ปฏิญญาค่าแค้น 83 เกรงว่าเจ้าจะลำบากใจ

Now you are reading ปฏิญญาค่าแค้น Chapter 83 เกรงว่าเจ้าจะลำบากใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ป๋ายฮุ่ยและคนอื่นๆ นั่งรถม้ามุ่งไปยังร้านขายยาเต๋อเหรินถางซึ่งใหญ่ที่สุดในเมืองปักกิ่ง ด้วยนายหญิงสะใภ้รองให้พวกนางไปรออยู่ที่นั่นเสียก่อน  

 

 

ขณะที่นั่งอยู่บนรถม้า จิ่นซิ่วกล่าวอย่างระอาใจ “คาดไม่ถึงเลยว่าเฉี่ยวโหรวจะทำเรื่องเช่นนั้นได้ลงคอ อย่างไรก็ตามมีประเด็นหนึ่งที่ข้าไม่อาจเข้าใจได้ เหตุใดเอ้อร์เส้าหน่ายถึงรู้ว่ายังมีแผ่นรองปิดท้ายอีกหนึ่งอัน ข้าหิ้วภาชนะบรรจุอาหารนั่นมาหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เคยได้ทันสังเกตเห็นเลย”  

 

 

อวี้หลงกล่าว “หวายส่วนก้นภาชนะนั้นสานด้วยระยะที่ห่างพอตัว หากไม่มีแผ่นรองปิดท้าย งูเหล่านั้นก็คงหนีหลุดรอดออกไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงต้องรอให้ถือภาชนะบรรจุอาหารไปถึงห้องหนังสือแล้ว จึงค่อยนำแผ่นรองปิดส่วนท้ายออก เพื่อปล่อยงูพิษออกมา หลังจากหาแผ่นรองปิดส่วนท้ายภาชนะจนเจอ เอ้อร์เส้าหน่ายนายจึงนำมาเทียบเคียงกัน ขนาดพอเหมาะพอดีที่จะค้างอยู่ภายใน เจ้าสิ่งนี้ก็คือหลักฐานสำคัญที่เฉี่ยวโหรวแอบซ่อนเอาไว้”  

 

 

จิ่นซิ่วพยักหน้าขึ้นทันทีทันใด “มิน่าล่ะพอเฉี่ยวโหรวเห็นแผ่นรองปิดส่วนท้ายภาชนะนั่น ถึงได้ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น”  

 

 

อวี้หลงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “มันมีอะไรที่ซับซ้อนมากกว่านั้น ต่อให้หาแผ่นรองปิดส่วนท้ายเจอในวันนั้นที่เกิดเรื่องต่อหน้าเฉี่ยวโหรว เฉี่ยวโหรวก็ไม่มีทางยอมรับเป็นแน่”  

 

 

จิ่นซิ่วรู้สึกงุนงงขึ้นมาอีกระรอก “แล้วเหตุใดวันนี้นางถึงยอมรับเสียง่ายดายเช่นนี้หรือ”  

 

 

“ในส่วนนี้ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ได้ยินเอ้อร์เส้าหน่ายนายว่า นี่เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธิ์ทางจิตวิทยา โดยการกักขังนางไว้ก่อน ไม่สนใจใยดี ผู้ที่กระทำผิดแน่นอนว่าจะต้องจิตใจไม่เป็นสุข หวาดระแวงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งคิดก็ยิ่งแย่ วันนี้เอ้อร์เส้าหน่ายนายยังสั่งการหรูอี้อีกว่า จัดการให้เฉี่ยวโหรวแต่งกายให้เรียบร้อยและผมเพร้าทำให้ดูสะอาดสะอ้านเป็นอันดับแรก แล้วค่อยพามารับการไตร่สวนที่ลานชั้นนอก ขณะที่บรรดาสาวใช้ทั้งหมดของลานชั้นในเรือนหลั้วเซี๋ยจายต่างอยู่ในสถานการณ์ ด้วยการกระทำการอย่างถี่ถ้วนจริงจังนี้ เห็นได้ชัดว่าเอ้อร์เส้าหน่ายนายได้ตัดสินใจเป็นอย่างดีไว้แต่แรกแล้ว เฉี่ยวโหรวจึงรู้สึกใจหายด้วยความเกรงกลัว หลังจากนั้น เอ้อร์เส้าหน่ายนายถึงได้ให้แม่โจวบอกเล่าเกี่ยวกับข่าวคราวพี่ชายของนาง เดิมทีเรื่องเหล่านี้ที่เฉี่ยวโหรวกระทำก็เพื่อพี่ชายของนาง ตอนนี้พี่ชายนางหายตัวไป อีกทั้งไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร เฉี่ยวโหรวจึงหมดหวัง แล้วใยนางจะต้องดื้อดึงอยู่อีกหรือ และแผ่นรองปิดส่วนท้ายนั่น ว่าไปตามที่เอ้อร์เส้าหน่ายนายเอ่ย ก็คือฟางเส้นสุดท้ายที่ใช้ในการบดขยี้อูฐให้ตาย กล่าวโดยรวมก็คือการผสานแต่ละปัจจัยเข้าด้วยกัน บีบคั้นไปทีละขั้นละตอน จนท้ายที่สุดก็เหลวจนไม่เหลือชิ้นดี” อวี้หลงกล่าวสรุปด้วยคำพูดบางส่วนที่นายหญิงน้อยได้เอ่ยถึงสถานการณ์ของวันนี้เอาไว้  

 

 

“ฟางเส้นสุดท้ายที่ใช้ในการบดขยี้อูฐให้ตาย…” จิ่นซิ่วพึมพำประโยคที่ว่านี้  ฟางจะสามารถบดขยี้อูฐให้ตายได้เชียวหรือ การพูดเช่นนี้ช่างแปลกประหลาดเสียจริงแฮะ  

 

 

ป๋ายฮุ่ยแอบนึกโล่งใจ เอ้อร์เส้าหน่ายนายช่างความคิดลึกลับซับซ้อนเสียจริง! เอ้อร์เส้าเหยียมีเอ้อร์เส้าหน่ายนายเป็นผู้ช่วย อะไรๆ คงน่าจะง่ายขึ้นเยอะทีเดียว  

 

 

หรูอี้นิ่งเงียบ ที่เป็นกังวลก็คือ ปัจจุบันนี้นายหญิงสะใภ้รองมีปัญหารอบด้านมากมาย การเรียกพวกนางทั้งหมดออกมา อีกประเดี๋ยวเมื่อกลับไป ข้อแก้ตัวเหล่านั้นที่นายหญิงแต่งขึ้นมาจะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่  

 

 

ทั้งสี่คนเดินทางมาถึงเต๋อเหรินถาง รอไม่นานมากนัก นายหญิงกับหยินหลิ่วก็มาถึง  

 

 

หลฺวีผีเจียวเออเจียว  [1]  คือสิ่งที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของเต๋อเหรินถาม เออเจียวมีสรรพคุณในการบำรุงเลือดและชะลอวัยช่วยให้อายุยืน เสมือนพวกโสม เขากวางซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสามสมบัติล้ำค่าแห่งการบำรุง ยาบำรุงที่ผลิตโดยเต๋อเหรินถาง เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเป็นอย่างดี และถูกรับเข้าเป็นเครื่องราชบรรณาการมาโดยตลอด จึงเป็นที่มาของชื่อเสียงอันโด่งดังยิ่งนัก  

 

 

หลินหลันซื้อตัวยาสมุนไพรจำนวนหนึ่งซึ่งจำเป็นต่อการทำยาลิ่วเซิน แล้วให้บริกรในร้านยาชั่งเออเจียวให้อีกจำนวนหนึ่ง ด้วยเฉี๋ยวอวิ๋นซีใกล้ถึงกำหนดคลอดเข้าไปทุกที แล้วจะมีอะไรเหมาะสมไปกว่าการส่งยาบำรุงพวกนี้ไปให้นางไว้บำรุงร่างกาย หลินหลันมองดูเออเจียวซึ่งมีสีน้ำตาลเข้มอมดำ พื้นผิวเรียบเงาวาว ก่อนจะหยิบขึ้นมาส่องกับแสงสว่างมองดูอีกครั้ง  

 

 

บริกรเห็นหลินหลันละเอียดรอบครอบเช่นนี้จึงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ฟูเหรินวางใจได้ขอรับ อาเจียวของร้านนี้ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นดี ใช้หนังลาในการเคี่ยว ไม่มีของปลอมแน่นอนขอรับ”  

 

 

ของปลอมน่ะคงไม่ใช่อยู่แล้ว เพียงแต่ดูเหมือนว่าจะไม่คุณภาพดีเท่ากับตงเออเออเจียวในยุคสมัยใหม่เท่านั้นเอง จึงเอ่ยถาม “พวกท่านใช้หนังลาของที่ไหนหรือ”  

 

 

บริกรผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะเป็นลาแห่งหนใดก็ไม่ต่างกันมิใช่หรือ”  

 

 

หลินหลันรำพึงรำพันในใจ หนังลาไม่ได้ต่างกันมากนัก ปัญหาคือคุณภาพน้ำที่แตกต่างกันต่างหาก การใช้น้ำบาลดาลแห่งซานตงตงอาในการเคี่ยวเออเจียว จะมีความบริสุทธิ์สูงยิ่งขึ้นและดีต่อประสิทธิพลของคุณสมบัติยา  

 

 

“ฮ่า ฮ่า จริงด้วยสินะ” หลินหลันหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ “เป็นของประจำท้องถิ่นใช่ไหม”  

 

 

บริกรประจำร้านเกิดระแวะรังตัวขึ้นมา กล่าวด้วยความไม่พึงพอใจ “ฟูเหริน หากท่านไม่เชื่อในเออเจียวของร้านนี้ ก็ไปซื้อที่แห่งหนอื่นเถอะ”  

 

 

โอ…ขนาดนี้เชียว ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้ เครื่องราชบรรณาการแล้วยังไงรึ! ไว้ถึงเวลาแม่นางคนนี้จะให้เจ้าได้เห็นว่า เออเจียวชั้นดีเลิศนั้นเป็นเช่นไร  

 

 

หลินหลันชักสีหน้าเคร่งขรึม “หยินหลิ่ว จ่ายเงิน”  

 

 

หลินหลันฝ่าฝูงชนออกไปจากร้านยา หลังจากนั้นคุณชายวัยหนุ่มท่านหนึ่งก็ออกมาจากโถงด้านหลัง ชักสีหน้าให้การอบรมบริกรประจำร้าน “ป่านเอ๋อร์ อย่าเสียมรรยาทต่อลูกค้า”  

 

 

ป่านเอ๋อร์กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “กงจื่อ คนผู้นี้ถามมากความยิ่งนัก ที่ถือรายการยานั่นมิใช่ใบจ่ายยาแต่อย่างใด ทว่าเป็นรายการตัวยานะขอรับ ข้าว่านางเป็นพวกนักเดินทาง และคิดที่จะมาสอบถามเคล็ดลับเสียมากว่า”  

 

 

คุณชายวัยหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วครู่ “เช่นนั้นก็พยายามมีกาลเทศะเข้าไว้หน่อย”  

 

 

ป่านเอ๋อร์มุ่ยปาก ถึงปากจะขานรับ ทว่าในใจกลับกล่าวว่า “กิจการในร้านยุ่งจะตายชัก มีเวลาให้ไปต่อปากต่อคำกับนางที่ไหนกัน ไม่รีบอัญเชิญนางออกไปเสีย หรือจะให้คอยต่อปากต่อคำกับนางอยู่เช่นนั้นหรือ”  

 

 

หลังออกมาจากเต๋อเหรินถางเป็นที่เรียบร้อย หลินหลันสั่งการให้คนคุมรถม้าขับเคลื่อนอ้อมไปยังตงจื๋อเหมิน ด้วยได้ยินมาว่า ร้านค้าห้องแถวสิบแปดห้องที่ท่านแม่ของหมิงอวินเขาทิ้งไว้อยู่ในบริเวณนั้น  

 

 

เมื่อมาถึงตงจื๋อเหมิน หลินหลันจึงให้คนอื่นๆ คอยอยู่บนรถ ส่วนนางไปเดินดูรอบๆ กับเหวินซาน  

 

 

ทั้งถนนเรียงรายไปด้วยร้านค้าและผู้คนมากมาย เป็นถนนอีกหนึ่งสายซึ่งเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้า  

 

 

“เหวินซาน ไปสอบถามทีสิ ว่าค่าเช่าที่นี่ราคาเท่าไหร่”  

 

 

เหวินซานขานรับแล้วไปเสาะถาม ไม่นานนักก็กลับมาบอกกล่าว “ร้านขนาดเล็ก อย่างน้อยๆ ก็สองพันเงินต่อปี หากเป็นร้านขนาดใหญ่ๆ และทำเลดีหน่อย ก็แพงโขขึ้นไปอีกไม่รู้เท่าไหร่ขอรับ”  

 

 

หลินหลันถึงกับอึ้งกิมกี่ พื้นที่สำหรับสิบแปดร้าน! ต่อให้คิดคำนวณจากร้านขนาดเล็กๆ ลำพังค่าเช่าหนึ่งปีก็เป็นจำนวนสามหมื่นหกพันเหลี่ยงเงินเข้าไปแล้ว เงินเหล่านี้ล้วนตกไปอยู่ในกระเป๋าของนังแม่มดชราทั้งสิ้น มิน่าล่ะนังแม่มดชราถึงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญอย่างนี้ มันช่างน่าโมโหเสียจริง… หลินหลันจึงนึกคำพูดท่านตาของหมิงอวินขึ้นมาได้ว่า หากถวงคืนห้องแถวทั้งสิบแปดร้านค้านี้มาได้จะแบ่งให้นางครึ่งหนึ่ง เช่นนั้นก็จะได้ร่ำรวยแล้วสิ อสังหาริมทรัพย์ชุดนี้ คุ้มค่าแก่การแลกชีวิตเพื่อแย่งชิงมันมา! อนาคตจะได้เปิดร้านยาที่แห่งนี้ เต๋อเหรินถางตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ขณะที่ร้านยาหลินตั้งอยู่ทิศตกวันออก แล้วมาดูกันว่าลมทางทิศตะวันตกจะบดขยี้ลมทางทิศตะออก หรือว่าลมทางทิศตะวันออกจะบดขยี้ลมทางทิศตะวันตกกันแน่  

 

 

หลินหลันเพ้นฝันไปชั่วครู่ ภายใต้อารมณ์ที่สดชื่นขึ้น “ไปเถอะ กลับบ้านกัน”  

 

 

ขบวนคนกลับมายังจวนหลี่ ขณะที่กำลังขนยาสมุนไพร ผู้ดูแลเจ้าก็เข้ามาทักทายให้การต้อนรับ พยักหน้าพลางโค้งคับน้ำด้วยรอยยิ้มและให้การคาราวะแด่หลินหลัน “เอ้อร์เส้าหน่ายนายกลับมาแล้วหรือขอรับ”  

 

 

คนอยู่เบื้องหน้าเจ้าทั้งคนแล้ว ยังจะถามด้วยประโยคนี้อีก หลินหลันรู้สึกเอือมระอา ฉีกยิ้มให้เล็กน้อย “ผู้ดูแลเจ้ามาพบข้ามีเรื่องอันใดหรือ”  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวชายตามองป๋ายฮุ่ยและคนอื่นๆ ซึ่งกำลังหอบหิ้วสิ่งของถุงใหญ่โตในมือ และยิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งขึ้น “ไม่มีอะไรขอรับ ไม่มีอะไร เพียงแต่ให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายออกไปจับจ่ายซื้อข้าวของด้วยตนเอง ข้าน้อยรู้สึกละอายแก่ใจน่ะขอรับ ในจวนมีผู้ดูแลซึ่งรับผิดชอบจับจ่ายซื้อของเป็นการเฉพาะ วันหน้าวันหลังหากเอ้อร์เส้าหน่ายนายต้องการสิ่งใดเพียงแค่สั่งการพวกเขาให้ไปจัดการก็ได้นะขอรับ”  

 

 

หลินหลันยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ “ขอบใจผู้ดูแลจ้าวเป็นอย่างยิ่งที่ย้ำเตือน อย่างไรก็ตาม ที่ข้าจับจ่ายมาล้วนเป็นวัตถุดิบยาทั้งสิ้น มากมายหลากหลายชนิด จำนวนก็ไม่น้อย แล้วยังต้องสังเกตลักษณะสีสันอีกด้วย ผู้ดูแลของจวนก็ไม่ประสีประสาเรื่องนี้ ข้าเลยทำได้เพียงลงมือลงแรงด้วยตนเองน่ะสิ”  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวยิ้มเจื่อน ประโยคเดียวที่ว่าไม่ประสีประสาจากนายหญิงสะใภ้รอง ก็ทำให้เขาพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว  

 

 

หลินหลันนึกซะใจ เกรงว่าการที่ผู้ดูแลจ้าวมาที่นี่ เพราะอยากถามนางว่าวันนี้คนเรือนหลั้วเซี๋ยจายออกไปทำอะไรกันมาต่างหากล่ะสิ!  

 

 

“รีบเข้าไปเถิด! ยังมีงานอีกมากมายที่ยังไม่ได้สะสาง!” หลินหลันหันกลับไปพลางเอ่ยด้วยเสียงเร่งเร้า  

 

 

บรรดาสาวใช้จำนวนหนึ่งจึงรีบเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับหอบหิ้ววัตถุดิบยา  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวพบว่าเฉี่ยวโหรวไม่ได้ยู่ด้วย จึงรู้สึกว้าวุ่นจิตใจขึ้นไปใหญ่ ก่อนหน้าที่ได้รับรายงานจากผู้ดูแลหน้าประตูว่านายหญิงสะใภ้รองได้พาบรรดาสาวใช้จำนวนหนึ่งออกไปด้านนอก เขาก็ยังไม่ได้สนใจแต่อย่างไร กะอีแค่นายหญิงสะใภ้รองต้องการออกไปข้างนอก ใยจะต้องมารายงานข้ารับใช้อย่างเขาด้วยหรือ ภายหลังผู้ดูแลหน้าประตูก็มารายงานอีกว่า หรูอี้พาเฉี่ยวโหรวออกไปข้างนอกด้วยเช่นกัน เขาถึงได้เริ่มร้อนใจขึ้นมา เมื่อเขารีบไปยังประตูทางเข้าออก ทั้งสองก็ออกไปไกลแล้ว และไม่รู้ว่ามุ่งหน้าไปแห่งหนใด  

 

 

เห็นนายหญิงสะใภ้รองกำลังจะพาบรรดาสาวใช้เดินจากไป ผู้ดูแลจ้าวจึงมุ่งเข้าไปทางหรูอี้ “หรูอี้ เฉี่ยวโหรวออกไปกับเจ้า เหตุใดถึงไม่เห็นนางแล้วล่ะ”  

 

 

หลินหลันชะงักฝีเท้า หันกลับมามองยังผู้ดูแลจ้าวพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ “ผู้ดูแลจ้าว ลืมบอกเจ้าไปเรื่องหนึ่ง เฉี่ยวโหรวสาวใช้ผู้นี้ข้าได้ขายออกไปเรียบร้อยแล้ว”  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวตกตะลึง เฉี่ยวโหรวถูกขายไปแล้วงั้นหรือ แล้วเช่นนี้จะทำอย่างไรดี ฮูหยินยังส่งคนมาบอกกล่าวเขาอยู่เลยว่าให้หาวิธีนำเฉี่ยวโหรวออกมาจากเรือนหลั้วเซี๋ยจาย  

 

 

สีหน้าผู้ดูแลจ้าวแสดงออกถึงความไม่สบายใจอย่างมาก หลินหลันจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ผู้ดูแลจ้าว ดูสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดีเลยนะ ไม่สบายหรือเปล่า”  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวกระตุกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มนั่นกระด้างกระเดื่องเป็นอย่างยิ่ง “เอ้อร์เส้าหน่ายนาย การขายสาวใช้ในจวนล้วนต้องได้รับความเห็นชอบของฮูหยิน และจดบันทึกไว้ในสมุดบันทึก”  

 

 

“งั้นหรือ แล้วใยเจ้าไม่บอกแต่แรกล่ะ! ตอนนี้ข้าได้ขายออกไปเรียบร้อยแล้ว นางก็ไปแล้ว ที่นี่จะทำไงได้ล่ะ” หลินหลันแสร้งกล่าวอย่างลำบากใจ  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวถึงกับหน้าชา “เป็นข้าน้อยเองที่สะเพร่าเสียแล้ว เอ้อร์เส้าหน่ายนายโปรดช่วยบอกกล่าวทีว่าคนรับซื้อจากแห่งหนใดเป็นผู้รับซื้อไปหรือ ข้าน้อยจะได้ลงหมายเหตุเอาไว้ ถือว่าเป็นการชดเชยกันไป ไว้รอฮูหยินกลับมาแล้ว ข้าน้อยจะได้ชี้แจงต่อฮูหยินได้ง่ายหน่อยขอรับ”  

 

 

หลินหลันแอบรำพึงรำพันในใจ ผู้ดูแลจ้าวคนนี้ช่างรู้งานเสียจริง หากบอกเจ้าว่าผู้ใดรับซื้อไป ก็ไม่เท่ากับว่าทำให้เจ้าตามรอยได้หรอกหรือ ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่ได้หานายหน้าคนกลางมารับซื้อไปด้วย  

 

 

ขณะนี้เอง หรูอี้ส่งเสียงสบถ ฮึ ออกมา “ปีที่แล้วเสี่ยวอวี่ของคุณหนูเล็กไม่ทันระวังจึงทำกำไลข้อมือของคุณหนูหัก คุณหนูยังตีนางยกใหญ่แล้วก็ขายออกไป ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของฮูหยินเช่นกันนี่ คุณหนูเล็กยังขายสาวใช้ออกไปได้ แล้วเอ้อร์เส้าหน่ายนายจะตัดสินใจด้วยตนเองบ้างมิได้หรือไร หรือผู้ดูแลจ้าวคิดว่า เอ้อร์เส้าหน่ายนายยังเทียบคุณหนูเล็กซึ่งเป็นลูกบุญธรรมมิได้หรอกหรือ”  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวถึงกับเหงื่อตกเมื่อถูกหรูอี้สวนกลับด้วยคำถามเพียงไม่กี่ประโยค หรูอี้นังสาวใช้ตายยากผู้นี้กำลังก่อความยุ่งเหยิง ที่เขาพูดคือต้องการจดบันทึกลงสมุดบันทึก นังสาวใช้นี่ดันสร้างคำถามเข้ามาเกี่ยวโยง แล้วยังหาเรื่องให้เขาอีก ทุกวันนี้นายท่านให้ความสำคัญกับครอบครัวคุณชายรองเสียยิ่งกะไร มีหรือเขาจะกล้าพูดว่านายหญิงสะใภ้รองมิสำคัญเท่าคุณหนูเล็ก  

 

 

“หรูอี้เจ้าอย่าได้พูดจาเลอะเถอะ” ผู้ดูแลเจ้ากล่าวอย่างหงุดหงิด  

 

 

หลินหลินชายตามองหรูอี้อย่างชื่นชม สาวใช้ผู้นี้ฉลาดหลักแหลม ไหวพริบดีเสียจริงนะ!  

 

 

หลินหลันแสร้งตำหนิหรูอี้ “อย่าเสียมรรยาทต่อผู้ดูแลจ้าว ยังไม่รีบขอโทษอีก”  

 

 

หรูอี้หันหน้าหนีด้วยความโกรธ  

 

 

หลินหลันฉีกยิ้มเล็กน้อยให้ผู้ดูแลจ้าว “ที่แท้คุณหนูเล็กก็เคยตัดสินใจด้วยตนเองในการขายสาวใช้ออกไปเช่นกันหรือ”  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวอำอึ้งไปชั่วครู่ เอ้อร์เส้าหน่ายนายถามอย่างเอาจริงเอาจังเสียแล้ว เรื่องนี้คนในจวนต่างก็รับรู้กันไม่น้อยเสียด้วย จะปิดบังไปก็คงปิดบังไม่มิดอยู่ดี จึงกล่าวขึ้น “ตอนนั้นคุณหนูนิสัยเกเร ดังนั้นจึงลืมกฎระเบียบไปชั่วขณะ อย่างไรก็ตาม ในต่อมาภายหลังก็ได้ทำการลงบันทึกไว้แล้วขอรับ”  

 

 

หลินหลันพยักหน้า เผยรอยยิ้มอ่อนโยนยิ่งขึ้น “เช่นนั้นเจ้านำสมุดบันทึกมาให้ข้าดูหน่อยสิ เมื่อข้าได้ดูแล้วถึงจะเชื่อได้ มิฉะนั้น ข้าคงได้คิดว่าข้าสะใภ้รองผู้นี้ยังมิอาจสู้คนนอกได้”  

 

 

ขณะนี้เองผู้ดูแลจ้าวถึงกับจนปัญญา เขาจะนำสมุดบันทึกนี้ให้นายหญิงสะใภ้รองดูได้อย่างไรกัน แต่ละจวนล้วนมีความลับที่ไม่อาจแพร่งพรายออกไปได้กันทั้งนั้น ซึ่งความลับเหล่านี้ยิ่งไม่อาจทิ้งล่องรอยไว้บนกระดาษขาวเป็นอันขาด ผู้ดูแลจ้าวจึงกล่าวขึ้นอย่างยอมพ่ายแพ้ “เอ้อร์เส้าหน่ายนายคิดมากเกินไปแล้วขอรับ ต่อให้ข้าน้อยใจกล้าสักเพียงใด ข้าน้อยก็มิอาจมองข้ามความนึกคิดของเอ้อร์เส้าหน่ายนายไปได้หรอกขอรับ เรื่องเฉี่ยวโหรว ไว้ข้าน้อยกลับไปลงบันทึกไว้เสีย โดยบอกว่าได้ขายออกไปแล้วก็เป็นอันพอขอรับ เอ้อร์เส้าหน่ายนายเหนื่อยมากแล้วเช่นกัน ข้าน้อยขอรบกวนเอ้อร์เส้าหน่ายนายแต่เพียงเท่านี้” นายหน้าซื้อขายแห่งเมืองหลวงมีหลายเจ้าเสียที่ไหนกัน คงไม่ยากเกินไป หากเขาจะเปลืองแรงไปสอบถามแต่ละเจ้าเสียหน่อย เพียงแต่เกรงว่า เฉี่ยวโหรวจะไม่ได้ถูกขายออกไป ทว่าถูกนายหญิงสะใภ้รองนำไปแอบซ่อนไว้เสียแล้วต่างหาก  

 

 

หลินหลันยอมวางมือหลังได้รับความพึงพอใจ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ลำบากผู้ดูแลเจ้าด้วยนะ เพียงแต่ พอฮูหยินกลับมาแล้วเอ่ยถามถึง…”  

 

 

ผู้ดูแลจ้าวกล่าวขึ้นทันที “ข้าน้อยเตรียมการไว้ในใจแล้วขอรับ ไม่ทำให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายต้องลำบากใจไปด้วยแน่ขอรับ”  

 

 

หลินหลันถอนหายใจ “ข้าเกรงก็แต่เจ้าจะลำบากใจน่ะสิ” บนใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึกผิดแต่อย่างใด นางหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างสง่างาม  

 

 

 

 

 

 

 

 

——  

 

 

[1]  หลฺวีผีเจียวเออเจียว ในการแพทย์แผนจีนจัดเป็นยาที่มีฤทธิ์กลาง คือไม่ร้อนไม่เย็นทำให้เอามาใช้ได้ง่าย รสหวานนี่คือเป็นยาบำรุง ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับและไตเป็นหลัก มีสรรพคุณบำรุงเลือดเป็นอย่างดี

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด