เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ 279 ยังพอมีประโยชน์บ้าง

Now you are reading เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ Chapter 279 ยังพอมีประโยชน์บ้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่279 ยังพอมีประโยชน์บ้าง

หลังจากออกจากโรงพยาบาลมา เจี่ยงเวินอี๋ยังคงว้าวุ่นใจตลอดเวลา ใบหน้าของหล่อนหม่นหมองไม่แจ่มใส เมื่อเธอขึ้นรถแล้ว จึงไขกระจกรถลง “ฉ่ายหลิง เธอมีธุระอะไรต่อหรือเปล่า ขอเวลาให้ฉันคุยด้วยสักนิดได้ไหม”

หานฉ่ายหลิงยิ้มกว้าง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ แล้วขึ้นรถไป

รถยนต์ยังคงหยุดนิ่ง จอดตรงลานจอดรถนั้น เลขาที่มากับเจี่ยงเวินอี๋นั้นเดินจากไป ตอนนี้ในรถยนต์คันนั้น มีเพียงเขาสองคนเท่านั้น

“คุณป้าคะ คุณป้าก็อย่าคิดมากเลยนะ ซูย้าวกลับมา ก็เพราะอาการบาดเจ็บคราวนี้ของเจิ้งเอ๋อ” หานฉ่ายหลิงพูดเบาๆ

เจี่ยงเวินอี๋เดาไปเองถึงเหตุผลที่ซูย้าวกลับมาที่นี่ แต่ยังมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจชัดเจนนัก “ไม่ว่าจะกลับมาช้าหรือเร็ว แต่ตอนนี้เธอก็กลับมาแล้ว……”

ดวงตาของหานฉ่ายหลิงเป็นประกายขึ้นมา เมื่ออีกฝ่ายคล้อยตามคำพูด “นั่นก็เพราะว่าเจิ้งเอ๋อไม่ได้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุใช่ไหม?”

“อุบัติเหตุ?” เจี่ยงเวินอี๋ทวนคำนั้น แววตาของเธอสับสนอย่างลังเลไปมา ก่อนจะแสดงความสงสัยออกมา

หานฉ่ายหลิงตอบว่า “ถูกต้อง ได้ข่าวว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตลอด แต่เพราะอุบัติเหตุของเจิ้งเอ๋อครั้งนี้ ก็เลยรีบกลับมา”

เจี่ยงเวินอี๋หัวเราะออกมา “ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนหูตากว้างไกลจริงๆ เลยนะ!”

แม้จะอยู่ห่างไกลถึงต่างประเทศก็สามารถรู้ทุกเรื่องราวความเคลื่อนไหวในประเทศได้

“ยังไงซะพวกเขาก็เป็นแม่ลูกกันนะ แม่ห่วงลูกชายไม่ใช่เรื่องปกติหรือไงกันคะ? ว่ามั้ยคะคุณป้า” หานฉ่ายหลิงอยู่ข้างๆแล้วพูดอีก

เพียงไม่กี่คำกลับอีกเพิ่มความสงสัยแคลงใจของเจี่ยงเวินอี๋ “ความห่วงใยก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าห่วงมากเกินขอบเขตไป มันก็น่าสงสัยนี่!”

“อืม คุณป้าคะ คุณป้าไม่ต้องคิดมากนะคะ! ยังไงซะซูย้าวก็เป็นแม่แท้ๆ ของเจิ้งเอ๋อนะ นอกจากความห่วงใยใส่ใจลูก ก็ไม่น่าคิดเป็นอย่างอื่นได้นะคะ!” เธอพูด

แววตาของเจี่ยงเวินอี๋กะพริบไปมา เธอยังคงใส่ใจปัญหานี้ และยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก

ทันใดนั้น เธอก็หันมองหานฉ่ายหลิงที่นั่งข้างๆ แล้วพูดว่า “หลายวันมานี้ บริษัทเฉินซีมีงานสัมมนา ต้องไปปารีส ช่วงนี้เธอทำตัวให้ว่างแล้วไปเป็นเพื่อนเขาเถอะ!”

ดวงตารูปอัลมอนด์ของหานฉ่ายหลิงกะพริบอย่างระงับความประหลาดใจ ยังมีแฝงประกายความสุขที่ยากจะซ่อนเร้นได้ ก่อนจะรีบกล่าวขอบคุณออกมา “ขอบคุณคุณป้าที่ห่วงใยนะคะ ยังไงฉันต้องไปปารีสกับเฉินซีแน่ๆ ค่ะ!”

“อืม เธอไปกับเขา ฉันก็ค่อยสบายใจหน่อย”

หลังจากหานฉ่ายหลิงจากไปแล้ว เลขากลับไปประจำที่ตำแหน่งคนขับรถแล้ว จึงขับรถกลับบ้าน

ระหว่างการเดินทาง เลขาสังเกตเห็นใบหน้าเศร้าหมองของเจี่ยงเวินอี๋ ท่าทางคล้ายกับว่าเธอกำลังอยู่ในห้วงความคิด จนอยากจะถามออกไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร จึงไม่ถามออกไป ในที่สุดเจี่ยงเวินอี๋เป็นฝ่ายพูดว่า “คุณไปหาข้อมูลของผู้หญิงคนนั้น หลายปีมานี้เธอไปอยู่ที่ไหน ยิ่งละเอียดก็ยิ่งดี”

เลขามึนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกันครับ?”

แต่เขาก็รู้สึกเอะใจขึ้นมาเมื่อพูดประโยคนั้นจบ

นอกจากซูย้าวแล้วจะมีใครอื่นที่เจี่ยงเวินอี๋หลบเลี่ยง ไม่อยากแม้จะเอ่ยชื่อ

เขาพยักหน้าในทันที แล้วรีบพูดใหม่ว่า “ผมทราบแล้ว!”

“ตรวจสอบดูดีๆ ว่าเด็กคนนั้นที่เธอคลอดมาเป็นอย่างไรบ้าง” หากเจี่ยงเวินอี๋ไม่ได้จำผิด เด็กคนนั้นก็คงเป็นเด็กหญิงหนึ่งในหลานสาวของเธอ

เรื่องเกี่ยวกับเด็กคนนี้ เธอยังคงมีข้อข้องใจ เด็กคนนี้เกิดหลังจากการหย่าร้าง แล้วจะใช่ลูกแท้ๆ เหรอ

“นายหาข้อมูลว่าก่อนที่เจิ้งเอ๋อจะเกิดอุบัติเหตุไม่กี่วันมานี้เธอไปไหนมาไปมาบ้าง รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็อย่าละเลย” เจี่ยงเวินอี๋เตือนอีกครั้ง

เลขาก้มหน้าลง มองหน้าของหล่อนผ่านกระจกมองหลังแล้วถามว่า “คุณผู้หญิง คุณสงสัยว่าเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของนายน้อยใช่ไหม?ครับ”

“แน่สิ ห้าปีมานี้เธอมีโอกาสที่จะกลับมาตลอด เฉินซีไม่ห้ามเธอไม่ให้พบลูก แต่เธอก็ไม่เคยมาหาลูก อยู่ๆ ก็กลับมาในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ต้องมีปัญหาอะไรแน่”

เลขาได้ยินแบบนั้น ก็พูดเพียงว่า “งั้นผมจะส่งคนไปสืบข้อมูลของเธอดูครับ”

“อืม งั้นนายก็ไปที่แกลเลอรี่นั้นอีกครั้ง เลือกภาพวาดชื่อดังจากฝรั่งเศส ส่งไปให้คุณหญิงของเหยาซื่อกรุ๊ปที่เมืองB แล้วบอกว่าเฉินซีเลือกด้วยตัวเอง” เธอสั่งกำชับจริงจัง

เลขาตอบกลับรับคำ “ครับผม!”

เหยาซื่อกรุ๊ปแห่งเมืองB เป็นบริษัทมีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมแฟชั่นของประเทศ ความมั่งคงเทียบเท่าได้กับบริษัทลี่ซื่อ ลูกสาวคนเดียวของเจ้าของเหยาซื่อกรุ๊ป เหยาลี่น่า ผู้บอบบางสง่างามเหมือนหยก ทำให้เจี่ยงเวินอี๋ที่ได้เจอกับหล่อนในครั้งแรกก็ชอบ ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยวางแผนถึงเรื่องการแต่งงาน

แต่น่าเสียดายที่เจิ้งเอ๋อเกิดอุบัติเหตุกะทันหันเสียก่อน ไม่อย่างนั้นทั้งสองคนนั้นคงจะได้นัดพบกันแล้ว

เลขาหลี่อยู่เคียงข้างเจี่ยงเวินอี๋มานานหลายปี จึงเข้าใจจิตใจของเธอดี เขามองอารมณ์ของเจ้านายออก ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามว่า “คุณผู้หญิง คุณชอบคุณหนูเหยา ทำไมไม่จัดการให้ทั้งสองคนนั้นพบ จะได้สนิทสนมมากขึ้นกันล่ะครับ!”

คำพูดของเลขาตรงกับใจของเจี่ยงเวินอี๋ เธอเอนตัวพิงด้านนั้น มองออกไปนอกหน้าต่างที่มีทิวทัศน์เป็นแถบต้นไม้สีเขียว แล้วพูดช้าๆ ว่า “ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ลี่น่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นภรรยาของเฉินซี แต่ว่าสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ค่อยเหมาะสม ต้องรอไปก่อน”

ตั้งแต่เหตุการณ์ลักพาตัวหานฉ่ายหลิงเมื่อห้าปีก่อน แล้วยังมีลูกอย่างน่าสงสัย ในใจของเจี่ยงเวินอี๋ก็เหมือนได้สูญเสีย ‘ลูกสะใภ้’ ไปแล้ว

ผู้หญิงแบบนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถเข้าบ้านตระกูลลี่ได้ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาหล่อนก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น น่าเชื่อถือในการงาน และที่สำคัญที่สุดหานฉ่ายหลิงกลัวเจี่ยงเวินอี๋ หล่อนอ่อนน้อมถ่อมตนมาตลอด และเป็นเบี้ยหมากที่ดีไว้ใช้ประโยชน์ได้

รอหล่อนถูกใช้จนหมดประโยชน์ก่อน ค่อยเขี่ยทิ้งทั้งหล่อนและบริษัทHS

เจี่ยงเวินอี๋เม้มริมฝีปากล่าง สายตามองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ อารมณ์ก็ค่อยผ่อนคลายลง

ณ บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป หวางอี้เคาะประตูห้องประธานกรรมการ พร้อมกับถือแท็บเล็ตเข้าไปด้วย “ประธานลี่ครับ อีกสามวันกรุ๊ป Kจากฝรั่งเศสจะจัดสัมมนาทางการเงิน เชิญท่านให้เข้าร่วมด้วย ท่านจะเข้าร่วมหรือไม่ครับ?”

“กรุ๊ป K?”

ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว เพราะตั้งแต่โครงการ CCU มา หลายปีมานี้กรุ๊ป K กับบริษัทลี่ซื่อแทบไม่มีการติดต่อ อยู่ดีๆ กรุ๊ปK ก็ส่งการ์ดเชิญร่วมงานสัมมนา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยินดี จึงถามออกไปอย่างไม่รู้ตัวว่า “’งานสัมมนาที่ปารีสใช่ไหม? เมื่อไหร่?”

“ก็อีกสามวันครับ บริษัทช่วงรี่กับบริษัทเราก็ถือว่าพาร์ทเนอร์เก่ากันแล้ว!” หวางอี้ตอบ

ใบหน้าหล่อเหลาของลี่เฉินซีหมองลง แต่ยังคงวุ่นวายกับการทำงานต่อไป

หวางอี้มองปฏิกิริยาของเจ้านาย แล้วเข้าใจโดยอัตโนมัติ จึงพูดว่า “งั้นผมจะปฏิเสธคำเชิญของกรุ๊ป K!”

ลี่เฉินซีไม่พูดอะไร เขายังคงดูอีเมล์ จนบังเอิญมองเห็นการ์ดเชิญของกรุ๊ป K ที่ประธานไซม่อนส่งมา เลยคลิกเข้าไปอย่างไม่ตั้งใจ เขามองดูรายชื่อผู้ที่ถูกเชิญหลายชื่อ แล้วมือใหญ่ที่จับเมาส์เล็กนั้นก็ชะงักงัน

ดวงตาของเขาหม่นหมองลงเรื่อยๆ จ้องดูตัวอักษรไม่กี่ตัวบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ นิ่งเงียบไปพักใหญ่ แววตาหมองเหมือนมีหมอกหนา ทันใดนั้นริมฝีปากบางก็ขยับ “เดี๋ยว”

หวางอี้หยุดชะงักกับที่ แล้วหันไป “ประธานลี่ มีอะไรเพิ่มเติมเหรอ?”

“คุณไปหาข้อมูลของเด็กชายคนหนึ่ง ดูแล้วน่าจะอายุประมาณสี่ห้าขวบ เมื่อวานเด็กคนนั้นรักษาตัวที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลเซ็นเดอร์ พอฟื้นมาจู่ๆ ก็หายตัวไป แต่จะดีที่สุดถ้าหาตัวเด็กคนนั้นพบ” ลี่เฉินซีพูด

สายตาของหวางอี้หลุกหลิก “เด็กคนหนึ่ง ชื่ออะไรเหรอครับ?”

“ชื่อ…เตียวเตียวมั้ง!” เขาจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นชื่อนี้

หวางอี้เกือบจะปาดเหงื่อ กำลังอยากจะพูดเรื่องอื่นอีก แต่เมื่อมองเห็นสายตาน่าเกรงขามของเจ้านาย กลับพยักหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว “ผมจะส่งคนไปหาข้อมูล”

“แล้วก็ตอบปฏิเสธบริษัทช่วงรี่ด้วย” เขาพูดกำชับอีกครั้ง

หวางอี้ตะลึง “ปฏิเสธบริษัทช่วงรี่?”

เขาปล่อยว่างไม่เลือกบริษัทพาร์ทเนอร์เก่า หรือว่าประธานลี่เลือกแล้ว…เลือกฝั่งกรุ๊ป K ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? จิตใจของเจ้านายคาดเดาได้ยาก เขาจะต้องเลือกเรื่องที่สำคัญที่สุดก่อน

ขณะที่หวางอี้เดินไปถึงประตู แล้วกำลังจะเปิดประตู แต่กลับมองเห็นหานฉ่ายหลิง สายตาพลันแสดงถึงความเคารพ “คุณหาน”

หานฉ่ายหลิงตอบรับแล้ว ก้าวเข้าไปในห้องทำงาน

“คุณมาที่นี่ได้ยังไง?” ลี่เฉินซีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะปิดภาพบนหน้าจอลง

เธอพาร่างกายอันยั่วยวนเดินเข้าใกล้ ก่อนจะพิงโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว แล้วพูดเบาๆ ว่า “มาหาฉันหน่อยไม่ได้เหรอ?”

เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ ยังคงง่วนอยู่กับงานข้างมือ

หานฉ่ายหลิงจ้องมองใบหน้าด้านข้างที่ดูยุ่งๆ ของชายหนุ่ม ใบหน้าคมคายแข็งแกร่ง หล่อจนทำให้คนกลั้นหายใจได้ หญิงสาวคิดไปคิดมา ก็พูดขึ้นว่า “บริษัทช่วงรี่ส่งการ์ดเชิญงานสัมมนาในอีกไม่กี่วันนี้มาให้ฉันด้วย ต้องไปปารีส คุณจะไปไหม?”

“ทำไมถึงถามล่ะ?” ดวงตาสีดำของลี่เฉินซีเป็นประกาย สายตานั้นมองมาทางเธอ

เธอตอบกลับ “ถ้าคุณไป ฉันก็จะไป ถ้าคุณไม่ไป แล้วฉันจะไปทำอะไรล่ะ?”

“อย่างงั้น…”

หานฉ่ายหลิงจับแขนของเขา ดวงตาของเธอมองอย่างคาดหวัง “งั้นคุณจะไปไหม?”

“…อืม” มือใหญ่ของลี่เฉินซีจับมือของเธอ ดวงตาเข้มนั้นอ่อนลงเล็กน้อย “งั้นช่วงนี้ก็เตรียมตัวซะ ครั้งนี้เราต้องไปปารีสกันหลายวัน!”

หานฉ่ายหลิงพยักหน้า พร้อมกับมองโทรศัพท์ที่ทันใดนั้นก็สั่นขึ้นมาบนโต๊ะ ดวงตารูปอัลมอนด์คู่นั้นจึงกะพริบเล็กน้อย

บนหน้าจอนั้นปรากฏชื่อ หลี่เจิ้น

เธอเม้มริมฝีปากสีแดงอ่อน ดวงตาเป็นประกายอย่างคาดหวังว่าจะเกี่ยวข้องกับการสอบสวนอุบัติเหตุของลี่เจิ้ง คงจะมีข้อมูลใหม่แล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด