สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหนเล่มที่ 38 1120 ด้วยรักอย่างสุดซึ้ง

Now you are reading สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน Chapter เล่มที่ 38 1120 ด้วยรักอย่างสุดซึ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตงหลิงหวงและมู่หรงฉีถูกซากปรักหักพังที่ถล่มลงมาทับไว้

“เร็ว! ” ซูจิ่นซีสั่งด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ขุดซากปรักหักพังเดี๋ยวนี้”

องครักษ์และองครักษ์เงาทั้งหมดปรากฏตัวขึ้นในชั่วพริบตา จากนั้นจึงตามฉินเทียนไปขุดซากปรักหักพัง

ซูอวี้ หมอเทวดา เทพโอสถ และคนอื่นๆ เข้ามาช่วยกันอีกแรง

จงหรงปรากฏตัวพร้อมกับบ่าวรับใช้หลายคน ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อเห็นห้องถล่มลงมา “พระชายาโยวอ๋อง เกิดอันใดขึ้นที่นี่? ”

อย่างไรเสีย ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นก็คือฮ่องเต้แคว้นหนานหลี

ซูจิ่นซียังไม่ทันตอบจงหรง เสียงของฉินเทียนก็ดังขึ้นจากซากปรักหักพัง “พี่สะใภ้ พบตัวแล้ว! ”

ซูจิ่นซีรีบไปยังตำแหน่งนั้น โดยมีเยี่ยโยวเหยาเดินตามมาด้านหลัง

ท่ามกลางซากปรักหักพัง เห็นเพียงคานที่แตกหักสองท่อนตกอยู่ไม่ไกล มู่หรงฉีใช้ร่างกายของเขาปกป้องตงหลิงหวงเอาไว้อย่างแน่นหนา

ทุกคนมองเห็นเพียงแผ่นหลังของมู่หรงฉี ทว่าไม่ได้เห็นสีหน้าของเขา ส่วนตงหลิงหวงนอนอยู่บนพื้น ใบหน้าของนางซีดขาว น้ำตาบนใบหน้ายังไม่ทันแห้งก็ถูกปกคลุมด้วยผงฝุ่น ดูแล้วสภาพย่ำแย่มากทีเดียว ทว่าในเวลานี้ นางจะสนใจสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?

ดวงตาดำขลับคู่หนึ่งจ้องมองมู่หรงฉี หน้าอกชุ่มไปด้วยเลือด

ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นภาพนี้ เมื่อคิดถึงสภาพของมู่หรงฉีก่อนที่ห้องจะพังทลายลง พวกเขาต่างอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่มีทางคิดได้เลยว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มู่หรงฉีที่ขาดสติคลุ้มคลั่งยังสามารถปกป้องตงหลิงหวงได้

“ตงหลิงหวง! ” ซูจิ่นซีกำลังจะเข้าไปช่วยตงหลิงหวง กลับไม่คิดว่ามู่หรงฉีจะส่งเสียงคำรามใส่ตงหลิงหวง

เขาหันศีรษะเล็กน้อย ทำให้ซูจิ่นซีเห็นใบหน้าของเขาพอดี ใบหน้าของเขาดุร้ายและน่าหวาดกลัว ดวงตาโกรธจัดกลายเป็นสีแดงเลือด เหมือนว่าจะเสียสติและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

นางหยุดชะงัก จากนั้นจึงเห็นมู่หรงฉีเหยียดนิ้วที่เรียวยาวออกมาพร้อมกับกรงเล็บสีดำดั่งกรงเล็บของนกอินทรี และดูเหมือนจะค่อยๆ ยื่นไปที่ลำคอของตงหลิงหวง

ทุกคนต่างกลั้นหายใจและเหงื่อตกไปตามๆ กัน

ซูจิ่นซีกำลังจะมัดมู่หรงฉีด้วยเชือกเทวะอีกครั้ง กลับไม่คิดว่าขณะที่นิ้วมืออันเรียวยาวอยู่ห่างจากลำคอของตงหลิงหวงเพียงหนึ่งชุ่น ตงหลิงหวงกลับลุกขึ้นและสวมกอดมู่หรงฉี จากนั้นจึงจุมพิตริมฝีปากของเขา

เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซูจิ่นซีไม่มีเวลาแม้แต่จะดึงมือกลับ เชือกเทวะในมือถูกขว้างออกไปแล้วและกำลังจะรัดร่างของทั้งสองคน ทว่านางรีบดึงเชือกกลับมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

คำพูดของตงหลิงหวงแวบเข้ามาในความคิดของนาง “หากเจ้าต้องการมัดเขา เช่นนั้นก็มัดข้ากับเขาไว้ด้วยกัน! ”

เหล่าองครักษ์ไม่กล้าดูเหตุการณ์นี้ พวกเขาต่างหันหลังออกจากซากปรักหักพัง จงหรง หมอเทวดา เทพโอสถ และคนอื่นๆ ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปและเคลื่อนสายตามองไปทางอื่น

ตงหลิงหวงจุมพิตมู่หรงฉี ในตอนแรกเขาส่งเสียงคำราม โฮก โฮก ในลำคอ จากนั้นเสียงก็ค่อยๆ ลดลง เล็บที่ยาวและแหลมคมบนนิ้วมือและนิ้วเท้าค่อยๆ หดลงด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัดเจน ดวงตาสีแดงเลือดก็ค่อยๆ สว่างไสวชัดเจนขึ้น

เมื่อเห็นสตรีที่อ่อนโยนอยู่ตรงหน้า แววตาของมู่หรงฉีก็เผยให้เห็นความประหลาดใจเล็กน้อย

หลังจากการจุมพิต ตงหลิงหวงจึงลุกขึ้นและโอบกอดมู่หรงฉี นางจับใบหน้าของมู่หรงฉีและมองเขาด้วยความเสน่หา

“มู่หรงฉี! ”

มู่หรงฉีและตงหลิงหวงสบตากันครู่หนึ่งด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นจึงเหลือบมองซากปรักหักพังที่อยู่ด้านข้าง และหันไปมองซูจิ่นซีกับคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าอับจนหนทาง

เขาพูดกับตงหลิงหวงว่า “หวงเอ๋อร์ ข้า… ควบคุมตนเองไม่ได้อีกแล้วใช่หรือไม่? ”

ตงหลิงหวงจับใบหน้าของมู่หรงฉีโดยไม่พูดสิ่งใด พลางส่ายศีรษะเล็กน้อย น้ำตาไหลอาบสองแก้ม

“ข้าไม่อาจควบคุมตนเองได้อีก ข้าทำร้ายเจ้าหรือไม่? ใช่หรือไม่… ”

ในขณะที่พูด ดวงตาโศกเศร้าของมู่หรงฉีก็มองไปยังหน้าอกของตงหลิงหวง ทันใดขั้นเขาก็ตกตะลึง มือของเขา… ค่อยๆ ยื่นออกไป ทว่าเมื่อปลายนิ้วมือแตะถูกเลือด ก็ราวกับได้สัมผัสบางสิ่งที่สะเทือนใจอย่างมาก

“บาดแผลเหล่านี้… ข้าเป็นคนทำใช่หรือไม่? ”

ตงหลิงหวงรีบคว้ามือของมู่หรงฉี ด้วยเกรงว่าอาการบาดเจ็บของนางจะทำให้เขาคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก นางจึงอธิบายว่า “ไม่ใช่เจ้า มู่หรงฉี อาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า ไม่ใช่เจ้า… ”

ขณะที่นางกำลังพูด ร่างกายของมู่หรงฉีพลันอ่อนยวบ เขาเป็นลมหมดสติใส่ตงหลิงหวง

เมื่อครู่ที่มู่หรงฉีเห็นคราบเลือดบนหน้าอกของตงหลิงหวง ซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาตกใจอย่างมาก ทว่าเมื่อเห็นเขาหมดสติ พวกเขาต่างอดหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความโล่งอกไม่ได้

จากนั้นจึงรีบสั่งให้คนช่วยประคองมู่หรงฉีกับตงหลิงหวง

ก่อนหน้านี้ตงหลิงหวงขัดขวางซูจิ่นซีไว้โดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บของตนเอง นางพยายามลดความคลุ้มคลั่งของมู่หรงฉีโดยอาศัยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ความคลุ้มคลั่งของมู่หรงฉีสงบลงแล้ว ภายในใจของนางไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไปจึงเป็นลมหมดสติไปในทันที

ห้องพังทลายทั้งหมด ไม่อาจอยู่อาศัยได้อีก จงหรงจึงจัดห้องให้พวกเขาอย่างรวดเร็ว

ซูจิ่นซี ซูอวี้ หมอเทวดา เทพโอสถ และคนอื่นๆ ต่างรีบไปรักษาบาดแผลให้ตงหลิงหวงกับมู่หรงฉี หลังผ่านไปราวสองชั่วยามก็ทำความสะอาดและรักษาบาดแผลแล้วเสร็จ ทั้งสองคนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด

เมื่อเดินออกมาจากห้องก็ใกล้ค่ำแล้ว เยี่ยโยวเหยารออยู่ด้านนอกประตู เมื่อเห็นซูจิ่นซีออกมาจึงเดินเข้าไปหานางและมองนางด้วยความเป็นห่วง

“จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?! ”

ซูจิ่นซีพยักหน้าด้วยท่าทางเหนื่อยล้า “จัดการเรียบร้อยแล้ว! ”

อย่างไรก็ตาม ดวงตาที่งดงามและสดใสนั้นมักเผยให้เห็นถึงความกังวลอยู่เสมอ

แม้อาการบาดเจ็บจะได้รับการรักษาแล้ว ทั้งสองโชคดี ไม่ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ทว่าสภาพของมู่หรงฉี… น่าเป็นห่วงอยู่จริงๆ !

ตั้งแต่มู่หรงฉีกลายเป็นแบบนี้ ภายในใจของซูจิ่นซีได้คาดเดาบางอย่างไว้แล้ว ทว่าไม่อาจสรุปได้อย่างแน่นอน ยังต้องรอจนกว่าตงหลิงหวงฟื้นขึ้นมาเพื่อยืนยันเสียก่อน

ซูจิ่นซีนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

ส่วนหนึ่งเพราะกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของมู่หรงฉีและตงหลิงหวง อีกส่วนหนึ่งเพราะซินอี๋ยังร้องไห้ไม่หยุด ไม่ว่าจะพยายามกล่อมเพียงใด ทำให้เยี่ยหลินเชวียเริ่มร้องไห้ตาม เด็กทั้งสองร้องไห้ไม่หยุด ต้องใช้ความพยายามกล่อมจนถึงเช้า

แม้เยี่ยโยวเหยาจะไม่รู้วิธีกล่อมเด็ก ทว่าเขาก็อยู่เคียงข้างซูจิ่นซีตลอด

เขามีท่าทีวิตกกังวล จากนั้นจึงลูบเส้นผมที่ยุ่งเหยิงบริเวณขมับของซูจิ่นซี

“ยังเช้าอยู่ เจ้าไปนอนพักหน่อยเถิด! ”

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่นและส่ายศีรษะ “ข้าต้องไปตรวจอาการของพี่ฉีก่อน”

หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน นางไม่ได้ใช้เชือกเทวะมัดมู่หรงฉีอีก แม้เมื่อคืนจะเป็นคืนที่สงบ แต่เกรงว่าเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาจะคลุ้มคลั่งอีกครั้ง ตอนนี้เขาแข็งแกร่งมากจนไม่มีผู้ใดหยุดเขาได้อีก หากมีอันใดเกิดขึ้นอีก…

“ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า! ”

“ไม่เป็นอันใด ท่านอ๋องพักผ่อนเถิด! ” เมื่อคืนนี้เยี่ยโยวเหยาอยู่เป็นเพื่อนนาง เขาไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นกัน

เยี่ยโยวเหยาไม่ได้พูดสิ่งใด เขาจับมือซูจิ่นซีอย่างเงียบงันและพานางเดินออกนอกประตู

ซูจิ่นซีเหลือบมองชายที่อยู่ด้านข้าง พลันเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจ จึงไม่พูดสิ่งใด

ไม่นานนัก ทั้งสองก็เดินมาถึงห้องของมู่หรงฉี เมื่อพวกเขาเดินเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยดังมาจากในห้อง

สีหน้าของซูจิ่นซีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นางปล่อยมือจากเยี่ยโยวเหยาและรีบเดินเข้าไปในห้อง

มู่หรงฉีตื่นแล้ว ทว่าไม่คลุ้มคลั่งเหมือนเมื่อวาน เขานั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้างุนงง มองแก้วที่แตกอยู่บนพื้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด