีอยู่ที่มุมมืด

มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มเย้ยหยันขึ้น ไม่รู้ว่าทางด้านอินรั่วเฉินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว แต่ทางด้านนางได้ดึงหางเจ้าจิ้งจอกตัวหนึ่งออกมาได้แล้ว

เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปเร็วมาก ไม่นานนักท่านหัวหน้าเผ่าก็ฟื้นขึ้นมา เขาเอามือคลำศีรษะที่บวมเป่งพลางกล่าวว่า “นี่ข้า…ข้าเป็นอะไรไป?”

“ท่านพ่อ ท่านพ่อป่วยหนัก ปรมาจารย์มู่ท่านนี้ใช้ยาลูกกลอนของท่านอาจารย์เขาช่วยชีวิตท่านพ่อเอาไว้ขอรับ”

หัวหน้าเผ่ามองดูชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาธรรมดาผู้นั้นอย่างพินิจพิจารณา นึกไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มธรรมดา ๆ ผู้นี้จะเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้

หัวหน้าเผ่าโบราณกล่าว “ต้องขอบคุณปรมาจารย์มู่มาก บุญคุณครั้งนี้ข้าต้องตอบแทนอยางแน่นอน!”

มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านหัวหน้าเผ่าพักฟื้นร่างกายก่อนเถิด อีกประมาณสองวันท่านก็สามารถลุกเดินได้แล้ว”

หลังจากนั้นท่านหัวหน้าเผ่าโบราณก็มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกับบุตรชายของเขา ขณะเดียวกันสายตาอันดุร้ายประหนึ่งงูพิษของคนผู้นั้นก็จ้องมองมู่เฉียนซีอยู่ตลอดเวลา

เดิมทีมู่เฉียนซีคิดว่าเจ้าหมอนี่จะลงมือเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าความอดทนของเขาจะสูงถึงเพียงนี้

ทันทีที่กลับไป อินรั่วเฉินก็บอกนางว่าเขาไม่ได้เบาะแสอะไรเลย มู่เฉียนซีกล่าว “อันที่จริงไม่ต้องรีบร้อนแล้ว! ข้าช่วยหัวหน้าเผ่าโบราณเอาไว้ได้แล้ว น่าจะทำให้แผนการของคนพวกนั้นยุ่งเหยิงได้ บางทีพวกนั้นอาจจะทนได้อีกไม่นาน ต้องเผยพิรุธออกมาแน่”

อินรั่วเฉินกล่าวเสียงขรึมว่า “คนของเผ่าวิญญาณร้ายอันตรายกว่าที่ข้าคิดเอาไว้มาก ข้าไม่อาจรู้ได้เลยว่าพวกนั้นแฝงตัวอยู่ในเผ่าโบราณมากมายเท่าใดแล้ว ต้องระวังตัวให้มาก”

“โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะปกป้องข้าไม่ให้ข้าเป็นอันตราย ตอนนี้กลับขาดความมั่นใจเอาซะอย่างงั้น” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว

.

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด