สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 12 332 ความลับ

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 12 332 ความลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ระบบถอนพิษตรวจพบสมุนไพรเชียนเหนียนเจี้ยนกับสือชีจ่งนานแล้ว ส่วนกลไกนั้น ซูจิ่นซีอาศัยอาคมกำไลปี่อั้นฟังเสียงของกลไกจนพบตำแหน่งและเปิดมันออก

ทว่าสิ่งเหล่านี้ นางไม่มีทางบอกจอมวายร้ายไป๋เฉ่าแน่นอน

“เรื่องนี้เป็นความลับ! ”

ซูจิ่นซีตั้งใจพูดเสียงดังให้จงจิงเฉินได้ยิน

จงจิงเฉินมีท่าทีงุนงง เขาอดมองไปบนภูเขาไม่ได้ ทว่ายังคงไร้ร่องรอยของหนานกงหว่านเอ๋อร์

ขณะนี้เวลาผ่านไปสองก้านธูปแล้ว นับได้ว่าเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม

หากซูจิ่นซีพบสมุนไพรเชียนเหนียนเจี้ยนกับสือชีจ่งจริงๆ แสดงว่านางใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

เป็นไปไม่ได้!

สตรีที่อยู่เบื้องหน้ายังเป็นซูจิ่นซี ศิษย์น้องเล็กปัญญาทึบคนนั้นหรือไม่?

จงจิงเฉินรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

“สมุนไพรเชียนเหนียนเจี้ยนกับสือชีจ่งอยู่ข้างในหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง? ” จงจิงเฉินมองซูจิ่นซีอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

“ข้าก็ไม่เชื่อเช่นกัน เช่นนั้น… เข้าไปดูพร้อมกันเป็นเช่นไร? ”

ซูจิ่นซียกยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะหันไปสั่งผู้ดูแลของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าราวกับสั่งบ่าวรับใช้ของตนเองว่า “นำคบเพลิงหรือแท่งจุดไฟมา”

ผู้ดูแลไม่รอคำสั่งจากจอมวายร้ายไป๋เฉ่า เขารีบไปหยิบสิ่งของที่ให้แสงสว่างทันที ผ่านไปไม่นานก็นำไข่มุกราตรีมา ทว่าจอมวายร้ายไป๋เฉ่ากลับไม่มีความคิดเห็นอันใด

หยิบของล้ำค่าอย่างไข่มุกราตรีเพียงเพื่อสร้างแสงสว่างเท่านั้นหรือ?

ซูจิ่นซีนึกตำหนิความฟุ่มเฟือยอยู่ในใจ นางรับไข่มุกราตรีมาไว้ในมือ เตรียมเดินเข้าไปในเส้นทางลับ

เยี่ยโยวเหยาลุกขึ้นเดินเข้าไปขว้ามือของซูจิ่นซี และเดินนำด้านหน้านาง

เยี่ยโยวเหยาเป็นคนพูดน้อย ทว่าชอบกระทำมากกว่า ตราบใดที่มีเขาอยู่ เขาไม่มีทางปล่อยให้ซูจิ่นซีต้องเผชิญอันตรายเพียงลำพัง

ในใจซูจิ่นซียังคงรู้สึกกระอักกระอ่วนจากคำพูดของหนานกงหว่านเอ๋อร์ก่อนหน้านี้ มิหนำซ้ำเมื่อครู่ตอนกำลังดื่มชา นางยังทำบึ้งตึงต่อเยี่ยโยวเหยาอีกด้วย ทว่าในเวลานี้ มือของนางกลับถูกมืออันทรงพลังของเยี่ยโยวเหยาจับไว้แน่น นางมองแผ่นหลังแข็งแกร่งและท่วงท่าน่ายำเกรงของเขา ภายในใจกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย

ซูจิ่นซีเดินตามเยี่ยโยวเหยาอย่างรู้สึกวางใจและไม่คิดอันใดอีก

นี่เป็นสถานที่ของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า แน่นอนว่าเขาต้องเข้ามาด้วย จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเดินตามด้านหลังซูจิ่นซี จงจิงเฉินอดหันไปมองทางภูเขาอีกครั้งไม่ได้ ทว่ายังคงไม่เห็นเงาของหนานกงหว่านเอ๋อร์เช่นเดิม จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในเส้นทางลับตามจอมวายร้ายไป๋เฉ่า

แท้จริงแล้ว ที่นี่เป็นเพียงคลังเก็บยาสมุนไพรธรรมดา เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงสมุนไพรที่ชอบความมืด

ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็เดินมาถึงพื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง

ด้านในมีชั้นวางกระถางปลูกสมุนไพรจำนวนมาก ทั้งยังสร้างแปลงปลูกสมุนไพรพร้อมกับทำร่องน้ำอีกด้วย ผนังกำแพงทั้งสี่ด้านฝังมุกราตรีไว้จำนวนมาก ทำให้พื้นที่โล่งกว้างนั้นสว่างไสวเหมือนด้านนอก

ซูจิ่นซีไม่ได้สนใจสมุนไพรล้ำค่าจำนวนมากเหล่านั้น นางสนใจรูปแบบการปลูกสร้างและไข่มุกราตรีที่ให้ความสว่าง

จากการคาดเดาของนาง หากต้องการสร้างโครงสร้างใต้ดินที่กว้างใหญ่เช่นนี้ คนธรรมดาไม่มีทางทำได้แน่นอน อีกทั้งสิ่งของล้ำค่าอย่างไข่มุกราตรี ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปในยุคสมัยนี้จะหามาครอบครองได้

นี่เป็นสิ่งของล้ำค่าที่มีราคาแพงมาก!

งานเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพขององค์ไทเฮา ไท่จื่อเยี่ยเซินยังประทานไข่มุกราตรีเป็นของขวัญเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น

เหตุใดจอมวายร้ายไป๋เฉ่าถึงมีมากมายเช่นนี้

ร่ำรวยมาก!

ฟุ่มเฟือยที่สุด!

ทว่าดูเหมือนซูจิ่นซีจะละเลยบุคคลสำคัญผู้หนึ่งไป

“หากเจ้าชื่นชอบ กลับไปข้าจะมอบให้หนึ่งกองโต! ” จู่ๆ เยี่ยโยวเหยาก็พูดขึ้น

หนึ่งกอง?

นั่นมีจำนวนเท่าไร?

ซูจิ่นซีหันหลังกลับไปมองหน้าเยี่ยโยวเหยา

นางพบว่า หลังจากเยี่ยโยวเหยาพูดจบ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังอีกครั้ง ทั้งใบหน้ายังไม่ปรากฏร่องรอยใดๆ

แม้ไม่สามารถคำนวณได้ว่าหนึ่งกองมีจำนวนเท่าไรกันแน่ ทว่าซูจิ่นซีเชื่ออย่างสนิทใจ ด้วยอุปนิสัยของเยี่ยโยวเหยาแล้ว เขาต้องเกทับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าให้ตายสนิท ดังนั้นไม่มีทางให้น้อยไปกว่าไข่มุกราตรีที่อยู่เบื้องหน้าแน่นอน

ซูจิ่นซีนึกประหลาดใจ จากนั้นจึงยกยิ้มมุมปากแก้เขิน “แหะ แหะ เยี่ยโยวเหยา ที่จริงไม่ต้องก็ได้เพคะ สิ่งของเหล่านี้เสวยไม่ได้ สวมใส่ไม่ได้ หม่อมฉันไม่ชอบเพคะ”

เยี่ยโยวเหยาแสดงสีหน้าจริงจังไม่พูดอันใด ซูจิ่นซีคุ้นเคยกับท่าทางเช่นนี้ของเยี่ยโยวเหยานานแล้ว จึงไม่รู้สึกอึดอัด เพียงทำเรื่องสำคัญตรงหน้าต่อ

แม้ซูจิ่นซีจะไม่เคยเห็นเชียนเหนียนเจี้ยนกับสือชีจ่ง ทว่าระบบถอนพิษรู้ดี!

ซูจิ่นซีค่อยๆ เดินไปตามทิศทางการแจ้งเตือนของระบบถอนพิษ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงแปลงปลูกสมุนไพรแปลงหนึ่ง นางชี้ไปที่สมุนไพรพืชอวบน้ำสีแดงที่อยู่บนพื้น และตั้งใจพูดให้จงจิงเฉินได้ยินว่า “ต้นนี้ก็คือเชียนเหนียนเจี้ยน”

แม้จงจิงเฉินจะมีทักษะทางการแพทย์ไม่เลว ทว่าเขายังมีประสบการณ์น้อย! สมุนไพรอย่างเชียนเหนียนเจี้ยน เขาไม่เคยเห็นจริงๆ

เมื่อถูกซูจิ่นซีตั้งใจสั่งสอนเช่นนี้ จงจิงเฉินจึงมีสีหน้าอึดอัด ทว่าขณะเดียวกันก็รู้สึกประหลาดใจจนไม่สามารถปกปิดไว้ได้

แม้แต่เขาเองยังไม่รู้ว่าเชียนเหนียนเจี้ยนมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร แล้วนางรู้ได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม แม้จงจิงเฉินจะรู้สึกประหลาดใจ ทว่ายังต้องตีหน้าตนเองให้บวม [1]

“ต้นสมุนไพรเชียนเหนียนเจี้ยน ดอกเหมือนดอกบัว ทว่ากลีบจะสวยและอิ่มน้ำกว่า ทั้งยังมีสีแดง เจริญเติบโตในสถานที่มิดชิดและมืด”

ซูจิ่นซีตั้งใจพูดอธิบายเกี่ยวกับสมุนไพรเชียนเหนียนเจี้ยนที่นางเพิ่งเรียนรู้มาจากภาพในบันทึกการแพทย์ ก่อนที่จะมาเยือนหุบเขาเทพโอสถ

นางแย้มยิ้มแปลกประหลาดให้จงจิงเฉิน

รอยยิ้มนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นรอยยิ้มเยาะ ทว่าอีกครึ่งหนึ่งทำให้ผู้คนไม่รู้ว่านางกำลังคิดอันใด จงจิงเฉินรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย

“เช่นนั้นท่านลองพูดมาเถิด สถานที่แห่งนี้มีสมุนไพรมากมาย ต้นไหนคือสือชีจ่ง? ”

บัดซบ ให้เจ้าย่ามใจไปก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะบีบเจ้าให้ตาย!

ซูจิ่นซีแย้มยิ้มอย่างมีเลศนัย แววตาลุกวาว

ทันใดนั้น ภายในใจจงจิงเฉินก็ปรากฏความรู้สึกหวาดกลัวและตกตะลึง

แม้เขาจะเคยเห็นภาพสมุนไพรมาแล้ว แต่เป็นเพียงการแยกแยะว่าสมุนไพรของหุบเขาเทพโอสถเป็นของจริงหรือไม่เท่านั้น ครั้งนี้ให้เขาหาสมุนไพรเอง จึงมีความยากอยู่บ้าง

“ตกลง! ”

จงจิงเฉินยังคงวางมาดต่อไป เขาหันไปค้นหาบริเวณแปลงปลูกสมุนไพร กระถางสมุนไพร และชั้นวางสมุนไพร

จงจิงเฉินพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดทีละต้น เพื่อให้ผู้คนมองว่าบุรุษผู้นี้มีความละเอียดรอบคอบ

ทว่าน่าเสียดาย บางครั้งยิ่งละเอียดรอบคอบมากเท่าใด ยิ่งละเลยจุดสำคัญได้ง่ายมากขึ้น

สุดท้ายจงจิงเฉินก็เด็ดพืชชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างของกลีบดอกคล้ายกล่องขึ้นมาจากกระถางสมุนไพร เขาชูขึ้นสูงพลางยกยิ้มอย่างลำพองใจให้ซูจิ่นซี

“ศิษย์น้องเล็ก หากเจ้าคิดจะทดสอบศิษย์พี่อย่างข้า คิดกลั่นแกล้งศิษย์พี่ คงไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด! ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปาก มองจงจิงเฉินด้วยสายตาราวกับมองคนโง่ จากนั้นจึงเดินไปยังชั้นวางสมุนไพรที่อยู่ด้านข้าง นางหยิบสมุนไพรกำหนึ่งขึ้นมาจากในหีบและชูขึ้นให้จงจิงเฉินดู

“สมุนไพรตัวนี้ต่างหากที่เป็นสือชีจ่ง แม้สมุนไพรในมือของท่านจะมีรูปร่างเหมือนกับสือชีจ่ง ทว่าสมุนไพรตัวนั้นคือกูซูป๋อ สรรพคุณทางยาและคุณสมบัติยาต่างจากสือชีจ่งมาก”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจงจิงเฉินค่อยๆ เลือนหายไป เขาเดินไปยังเบื้องหน้าซูจิ่นซีเพื่อมองสมุนไพรในมือของนาง แม้สมุนไพรนั้นจะถูกอบจนแห้ง ทว่าลักษณะเหมือนกับสมุนไพรในมือของตนยิ่งนัก

เช่นนั้นสมุนไพรของผู้ใดเป็นสือชีจ่งของจริงกันแน่?

จงจิงเฉินอดหันไปมองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่ได้

……

เชิงอรรถ

[1] ตีหน้าตนเองให้บวม สุภาษิตจีนคือ ‘ต่าจ๋งเหลี่ยนชงพั่งจื่อ’ ความหมายตามตัวอักษรอธิบายว่า ตีหน้าตนเองให้บวม เพื่อให้ตนเองดูอ้วน ดูดีมีฐานะ มีอันจะกิน หรือการทำอะไรที่เกินความสามารถ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีตนเองไว้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *