สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 37 1081 เจ้าเคยเสียใจภายหลังบ้างไหม

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 37 1081 เจ้าเคยเสียใจภายหลังบ้างไหม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในค่ายทหารมีเหล่าทหารที่มาจากแคว้นหนานหลีอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังมาจากแคว้นตงเฉิน อย่างไรก็ไม่ใช่แคว้นเดียวกัน พวกเขามีอคติกับเยี่ยโยวเหยา เมื่อได้ยินคำพูดของหมอเทวดาและจงรุ่ยอันพ่อลูกแล้ว หลายคนจึงเงียบ จากนั้นบรรยากาศก็เริ่มอึดอัดเล็กน้อย

หมอเทวดายิ้มอย่างอ่อนโยนและเปลี่ยนสถานการณ์ “ทุกคนกินยาเถิด! ต้องกินยานี้เจ็ดวันติดต่อกันจึงจะกำจัดยาพิษในร่างกายได้หมด”

“ถูกต้อง! ” เทียนโย่วรีบมาช่วยหมอเทวดาแจกจ่ายยาให้ทหาร จงรุ่ยอันพ่อลูกก็รีบเข้าไปช่วยแจกจ่ายยา ข่าวดีนี้แพร่กระจายไปยังค่ายของเยี่ยโยวเหยาอย่างรวดเร็ว

เยี่ยโยวเหยากังวลเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว ในที่สุดตอนนี้พิษในร่างของเหล่าทหารก็ได้รับการรักษาแล้ว ซึ่งนับว่าคลายความกังวลไปมาก สีหน้าของเขากลับมาสดใสมากขึ้น เขารีบให้องครักษ์เงานำเทียบยาถอนพิษส่งไปยังพระราชวังแคว้นจงหนิง แคว้นหนานหลี และแคว้นตงเฉิน

ณ วังใต้ดินในแคว้นไหวเจียง

สถานการณ์ของไหวชิ่งกงจู่ดีขึ้นมาก แม้ด้านความสัมพันธ์ยังขัดแย้งกับถังเสวี่ยอยู่บ่อยครั้ง ทว่าตอนนี้ทั้งสองต่างตกที่นั่งลำบากเหมือนกัน พวกนางไม่กล่าวโทษกันอีก เมื่อไหวชิ่งกงจู่พูดสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองจบ ถังเสวี่ยก็ยังเห็นใจนางอยู่บ้าง

องครักษ์พิษนำอาหารมื้อเที่ยงมาให้ แม้รสชาติไม่ได้ดีมากนัก ทว่าถังเสวี่ยก็ยังเตือนให้ซูจิ่นซีกินรองท้องบ้าง หลังอาหารกลางวัน ซูจิ่นซีใช้ตะเกียบของนางวาดเครื่องหมายบนผนังด้านข้าง

เยวี่ยไหวชิ่งถามว่า “ซูจิ่นซี เจ้ากำลังทำอันใดหรือ? ”

ซูจิ่นซีพูดว่า “พวกเราถูกขังอยู่ในวังใต้ดินนี้เป็นเวลาห้าวันแล้ว”

ห้าวันบวกกับเวลาที่ถูกขังด้านนอกก่อนหน้านี้ รวมแล้วเกือบสิบวัน ในช่วงสิบวันมานี้ เยี่ยโยวเหยาจะต้องกังวลเกี่ยวกับนางมาก! เขาคงวิตกกังวลจนจิตใจไม่สงบ ข้างนอกคงจะวุ่นวายมากทีเดียว

เยวี่ยไหวชิ่งถูกขังเป็นเวลาสามวัน เมื่อนึกถึงความโกลาหลในวังวันนั้น เสด็จพ่อถูกกักบริเวณวัง พี่ชายและน้องสาวบ้างก็ตาย บ้างก็บาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์นองเลือดน่าหวาดกลัว เยวี่ยไหวชิ่งกัดฟันด้วยความเกลียดชัง ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ขณะที่นางหลับในทุกคืน นางจะฝันถึงฉากโศกนาฏกรรมนั้นและนางจะสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายทุกครั้ง

ถังเสวี่ยเห็นสีหน้าของเยวี่ยไหวชิ่งเปลี่ยนไปก็รู้ว่านางเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเหล่านั้นอีกครั้ง จึงพูดปลอบว่า “อย่าคิดเรื่องนี้ พี่จุนต้องมาช่วยพวกเราแน่นอน เยี่ยโยวเหยาและมู่หรงฉีก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อพวกเราออกไปได้แล้ว เราจะช่วยชีวิตพ่อและพี่น้องของเจ้าแน่นอน”

เยวี่ยไหวชิ่งนิ่งเงียบไม่พูดตอบ ถังเสวี่ยรู้สึกเบื่อจึงนั่งลงและเล่นมุมเสื้อผ้าของนาง แม้นางจะเป็นคนมองโลกในแง่ดี ทั้งยังพูดปลอบใจซูจิ่นซีกับเยวี่ยไหวชิ่งเสมอ ทว่านางเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันที่มืดมนนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด

ทันใดนั้น ร่างขององครักษ์พิษก็โผล่ออกมาจากด้านนอก “ท่านรองเจ้าสำนัก! ”

“เปิดประตู! ”

“ท่านรองเจ้าสำนัก ที่นี่ขังคนร้ายคนสำคัญ หากไม่มีคำสั่งของราชครู ข้าน้อยไม่กล้าเปิดประตูให้รองเจ้าสำนักขอรับ” หลังจากหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง เสียงขององครักษ์พิษก็จริงจังมากขึ้น “ที่แท้รองเจ้าสำนักมีป้ายคำสั่งของท่านราชครู ท่านรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบไปเปิดประตูให้ขอรับ”

จากนั้นก็มีเสียงเปิดประตู แสงสว่างจ้าสาดส่องเข้ามาจากประตู ทำให้ซูจิ่นซีและคนอื่นๆ ไม่สามารถลืมตาสู้แสงได้

ผู้มาคือเยี่ยเซิน

ถังเสวี่ยขมวดคิ้วดุดัน “เยี่ยเซิน เป็นเจ้าได้อย่างไร? ”

เยวี่ยไหวชิ่งรีบวิ่งไปหาเยี่ยเซินด้วยอาการคลุ้มคลั่ง นางคว้าคอเสื้อเยี่ยเซินและพูดว่า “เจ้าคนสารเลว ยังกล้ามาอีกหรือ ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าต้องการล้างแค้นให้เสด็จพี่ของข้า คนชั่ว… คนสารเลว… ”

องครักษ์พิษรีบเข้าไปดึงตัวเยวี่ยไหวชิ่งออกมา ทว่าดวงตาของนางแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธ คลุ้มคลั่งสุดขีดแล้ว

“พานางออกไป ข้านี้มีบางอย่างจะถามพวกนางทั้งสองคน” เยี่ยเซินกล่าว

“ขอรับ! ” องครักษ์พิษลากเยวี่ยไหวชิ่งออกไป

จากนั้นดวงตาของเยี่ยเซินก็เลื่อนมาที่ร่างของซูจิ่นซี เขามองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นหน้าท้องของนางที่นูนออกมา ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาซูจิ่นซี

ถังเสวี่ยรีบเข้าไปยืนขวางระหว่างเยี่ยเซินกับซูจิ่นซี “รองเจ้าสำนักหรือ? เหอะ เหอะ ไม่คาดคิดว่าอดีตรัชทายาทแคว้นจงหนิงผู้สง่างาม ตอนนี้กลายเป็นสุนัขรับใช้แคว้นไหวเจียงไปเสียแล้ว”

ความเจ็บปวดในแววตาของเขาปรากฏออกมาจนเห็นได้ชัดเจน เขามองผ่านร่างผอมบางของถังเสวี่ยไปที่ซูจิ่นซีและพูดว่า “จิ่นซี เจ้าก็คิดว่าข้าเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่? ”

สีหน้าของซูจิ่นซีสงบนิ่งจนรู้สึกถึงความห่างเหิน “เยี่ยเซิน เจ้ามาทำอันใดที่นี่? ”

“จิ่นซี เจ้าต้องใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับข้าด้วยหรือ? ”

ซูจิ่นซีพูด “ตอนนี้เจ้าเป็นรองเจ้าสำนักแห่งสำนักห้าพิษแคว้นไหวเจียง เจ้าไม่เกี่ยวอันใดกับแคว้นจงหนิง ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์ของเชื้อพระวงศ์แคว้นจงหนิงได้ขาดสะบั้นไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ระหว่างเจ้ากับข้าก็ไม่มีอันใดให้พูดอีก”

เยี่ยเซินยิ้มอย่างขมขื่น “แล้วเจ้าเล่า? หากวางแคว้นจงหนิงลงและไม่ได้ยึดติดกับเชื้อพระวงศ์แคว้นจงหนิง ระหว่างเจ้ากับข้าไม่มีอันใดจะพูดจริงๆ หรือ? ”

ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเยาะเย้ย “ระหว่างรองเจ้าสำนักกับข้ามีอันใดจะพูดกันอีกหรือ? ”

เยี่ยเซินพลันยืนแข็งทื่อ จากนั้นก็เดินโซเซไปสองก้าว

ใช่แล้ว! ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน นางไม่ได้ชายตามองเขาแม้แต่น้อย ทั้งเขายังอยากจะฆ่านางภายใต้การปลอมตัวของซูเซียนฮุ่ยด้วยซ้ำ ต่อมาเขาเริ่มหลงรักนาง ทั้งยังเป็นตอนที่นางฟื้นรูปโฉมกลับมางดงามดังเดิม ทว่าในขณะนั้นนางได้อภิเษกกับเยี่ยโยวเหยาแล้ว จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ไม่เคยพูดคุยกันดีๆ เลยสักครั้ง

ซูจิ่นซีพูดว่า “หากรองเจ้าสำนักมีเรื่องอันใดก็บอกออกมาตามตรง หากไม่มีอันใดก็ออกไปให้เร็วที่สุด ข้าเหนื่อยมากและต้องการพักผ่อน” นางพูดจบก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ ส่งสายตาไล่แขก

รอยยิ้มเยาะเย้ยตนเองบนใบหน้าของเยี่ยเซินยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น หลังผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็รวบรวมสติอีกครั้งและค่อยๆ ชักกระบี่ยาวในมือออกมา

สีหน้าของถังเสวี่ยเปลี่ยนไปทันที นางรีบไปยืนขวางด้านหน้าซูจิ่นซี “เยี่ยเซิน เจ้า… คิดจะทำอันใด? ข้า… ข้าขอบอกเจ้าไว้เลย ที่นี่จิ้นอี้เฉินมีอำนาจสูงสุด หากเจ้ากล้าแตะต้องพวกข้าเพียงปลายผม ข้า… ข้าจะร้องเรียกคน”

เยี่ยเซินชี้ปลายกระบี่ยาวไปที่หน้าอกของถังเสวี่ย “ใช่หรือ? ร้องเรียกได้เลย ข้าจะดูว่าใครกล้าช่วยเจ้า! ”

ถังเสวี่ยตกตะลึง “จิ้น… จิ้นอี้เฉินสั่งให้เจ้ามาฆ่าพวกเราหรือ? ”

เยี่ยเซินไม่สนใจคำถามของถังเสวี่ย ดวงตาซับซ้อนของเขามองผ่านถังเสวี่ยไปที่ซูจิ่นซี “หากวันนี้กระบี่ยาวได้แทงทะลุหน้าอกของเจ้าจริงๆ เจ้าจะเสียใจที่อภิเษกกับเยี่ยโยวเหยาและไม่อยู่กับข้าหรือไม่? ”

ซูจิ่นซีหัวเราะเยาะ “เยี่ยเซิน ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเอาความกล้ามาจากที่ใดถึงได้ถามข้าเช่นนี้ เจ้าฟังให้ดีๆ ข้า ซูจิ่นซีรักเยี่ยโยวเหยา จะเกิดอันใดกับพวกข้า มันไม่เกี่ยวอันใดกับใครเลย”

เยี่ยเซินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าปรากฏความขมขื่น เขายิ้มเยาะตนเอง แววตาแฝงไว้ด้วยความผิดหวัง “จะเกิดอันใดกับพวกข้า” เขาพูดพลางกวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือหลายครั้งจนเกือบจะปาดคอถังเสวี่ย

ถังเสวี่ยหวาดกลัวมากและคิดในใจว่า ‘ซูจิ่นซี เจ้าก็จริงเลยๆ พูดอันใดก็ได้ ดันพูดกระตุ้นอารมณ์เยี่ยเซิน หากเขาโกรธขึ้นมาจริงๆ และสังหารพวกเราเพราะความเดือดดาลจะทำอย่างไร’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด