สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 12 339 ซูจิ่นซีได้รับพิษ

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 12 339 ซูจิ่นซีได้รับพิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูจิ่นซีคิดว่าเยี่ยโยวเหยาจะตอบโต้ด้วยความเฉยเมย กลับคาดไม่ถึงว่าเยี่ยโยวเหยาจะกุมมือนางไว้แน่น และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ซูจิ่นซี เจ้ายังมีข้าอยู่ข้างกาย ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าพูดจาเหลวไหล! ”

ซูจิ่นซี เจ้ายังมีข้าอยู่ข้างกาย?

ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมองแก้มของเยี่ยโยวเหยา มองคิ้วที่ดกดำของเยี่ยโยวเหยา มองเยี่ยโยวเหยาที่สว่างไสวราวกับดวงดาว ทว่าดวงตากลับดำขลับลึกซึ้ง

เยี่ยโยวเหยา ท่าน… หมายความว่าอย่างไรกันแน่?

ซูจิ่นซีต้องการถามเยี่ยโยวเหยาอีกครั้ง ถามหาคำว่า ‘ชอบ’ จากปากของเขาอีกครั้ง ทว่าจนแล้วจนรอดนางก็ไม่ได้ถามออกมา เพียงพูดว่า “เยี่ยโยวเหยา หม่อมฉันเชื่อท่านเพคะ”

เยี่ยโยวเหยาโอบเอวซูจิ่นซีอีกครั้ง มืออีกข้างกุมกระบี่ไว้แน่น สัตว์เทพกิเลนที่อยู่เบื้องหน้าราวกับสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายของเยี่ยโยวเหยา มันคำรามเสียงดัง พลางขยับตัวเดินเข้ามาหาซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาสองก้าว

เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีเหาะขึ้นไป สัตว์เทพกิเลนก็ใช้เท้าเหยียบเมฆเพลิงลอยขึ้นบนอากาศเช่นกัน พร้อมทั้งพ่นเปลวเพลิงเหมันต์สีน้ำเงินออกมา

เยี่ยโยวเหยาพาซูจิ่นซีเหาะหลบอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงเหมันต์ของกิเลนโจมตีถูกผนังกำแพงหิน ทั่วทั้งลานโล่งภายในถ้ำพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอีกครั้ง

จากนั้นเยี่ยโยวเหยาจึงกวัดแกว่งกระบี่ รวบรวมพลังภายในและใช้ปลายกระบี่ฟันไปที่สัตว์เทพกิเลนอย่างรุนแรง ทว่าสัตว์เทพกิเลนราวกับไม่ได้รับผลกระทบอันใด ทั้งยังพ่นเปลวเพลิงเหมันต์ พลางกระโจนเข้าใส่ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยา

เนื่องจากแรงผลักของพลังตนเอง เยี่ยโยวเหยาจึงหลบเปลวเพลิงของกิเลนไม่ทัน ทำได้เพียงต้านเปลวเพลิงของกิเลนไว้เท่านั้น ทว่าครั้งนี้กิเลนใช้กีบเท้าอันทรงพลังของมันโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในเวลานี้หากเยี่ยโยวเหยาคิดใช้พลังต่อต้าน เขากับซูจิ่นซีคงตายสถานเดียว

ดวงตาซูจิ่นซีเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ทว่าไม่มีความหวาดกลัว สีหน้าของเยี่ยโยวเหยาเปลี่ยนไป ทว่าไม่มีความหวาดกลัวเช่นกัน

“เยี่ยโยวเหยา ถอย! ”

หลังสิ้นเสียงคำพูดของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาก็ถอยอย่างรวดเร็ว เข็มเหมันต์เทวะสีขาวหิมะโปร่งแสงเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือซูจิ่นซี บนเข็มอาบด้วยสารเรืองแสงสีโลหิต นางซัดเข็มเหมันต์เทวะไปทางสัตว์เทพกิเลน

เดิมทีมองเห็นแล้วว่าเข็มเหมันต์เทวะอาบโลหิตต้องซัดถูกร่างของสัตว์เทพกิเลนแน่นอน ทว่าสัตว์เทพกิเลนกลับคำรามเสียงดัง ด้วยพลังของเสียงคำรามที่รุนแรง ทำให้เข็มเหมันต์เทวะเกิดเสียงดัง ‘ซู่’ และหมุนเปลี่ยนทิศทาง พุ่งกลับไปทางซูจิ่นซี

เหตุการณ์นั้นรวดเร็วมากและยากคาดเดา

หากอาศัยความว่องไวของเยี่ยโยวเหยา เขาพบความผิดปกติทางด้านหลังได้ไม่ยาก ทว่าขณะที่เขากำลังล่าถอยนั้น เขาได้รับบาดเจ็บ แม้เขาต้องการช่วยเหลือ ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรงยับยั้ง เข็มเหมันต์เทวะจึงย้อนกลับมาพุ่งเข้าใส่ร่างของซูจิ่นซี

“อ้าก… ”

ซูจิ่นซีร้องเสียงดัง ใบหน้าพลันซีดเผือด

“ซูจิ่นซี! ”

เมื่อเท้าแตะพื้น เยี่ยโยวเหยายืนหยัดประคองร่างกายตนเองที่ได้รับบาดเจ็บและคว้าร่างซูจิ่นซีที่ล้มลง

พิษในเข็มเหมันต์เทวะ

เพราะต้องรับมือสัตว์เทพ ซูจิ่นซีจึงใช้พิษชนิดรุนแรงที่สุดในระบบถอนพิษ สติของนางเริ่มพร่ามัว

“ยาถอนพิษอยู่ที่ใด! ” เยี่ยโยวเหยาถาม

ซูจิ่นซีพยายามหยิบยาถอนพิษออกจากระบบถอนพิษ ทว่านางได้รับบาดเจ็บ ประสิทธิภาพของระบบถอนพิษจึงได้รับผลกระทบตามไปด้วย เห็นได้ชัดว่ายาถอนพิษอยู่ในระบบถอนพิษ ทว่านางไม่สามารถหยิบออกมาได้

“หึหึ! ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากด้วยสภาพอ่อนแรง

“ไม่คิดว่าข้า ซูจิ่นซีผู้ชำนาญวิชาพิษ ครั้งนี้กลับต้องตายด้วยพิษของตน”

ดวงตาของซูจิ่นซีหรี่ลงอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นจึงพูดกับเยี่ยโยวเหยาว่า “เยี่ยโยวเหยา ท้ายที่สุด ท่านยังต้องสร้างหลุมฝังศพให้หม่อมฉัน”

แววตาของเยี่ยโยวเหยาปรากฏความเจ็บปวด ทว่าเวลานี้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ดังนั้นเขาจำเป็นต้องสุขุมเยือกเย็นให้มากที่สุด

“ซูจิ่นซี ที่ตัวเจ้ายังมีสมุนไพรอื่นที่สามารถระงับพิษนี้ได้ชั่วคราวหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีส่ายศีรษะ “ยาสมุนไพรที่เหลืออยู่ล้วนใช้ไม่ได้ พิษนี้รุนแรงมากเพคะ”

“แล้วพวกนี้เล่า? ”

เยี่ยโยวเหยาหยิบเมล็ดพันธุ์ที่เก็บรวบรวมไว้ในห่อผ้าแพรก่อนหน้านี้ออกมา

“ใช้ไม่ได้เช่นกันเพคะ! ”

ซูจิ่นซีไม่มีแรงแม้แต่จะส่ายศีรษะ เสียงพูดของนางแผ่วเบาจนเยี่ยโยวเหยาแทบไม่ได้ยิน

พิษที่ซูจิ่นซีใช้นั้นเป็นยาพิษในยุคปัจจุบัน สมุนไพรยาจีนไม่สามารถถอนพิษได้แน่นอน

“ซูจิ่นซี เจ้าต้องเข้มแข็งอดทนไว้ เจ้ามองข้า ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าตาย เจ้าได้ยินหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีอยากลืมตาทั้งสอง ทว่าหนังตาของนางหนักอึ้ง จนไม่สามารถลืมขึ้นได้

“ซูจิ่นซี เจ้าลืมตา มองข้า หากเจ้าตาย ข้าจะให้จวนสกุลซูทั้งตระกูลต้องชดใช้”

จวนสกุลซู…

ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดซูจิ่นซีก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า

แววตาเยี่ยโยวเหยาเผยให้เห็นความดีใจ

ซูจิ่นซียื่นมือออกมาด้วยความยากลำบากและคว้าแขนเสื้อของเยี่ยโยวเหยา ภายใต้ใบหน้าอ่อนแรงและดวงตาพร่ามัว นางพยายามพูด

“เยี่ยโยวเหยา จิ่นซีชอบ… ชอบท่านมาก… ชอบท่านมากจริงๆ ท่านอ๋อง… ชอบข้าบ้างหรือไม่? ชอบหรือไม่?… ชอบหรือไม่? ต่อให้… เพียงชั่วครู่ก็ตาม? ”

ดวงตาเยี่ยโยวเหยาเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด “ซูจิ่นซี… ข้า… ”

เยี่ยโยวเหยาคิดจะพูดอันใดบางอย่าง ทว่ายังไม่ทันได้พูดออกมา สัตว์เทพกิเลนก็ส่งเสียงคำรามดุดันขึ้นมาอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ซูจิ่นซีก็ไออย่างหนักหน่วงทั้งยังอาเจียนออกมาเป็นเลือด

‘ตุบ’

มีของชิ้นหนึ่งตกลงบนพื้นหิน เกิดเป็นเสียงกระแทกพื้นดังชัดเจน

นั่นคือก้อนหยกกิเลนหยาง

ซูจิ่นซีอาเจียนเป็นเลือดออกมาย้อมก้อนหยกกิเลนหยาง จากนั้นดอกปี่อั้นสีโลหิตก็ลอยขึ้นจากหยกกิเลนอย่างเชื่องช้า มันเปล่งประกายเจิดจ้า ลอยอยู่บนศีรษะของซูจิ่นซี

สัตว์เทพกิเลนที่กำลังจะพ่นเปลวเพลิงเหมันต์ใส่ซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาพลันถอยหลังกลับไป ไอสังหารดุร้ายบนตัวของมันสลายหายไปจนสิ้นและแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน มันมองซูจิ่นซีกับเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทางแปลกประหลาด

ดอกปี่อั้นสีโลหิตหมุนวนอยู่บนศีรษะซูจิ่นซี ไม่นานก็ลอยหายเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นที่ข้อมือซ้ายของนาง

เนื่องจากร่ายกายของซูจิ่นซีได้รับพิษ จึงทำให้อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง กอปรกับพลังปะทะของดอกปี่อั้นสีโลหิตที่พุ่งเข้าใส่อาคมกำไลปี่อั้น ทำให้ร่างกายของนางทานทนไม่ไหวและหมดสติไปทันที

“ซูจิ่นซี! ซูจิ่นซี เจ้าตื่นขึ้นมา ซูจิ่นซี! ”

เยี่ยโยวเหยาสีหน้าเปลี่ยนไป เขาร้องเรียกซูจิ่นซีหลายครั้งโดยไม่มีการตอบสนอง ทว่าซูจิ่นซียังคงมีลมหายใจอยู่

ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาราวกับคิดอันใดขึ้นมาได้ เขาหยิบกระบี่บนพื้นขึ้นมาปาดเลือดที่ซูจิ่นซีอาเจียนออกมา พลางอุ้มซูจิ่นซีที่กำลังสลบพุ่งเข้าใส่สัตว์เทพกิเลน

ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว!

สัตว์เทพกิเลนไม่เพียงไม่ขัดขวางหรือโจมตีเยี่ยโยวเหยาเท่านั้น มันยังมีแววตาหวาดกลัวและก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง เปิดทางให้พวกเขาออกไป

เยี่ยโยวเหยาคาดเดาได้อย่างถูกต้อง เลือดของซูจิ่นซีสามารถกดดันให้สัตว์เทพกิเลนหลีกทางให้

เยี่ยโยวเหยาโยนกระบี่ในมือทิ้งและเหาะออกไปอย่างรวดเร็ว

ท้องฟ้ายังคงมืดสนิท แสงจันทร์สว่างไสว

เมื่อกระทบกับแสงจันทร์ ใบหน้าซูจิ่นซียิ่งขาวซีดไร้เลือดฝาด

เยี่ยโยวเหยาประคองซูจิ่นซีให้ลุกขึ้นนั่งตัวตรง เขากำลังจะเดินพลังลมปราณเพื่อขับพิษออกจากร่างกายซูจิ่นซี ทว่าด้านหลังพลันมีเสียงของมู่หรงฉีดังขึ้น “โยวอ๋อง ทำไม่ได้นะ”

เยี่ยโยวเหยาหยุดการกระทำในทันที

มู่หรงฉีมาพร้อมกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่า

“แม่นางพิษน้อย! ”

ภายใต้หน้ากากเย็นชาของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าปรากฏความห่วงใย เขารีบเข้ามาตรวจชีพจรซูจิ่นซี

สีหน้าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าเต็มไปด้วยความกังวล มู่หรงฉีเห็นมือจอมวายร้ายไป๋เฉ่าสั่นเทาเล็กน้อยขณะตรวจชีพจรให้ซูจิ่นซี จึงรีบถามอย่างร้อนใจ “จอมวายร้าย อาการเป็นเช่นไร? ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าส่ายศีรษะเล็กน้อย “ข้าวินิจฉัยไม่ได้ว่านางถูกพิษอันใด”

“โยวอ๋อง พระชายาถูกพิษอันใดกันแน่? ” มู่หรงฉีหันไปถามเยี่ยโยวเหยา

เยี่ยโยวเหยารู้สึกขุ่นเคืองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเห็นเขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ยิ่งทำให้เยี่ยโยวเหยาเดือดดาลมากขึ้นไปอีก

ทว่าเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าสำคัญกว่า มีความเป็นความตายของซูจิ่นซีเป็นเดิมพัน เขาต้องรอบคอบให้มากที่สุด

ดังนั้นเยี่ยโยวเหยาจึงอดกลั้นระงับโทสะ ตอบคำถามเมื่อครู่ของมู่หรงฉี

“เข็มเหมันต์เทวะ เดิมทีนางใช้พิษนี้รับมือสัตว์เทพกิเลน”

เป็นพิษของซูจิ่นซีเองหรือ?

มู่หรงฉีกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าเคยเห็นพิษของซูจิ่นซีมาบ้างแล้ว แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าพิษของนางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ แม้แต่จอมวายร้ายไป๋เฉ่าก็ดูไม่ออกว่าเป็นพิษอันใด

ตอนนี้ควรทำเช่นไร?

สถานการณ์ของซูจิ่นซีในเวลานี้ไม่ค่อยดีนัก

ขณะที่บุรุษทั้งสามกำลังประสบปัญหา ทันใดนั้นมู่หรงฉีก็พูดขึ้นว่า “บางที ยังมีอีกวิธีหนึ่ง? ”

“วิธีใด? ” เยี่ยโยวเหยากับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าพูดขึ้นพร้อมกัน

มู่หรงฉีมองเข้าไปภายในถ้ำ “ขอถามโยวอ๋อง สาเหตุที่พวกท่านสามารถกำราบสัตว์เทพและออกมาได้นั้น เป็นเพราะเลือดของพระชายาใช่หรือไม่? ”

เยี่ยโยวเหยาพลันนึกอันใดขึ้นมาได้ “รบกวนท่านดูแลนางที! ” จากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปภายในถ้ำอีกครั้ง

คำพูดนี้ แน่นอนว่าเยี่ยโยวเหยาพูดกับมู่หรงฉี แม้พวกเขาทั้งสองจะรู้จักกันได้ไม่นาน ทว่าฉีอ๋องแห่งแคว้นหนานหลีมีชื่อเสียงเลื่องลือ ทั้งเยี่ยโยวเหยายังรู้สึกว่ามู่หรงฉีไม่มีเจตนาร้ายกับซูจิ่นซี อย่างน้อยก็น่าเชื่อถือกว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่า

“เจ้าฉี ดูแลนางที! ”

จอมวายร้ายไป๋เฉ่าตะโกนบอกและหายเข้าไปภายในถ้ำอีกคน

ค่ำคืนดึกสงัด ครั้งนี้มู่หรงฉีเพิ่งได้เห็นใบหน้าของซูจิ่นซีอย่างชัดเจน ใบหน้าที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใกล้เคียงกับตนเอง

เลือดในตัวของซูจิ่นซีสามารถกำราบสัตว์เทพกิเลนได้ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่า ซูจิ่นซีคือสายเลือดของภรรยาเอกแห่งผู้นำสกุลจง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของซูจิ่นซีที่เขาสืบได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ยืนยันได้อย่างหนักแน่นว่า ซูจิ่นซีคือคุณหนูสามแห่งสำนักแพทย์สกุลจงและเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขา

ผ่านไปไม่นาน เยี่ยโยวเหยากับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าก็ออกมาจากถ้ำ ในมือของเยี่ยโยวเหยามีขวดใบหนึ่ง ด้านในบรรจุโลหิตของสัตว์เทพกิเลน

“ใช้อย่างไร? ” เยี่ยโยวเหยาถามมู่หรงฉี

“ให้นางดื่ม”

เยี่ยโยวเหยารีบประคองซูจิ่นซีขึ้นมาและกรอกเลือดกิเลนเข้าไปในปากซูจิ่นซีด้วยความระมัดระวัง

ทันใดนั้น บรรยากาศค่ำคืนที่เงียบสงัดก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น

หากพาซูจิ่นซีออกจากแดนต้องห้ามเพื่อถอนพิษคาดว่าคงไม่ทันการณ์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะหาวิธีถอนพิษได้หรือไม่

การใช้เลือดของกิเลนเพื่อถอนพิษให้ซูจิ่นซี สำหรับพวกเขาแล้วเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น อย่างไรก็ต้องลองใช้วิธีนี้ดูก่อน เพราะมันเป็นเพียงหนทางรอดเดียว

กล่าวได้ว่าวิธีนี้เป็นความหวังสุดท้ายของซูจิ่นซี

จะใช้ได้ผลหรือไม่???

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *