สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 24 708 ท่านลองเดาดูสิ

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 24 708 ท่านลองเดาดูสิ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ได้ยินว่าวรยุทธ์ของฉางอันกงจู่สูงส่งมาก ทั่วทั้งอาณาจักรเทียนเหอ น้อยคนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของนาง

ทว่ามีบางคนที่บอกว่า ตอนที่นางเป็นพระชายาโยวอ๋องแห่งแคว้นจงหนิง ฉางอันกงจู่ไม่มีวรยุทธ์ เรื่องนี้ทุกคนต่างทราบกันดี

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดรู้รายละเอียดเบื้องลึกของซูจิ่นซี

พวกเขาต่างจับตามองจังหวะก้าวเท้าของซูจิ่นซีที่กำลังเดินเข้าใกล้สะพานโซ่มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังตกประหม่าจนเม็ดเหงื่อเย็นเฉียบผุดขึ้นมาบนหน้าผาก และลืมแม้กระทั่งการหายใจ

ทว่าครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเกียรติและศักดิ์ศรีของแคว้นหนานหลี

หากวันนี้ การหารือระหว่างสองแคว้นทำให้แคว้นหนานหลีเสียเกียรติ เมื่อกลับไปยังเมืองเย่หลิน ฮ่องเต้คงไม่จัดการเพียงฉางอันกงจู่ที่ไม่สามารถข้ามสะพานไปได้ แม้แต่ศีรษะของพวกเขาก็อย่าคิดว่าจะรักษาเอาไว้ได้เลย

ทุกคนต่างเฝ้ามองว่า ซูจิ่นซีจะข้ามสะพานเหล็กแล้วตกใจจนหมดแรง หรือนางจะเป็นเหมือนมู่หรงอ้าวเทียนที่ต้องให้คนไปช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม พวกเขาคาดไม่ถึงว่าซูจิ่นซีไม่ได้เหยียบสะพานเหล็กแม้แต่น้อย นางใช้วิชาตัวเบาเหาะข้ามไป

ทุกคนต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แม้แต่เยี่ยโยวเหยาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็มองไปยังร่างของสตรีที่ลอยอยู่บนหน้าผา และเหาะเข้ามาใกล้ตนเองอย่างเชื่องช้า

ระยะทางไกลถึงเพียงนั้น ต่อให้เป็นเยี่ยโยวเหยาเองก็ต้องใช้โซ่เหล็กเพื่อผ่อนแรงหนึ่งหรือสองครั้ง

ทว่าซูจิ่นซีกลับไม่ผ่อนแรงแม้แต่น้อย นางกระโดดเพียงครั้งเดียวก็สามารถตรงเข้ามาหาเขาได้

เห็นได้ชัดว่าพลังภายในของซูจิ่นซีนั้นสูงส่งและแข็งแกร่งกว่าเขาแล้ว

ซูจิ่นซีเหาะลงมาที่ฝั่งตรงข้ามเรียบร้อย ทว่าทุกคนยังคงไม่ได้สติ

บนหน้าผามีเพียงเยี่ยโยวเหยาและจิ้นหนานเฟิงสองคน ทว่าซูจิ่นซีเปิดอาคมกำไลปี่อั้นตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ทางฝั่งนี้ไม่ง่ายดายอย่างที่นางเห็น

ทันทีที่ซูจิ่นซียืนอย่างมั่นคง เสียง ‘พึบผับ’ ก็ดังขึ้น หลานเสวียนหมิงปรากฏออกมาพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่ง และล้อมนางไว้ตรงกลาง

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตางดงามของนางมองไปยังดวงตาดำขลับของเยี่ยโยวเหยาอย่างลึกซึ้ง

“เยี่ยโยวเหยา ท่านหมายความว่าอย่างไร? ”

เยี่ยโยวเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยังไม่ถอยออกไปอีก! ”

หลานเสวียนหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ทว่ายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของกองทัพสกุลหลาน ล้วนชี้อาวุธไปที่ซูจิ่นซี

“ท่านอ๋อง พระชายา ขอประทานอภัย เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่สายเกินแก้ นี่นับเป็นความโชคดี กระหม่อมเพียงทำตามความประสงค์ของปวงประชา”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเยาะเย้ย พลางมองไปที่เยี่ยโยวเหยา

“หึ บอกว่าต้องการหารือเรื่องสำคัญทางการทหาร ที่แท้กลับเป็นกับดักที่ท่านอ๋องทรงจัดเตรียมไว้ หากท่านอ๋องต้องการชีวิตของจิ่นซี เพียงบอกมาคำเดียว เหตุใดต้องเปลืองแรงให้วุ่นวายถึงเพียงนี้”

ดวงตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาทอประกายความเจ็บปวด

“หลานเสวียนหมิง ยังไม่ถอยไปอีก”

หลานเสวียนหมิงเงยหน้าขึ้น

“ท่านอ๋อง ตั้งแต่โบราณกาล ความรักและความงามของสตรีมักก่อให้เกิดหายนะ อย่างไรเสีย นางก็เป็นคนสกุลมู่หรง! ท่านอ๋องทรงลืมไปแล้วหรือว่า ตอนนั้นสกุลมู่หรงสมรู้ร่วมคิดกับสกุลเสวียนหยวนและทรยศต่ออาณาจักรต้าฉินของเราอย่างไร? ”

เยี่ยโยวเหยาก้มศีรษะลงเล็กน้อยโดยไม่พูดสิ่งใด สองมือที่วางอยู่บนเข่าค่อยๆ กำหมัดแน่น

ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “หลานเสวียนหมิง ข้าจะพูดอีกครั้ง ถอยไป! ”

“ท่านอ๋อง… ”

“ถอยไป… ”

หลานเสวียนหมิงกัดฟันกรอด ก่อนจะถอยออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก

ทางด้านหลังของซูจิ่นซี กองทัพสกุลมู่หรงมีอาวุธครบมือ พวกเขาเคาะอาวุธอย่างต่อเนื่องเตรียมพร้อมโจมตี ก่อให้เกิดเสียงดังกังวานและทรงพลัง แสดงถึงความมุ่งมั่นของพวกเขา

“กงจู่ สังหารโยวอ๋อง สังหารโยวอ๋อง! ”

“กงจู่ ไม่อาจลืมความบาดหมางระหว่างสกุลมู่หรงกับราชวงศ์ต้าฉิน สังหารเยี่ยโยวเหยาเสีย เพื่อล้างแค้นให้บรรพบุรุษและทหารของสกุลมู่หรงที่เสียชีวิตไป! ”

“กงจู่ สังหารเยี่ยโยวเหยา ล้างแค้นให้เหล่าบรรพบุรุษ และล้างแค้นให้แก่เหล่าทหารสกุลมู่หรงที่เสียสละชีวิต! ”

เสียงจากด้านหลังดังขึ้นเรื่อยๆ จนก้องไปทั่วภูเขาไป่โถว

ซูจิ่นซีมีท่าทีสงบนิ่ง ไม่รู้ว่านางกำลังครุ่นคิดสิ่งใด นางมองไปที่เยี่ยโยวเหยาอย่างสงบ เยี่ยโยวเหยาก็มองมาที่ซูจิ่นซีอย่างใจเย็นเช่นกัน

ทันใดนั้น หลานเสวียนหมิงก็พูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง พระองค์ทรงทอดพระเนตรแล้ว ต่อให้เราปล่อยสกุลมู่หรงไป ทว่าสกุลมู่หรงจะปล่อยพวกเราหรือ? ความแค้นระหว่างราชวงศ์ต้าฉินกับสกุลมู่หรงนั้น เป็นความแค้นที่ต้องชำระด้วยเลือด ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรองให้ดี! ”

เมื่อเห็นว่าเยี่ยโยวเหยาไม่พูดสิ่งใด หลานเสวียนหมิงจึงพูดกับซูจิ่นซีอีกครั้ง “พระชายา กระหม่อมทราบว่าพระองค์มีความรักต่อท่านอ๋อง ทราบว่าพระองค์เป็นคนดี นอกจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับสกุลมู่หรงแล้ว ระหว่างทั้งสองพระองค์ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก ทว่าสายเลือดยังคงอยู่ ราวกับความแค้นและความเกลียดชังที่แทรกซึมลึกลงไปในกระดูก ทรงปลดปล่อยท่านอ๋องและปลดปล่อยพระองค์เองเถิด! ”

ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยายังคงมองกันและกันอย่างสงบโดยไม่พูดสิ่งใด

หลานเสวียนหมิงนำทุกคนคุกเข่าลงบนพื้น

“พระชายา วันนี้ แม้ท่านอ๋องจะสังหารกระหม่อม ทว่ากระหม่อมยังต้องบังอาจห้ามปรามพระชายา เรื่องราวบางอย่างเป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ต้น พระองค์ทรงปล่อยท่านอ๋องไปเถิด! ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก เผยรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต้องเจ็บปวดใจ นางถามเยี่ยโยวเหยาว่า

“ท่านอ๋อง ท่านว่าอย่างไร? ระหว่างพวกเราคืออันใด? ท่านว่า… ข้าควรปล่อยท่านไปหรือไม่! ”

ดวงตาสงบนิ่งและเย็นชาของเยี่ยโยวเหยาสั่นไหวเล็กน้อย เขากำลังจะเอ่ยปาก ทว่าขณะที่ซูจิ่นซีคิดว่าเขาต้องการพูดบางอย่างนั้น เขากลับปิดปากเงียบและไม่พูดสิ่งใด

รอยยิ้มที่มุมปากของซูจิ่นซีกลายเป็นรอยยิ้มเยาะ นางเหลือบมองหลานเสวียนหมิงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างเย็นชา

“แม่ทัพใหญ่หลาน ผู้ใดบอกว่านอกจากความสัมพันธ์ทางสายเลือดแล้ว สกุลมู่หรงกับข้าหาได้มีความสัมพันธ์อื่นใดอีก? ตอนนี้ข้าคือฉางอันกงจู่แห่งแคว้นหนานหลี ไม่เช่นนั้น วันนี้ข้าจะยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้าจะมาหารือเรื่องทางการทหารกับโยวอ๋องได้อย่างไร? ”

ซูจิ่นซีกล่าวด้วยเสียงอันดัง

ไม่เพียงหลานเสวียนหมิงและกองทัพสกุลหลานเท่านั้นที่ได้ยิน ทว่ากองทัพของสกุลมู่หรงที่อยู่อีกด้านของสะพานก็ได้ยินเช่นกัน

ขณะนั้น เสียงโดยรอบพลันเงียบสงัด ทั่วทั้งภูเขาไป่โถวตกอยู่ในความเงียบอันน่ากลัว

ท่ามกลางความเงียบนั้นไม่มีเสียงอื่นใด มีเพียงเสียงหายใจที่ชัดเจนของทุกคน

ด้วยเสียงหายใจที่หนักแน่น ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็เดินไปทางซูจิ่นซีอย่างเชื่องช้า

บริเวณโดยรอบพลันไร้ซึ่งลมหายใจ

พวกเขาอยากรู้ว่าโยวอ๋องจะทำอย่างไรกับซูจิ่นซี ดังนั้นจึงเพ่งความสนใจทั้งหมด ทั้งยังไม่กล้าหายใจแรงเกินไป เพราะเกรงว่าจะพลาดเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้น

อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิด หลังจากเยี่ยโยวเหยาเดินไปหาซูจิ่นซี เขาไม่ได้ทำสิ่งใด นอกจากจับมือของซูจิ่นซีและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยน

“จิ่นซี ที่นี่คือภูเขาไป่โถว! ”

“อืม ข้าทราบแล้ว! ”

“พระอาทิตย์ตกบนภูเขาไป่โถวนั้นงดงามอย่างมาก แต่ไม่อาจเทียบได้กับท้องฟ้าเหนือเรือนชิงโยว เพราะ… ขาดคนผู้หนึ่งที่คอยเคียงข้าง! ”

ซูจิ่นซีตกตะลึงอย่างมาก หัวใจของนางเจ็บปวดราวกับถูกบางอย่างคว้าไว้

“อืม ข้าทราบแล้ว! ”

“ซูจิ่นซี ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทาง

ทางเลือกที่หนึ่ง กลับไปเป็นฉางอันกงจู่แห่งแคว้นหนานหลี ตั้งแต่นี้ต่อไป ระหว่างเจ้ากับข้า ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีก…

อีกทางเลือกหนึ่ง กลับไปกับข้า ข้าจะให้เจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ให้เจ้าได้ปรนนิบัติอยู่ข้างกายข้า แม้จะไม่มีฐานะใดๆ ทว่าข้าจะให้เกียรติ ให้ความสุข และมอบความโปรดปรานแก่เจ้า อย่างที่สตรีใดในใต้หล้าไม่มีทางได้รับ

ข้ารับปากเจ้าว่าชั่วชีวิตนี้ ข้าจะไม่หลอกลวง และจะไม่รับนางสนมอีก จะมีเจ้าเพียงผู้เดียว”

ซูจิ่นซีเม้มริมฝีปากพลางยกยิ้มเล็กน้อย ทว่าแววตาของนางกลับทอประกาย

“เยี่ยโยวเหยา ท่านลองเดาดูสิว่าข้าจะเลือกอย่างไร? ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *