สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 35 1028 พานางไป พานางไป

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 35 1028 พานางไป พานางไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เสวียนชิงเห็นซูจิ่นซีอ่อนแอจริงๆ คงยืนหยัดอยู่ได้ไม่นานนัก จึงไม่เสียเวลาอีกต่อไป

“ข้าพูดถึงขั้นนี้แล้ว ยังต้องการให้ข้าแสดงจุดยืนอย่างไรอีก? ในใจของทุกคนในตอนนี้ชัดเจนอยู่แล้วมิใช่หรือ? โยวเหยาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักจากเจ้าสำนักอวี้หยางด้วยตนเอง และเขาก็เป็นคนที่เจ้าสำนักอวี้หยาง ข้า ทั้งยังมีผู้อาวุโสเฉาเซิงอบรมเลี้ยงดูและฝึกฝนมาด้วยตนเอง ใครก็สามารถทรยศสำนักกระบี่คุนหลุนได้ ทว่าโยวเหยาไม่มีทางกระทำได้เด็ดขาด! เพราะว่า… เขาคุนหลุนมีพระคุณต่อเขามากเหลือล้น! ”

“ข้าเชื่อใจศิษย์พี่เยี่ย! ”

“ข้าก็เชื่อใจศิษย์พี่เยี่ยด้วย! ”

“ข้าก็เชื่อด้วย! ”

“ข้าก็เชื่อด้วย! ”

“ข้าเชื่อ! ”

……

เมื่อเห็นว่าทิศทางลมเปลี่ยนไป ตงหลิงหวง มู่หรงฉี มู่หรงอวิ๋นไห่ จงซีจือ และคนอื่นๆ ก็แสดงสีหน้าโล่งใจ

อวิ๋นจิ่นซึ่งประคองซูจิ่นซีมาตลอด พูดน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ผู้อาวุโสเสวียนชิง เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องที่เหลือขอมอบให้ท่านจัดการต่อ ข้าน้อยขอประคองพระชายาเข้าไปด้านในก่อน”

“ตกลง ระมัดระวังด้วย! ”

“อืม! ”

เดิมคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงได้ด้วยดีแล้ว กลับไม่คาดคิดว่า ขณะที่อวิ๋นจิ่นประคองซูจิ่นซีหันหลังกลับ ชิงอวิ๋นจื่อที่อยู่ระยะไกลจะปีนขึ้นมาอีกครั้ง

“ข้าก็เชื่อว่าศิษย์พี่เยี่ยเป็นผู้บริสุทธิ์ ทว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับศิษย์พี่เยี่ย ทุกท่านอย่าลืม วันนั้นคุณชายจิ่วแห่งสำนักแพทย์เทียนอีสมรู้ร่วมคิดกับคนแคว้นไหวเจียง บุกเข้ามาบนเขาคุนหลุน แค้นครั้งนี้ต้องชำระให้ได้! ”

ผู้คนจำนวนมากต่างตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นก็แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ทันที ทุกคนถูกดึงกลับเข้าสู่ประเด็นหลัก จะว่าไปแล้ว แม้จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเยี่ยโยวเหยาได้ ทว่าปัญหาหลักยังไม่ได้แก้ไข

“ใช่ แค้นนองเลือดครั้งนี้ ต้องชำระแค้นนี้ให้ได้”

“หากไม่แก้แค้น พวกเรายังคู่ควรเป็นศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนอีกหรือ? ”

“ใช่ แค้นนองเลือดครั้งนี้ต้องชำระให้ได้! ”

……

ชิงอวิ๋นจื่อขยิบตาให้กลุ่มคนที่ปะปนในกลุ่มลูกศิษย์ จู่ๆ ก็มีคนกระโดดขึ้นและตะโกนเสียงดังว่า “ซูจิ่นซี เจ้าไปไม่ได้! จิ่วหรงบุกเข้ามาในสำนักกระบี่คุนหลุน แม้ครั้งนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับศิษย์พี่เยี่ย ทว่าเจ้าเป็นศิษย์สำนักแพทย์เทียนอี เจ้าต้องอธิบายให้ศิษย์ทุกคน”

“ใช่ เจ้าต้องมีคำอธิบายให้กับทุกคน! ”

“ต้องมีคำอธิบายให้ทุกคน! ”

“ซูจิ่นซี ต้องมีคำอธิบายให้ทุกคน! ”

“ต้องมีคำอธิบายให้ทุกคน! ”

ซูจิ่นซีทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว นางสัมผัสได้ถึงพละกำลังภายในร่างกายของนางค่อยๆ ไหลออกราวกับสายน้ำ ทารกในครรภ์เริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ

นางเป็นเพียงสตรี

เพราะเหตุใด

เพราะเหตุใดคนพวกนี้ถึงข่มเหงนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า?

จะต้องบีบบังคับให้นางถึงทางตันก่อนจึงจะรามือใช่หรือไม่?

ซูจิ่นซีรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว แววตาอวิ๋นจิ่นเฉียบคม เขาวางแขนลงบนฝ่ามือของซูจิ่นซีได้ทันเวลา มือของนางกำแน่นบนข้อมือของอวิ๋นจิ่น

ทว่าซูจิ่นซีกลับ กำแน่น กำแน่น กำแน่นขึ้นอีก จนกระทั่งหลังมือของอวิ๋นจิ่นมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย

ทว่าดูเหมือนอวิ๋นจิ่นไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ดวงตาที่เต็มไปด้วยแสงแห่งความทุกข์ใจมองใบหน้าซูจิ่นซีตลอดเวลา และอารมณ์ที่ซับซ้อนทุกรูปแบบก็ปกปิดไว้อย่างดีภายในดวงตาของเขา ทว่าส่วนมากจะเป็นความสำนึกผิด

เจ้าเป็นเพียงสตรีบอบบาง เหตุใดเจ้าถึงต้องแบกรับมากมายถึงเพียงนี้

เขาเกลียด เกลียดมากจริงๆ !

ทุกครั้งที่เขาเห็นซูจิ่นซีอยู่ภายใต้แรงกดดันต่างๆ นานา ดิ้นรนฝ่าฟันความเป็นความตาย เขาแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกร่างตนเอง และกลับไปที่กงล้อแห่งโชคชะตานพคุณหลิงหลงอีกครั้ง

เขาเกลียดตนเองที่มีสัญญาจากชาติภพก่อน แต่กลับไม่สามารถพบซูจิ่นซีก่อนในชาติภพนี้

หากย้อนเวลากลับไปได้ หากเขาพบนางก่อน เขาจะไม่มีวันปล่อยให้นางประสบปัญหาทุกข์ใจทางโลกมากมายเช่นนี้ เขายอมอยู่กับนางที่หุบเขาเทียนอีไปตลอดชีวิต และเร้นกายต่อสรรพสิ่งในโลกทุกชาติภพ

มีเสียงดังก้องภายในใจ ร้องเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ‘พานางไป พานางไป พานางไป! ’ บัดนี้รวบรวมธาตุอมฤตทั้งห้าได้ครบถ้วนแล้ว สาเหตุที่เขาเสียเวลาอยู่กับทุกคนที่นี่ก็เพราะติดตามซูจิ่นซี ทว่าเขาสามารถพาซูจิ่นซีกลับไปที่สำนักแพทย์เทียนอีได้ตลอดเวลา เพื่อผนึกดวงจิตวิญญาณของนางให้สมบูรณ์

พานางไป พานางไป พานางไป!

เสียงภายในก้นบึ้งหัวใจของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ การตัดสินใจของอวิ๋นจิ่นยิ่งหนักแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขากำลังจะลงมือ ซูจิ่นซีก็หันกลับมา…

ดวงตาคู่สวยของนางเย็นยะเยือก แววตาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก

ทุกคนต่างนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าบางคนแสดงถึงความหวาดกลัว

สายตาที่น่าสะพรึงกลัวของซูจิ่นซีมองไปที่ใบหน้าของทุกคน

“เจ้าบอกว่า จิ่วหรงแห่งสำนักแพทย์เทียนอีสมรู้ร่วมคิดกับคนแคว้นไหวเจียงบุกเข้ามาที่สำนักกระบี่คุนหลุน ผู้ใดเห็นหรือ? ”

“…”

พวกเขาไม่เคยเห็นท่าทีที่น่าสะพรึงกลัวของซูจิ่นซีเช่นนี้มาก่อน เหมือนนางจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ชั่วพริบตาเดียวก็เปลี่ยนไปจนน่าหวาดกลัวกว่าปีศาจแห่งขุมนรก

ซูจิ่นซีไม่รอคำตอบของทุกคน นางค่อยๆ เดินลงบันได

ก่อนจะย้ำอีกครั้งว่า “ผู้ใดเห็นหรือ? ”

“…”

“หูหนวกเป็นใบ้กันหมดแล้วหรือ? เมื่อครู่ทุกคนยังส่งเสียงกันสะเทือนเลื่อนลั่น เหตุใดตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าพูดแล้วเล่า? ”

“…”

“ผู้ใดเห็นหรือ? เดินออกมา! ”

น้ำเสียงของซูจิ่นซีเย็นชาสุดขีด นางเน้นคำพูดประโยคสุดท้ายอย่างหนักหน่วง ทุกคนตกใจจนตัวสั่นสะท้านและถอยกลับไปสองก้าว เห็นได้ชัดว่าเหลือเพียงเจ็ดแปดคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าอย่างโดดเดี่ยว

รอจนพวกเขาตั้งสติได้และต้องการถอยหลังไปเช่นกัน ทว่าสายเกินไปแล้ว

ซูจิ่นซีเดินไปหาพวกเขา แววตาลึกซึ้งยากคาดเดามองพวกเขาทีละคนอีกครั้ง และยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าคนแรก

เห็นได้ชัดว่าร่างกายของนางเล็กเพรียวบางและอ่อนแอ ทว่าไม่ได้ทำให้คนรู้สึกถึงความ ‘อ่อนแอ’ แม้แต่น้อย ในทางกลับกัน กลับเป็นเทพเจ้าที่ส่งพลังกดดันที่มองไม่เห็น แววตาเต็มไปด้วยแสงเยือกเย็นดั่งสระน้ำเย็นไหลวน ทำให้คนไม่กล้าสบสายตา ราวกับว่าหากสบตาจะต้องสลายหายไปในทันที

“เจ้าเห็นหรือ? ” น้ำเสียงเย็นชาสุดขั้ว

ร่างของศิษย์คนนั้นพลันสั่นสะท้าน เขาเหลือบมองไปทางชิงอวิ๋นจื่อ น้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อย “ข้า… ข้าเห็น! ”

“งั้นหรือ? ” ซูจิ่นซีคิ้วกระตุกทันที ศิษย์คนนั้นตัวสั่นเทาและล้มลงคุกเข่ากับพื้นด้วยความตกใจ เม็ดเหงื่อเย็นยะเยือกผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา

“ฮูหยินเจ้าสำนักไว้ชีวิตด้วย! ศิษย์… ศิษย์เห็นไม่ชัดเจนเท่าไรนัก ไม่… ไม่แน่ใจว่าเป็นคุณชายจิ่ว”

“ไม่แน่ใจ เช่นนั้นเจ้ากล้าระบุว่าคนคนนั้นเป็นคุณชายจิ่วแห่งสำนักแพทย์เทียนอีได้อย่างไร? ”

ศิษย์คนนั้นรีบพูดขึ้น “ทว่าลักษณะท่าทางของคนคนนั้นเหมือนคุณชายจิ่วมากจริงๆ สวมชุดขาว เหมือนดั่งเทพเซียน ผมยาว… ”

ศิษย์คนนั้นยังไม่ทันพูดจบ ซูจิ่นซีก็ถีบเขากลิ้งไปกับพื้น “พูดจาเหลวไหล คุณชายจิ่วสูงศักดิ์ดั่งเทพเซียน เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดา กล้าพูดเหลวไหลว่าเหมือนเขา คู่ควรหรือ! ”

ลูกศิษย์คนนั้นหวาดกลัวมากจริงๆ และรีบพูดขึ้นว่า “ใช่ ใช่ ใช่ ศิษย์สายตาเลอะเลือน มองผิดไป มองผิดไป ศิษย์มองผิดเอง ตอนนี้ลองกลับมาทบทวนอย่างละเอียด แม้บุรุษคนนั้นจะสวมชุดสีขาวเหมือนคุณชายจิ่ว ทว่าเขาต่างจากคุณชายจิ่วราวฟ้ากับดิน ไม่มีความเหมือนแม้แต่น้อย”

อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ข้างหลังซูจิ่นซีโดยรักษาระยะห่างสองก้าวตลอดเวลา เขามองร่างกายและการแสดงออกของซูจิ่นซี ฟังนางปฏิเสธลูกศิษย์คนนั้นและพูดถึงคุณชายจิ่ว แววตาของเขาเปล่งประกายซับซ้อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด