สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 11 314 ท่านอ๋อง สุนัขฉลาดย่อมไม่ขวางทาง

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 11 314 ท่านอ๋อง สุนัขฉลาดย่อมไม่ขวางทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ที่ประตูของจวนสกุลหลาน นึกไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะพบกับเยี่ยโยวเหยา

หลานเสวียนหมิงแม่ทัพหลานออกมาต้อนรับเยี่ยโยวเหยา เมื่อเห็นซูจิ่นซีที่ประตู ก็ทำความเคารพซูจิ่นซีอย่างไม่เต็มใจนัก

ซูจิ่นซีไม่ได้พูดอันใด ทำเพียงเดินเลี่ยงเยี่ยโยวเหยา ตรงเข้าไปในจวนสกุลหลาน

หลานเสวียนหมิงเดินมาทางซูจิ่นซีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าซูจิ่นซี “พระชายา ที่นี่เป็นจวนสกุลหลาน”

“ทำไม? แม่ทัพหลานส่งคนไปถึงจวนสกุลซูของข้าเพราะต้องการคำอธิบาย ตอนนี้ข้ามาเพื่อให้คำอธิบายแก่ท่าน ท่านกลับไม่ต้องการ? ในเมื่อท่านไม่ต้องการ ข้าก็จะกลับ” ซูจิ่นซีพูดพลางหันหลังเดินกลับออกไป

หลานเสวียนหมิงขวางซูจิ่นซีไว้ ไม่ให้ซูจิ่นซีกลับ

ซูจิ่นซีขมวดคิ้ว ไม่หันไปมองหลานเสวียนหมิง กลับพูดต่อหน้าเยี่ยโยวเหยาว่า “โยวอ๋อง สุนัขฉลาดย่อมไม่ขวางทาง [1] ”

แววตาเรียบเฉยของเยี่ยโยวเหยามองซูจิ่นซี พลางขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นจึงเรียกชื่อของแม่ทัพหลานด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลานเสวียนหมิง”

“ท่านอ๋อง! บุตรสาวกระหม่อม เยวี่ยหลียังนอนอยู่บนเตียง เป็นตายไม่แน่ชัด! ” ใบหน้าของหลานเสวียนหมิงมีท่าทีโศกเศร้าของผู้เป็นบิดา

“กระไร? ท่านกล้าขัดคำสั่งข้าหรือ? ”

“กระหม่อม… กระหม่อมมิกล้า! ” หลานเสวียนหมิงยกมือคำนับ ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่เต็มใจ

ซูจิ่นซีหันกลับมาพูดว่า “หลานเยวี่ยหลีอยู่ที่ใด? เชิญนำทาง” นางพูดพลางยืดหลังตรง เดินเข้าไปในจวนสกุลหลาน

พ่อบ้านจวนสกุลหลานมองใบหน้าของหลานเสวียนหมิง เมื่อเขาไม่ได้สั่งความอันใดจึงรีบวิ่งไปด้านหน้าเพื่อนำทางให้ซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีเดินไปได้สองก้าว จู่ๆ ก็หันกลับมาพูดว่า “ท่านอ๋อง ดูไปแล้วความจงรักภักดีของสกุลหลานที่มีต่อท่านก็เพียงเท่านี้ สถานะของหม่อมฉันก็มีคำว่า ‘โยวอ๋อง’ เช่นกัน ทว่าแม่ทัพหลานกลับไม่เห็นหม่อมฉันอยู่ในสายตา คนที่ทราบคงคิดว่า เขาดูถูกหม่อมฉันว่าเป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง แต่คนที่ไม่ทราบ… ” ซูจิ่นซีตั้งใจลากเสียงยาว พลันมองหลานเสวียนหมิงที่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและพูดว่า “คนที่ไม่ทราบ คงคิดว่าสกุลหลานเป็นผู้นำของท่านอ๋อง”

ซูจิ่นซีพูดจบ ก็หันหลังเดินจากไป

สีหน้าของหลานเสวียนหมิงซีดเผือดราวกับกระดาษ เขาคุกเข่าเสียงดัง ‘ตุบ’ อยู่เบื้องหน้าเยี่ยโยวเหยา พลางพูดด้วยท่าทีจริงจังว่า “ท่านอ๋อง… กระหม่อมถูกปรักปรำ! กระหม่อมไม่ได้เป็นอย่างที่พระชายากล่าวมาแน่นอน กระหม่อมไม่มีความคิดเช่นนั้นแม้แต่น้อย ลูกหลานสกุลหลานจงรักภักดีต่อท่านอ๋อง ท่านอ๋องทรงทราบดี! ”

เยี่ยโยวเหยายืนเอามือไพล่หลังด้วยแววตาดุดัน มือทั้งคู่ค่อยๆ บีบแน่นขึ้น มองหลานเสวียนหมิงอย่างเย็นชา

‘ตุบ’ หลานเสวียนหมิงโขกศีรษะกับพื้นอย่างแรง จนหน้าผากมีคราบเลือด “สกุลหลานมีเพียงใจจงรักภักดีต่อท่านอ๋อง ยิ่งไม่มีใจคิดคดเป็นกบฏ ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรอง ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรอง”

หลานเสวียนหมิงพูดพลางโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับทุบกระเทียม

เห็นได้ชัดว่าซูจิ่นซียุยงความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องกับขุนนางอย่างหลานเสวียนหมิง ทว่าเยี่ยโยวเหยากลับมองดูด้านหลังของซูจิ่นซีที่เดินจากไปด้วยแววตาชื่นชม

สตรีนางนี้ ไม่ยอมขาดทุนแม้แต่น้อยจริงๆ

ยังไม่ทันได้เข้าประตูจวนสกุลหลาน! นางก็แสดงอำนาจ ทำลายศักดิ์ศรีของหลานเสวียนหมิงถึงเพียงนี้

นี่นางกำลังแก้แค้น! แก้แค้นที่หลานเสวียนหมิงไม่เคารพนาง

“จัดการตามกฎทหาร ไปรับโทษโบยสามสิบไม้ที่วิหารวิญญาณด้วยตนเอง” เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินผ่านหลานเสวียนหมิงเข้าไปในจวนสกุลหลาน

หลานเสวียนหมิงตกใจ ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น

ตราบใดที่เป็นขุนนางผู้ภักดีใกล้ชิดเยี่ยโยวเหยา ผู้ใดบ้างที่ไม่รู้วิธีการของวิหารวิญญาณ?

หากคนเหล่านั้นลงมือ โบยหนึ่งทีคือโบยหนึ่งที ทว่าน้ำหนักที่ใช้ในการลงไม้ ไม่เหมือนกับที่ใช้ในกองทัพ

เขาจงรักภักดีต่อเยี่ยโยวเหยามาหลายปี กลับต้องไปรับโทษที่วิหารวิญญาณเป็นครั้งแรก ครานี้ทั้งเกียรติยศและความรู้สึกในใจล้วนไม่เหลือแล้ว

ท่านอ๋อง เพราะคำพูดของสตรีนางหนึ่ง ท่านอ๋องกลับรับสั่งให้เขาไปรับโทษที่วิหารวิญญาณ ซูจิ่นซี สตรีนางนี้ช่างสมดั่งคำร่ำลือ นางไม่เหมือนสตรีทั่วไปจริงๆ

ทว่าเส้นทางสู่การเป็นกษัตริย์ สาวงามมักสร้างปัญหา โดยเฉพาะหลานเสวียนหมิงที่เกิดมาในกองทัพ จึงเห็นความรักของหนุ่มสาวเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย

เดิมทีเขามองว่าซูจิ่นซีไม่ได้เก่งกาจเท่าไรนัก เมื่อเป็นเช่นนี้ยิ่งรู้สึกว่าซูจิ่นซีเป็นตัวสร้างปัญหา เป็นอุปสรรคต่อแผนการครองแผ่นดินของเยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยาเดินไปไกลแล้ว ทหารที่อยู่ด้านข้างจึงเข้าไปประคองหลานเสวียนหมิงให้ลุกขึ้น หลานเสวียนหมิงกระชากเสียงเย็นชา

“ไปสืบมา ซูจิ่นซีมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่”

“ขอรับ! ”

ในเมืองตี้จิงมีเสียงเล่าขานเกี่ยวกับการกระทำที่ผ่านมาของซูจิ่นซีอยู่ไม่น้อย สิ่งที่หลานเสวียนหมิงกล่าวถึงในตอนนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงข่าวลือทั่วไปเหล่านั้น ทว่าเป็นข้อมูลเชิงลึกที่น่าค้นหา

ตั้งแต่โบราณ กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ยิ่งอยู่สูงยิ่งหนาวเหน็บและโดดเดี่ยว เวลานี้ เขาที่เป็นขุนนางผู้ภักดีซื่อสัตย์ควรตักเตือนท่านอ๋อง เป็นสิ่งที่ขุนนางภักดีพึงกระทำ

พ่อบ้านเดินนำทางซูจิ่นซี ผ่านไปไม่นานก็มาถึงเรือนของหลานเยวี่ยหลี

หลานเยวี่ยหลีนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง ริมฝีปากสีม่วง เบ้าตาเขียว ใบหน้าซีดขาว นี่เป็นอาการของการถูกพิษ

แม้นางจะหมดสติ ทว่าร่างเล็กของนางยังคงสั่นเทาไม่หยุด บริเวณหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบ เส้นผมบริเวณโหนกแก้มทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผ้าปูที่นอนด้านล่างก็เปียกเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าเป็นอาการของพิษที่รุนแรง หลานเยวี่ยหลีถูกพิษในครั้งนี้ คงเจ็บปวดทรมานอย่างมาก

ขณะที่ซูจิ่นซีเพิ่งเดินเข้าประตูมา ระบบถอนพิษก็ได้วิเคราะห์ข้อมูลเรียบร้อยแล้ว

ทว่าซูจิ่นซียังคงทำตามวิธีปฏิบัติเดิม เริ่มต้นด้วยการตรวจชีพจร ตรวจสอบ ตรวจเลือด และทดสอบพิษ

หลังจากที่ซูจิ่นซีทำแต่ละขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้น หลานเสวียนหมิงที่ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ข้างเตียงหลานเยวี่ยหลี ก็จ้องมองด้วยความประหลาดใจ พลางพูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจว่า “พระชายา เป็นเช่นไรบ้าง? ที่เยวี่ยหลีถูกพิษเกี่ยวข้องกับจวนสกุลซูของพวกท่านหรือไม่? เช่นนี้แล้วท่านยังมีอันใดจะพูดอีก? ”

ซูจิ่นซียังยืนนิ่งไม่พูดอันใด ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไร

หลานเสวียนหมิงนึกว่าซูจิ่นซีถูกเขาถามจนพูดไม่ออก ก็ยิ่งได้ใจ หันไปพูดกับเยี่ยโยวเหยาอย่างไม่หลาบจำ “ท่านอ๋อง บุตรสาวกระหม่อมถูกพิษร้ายแรงจริงๆ ท่านอ๋องดูเถิด นางยังอายุไม่ถึงเจ็ดปีก็มีคนวางยาพิษนางถึงเพียงนี้ ท่านอ๋องโปรดให้ความเป็นธรรมกับกระหม่อมด้วย”

เยี่ยโยวเหยาชำเลืองมองหลานเสวียนหมิง ทว่าไม่ได้พูดอันใด

เห็นเยี่ยโยวเหยาไม่พูดอันใด นึกไม่ถึงว่าหลานเสวียนหมิงกลับยิ่งถือดีมากขึ้น เขาคุกเข่าลงกับพื้น พูดว่า “ท่านอ๋อง เยวี่ยหลีกลับมาคราวนี้เพราะความภักดีต่อท่านอ๋อง สกุลหลานของกระหม่อม ทั้งบุรุษและสตรีต่างยินยอมพลีชีพต่อสู้ในสนามรบเพื่อท่าน แต่ไม่ยอมตายอย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้ หากวันนี้ท่านอ๋องยืนกรานที่จะปกป้องพระชายา กระหม่อมขอคุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็มองไปที่หลานเสวียนหมิงอย่างเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร เขายกสองมือไพล่หลัง พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยแสนยานุภาพ “หลานเสวียนหมิง ข้าว่าเจ้านับวันยิ่งบังอาจ โบยสามสิบไม้คงน้อยไปใช่หรือไม่? ”

หลานเสวียนหมิงตกตะลึงในทันที รีบหมอบลงร่ำไห้ “ท่านอ๋อง สตรีเป็นตัวสร้างปัญหา! ท่านอ๋อง! หากกระหม่อมผิดจริง ท่านอ๋องจะลงโทษกระหม่อมอย่างไรก็ได้ แต่กระหม่อมไม่ผิด แม้ท่านอ๋องจะสังหารกระหม่อม กระหม่อมก็ตายตาไม่หลับ ถึงยมโลกแล้วก็ยังรู้สึกคับข้องใจ! ท่านอ๋อง! ”

“ไสหัวออกไป! ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ”

หลังจากสิ้นเสียงคำพูดของหลานเสวียนหมิง ซูจิ่นซีพลันตะคอกด้วยน้ำเสียงดุดัน

……

เชิงอรรถ

[1] สุนัขฉลาดย่อมไม่ขวางทาง สำนวนจีน หมายถึง คนดีย่อมรู้ทันเหตุการณ์

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *