ปฏิญญาค่าแค้น 89 ทำคลอด

Now you are reading ปฏิญญาค่าแค้น Chapter 89 ทำคลอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เกี่ยวกับเรื่องผู้เป็นพ่อต้องการรับนางบำเรอ ท่าทีของหลี่หมิงอวินเป็นไปอย่างเพิกเฉย ไม่เห็นดีเห็นงามและก็ไม่คัดค้าน ทว่าหลี่หมิงเจ๋อถึงกับนั่งไม่ติดเสียแล้ว  

 

 

“ท่านแม่ เหตุใดท่านถึงได้เสนอให้ท่านพ่อรับนางบำเรอล่ะขอรับ เช่นนี้ไม่เท่ากับท่านทำให้อำนาจของตนเองอ่อนแอลงหรอกหรือ”  

 

 

ฮานชิวเยว่ตวัดสายตามองเขา “เจ้าจะไปรู้อะไร เจ้าคิดว่าท่านพ่อเจ้าเป็นบุรุษผู้แสนดีที่ให้ความสำคัญกับศีลธรรมไม่ก่อสัมพันธ์รักซ้อนซ่อนเร้นแต่อย่างใดเฉกเช่นคำล่ำลือนั่นจริงๆ หรือ ถุย! ตอนนั้นที่ท่านพ่อของเจ้าแต่งงานกับแม่ของหมิงอวินได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่า ชั่วชีวิตนี้จะไม่รับนางบำเรอเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงได้แต่อดกลั้นไว้ ตอนนี้แม่หมิงอวินไม่อยู่แล้ว ความนึกคิดและจิตใจของท่านพ่อเจ้าก็เริ่มออกลาย ข้าเคยห้ามไปแล้วหลายครา ทว่าการที่ข้าห้ามได้ช่วงระยะหนึ่ง หมายความว่าข้าจะต้องคอยห้ามไปชั่วชีวิตเลยหรือ เจ้าเองก็ไม่ได้เรื่องได้ราว ทุกวันนี้ท่านพ่อของเจ้าคล้อยตามแต่หมิงอวิน ไม่พึงพอใจในตัวข้าอย่างมากเสียแล้ว หากข้าไม่ตามใจเขา เกรงว่าเขาจะยิ่งไม่เห็นหัวข้าเข้าไปใหญ่”  

 

 

หลี่หมิงอวินกล่าวห้วนๆ “ตามใจเขา มิใช่ยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่หรอกหรือ”  

 

 

ฮานชิวเยว่ถอดถอนหายใจ “ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็วุ่นวายมากพอแล้ว ความรู้สึกนึกคิดของท่านพ่อเจ้าทุกวันนี้มีแต่หมิงอวิน ทำให้เข้าวอกแวกบ้างก็ดีเหมือนกัน”  

 

 

หลี่หมิงอวินโกรธจนเลือดขึ้นหน้า และรู้สึกละอายแก่ใจยิ่งนัก หากมิใช่เขาพ่ายแพ้ในการสอบ อย่างน้อยๆ ผู้เป็นแม่ก็ไม่ต้องแบกรับความผิดหวังเสียใจเช่นนี้ ต้องโทษปากเสียๆ นี้ ใครให้เจ้าตะกละ ใครให้เจ้าโลภมาก จนสูญเสียโอกาสหน้าที่การงานในภายภาคหน้าไปเสียแล้ว… หลี่หมิงอวินตบปากตนเองไปหนึ่งทีด้วยความหงุดหงิด  

 

 

ฮานชิวเยว่กล่าวภายใต้สีหน้าตื่นตกใจ “นี่เจ้าทำอะไรของเจ้า”  

 

 

จนถึงตอนนี้หลี่หมิงเจ๋อยังคงไม่กล้าสารภาพผิดต่อผู้เป็นแม่ หลั้วเหยียนก็โน้มน้าวเขาว่าอย่าพูดออกไปเช่นกัน เห็นแก่หน้าพ่อตา อย่างมากท่านพ่อและท่านแม่ของเขาก็จะกล่าวโทษหลั้วเหยียนไม่กี่ประโยค และไม่มีทางลงโทษนางจริงๆ หรอก แต่หากท่านพ่อท่านแม่เขารับรู้ว่าเป็นเขาเองที่ทำเรื่องโง่ๆ นี่ เกรงว่าเขาจะโดนลงไม้โบยไม่ยั้งจนได้ คำพูดมันติดอยู่ที่ริมฝีปากของหลี่หมิงเจ๋อ และท้ายสุดเขาก็กลืนมันกลับลงไป ก่อนจะเอ่ยสำนึกผิด “ทั้งหมดเป็นเพราะลูกไม่รักดี จึงไม่สามารถแบ่งเบาความกังวลของท่านแม่ได้ และทำให้ท่านแม่เป็นทุกข์เช่นนี้”  

 

 

ประโยคเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นประโยคซึ่งกลั่นกรองออกมาจากหัวใจอย่างแท้จริง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกอันจริงใจ ฮานชิวเยว่จึงรู้สึกปลื้มปริ่มใจสุดซึ้ง “เจ้ารับรู้ถึงความยากลำบากของแม่แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาร่ำเรียนเสีย ส่วนเรื่องอื่นเจ้ามิต้องสนใจ ร่ำเรียนให้ได้ดีก็เป็นพอเพื่อเป็นการกตัญญูอันใหญ่หลวงสำหรับแม่ แล้วก็ เกี่ยวกับพ่อเจ้า เจ้าอย่าได้ปากมากไปเชียว หัดเรียนรู้จากหมิงอวินมันบ้าง คิดไตร่ตรองให้เยอะๆ ว่าควรทำอย่างไรให้ท่านพ่อเจ้าพึงพอใจ”  

 

 

“ขอรับ…” หลินหลันเจ๋อขานรับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย  

 

 

ในเวลาอันใกล้นี้วันประการผลสอบก็จะมาถึงแล้ว หลินหลันกับหมิงอวินตกลงกันไว้ดิบดีว่า วันมะรืนยามรุ่งเช้าจะได้ดูผลสอบด้วยกัน ผลกับกลายเป็นว่ายามสายันต์ หลินหลันยังไม่ทันได้รับประทานมื้อค่ำเลยด้วยซ้ำ ฟางฮุ่ยจากจวนท่านเจ้าพระยาจิ้งก็มาเรียนเชิญด้วยความรีบร้อน โดยบอกว่าภรรยาท่านเจ้าพระยาจะคลอดแล้ว  

 

 

หลินหลันไม่ต่อความยาวสาวความยืด เรียกหยินหลิ่วให้ไปหยิบกล่องยาแล้วออกเดินทางไปพร้อมกับฟางฮุ่ย  

 

 

ขณะนั้นเอง หลี่หมิงอวินตะโกนเรียกนาง “เจ้ายังไม่ได้กินข้าวเลยนะ!”  

 

 

หลินหลันไม่แม้แต่จะหันกลับมา “ไม่ทันกาลแล้ว ข้าไม่กินแล้วล่ะ”  

 

 

เห็นสีหน้าของคุณชายรองเต็มไปด้วยความกังวล ป๋ายฮุ่ยจึงกล่าวให้ทำใจให้สบาย “ทางจวนท่านเจ้าพระยาจิ้งน่าจะตระเตรียมไว้ด้วยเช่นกัน คงไม่ถึงขั้นปล่อยให้นายหญิงหิวท้องกิ่วไปทำคลอดมิใช่หรือเจ้าคะ”  

 

 

หลี่หมิงอวินขมวดคิ้ว “ไว้ค่ำๆ ข้าจะไปดูเสียหน่อย เจ้าให้กุ้ยซ่าวเตรียมอาหารไว้ ข้าจะเอาติดมือไปด้วย”  

 

 

แม่โจวกล่าวด้วยความลังเลใจ “ทว่านี่เป็นท้องแรกของภรรยาท่านเจ้าพระยาจิ้ง จึงเกรงว่าคงไม่รวดเร็วปานนั้นเจ้าค่ะ”  

 

 

หลี่หมิงอวินซึ่งไม่เชี่ยวชองเรื่องเหล่านี้ จึงเอ่ยถาม “เช่นนั้นต้องนานเพียงใดหรือ”  

 

 

แม่โจวเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “เรื่องนี้กำหนดแน่นอนมิได้เจ้าค่ะ เพราะแต่ละบุคคลต่างกันไป อย่างเร็วบางคนบทจะคลอดก็คลอดเลย อย่างช้าเจ็บคลอดสามวันสามคืนยังไม่คลอดออกมาก็มีเช่นกันเจ้าค่ะ”  

 

 

หลี่หมิงอวินตกตะลึง หากผ่านไปหลายวันทว่าภรรยาของท่านเจ้าพระยาจิ้งยังไม่คลอด เช่นนั้นหลินหลันมิต้องไม่เป็นอันได้พักผ่อนหรอกหรือ  

 

 

หลินหลันรีบร้อนมุ่งตรงไปยังจวนเจ้าพระยาจิ้ง ในจวนเต็มไปด้วยความวุ่นวายอลม่าน  

 

 

เสียงกรีดร้องของเฉียวอวิ๋นซีดังมาแต่ไกล เมื่อเดินเข้าไปด้านใน หญิงชราจำนวนหนึ่งกำลังพยายามอย่างหนักในการสกัดกั้นท่านเจ้าพระยา ฉุดรั้งไม่ให้ท่านเจ้าพระยาเข้าไปยังห้องสำหรับการทำคลอด  

 

 

“โหวเย่ว์เจ้าคะ ท่านเข้าไปมิได้นะเจ้าค่ะ หากโหวเย่ว์ปะทะกลิ่นคาวเลือดในอากาศเข้า แย่เลยนะเจ้าคะ…”  

 

 

ท่านเจ้าพระยาร้อนรนใจเป็นอย่างยิ่ง กล่าวด้วยเสียงตะคอกออกไป “จะอะไรกันนักกันหนา กลิ่นคาวเลือดในอากาศอะไรกัน ด้านในนั่นเป็นเมียกับลูกของข้า”  

 

 

“โหวเย่ว์ ท่านอย่าได้ทำให้พวกบ่าวลำบากใจเลยนะเจ้าคะ เข้าไปมิได้จริงๆ เจ้าค่ะ…”  

 

 

ท่านเจ้าพระยาได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากด้านใน เฉียวอวิ๋นซีถึงขั้นตะโกนร้องขอให้ช่วยชีวิตดังออกมาเช่นนี้แล้ว มีหรือเขาจะมัวสนใจกลิ่นคาวเลือดในอากาศ อันนำมาซึ่งความโชคร้ายไม่โชคร้ายอะไรนั่น ต้องการจะบุกเข้าไปด้านในให้ได้  

 

 

แม่ฟางเห็นหลินหลันมาถึงเสียที เผยสีหน้าดีอกดีใจออกมาเด่นชัด ราวกับได้เห็นดวงดาวแห่งการช่วยชีวิต นางกลัวขึ้นทันทีทันใด “หลี่ฟูเหริน ท่านรีบโน้มน้าวโหวเย่วทีเจ้าค่ะ ไม่ว่าพวกเราจะพูดอย่างไรก็มิอาจรั้งได้เลยเจ้าค่ะ”  

 

 

หลินหลันฉีกรอยยิ้มแสนหวาน พลางย่อเข่าและโน้มตัวลงเล็กน้อยให้การคาราวะท่านเจ้าพระยา “โหวเย่ว์ทำใจให้เย็นๆ ไว้นะเจ้าคะ เป็นท้องแรกของฮูหยิน จึงเป็นการที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดสาหัส โหวเย่ว์เป็นพลังใจของฮูหยิน ท่านจึงต้องทำใจให้มั่นคงสงบนิ่งเข้าไว้ เช่นนี้แล้วฮูหยินจึงจะสามารถให้กำเนิดบุตรได้อย่างวางใจนะเจ้าคะ”  

 

 

ท่านเจ้าพระยาได้ฟังเช่นนั้น สายตาจับจ้องไปยังม่านผ้าไหมสีฟ้าครามอย่างสงบนิ่งไปชั่วขณะ หัวใจที่เคยกระสับกระส่ายค่อยๆ สงบนิ่งลง  จริงด้วย! หากเข้ากระกระวาย เฉียวอวิ๋นซีจะไม่ยิ่งหวาดกลัวไปใหญ่หรือ  ต่อให้เขากระวนกระวาย ต่อให้เขาหวาดกลัว ก็ทำได้เพียงเก็บงำความรู้สึกเหล่านี้ไว้ภายในใจ ดังนั้นเขาจึงให้การคาราวะแด่หลินหลันโดยการประสานมือทั้งสองยกขึ้นในระดับหน้าอก “เช่นนั้นก็รบกวนหลี่ฟูเหรินด้วยแล้ว”  

 

 

หลินหลันมอบรอยยิ้มให้ความวางใจแด่เขา “ข้าจะทำอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะปลอดภัยทั้งแม่และลูกเจ้าค่ะ”  

 

 

หลินหลันเข้าไปด้านใน บรรดาหมอตำแยจำนวนหนึ่งกำลังรายล้อมเฉียวอวิ๋นซี ลูบคลำท้องอย่างหนักมือให้แก่นาง โดยทุกครั้งที่ออกแรงลูบกดลงไป เฉียวอวิ๋นซีก็มิอาจกลั้นเสียงร้องอันน่าสงสารจับใจออกมา หลินหลันขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “พวกเจ้าถอยออกไปก่อน”  

 

 

เหล่าหมอตำแยมองหลินหลันอย่างลังเลใจ ไม่รู้ว่าผู้ใดอนุญาตให้นางเข้ามา แม่ฟางจึงรีบเอ่ยขึ้นทันควัน “นี่คือท่านหมอหลี่ โหวเย่วเรียนเชิญมาเป็นการพิเศษ”  

 

 

เวลานี้เองเหล่าหมอตำแยถึงได้ลุกขึ้นหลีกทางให้  

 

 

เฉียวอวิ๋นซีเห็นหลินหลันมาเสียที นางยื่นมือออกไปด้วยความหวาดกลัวและร้อนรนใจ “หลี่ฟูเหริน ข้าเกรงว่าจะมิไหวแล้ว ท่านต้องช่วยลูกของข้านะ…”  

 

 

หลินหลันตรวจอาการนางพลางเอ่ยปลอบประโลม “ฮูหยินอย่าตื่นตระหนกไปเจ้าค่ะ ทารกอยู่ในตำแหน่งที่ดีมาก เพียงแต่การบีบตัวค่อนข้างอ่อนแรงไปหน่อย จึงต้องใช้เวลาก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรก็สามารถคลอดได้อย่างราบรื่นแน่นอน มีข้าอยู่ทั้งคน ท่านทำใจให้สบายเป็นพอเจ้าค่ะ”  

 

 

นังหญิงชราหนังเหนียวที่คิดแต่จะหลอกเอาเงินพวกนี้ ปากมดลูกนางเพิ่งจะเริ่มเปิดเพียงสองนิ้วมือก็ออกแรงกดเพื่อเร่งคลอดออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยภายหลังจะก่อให้เกิดอาการตกเลือดตามมา หลินหลันจ้องเขม็งใส่หญิงชราพวกนั้น “ตอนนี้หมดเรื่องของพวกท่านแล้ว ไว้อีกประเดี๋ยวหากต้องการความร่วมมือ พวกท่านค่อยฟังคำสั่งการจากข้าอีกที”  

 

 

หมอตำแย่จำนวนหนึ่งรู้สึกไม่พึงพอใจ  เจ้าเด็กสาวอ่อนหัดผู้นี้สามารถทำคลอดได้ด้วยหรือ พวกเราต่างหากที่มากด้วยประสบการณ์ งานนี้ หากพวกเราเชื่อฟังเจ้า พอถึงเวลาดันเกิดปัญหาขึ้นแล้วผู้ใดจะรับผิดชอบ  

 

 

“ฮูหยินเจ้าคะ มา ดื่มซุปโสมเติมพละกำลังเจ้าค่ะ” หญิงชราผู้หนึ่งถือซุปโสมเข้ามาเตรียมจะป้อนให้เฉียวอวิ๋นซีดื่ม  

 

 

หลินหลันหะห้ามนางทันที “ตอนนี้อย่าเพิ่งต้องดื่ม ดื่มแล้วปากมดลูกจะยิ่งเปิดกว้างได้ยากขึ้นไปอีก ไว้รออีกประเดี๋ยวตอนจะคลอดค่อยให้ดื่ม”  

 

 

หญิงชราที่อยู่ในห้องต่างเผยสีหน้างงเป็นไก่ตาแตก  สรุปแล้วหลี่ฟูเหรินผู้นี้เข้าใจหลักการทำคลอดเด็กจริงๆ หรือ  

 

 

หลินหลันรู้สึกอึดอัดหายใจหายคอไม่สะดวก มิน่าละการให้กำเนิดเด็กในยุคสมัยโบราณถึงได้มีอัตราการเสียชีวิตสูงขนาดนี้ เป็นเพราะการทำคลอดด้วยวิธีผิดๆ อย่างมากมายพวกนี้ ยามนี้นางก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งอธิบายทีละขั้นทีละตอนให้พวกนางฟังด้วย จึงทำเพียงหันไปกล่าวกับเฉียวอวิ๋นซี “ตอนนี้ท่านจำเป็นต้องทำใจให้ผ่อนคลาย อย่าได้ประหม่าเกร็ง เมื่อมีลมเบ่งมาเมื่อใด ก็ยึดวิธีการหายใจเข้าออกตามที่ข้าสอนท่าน จำไว้ว่าหากข้าไม่ให้ท่านออกแรงเบ่งท่านก็อย่าได้ออกแรงเป็นอันขาด”  

 

 

“ฟูเหริน วิธีการของเอ้อร์เส้าหน่ายนายตระกูลเรายอดเยี่ยมมาก ท่านลองดูเดี๋ยวก็รู้เจ้าค่ะ” หยินหลิ่วแทรกตัวขึ้นมาพลางเอ่ยกล่าวด้วยร้อยยิ้มสดใส  

 

 

เฉียวอวิ๋นซีมองดูนัยน์ตาของหลินหลันซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ แม้ว่าความกลัวจะยังไม่เลือนหาย ทว่าไม่ได้สติแตกกระเจิงดังทีแรกอีกแล้ว นางค่อยๆ ปรับจังหวะหายใจตามวิธีของหลินหลัน ขณะเดียวกันสภาวะอารมณ์ก็ค่อยๆ สงบลง  

 

 

ช่วงระยะการเจ็บคลอดเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทว่าปากมดลูกของเฉียวอวิ๋นซียังคงเปิดกว้างเพียงสองนิ้วมือดั่งเดิม  

 

 

มีหญิงชราผู้หนึ่งเริ่มไม่มั่นใจในความสามารถของหลินหลัน “ทำตามหลี่ฟูเหรินเช่นนี้ เกรงว่าสามวันสามขึ้นผ่านไปก็ยังไม่คลอดนะเจ้าคะ”  

 

 

หลินหลันอยากจะด่าออกไปสักชุด เล่นพูดเช่นนี้ต่อหน้าผู้เจ็บท้องคลอด คงกลัวว่าผู้เจ็บท้องคลอดจะมีแรงกดดันใจไม่มากพองั้นหรือ  

 

 

และสีหน้าของเฉียวอวิ๋นซีก็เผยให้เห็นอาการตื่นตระหนกหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ  

 

 

หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นเจ้ากล้าพนันกับข้าหรือไม่ หากเจ้าแพ้ ชั่วชีวิตนี้ก็อย่าริอาจรับทำคลอดอีก”  

 

 

หญิงชราผู้นั้นชักสีหน้าบึ้งตึง กลับมิกล้ารับคำท้าของหลินหลันแต่อย่างใด นางอาศัยทักษะการทำคลอดนี้ในการเลี้ยงปากท้อง จะให้นางเลิกทำไป แล้วนางจะกินอะไรหรือ  

 

 

เห็นหญิงชรานั่นไม่โต้ตอบ หลินหลันจึงหันไปพูดกับฟางฮุ่ย “เจ้ามาช่วยกันอีกแรง พวกเราประครองฮูหยินลุกขึ้นเดินสักสองสามรอบ”  

 

 

ฟางฮุ่ยเริ่มลังเลใจ นี่มันเป็นวิธีแบบไหนกัน ทว่ายังคงทำตามที่หลินหลันบอกกล่าว ประครองฮูหยินลุกขึ้น สองคนซ้ายขวาช่วยกันประครองเฉียวอวิ๋นซีเดินไปอย่างช้าๆ ภายในห้อง  

 

 

หลินหลันหันเหความสนใจของนางด้วยการชวนพูดคุย “เมื่อครู่หญิงชราจำนวนหนึ่งต่างก็ไม่อาจรั้งท่านเจ้าพระยาไว้ได้ จนเกือบจะพุ่งเข้ามาด้านในแล้วเจ้าค่ะ ท่านเจ้าพระยาคงเป็นห่วงท่านมากจริงๆ …”  

 

 

เฉียวอวิ๋นซีกล่าวด้วยความละอายใจเล็กน้อย “เกรงว่าเป็นเพราะเสียงร้องเรียกของข้าจะทำให้เขาตื่นตกใจเสียแล้วน่ะสิ ข้าก็ไม่อยาก ทว่าพอเจ็บปวดขึ้นมาก็ยากเกินกว่าจะสกัดกลั้นไว้ได้…”  

 

 

หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะว่าไปก็เสียงดังทีเดียวเจ้าค่ะ แต่อย่างไรก็ตาม หากเปลี่ยนเป็นข้า เกรงว่าจะส่งเสียงดังเสียยิ่งกว่าท่านอีกเจ้าค่ะ”  

 

 

เฉียวอวิ๋นซีได้ฟังที่นางพูดซึ่งมีความน่าสนใจ จึงแค่นฉีกยิ้มและกล่าวขึ้น “มันเจ็บปวดมากจริงๆ ไว้ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะได้รู้”  

 

 

หลินหลันเอ่ยถามขึ้นอีก “ตอนก่อนที่เฉียวฮูหยินให้กำเนิดท่านเป็นไปอย่างง่ายได้หรือไม่”  

 

 

เฉียวอวิ๋นซีเป็นบุตรสาวคนโตของเฉียวฮูหยิน ซึ่งเป็นลูกคนแรก  

 

 

“ท่านแม่ข้าบอกว่าก็พอได้อยู่นะ ตอนข้าเกิดออกมาน้ำหนักเพียงสองโลครึ่งกว่าๆ เท่านั้น ตัวผอมๆ เล็กๆ ดังนั้นท่านแม่จึงไม่ทรมานมากมายเท่าไหร่นัก”  

 

 

“เช่นนั้นก็ดีไปเลยนะเจ้าคะ ต่างก็ว่ากันว่าบุตรสาวจะเป็นไปตามมารดา หากมารดาให้เป็นไปอย่างราบรื่น บุตรสาวก็จะคลอดออกมาอย่างราบรื่นเช่นกัน” เพื่อปลอบประโลมเฉียวอวิ๋นซี และทำให้นางจิตใจสงบนิ่ง หลินหลันจึงหยิบยกคำพูดปลอบใจโดยไม่อิงหลักการใดๆ มาเอ่ยขึ้น  

 

 

“จริงหรือ” เฉียวอวิ๋นซีมองหลินหลันด้วยนัยน์ตาอันเปี่ยมไปด้วยความหวัง  

 

 

หลินหลันเม้มริมฝีปากเผยรอยยิ้มเล็กน้อย และพยักหน้าอย่างจริงจัง “ดังนั้น ท่านสนใจแค่ทำใจให้สบายก็เป็นพอนะเจ้าคะ”  

 

 

ความเจ็บปวดหวนกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันเลวร้ายกว่าครั้งก่อนๆ และอาจเป็นเพราะความสบายใจเฉียวอวิ๋นซีจึงไม่รู้สึกว่ามันยากเกินกว่าจะทนไหว  

 

 

“สูดลมหายใจ ใช่ เช่นนี้แหละเจ้าค่ะ ค่อยๆ ผ่อน…ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ จะเจ็บปวดชั่วครู่เพราะเด็กกำลังพยายามอยู่เช่นกัน เขาก็อยากออกมาจะแย่แล้วเช่นกัน ดังนั้นท่านต้องตั้งใจให้ความร่วมมือเขาด้วย” หลินหลันกล่าวชักนำอย่างใจเย็น  

 

 

เดินไปสักระยะ หลินหลันก็ในเฉียวอวิ๋นซีนอนลงเพื่อพักผ่อนชั่วครู่ หลังจากนั้นก็เดินต่ออีก ทำเช่นนี้ไปมาหลายรอบเป็นระยะเวลากว่าหนึ่งชั่วยาม  

 

 

แสงสว่างจากโคมไฟในจวนท่านเจ้าพระยาเริ่มอล้าอล่าม ทุกคนต่างกระวนกระวายใจ และรอคอยที่จะได้เย็นเสียงร้องอุแว้อุแว้  

 

 

เวลานี้ท่านเจ้าพระยาจิ้งโจวมิได้รอคอยอยู่หน้าห้องทำคลอดแต่อย่างใด ด้วยการมาเยือนของหลี่หมิงอวิน ภรรยาของคุณชายหลี่กำลังขะมักเขม้นในการทำคลอดให้ภรรยาของตน แล้วเขาจะปล่อยให้หลี่หมิงอวินรอคอยอยู่ด้านนอกภายใต้อากาศหนาวเย็นได้อย่างไรกัน และคงไม่ดีเข้าไปใหญ่หากจะให้หลี่หมิงอวินรอคอยอยู่หน้าห้องทำคลอดเป็นเพื่อนเขา ดังนั้น จึงสั่งการให้คนไปเรียนเชิญหลี่หมิงอวินมายังห้องรับรองแขก  

 

 

“หลังจากหลี่ฟูเหรินเข้าไป ด้านในกลับไม่มีเสียงใดๆ ดังขึ้นอีก” โจวซิ่นกล่าวอย่างเป็นกังวลใจเล็กน้อย  

 

 

หลี่หมิงอวินเห็นปมคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันจนแน่น นัยน์ตาฉายแสงแห่งความกระวนกระวาย ซึ่งความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ต่างกัน แม้ว่าหลินหลันจะมีทักษะด้านการรักษา และเรียกได้ว่าเป็นมือฉมัง ทว่าเรื่องการทำคลอดนี้ เหมือนว่าหลินหลันจะเคยทำคลอดให้แก่พี่สาวของหยินหลิ่วอยู่หนึ่งครั้งเท่านั้นเอง แล้วหลินหลันจะรับมือไหวหรือ ทว่าเขาไม่สามารถพูดความจริงต่อหน้าท่านเจ้าพระยาได้ จึงแสร้งกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ “โหวเย่ว์อย่าได้เป็นกังวลจนเกินไปเลยขอรับ ได้ยินภรรยาข้าเคยเอ่ยว่า ภรรยาของท่านสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี จะต้องปลอดภัยทั้งแม่และลูกอย่างแน่นอนขอรับ”  

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด