สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 17 495 กำจัดหลักฐานที่ยุ่งยาก

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 17 495 กำจัดหลักฐานที่ยุ่งยาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แม้นางกำนัลผู้นั้นจะเกรงกลัวเพียงใด ทว่านางยังกัดฟันแน่น ไม่ยอมพูดออกมาสักคำ

นอกจากร้องขอให้ไว้ชีวิต ก็ไม่ยอมพูดอันใดอีกเลย

เวลากระชั้นชิดเข้ามา และความอดทนของซูจิ่นซีก็มีขีดจำกัด

ซูจิ่นซีบีบกรามของนางกำนัลผู้นั้นแน่น “นั่นไม่ใช่การร้องขอความเมตตา ต่อให้ข้าอภัยให้เจ้า ทว่าเจ้าต้องพูดเหตุผลที่ข้าควรให้อภัยมิใช่หรือ? ”

กรามของนางกำนัลผู้นั้นแทบถูกซูจิ่นซีบีบจนแตกละเอียด นางน้ำตาไหลพรากไม่หยุด ทว่าไม่กล้าพูดสิ่งใด เอาแต่ส่ายศีรษะ

ทันใดนั้น นางกำนัลที่พอมีอายุอยู่บ้างก็หันไปมองชุดสีฟ้าลายดอกฉุ่ยฮวาที่อยู่ด้านขวามือและขมวดคิ้วเล็กน้อย นางพูดกับนางกำนัลอีกคนหนึ่งว่า

“ชิวเยวี่ย เจ้าดูสิ ไม่รู้ว่าข้ามองผิดไปหรือไม่? เหตุใดข้าถึงคุ้นตาเสื้อผ้าชุดนี้ยิ่งนัก?”

นางกำนัลที่ชื่อชิวเยวี่ยก็ขมวดคิ้วเช่นกัน นางดึงเสื้อผ้าชุดนั้นมาตรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้ง

“พี่หลิวหลี ข้าก็คุ้นตาเช่นกัน เพียงนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ใด”

ต้องทราบว่า สตรีในวังหลวงชื่นชอบการประชันด้านการแต่งองค์ทรงเครื่อง พวกนางกระตือรือร้นกับการใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่มีลวดลายและสีสันฉูดฉาดราวกับผีเสื้อ ไม่มีผู้ใดสวมชุดที่มีสีสันเรียบง่ายสะอาดตาเช่นนี้กระมัง?

ดังนั้น หากผู้ใดสวมชุดเช่นนี้ ก็จะเกิดความแตกต่างและทำให้ผู้คนจดจำได้ง่าย

หลิวหลีกับชิวเยวี่ยขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น แววตาของหลิวหลีก็เปล่งประกาย

“ข้านึกออกแล้ว! ชิวเยวี่ย เจ้าดูสิ สีของดอกไม้บนเสื้อผ้าชุดนี้เหมือนกับภาพในตำหนักฉินเจิ้งหรือไม่? ”

เมื่อหลิวหลีชี้นำความคิดของชิวเยวี่ย จึงทำให้ชิวเยวี่ยนึกออกเช่นกัน

“ถูกต้อง เหมือนมาก! ”

ภาพวาดในตำหนักฉินเจิ้ง?

ภาพวาดอีกแล้ว!

แม้ซูจิ่นซีไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ทว่านางได้ยินคนพูดถึงบ่อยครั้ง

“พวกเจ้ามั่นใจหรือ? ”

ซูจิ่นซีแสดงสีหน้าสงสัยเล็กน้อย

ไม่รู้ว่านางกำนัลที่ชื่อชิวเยวี่ยคิดอันใดได้ นางรีบยกมือบอกปฏิเสธ

“ไม่… ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ ท่านหมอซู พวกเราไม่ได้พูดอันใดเจ้าค่ะ ท่านก็ทำเป็นไม่ได้ยินอันใดเถิด! ”

ซูจิ่นซียิ่งขมวดคิ้วหนักมากขึ้นไปอีก นางพยายามซักถามให้รู้ความ

ชิวเยวี่ยรีบอธิบาย “ท่านหมอซู บ่าวขอร้อง ท่านเป็นคนดี จิตใจเมตตา ท่านปล่อยพวกเราสองคนไปเถิด! คิดเสียว่าพวกเราไม่ได้พูดอันใด ท่านก็ไม่ได้ยินอันใดเช่นกัน ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเถิด เรื่องนี้เป็นเรื่องต้องห้ามในวังหลวง หากผู้ใดกล่าวถึงจะมีโทษตัดศีรษะ อีกสองปี ข้ากับหลิวหลีก็จะได้ออกจากวังหลวงแล้ว ยามนี้พวกเราไม่อาจก่อเรื่องได้ ท่านปล่อยพวกเราไปเถิดเจ้าค่ะ! ”

ซูจิ่นซีหันไปมองหลิวหลี

แรกเริ่ม หลิวหลีได้ยินคำพูดของชิวเยวี่ยก็เป็นกังวลเล็กน้อย ทว่านางถูกสายตาของซูจิ่นซีจ้องมอง จึงรวบรวมความกล้าดึงแขนซูจิ่นซี

“เป็นเรื่องใหญ่มากเจ้าค่ะ! ต่อให้เป็นคำพูดต้องห้ามในวังหลวง ทว่ายังมีคนในวังแอบพูดลับหลังเช่นกัน! ยิ่งไปกว่านั้น มีบางคนวางแผนจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ทำร้ายแม่นางซู ไม่มีอันใด แม่นางอย่าได้ใส่ใจเลยเจ้าค่ะ”

ชิวเยวี่ยหวาดกลัวจนมือไม้สั่น นางรีบเข้าไปปิดปากหลิวหลี

“พี่หลิวหลี พี่อยากตายหรือ? พี่ฉางซุ่นยังรอคอยพี่อยู่นอกวัง! ต่อให้พี่ไม่นึกถึงตนเอง พี่ก็ควรนึกถึงพี่ฉางซุ่นบ้าง เขาเฝ้ารอพี่เพียงผู้เดียว รอพี่มานานแรมปี”

ในเมื่อพูดเช่นนี้ ซูจิ่นซีจะพูดอันใดได้อีก?

สิ่งที่ควรรู้ ซูจิ่นซีก็ได้รู้แล้ว

ซูจิ่นซีตีนางกำนัลที่นั่งคุกเข่าจนหมดสติไป

“เรื่องนี้ข้ามีแผนการอยู่ในใจแล้ว พวกเจ้าทั้งสองวางใจ วันนี้ข้าไม่ได้ยินอันใดทั้งสิ้น และพวกเจ้าก็ไม่ได้พูดอันใดเช่นกัน พวกเจ้าไปหาชุดอื่นมาให้ข้าเถิด! อย่าปล่อยให้ท่านอ๋องและผู้อื่นต้องรอด้วยความกังวล”

ส่วนนางกำนัลที่ถูกตีจนสลบ นางมีเจตนาต้องการให้ซูจิ่นซีสวมชุดที่เหมือนกับภาพในตำหนักฉินเจิ้ง ไม่รู้ว่านางมีแผนการอันใด ทั้งซูจิ่นซีก็ไม่ต้องการสืบหาความจริงให้มากนัก

ในเมื่อมีคนลอบทำร้ายนางลับหลัง นางก็ควรระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ เตรียมการป้องกันไว้

ชิวเยวี่ยกับหลิวหลีหาชุดที่มีสีพื้นและไม่ฉูดฉาดได้อย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซีรีบเปลี่ยนชุดและเดินตามชิวเยวี่ยกับหลิวหลีไปยังสวนดอกไม้ ก่อนเดินออกไป ซูจิ่นซีได้ให้ยาหนึ่งเม็ดแก่นางกำนัลที่หมดสติ

เป็นยาลบความทรงจำ

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีคงคาดไม่ถึงเป็นแน่ หลังจากที่นางเดินเลี้ยวลับสายตาไปจากลานด้านนอก นางกำนัลข้างกายหลิงเซียวจวิ้นจู่ซึ่งสะกดรอยตามมาตลอดทาง ก็เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสตรี และประคองนางกำนัลที่หมดสติขึ้นมา

นางตบไปที่ด้านหลังของนางกำนัลผู้นั้นสองครั้ง ทำให้ยาเม็ดที่ติดอยู่บริเวณลำคอและยังไม่ทันได้กลืนลงไป กระเด็นออกมา

นางกำนัลผู้นั้นเห็นว่าคนที่มาคือนางกำนัลข้างกายหลิงเซียวจวิ้นจู่ จึงรีบคำนับด้วยความนอบน้อม “บ่าวฉ่ายเยวี่ย คำนับหลิงกูกู”

หลิงเซียวจวิ้นจู่ประทานแซ่ให้นางกำนัลข้างกายตนเอง โดยใช้คำแรกในพระยศของนาง

หลิงกูกูยกมือขึ้น แววตาเผยความเย็นชา “พวกเจ้าทำได้ดีมาก จวิ้นจู่ต้องตกรางวัลให้พวกเจ้าอย่างงาม”

ฉ่ายเยวี่ยแย้มยิ้มอย่างดีใจ พลางคำนับด้วยความตื่นเต้น

“ขอบพระทัยจวิ้นจู่ หลิงกูกู ขอบพระทัยจวิ้นจู่ หลิงกูกู! ”

หลิงกูกูผู้นั้นไม่ชายตามองฉ่ายเยวี่ยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำแววตาของนางยังปรากฏความเหยียดหยาม

“พอได้แล้ว ก่อนหน้านี้จวิ้นจู่ประทานปิ่นปักผมให้เจ้าใช่หรือไม่? ”

ฉ่ายเยวี่ยตกตะลึงเล็กน้อย ทว่านางนึกไม่ออกว่าหลิงกูกูพูดถึงปิ่นปักผมที่จวิ้นจู่ประทานให้นางก่อนหน้านี้ทำไม

“ยังอยู่เจ้าค่ะ! สิ่งของที่จวิ้นจู่ประทานให้ บ่าวไม่กล้านำออกมาใช้ และไม่กล้านำไปขาย ทำได้เพียงเก็บไว้ข้างกายตลอดเวลาเจ้าค่ะ”

“เอามา จวิ้นจู่นึกขึ้นได้ว่าต้องการใช้งานปิ่นปักผมนั้น จึงสั่งให้ข้านำเงินมาแลกกับเจ้า”

หลิงกูกูพูดพลางยื่นเงินตำลึงแวววาวจำนวนหนึ่งออกมา

เมื่อฉ่ายเยวี่ยเห็น แววตาพลันเปล่งประกาย สิ่งนี้มีประโยชน์มากกว่าปิ่นปักผมที่นางใส่ไม่ได้ กินไม่ได้ ทั้งนำไปแลกเป็นเงินก็ไม่ได้

นางรีบพยักหน้าตอบตกลง “เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ บ่าวจะไปหยิบมาเจ้าค่ะ! ”

ฉ่ายเยวี่ยพูดพลางเดินไปหยิบปิ่นปักผมในห้องของตนเอง พลางแย้มยิ้มด้วยความสุขใจ

“เป็นกูกูที่มีความคิดรอบคอบ รู้ว่าคนแซ่ซูไม่ใช่ผู้ที่หลงกลอันใดโดยง่าย จึงให้บ่าวดึงความสนใจจากนาง และให้ชิวเยวี่ยกับหลิวหลีร่วมมือกันแสดงละครตบตาเพื่อจะได้เข้าใกล้นาง ทั้งยังผ่อนคลายความระแวดระวังของนาง จนทำให้นางสวมชุดกว่างหานนั้นได้”

ที่แท้ฉ่ายเยวี่ยเป็นเพียงแผนตบตา ผู้ที่ลงมือตามแผนร้ายนี้คือชิวเยวี่ยกับหลิวหลีที่แสร้งทำเป็นคนดี ทว่าภายในใจกลับเป็นดั่งงูพิษ

โชคดีที่ชิวเยวี่ยกับหลิวหลีแสดงละครได้สมบทบาท คนหนึ่งแสดงเป็นคนขี้ขลาด อีกคนแสดงเป็นคนใจกล้า ทำราวกับเป็นเรื่องจริง

จิตใจของสตรีในวังหลวงช่างซับซ้อนยิ่งนัก ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีมองออกหรือไม่

หากนางไม่ทันสังเกตเห็นและสวมชุดกว่างหานไปปรากฏตัวที่สวนดอกไม้ ต้องเกิดเรื่องยุ่งยากครั้งใหญ่เป็นแน่

เดิมทีฉ่ายเยวี่ยเป็นนางกำนัลประจำห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่แล้ว ที่พักของนางจึงอยู่ไม่ไกลนัก ผ่านไปไม่นาน นางก็หยิบปิ่นปักผมมาคืนให้หลิงกูกูด้วยความนอบน้อม

เมื่อปิ่นปักผมถึงมือหลิงกูกู ฉ่ายเยวี่ยกำลังจะเงยหน้าขึ้น ทว่านางกลับถูกตีจนสลบ ภาพเบื้องหน้าพลันมืดสนิท

หลิงกูกูเผยแววตาชั่วร้าย นางประคองร่างของฉ่ายเยวี่ยลงบนพื้น จากนั้นจึงยัดเม็ดยาลูกกลอนสีดำสนิทเข้าไปในปากของฉ่ายเยวี่ย

แม้ยาเม็ดนี้จะมีลักษณะคล้ายยาเม็ดที่ซูจิ่นซีใส่เข้าไปในปากของฉ่ายเยวี่ยก่อนหน้านี้ ทว่าฤทธิ์ยากลับให้ผลตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

ยาเม็ดของซูจิ่นซีเป็นเพียงยาลบความทรงจำระยะสั้นเท่านั้น ไม่ถึงแก่ชีวิต ทว่ายาเม็ดของหลิงกูกูเป็นยาพิษที่ทำให้ถึงตาย

ฉ่ายเยวี่ยที่น่าสงสาร ก่อนตายยังไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น การหลับใหลในครั้งนี้ นางไม่อาจตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว

สาเหตุที่หลิงกูกูทุ่มแรงเสียเวลาเพื่อช่วยให้ฉ่ายเยวี่ยฟื้นทั้งยังพูดกับนางไปมากมาย เพราะต้องการปิ่นปักผมอันนั้นของหลิงเซียวจวิ้นจู่

คนบางคนต้องจัดการอย่างสะอาดหมดจดหลังจากใช้งานแล้ว รวมถึงหลักฐานบางอย่างที่หลงเหลืออยู่ ไม่เช่นนั้น หากทิ้งหลักฐานไว้ อาจทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *