เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ 786 แต่งงานครั้งที่สาม

Now you are reading เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ Chapter 786 แต่งงานครั้งที่สาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูย้าวอาบน้ำในอ่างอย่างสบายใจ เดิมทีเธอต้องการนอนหลับอย่างเงียบๆ สักพัก เพื่อชดเชยเวลาในการนอนก่อนหน้านี้ แต่เธอกลับถูกกลิ่นของอาหารมาดึงดูดใจ ซึ่งทำให้เธอต้องพลิกตัวครั้งแล้วครั้งเล่า นอนอย่างไรก็ไม่หลับ

เธอทำอะไรไม่ถูกจึงได้ลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นขยี้ผมยาวสลายของเธอด้วยความโกรธ ไฟฟ้าสถิตทำให้ผมของเธอฟูราวกับสิงโตตัวเล็กๆ ที่มีขนชี้พอง

เป็นเพราะอายุที่มากขึ้นหรือเปล่า? เธอจึงถูกดึงดูดด้วยกลิ่นของอาหารเหล่านี้ แม้แต่ตัวเธอเองยังรู้สึกพูดไม่ออก

แต่ใครจะสามารถต่อสู้กับปฏิกิริยาของร่างกายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงร้องที่หิวโหยของกระเพาะ เธอรู้สึกว่ากลิ่นนั้นมันไม่อาจต้านทานได้เลยจริงๆ

ดังนั้นเธอจึงไม่อาจอดทนได้ เธอสวมชุดนอนและใส่รองเท้าแตะวิ่งลงไปชั้นล่าง

จากนั้น เธอเห็นภาพของลี่เฉินซีนั่งอยู่ในห้องอาหารด้วยชุดสูทและรองเท้าหนัง พร้อมจานอาหารที่น่าดึงดูดช่างดูกลมกล่อมมากมายอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขา

พ่อบ้านแก่ตักซุปร้อนๆ เดินออกมาออกจากครัวอย่างมีความสุข ทันทีที่เงยหน้าขึ้นเห็นเธอจึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “คุณหนูรอง ตื่นแล้วเหรอ? เมื่อคืนนี้นอนหลับสบายหรือเปล่า? ลงมาทานอาหารกันเถอะ!”

ซูย้าวมองไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสง่างามซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยความประหลาดใจ เธอขมวดคิ้วแล้วเดินตรงมาพูดว่า “คุณยังไม่ไปอีกเหรอ?”

ลี่เฉินซีมองดูเธอด้วยความสนอกสนใจ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา พ่อบ้านแก่ก็พูดขึ้นว่า “คุณลี่ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว พักทานอาหารก่อนออกเดินทางเถอะค่ะ!”

ริมฝีปากที่อ่อนแอของซูย้าวกระตุกเล็กน้อย หลังจากหายใจเข้าลึก เธอก็เดินไปข้างชายหนุ่มแล้วนั่งลง เธอไม่สามารถต้านทานปฏิกิริยาของท้องที่ร้องออกมาได้ ได้แต่รีบหยิบตะเกียบขึ้นมาและกินอย่างรวดเร็ว

ลี่เฉินซีมองดูเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าที่เย็นชาของเธอก่อนหน้านี้มีแนวโน้มที่อ่อนโยนลงมาก แม้แต่มุมปากที่บอบบางของเธอก็ยังคงเผยอขึ้น รอยยิ้มของเธอดูสง่างามอบอุ่น ให้ความรู้สึกแตกต่างและยั่วยวนมากขึ้น

ความสนใจของซูย้าวจดจ่ออยู่ที่อาหาร เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นการจ้องมองที่ลุกโชนของคนซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าเลย ลี่เฉินซีแทบจะไม่ได้กินอะไรลงไป เพียงแค่ตักอาหารให้เธอ เอาก้างปลาออกอย่างระมัดระวัง แล้วเลือกเพียงเนื้อปลาให้แก่เธอ

ทั้งสองคนลงมือกินอาหารโดยไม่ได้พูดอะไรกันเพิ่มเติม เธอกินอย่างอิ่มหนำ ส่วนเขาได้แต่คอยดูแลเธอ

พ่อบ้านแก่เฝ้ามองทั้งสองคนอยู่ตลอดเวลา และอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

เมื่อกินไปได้พอประมาณ ซูย้าวตั้งใจจะหันกลับไปนอนต่อ แต่ลี่เฉินซีเข้าไปหยุดความคิดเธอไว้ “ง่วงมากเหรอ?”

เธอขมวดคิ้ว “อะไรนะ?”

“ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม?” เขาถาม

ซูย้าวตกใจ เธอครุ่นคิดบางอย่างโดยไม่รู้ตัว ดูไม่แน่ใจเล็กน้อยก่อนถามอย่างลังเลว่า “ไปโรงพยาบาล? คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เขาส่ายหน้า สายตาอันลึกล้ำนั้นมองไปพูดว่า “ไปหาเจิ้งเอ๋อและหมิงเอ๋อ เด็กทั้งสองอาการดีขึ้นมากแล้ว ผมวางแผนที่จะส่งพวกเขาไปต่างประเทศในอีกสองสามวัน”

เนื่องจากไม่แน่ใจว่าอานเจียเย้นจะทำอย่างไรต่อไปสำหรับตอนนี้ มันไม่ปลอดภัยที่จะปล่อยให้เด็กสองคนอยู่ข้างกาย เป็นการดีกว่าที่จะส่งพวกเขาไปต่างประเทศสักระยะหนึ่ง

ร่างกายของซูย้าวแข็งทื่อ แต่ก็ตอบสนองในทันที เธอลังเลเล็กน้อย “แต่คุณบอกว่าฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเด็กๆ แล้วทำไม……เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”

เขายิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วเอามือใหญ่แตะไปที่แก้มของเธอ “ตอนนั้นผมโกรธมาก คุณอยากไปไหมล่ะ? ถ้าคุณต้องการไป ละก็ไปชั้นบนแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย”

เธอไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าอย่างเร่งรีบแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน

ลี่เฉินซีอยู่รอเธอที่ข้างล่าง และพ่อบ้านแก่เข้ามาในเวลาที่เหมาะสมพอดี “คุณลี่ รับชาสักถ้วยไหม?”

เขาส่ายหน้าเล็กน้อยและปฏิเสธ “ไม่ครับ”

พ่อบ้านแก่ลังเลที่จะจากไป ราวกับว่ามีอะไรจะพูด แต่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ยังไม่ได้พูดออกมา อาจเป็นเพราะกังวลใจหรือไม่กล้า ลี่เฉินซีเห็นการแสดงออกของเขาจึงได้กล่าวว่า “มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ!”

เมื่อได้รับการอนุญาต พ่อบ้านแก่จึงรีบพูดว่า “คุณลี่ คุณน่าจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลซูมากกว่าที่ผมรู้ คุณและคุณหนูรองอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว เพราะนายท่านจากไปแต่เนิ่นๆ ตอนนี้ตระกูลซูนอกจากคุณหนูรองก็ไม่มีใครเหลือ ดังนั้นหากผมทำให้คุณขุ่นเคือง โปรดยกโทษให้ด้วย”

“คุณจริงจังกับคุณหนูรองหรือไม่?” พ่อบ้านแก่ตัดบท นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม “พวกคุณเคยแต่งงานกันมาก่อน แต่คุณก็รู้ว่าทำไมคุณถึงหย่าร้างกัน เรื่องนี้คุณรู้ดีกว่าผม ตอนนี้คุณและคุณหนูรองไม่ใช่เด็กแล้ว หากว่าคุณจริงใจผมก็ขออวยพรให้ทั้งสองคนด้วยใจจริง แต่ถ้าไม่ ได้โปรดปล่อยมือออกแล้วปล่อยคุณหนูของผมไปเถอะ!”

พ่อบ้านแก่ทำงานอยู่ในตระกูลซูมาเกือบครึ่งชีวิต แม้ว่าเขาจะเกลียดการกระทำต่างๆ ของซัวฉ่ายลี่และเซียวควนในตอนนั้น เนื่องจากสถานะของเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนั้นก็คือปกป้องและดูแลซูย้าวในวัยเด็กให้มากที่สุด

ในขณะนี้เขาสามารถพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ เขาได้ยืนอยู่ข้างกายของซูย้าวอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าคำพูดบางคำจะดูมีข้อสงสัย แต่ความตั้งใจเดิมนั้นก็มีจุดประสงค์ที่ดี

ดวงตาที่ลึกล้ำของลี่เฉินซีจมลงเล็กน้อย เขาพึมพำออกมาก่อนจะพูดว่า “การที่คุณพูดคำเหล่านี้ออกมาได้ ผมต้องขอขอบคุณแทนซูย้าวจริงๆ แต่ว่าได้โปรดวางใจเถอะครับ เรื่องอื่นผมเองไม่อาจรับปากได้ แต่เรื่องนี้ผมพูดได้ว่าอย่าได้กังวล”

ทันทีที่กล่าวคำนี้ออกมา หัวใจของพ่อบ้านแก่ที่เป็นกังวลก็สงบนิ่งทันที เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ดีมากครับ คุณหนูของเราลำบากมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้โตขึ้นมาก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายได้เพียงไม่กี่วัน ผมหวังว่าคุณลี่จะสามารถให้ความสุขกับเธอในอนาคตได้ ผมต้องขอขอบคุณแทนนายท่านที่ล่วงลับไปแล้วด้วย!”

ขณะที่พูด พ่อบ้านแก่ก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ มันทำให้ลี่เฉินซีทนไม่ได้และรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา “คุณพูดเกินไปแล้วล่ะครับ ต่อจากนี้ไป เธอจะมีผมอยู่ข้างกายเสมอ”

เมื่อซูย้าวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและเดินลงข้างล่างพร้อมกับกระเป๋า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่ก็ตาม แต่ดูเหมือนพ่อบ้านแก่กำลังพยักหน้าและขอบคุณลี่เฉินซี ให้ความรู้สึกอธิบายไม่ถูก

จนกระทั่งลี่เฉินซีพาเธอเดินทางออกไปจากคฤหาสน์และขึ้นรถ เธอจึงถามต่อไปว่า “พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน? ทำไมพ่อบ้านแก่ของฉันจึงพยักหน้าและคำนับคุณแบบนั้น? คุณทำอะไรให้เขาลำบากใจเหรอ?”

ลี่เฉินซียิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ผมชอบทำให้คนอื่นลำบากใจมากหรือไง? คุณเห็นผมเป็นคนยังไงกัน?”

“ไม่ใช่เหรอ?” เธอพึมพำด้วยความสงสัย ก่อนจะกำชับอีกครั้งว่า “ลุงเฉินดูแลฉันดีมากเมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก เขาเป็นเหมือนกับครอบครัวของฉัน คุณห้ามดุเขานะ!”

ลี่เฉินซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอื้อมมือไปบีบจมูกเล็กๆ ของเธอแล้วตอบอย่างรวดเร็วว่า “เข้าใจแล้วครับ ผมมีอะไรจะให้คุณ”

ขณะที่เขาพูดก็ได้หยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าและส่งมันให้ซูย้าว เธอหรี่ตาลงอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นมัน เธอก็ตกตะลึง

เพราะมันคือบัตรประชาชน

ยังคงเป็นภาพเดิมของเธอ แต่ชื่อของเธอถูกเปลี่ยนจากอานหว่านชิงเป็นซูย้าว

ลี่เฉินซีใช้มือใหญ่ของเขาลูบหัวของเธอ “บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านถูกเปลี่ยนกลับมาแล้ว เหลือเพียงบัญชีของคุณเท่านั้น เดี๋ยวผมหาเวลาว่างไปธนาคารเป็นเพื่อนคุณเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงก็พอ”

ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าเธอจะเดินทางหรือใช้จ่ายเงิน ก็สามารถทำได้โดยไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดใดๆ

ซูย้าวกะพริบตาดูบัตรประจำตัวของเธอด้วยความพึงพอใจก่อนมองไปด้านข้าง “แล้วหนังสือเดินทางกับใบขับขี่ล่ะ?”

ใบหน้าของลี่เฉินซีแข็งทื่อขึ้นทันที “ลืมไป ไว้ทำทีหลัง!”

เธอมองมาที่เขา “ลี่เฉินซี คุณเพียงแค่รอวันนี้ใช่ไหม?”

“อะไรนะ” เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“คุณรอให้ฉันฟื้นความจำ เปลี่ยนตัวตนของฉันกลับคืน ดังนั้น……”

เธอยังไม่ทันได้พูดต่อ ก็ถูกคำพูดอันรวดเร็วของลี่เฉินซีพูดแทรกขึ้นว่า “ดังนั้นก่อนหน้านี้ผมจึงยอมให้คุณหย่า”

คนที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วยจริงๆ หรือคนที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วยอีกครั้งมีเพียงซูย้าวเท่านั้น

แม้ว่าวิธีของเขาจะก้าวร้าวไปเล็กน้อยในตอนนั้น และไม่สนใจเกี่ยวกับตัวตนของอานหว่านชิง แต่เขามักจะรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อเธอปลอมลายเซ็นของเขาต่อหน้าและลงนามในข้อตกลงการหย่าร้าง เขาจึงปล่อยให้เลยตามเลย ไม่ได้พูดอะไรออกมาก็เพราะเหตุนี้นี่เอง

ดวงตาของซูย้าวมองมาอย่างลึกล้ำและประหลาดใจ “คุณ……”

เขาจุมพิตลงไปที่หน้าผากน้อยของเธอเบาๆ “ผมทำไม? เป็นเพราะคุณ ผมจึงได้หย่าร้างมากี่ครั้งแล้ว? ถ้าผมแต่งงานอีกก็นับเป็นครั้งที่สามแล้ว คุณว่าคุณควรจะรับผิดชอบยังไง?”

แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่เขาแต่งงานด้วยทุกครั้ง แต่การที่ทำเรื่องแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมากับคนคนเดียว เขาเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ 786 แต่งงานครั้งที่สาม

Now you are reading เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ Chapter 786 แต่งงานครั้งที่สาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซูย้าวอาบน้ำในอ่างอย่างสบายใจ เดิมทีเธอต้องการนอนหลับอย่างเงียบๆ สักพัก เพื่อชดเชยเวลาในการนอนก่อนหน้านี้ แต่เธอกลับถูกกลิ่นของอาหารมาดึงดูดใจ ซึ่งทำให้เธอต้องพลิกตัวครั้งแล้วครั้งเล่า นอนอย่างไรก็ไม่หลับ

เธอทำอะไรไม่ถูกจึงได้ลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นขยี้ผมยาวสลายของเธอด้วยความโกรธ ไฟฟ้าสถิตทำให้ผมของเธอฟูราวกับสิงโตตัวเล็กๆ ที่มีขนชี้พอง

เป็นเพราะอายุที่มากขึ้นหรือเปล่า? เธอจึงถูกดึงดูดด้วยกลิ่นของอาหารเหล่านี้ แม้แต่ตัวเธอเองยังรู้สึกพูดไม่ออก

แต่ใครจะสามารถต่อสู้กับปฏิกิริยาของร่างกายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงร้องที่หิวโหยของกระเพาะ เธอรู้สึกว่ากลิ่นนั้นมันไม่อาจต้านทานได้เลยจริงๆ

ดังนั้นเธอจึงไม่อาจอดทนได้ เธอสวมชุดนอนและใส่รองเท้าแตะวิ่งลงไปชั้นล่าง

จากนั้น เธอเห็นภาพของลี่เฉินซีนั่งอยู่ในห้องอาหารด้วยชุดสูทและรองเท้าหนัง พร้อมจานอาหารที่น่าดึงดูดช่างดูกลมกล่อมมากมายอยู่บนโต๊ะตรงหน้าเขา

พ่อบ้านแก่ตักซุปร้อนๆ เดินออกมาออกจากครัวอย่างมีความสุข ทันทีที่เงยหน้าขึ้นเห็นเธอจึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “คุณหนูรอง ตื่นแล้วเหรอ? เมื่อคืนนี้นอนหลับสบายหรือเปล่า? ลงมาทานอาหารกันเถอะ!”

ซูย้าวมองไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสง่างามซึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยความประหลาดใจ เธอขมวดคิ้วแล้วเดินตรงมาพูดว่า “คุณยังไม่ไปอีกเหรอ?”

ลี่เฉินซีมองดูเธอด้วยความสนอกสนใจ ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา พ่อบ้านแก่ก็พูดขึ้นว่า “คุณลี่ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว พักทานอาหารก่อนออกเดินทางเถอะค่ะ!”

ริมฝีปากที่อ่อนแอของซูย้าวกระตุกเล็กน้อย หลังจากหายใจเข้าลึก เธอก็เดินไปข้างชายหนุ่มแล้วนั่งลง เธอไม่สามารถต้านทานปฏิกิริยาของท้องที่ร้องออกมาได้ ได้แต่รีบหยิบตะเกียบขึ้นมาและกินอย่างรวดเร็ว

ลี่เฉินซีมองดูเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าที่เย็นชาของเธอก่อนหน้านี้มีแนวโน้มที่อ่อนโยนลงมาก แม้แต่มุมปากที่บอบบางของเธอก็ยังคงเผยอขึ้น รอยยิ้มของเธอดูสง่างามอบอุ่น ให้ความรู้สึกแตกต่างและยั่วยวนมากขึ้น

ความสนใจของซูย้าวจดจ่ออยู่ที่อาหาร เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นการจ้องมองที่ลุกโชนของคนซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าเลย ลี่เฉินซีแทบจะไม่ได้กินอะไรลงไป เพียงแค่ตักอาหารให้เธอ เอาก้างปลาออกอย่างระมัดระวัง แล้วเลือกเพียงเนื้อปลาให้แก่เธอ

ทั้งสองคนลงมือกินอาหารโดยไม่ได้พูดอะไรกันเพิ่มเติม เธอกินอย่างอิ่มหนำ ส่วนเขาได้แต่คอยดูแลเธอ

พ่อบ้านแก่เฝ้ามองทั้งสองคนอยู่ตลอดเวลา และอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้

เมื่อกินไปได้พอประมาณ ซูย้าวตั้งใจจะหันกลับไปนอนต่อ แต่ลี่เฉินซีเข้าไปหยุดความคิดเธอไว้ “ง่วงมากเหรอ?”

เธอขมวดคิ้ว “อะไรนะ?”

“ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนผมหน่อยได้ไหม?” เขาถาม

ซูย้าวตกใจ เธอครุ่นคิดบางอย่างโดยไม่รู้ตัว ดูไม่แน่ใจเล็กน้อยก่อนถามอย่างลังเลว่า “ไปโรงพยาบาล? คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เขาส่ายหน้า สายตาอันลึกล้ำนั้นมองไปพูดว่า “ไปหาเจิ้งเอ๋อและหมิงเอ๋อ เด็กทั้งสองอาการดีขึ้นมากแล้ว ผมวางแผนที่จะส่งพวกเขาไปต่างประเทศในอีกสองสามวัน”

เนื่องจากไม่แน่ใจว่าอานเจียเย้นจะทำอย่างไรต่อไปสำหรับตอนนี้ มันไม่ปลอดภัยที่จะปล่อยให้เด็กสองคนอยู่ข้างกาย เป็นการดีกว่าที่จะส่งพวกเขาไปต่างประเทศสักระยะหนึ่ง

ร่างกายของซูย้าวแข็งทื่อ แต่ก็ตอบสนองในทันที เธอลังเลเล็กน้อย “แต่คุณบอกว่าฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมเด็กๆ แล้วทำไม……เปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”

เขายิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วเอามือใหญ่แตะไปที่แก้มของเธอ “ตอนนั้นผมโกรธมาก คุณอยากไปไหมล่ะ? ถ้าคุณต้องการไป ละก็ไปชั้นบนแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย”

เธอไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าอย่างเร่งรีบแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน

ลี่เฉินซีอยู่รอเธอที่ข้างล่าง และพ่อบ้านแก่เข้ามาในเวลาที่เหมาะสมพอดี “คุณลี่ รับชาสักถ้วยไหม?”

เขาส่ายหน้าเล็กน้อยและปฏิเสธ “ไม่ครับ”

พ่อบ้านแก่ลังเลที่จะจากไป ราวกับว่ามีอะไรจะพูด แต่ลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ยังไม่ได้พูดออกมา อาจเป็นเพราะกังวลใจหรือไม่กล้า ลี่เฉินซีเห็นการแสดงออกของเขาจึงได้กล่าวว่า “มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ!”

เมื่อได้รับการอนุญาต พ่อบ้านแก่จึงรีบพูดว่า “คุณลี่ คุณน่าจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของตระกูลซูมากกว่าที่ผมรู้ คุณและคุณหนูรองอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว เพราะนายท่านจากไปแต่เนิ่นๆ ตอนนี้ตระกูลซูนอกจากคุณหนูรองก็ไม่มีใครเหลือ ดังนั้นหากผมทำให้คุณขุ่นเคือง โปรดยกโทษให้ด้วย”

“คุณจริงจังกับคุณหนูรองหรือไม่?” พ่อบ้านแก่ตัดบท นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม “พวกคุณเคยแต่งงานกันมาก่อน แต่คุณก็รู้ว่าทำไมคุณถึงหย่าร้างกัน เรื่องนี้คุณรู้ดีกว่าผม ตอนนี้คุณและคุณหนูรองไม่ใช่เด็กแล้ว หากว่าคุณจริงใจผมก็ขออวยพรให้ทั้งสองคนด้วยใจจริง แต่ถ้าไม่ ได้โปรดปล่อยมือออกแล้วปล่อยคุณหนูของผมไปเถอะ!”

พ่อบ้านแก่ทำงานอยู่ในตระกูลซูมาเกือบครึ่งชีวิต แม้ว่าเขาจะเกลียดการกระทำต่างๆ ของซัวฉ่ายลี่และเซียวควนในตอนนั้น เนื่องจากสถานะของเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้ในตอนนั้นก็คือปกป้องและดูแลซูย้าวในวัยเด็กให้มากที่สุด

ในขณะนี้เขาสามารถพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาได้ เขาได้ยืนอยู่ข้างกายของซูย้าวอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าคำพูดบางคำจะดูมีข้อสงสัย แต่ความตั้งใจเดิมนั้นก็มีจุดประสงค์ที่ดี

ดวงตาที่ลึกล้ำของลี่เฉินซีจมลงเล็กน้อย เขาพึมพำออกมาก่อนจะพูดว่า “การที่คุณพูดคำเหล่านี้ออกมาได้ ผมต้องขอขอบคุณแทนซูย้าวจริงๆ แต่ว่าได้โปรดวางใจเถอะครับ เรื่องอื่นผมเองไม่อาจรับปากได้ แต่เรื่องนี้ผมพูดได้ว่าอย่าได้กังวล”

ทันทีที่กล่าวคำนี้ออกมา หัวใจของพ่อบ้านแก่ที่เป็นกังวลก็สงบนิ่งทันที เขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ดีมากครับ คุณหนูของเราลำบากมาตั้งแต่เด็ก ต่อให้โตขึ้นมาก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายได้เพียงไม่กี่วัน ผมหวังว่าคุณลี่จะสามารถให้ความสุขกับเธอในอนาคตได้ ผมต้องขอขอบคุณแทนนายท่านที่ล่วงลับไปแล้วด้วย!”

ขณะที่พูด พ่อบ้านแก่ก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ มันทำให้ลี่เฉินซีทนไม่ได้และรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขา “คุณพูดเกินไปแล้วล่ะครับ ต่อจากนี้ไป เธอจะมีผมอยู่ข้างกายเสมอ”

เมื่อซูย้าวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จและเดินลงข้างล่างพร้อมกับกระเป๋า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไรอยู่ก็ตาม แต่ดูเหมือนพ่อบ้านแก่กำลังพยักหน้าและขอบคุณลี่เฉินซี ให้ความรู้สึกอธิบายไม่ถูก

จนกระทั่งลี่เฉินซีพาเธอเดินทางออกไปจากคฤหาสน์และขึ้นรถ เธอจึงถามต่อไปว่า “พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน? ทำไมพ่อบ้านแก่ของฉันจึงพยักหน้าและคำนับคุณแบบนั้น? คุณทำอะไรให้เขาลำบากใจเหรอ?”

ลี่เฉินซียิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ผมชอบทำให้คนอื่นลำบากใจมากหรือไง? คุณเห็นผมเป็นคนยังไงกัน?”

“ไม่ใช่เหรอ?” เธอพึมพำด้วยความสงสัย ก่อนจะกำชับอีกครั้งว่า “ลุงเฉินดูแลฉันดีมากเมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก เขาเป็นเหมือนกับครอบครัวของฉัน คุณห้ามดุเขานะ!”

ลี่เฉินซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอื้อมมือไปบีบจมูกเล็กๆ ของเธอแล้วตอบอย่างรวดเร็วว่า “เข้าใจแล้วครับ ผมมีอะไรจะให้คุณ”

ขณะที่เขาพูดก็ได้หยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าและส่งมันให้ซูย้าว เธอหรี่ตาลงอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นมัน เธอก็ตกตะลึง

เพราะมันคือบัตรประชาชน

ยังคงเป็นภาพเดิมของเธอ แต่ชื่อของเธอถูกเปลี่ยนจากอานหว่านชิงเป็นซูย้าว

ลี่เฉินซีใช้มือใหญ่ของเขาลูบหัวของเธอ “บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านถูกเปลี่ยนกลับมาแล้ว เหลือเพียงบัญชีของคุณเท่านั้น เดี๋ยวผมหาเวลาว่างไปธนาคารเป็นเพื่อนคุณเพื่อทำการเปลี่ยนแปลงก็พอ”

ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าเธอจะเดินทางหรือใช้จ่ายเงิน ก็สามารถทำได้โดยไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดใดๆ

ซูย้าวกะพริบตาดูบัตรประจำตัวของเธอด้วยความพึงพอใจก่อนมองไปด้านข้าง “แล้วหนังสือเดินทางกับใบขับขี่ล่ะ?”

ใบหน้าของลี่เฉินซีแข็งทื่อขึ้นทันที “ลืมไป ไว้ทำทีหลัง!”

เธอมองมาที่เขา “ลี่เฉินซี คุณเพียงแค่รอวันนี้ใช่ไหม?”

“อะไรนะ” เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“คุณรอให้ฉันฟื้นความจำ เปลี่ยนตัวตนของฉันกลับคืน ดังนั้น……”

เธอยังไม่ทันได้พูดต่อ ก็ถูกคำพูดอันรวดเร็วของลี่เฉินซีพูดแทรกขึ้นว่า “ดังนั้นก่อนหน้านี้ผมจึงยอมให้คุณหย่า”

คนที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วยจริงๆ หรือคนที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วยอีกครั้งมีเพียงซูย้าวเท่านั้น

แม้ว่าวิธีของเขาจะก้าวร้าวไปเล็กน้อยในตอนนั้น และไม่สนใจเกี่ยวกับตัวตนของอานหว่านชิง แต่เขามักจะรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อเธอปลอมลายเซ็นของเขาต่อหน้าและลงนามในข้อตกลงการหย่าร้าง เขาจึงปล่อยให้เลยตามเลย ไม่ได้พูดอะไรออกมาก็เพราะเหตุนี้นี่เอง

ดวงตาของซูย้าวมองมาอย่างลึกล้ำและประหลาดใจ “คุณ……”

เขาจุมพิตลงไปที่หน้าผากน้อยของเธอเบาๆ “ผมทำไม? เป็นเพราะคุณ ผมจึงได้หย่าร้างมากี่ครั้งแล้ว? ถ้าผมแต่งงานอีกก็นับเป็นครั้งที่สามแล้ว คุณว่าคุณควรจะรับผิดชอบยังไง?”

แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่เขาแต่งงานด้วยทุกครั้ง แต่การที่ทำเรื่องแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมากับคนคนเดียว เขาเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+