NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง 434 มู่หรงฉางเฟิงซาดิสม์
บทที่434 มู่หรงฉางเฟิงซาดิสม์
มู่หรงฉางเฟิงอยากทดสอบหลี่ฝาง ดูว่าหลี่ฝางฝึกกังฟูเป็นหรือไม่ ……
เขากำหมัด ชูกำปั้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน เป้าหมายพุ่งไปที่หน้าของหลี่ฝาง
แต่ตอนนี้เอง ส้าวส้วยกลับเดินหน้าเข้าไปก่อน มือข้างหนึ่งหยุดการโจมตีนี้ของหรงฉางเฟิง
ส้าวส้วยยื่นมือออกไป ใช้มือจับกำปั้นของมู่หรงฉางเฟิงไว้ แล้วยิ้มให้“คุณชายมู่หรง นี่คุณจะทำอะไรเหรอ?แอบโจมตีคุณชายผมเหรอไง!”
“คุณชายของพวกเราไม่เล่นชกเตะหรอก เรื่องชกเตะเป็นคนใช้อย่างพวกเราที่เล่นต่างหาก”
ประโยคนี้ของส้าวส้วย ชัดเจนว่ากำลังว่ามู่หรงฉางเฟิงว่าเป็นคนใช้คนหนึ่ง
มู่หรงฉางเฟิงขมวดคิ้วแน่น มองส้าวส้วยอย่างเย็นชา“คุณ……”
มู่หรงฉางเฟิงพูดจบ จู่ๆส้าวส้วยก็เพิ่มแรงหมัด จนมู่หรงฉางเฟิงกัดฟันแน่น
“ในเมื่อคุณชายมู่หรงอยากเล่นชกเตะ งั้นผมเล่นกับคุณละกัน!”ส้าวส้วยหรี่ตายิ้มๆ
“คุณมันเป็นใคร!”
มู่หรงฉางเฟิงพูดจบ ก็เตะออกมา
แต่ขานี้ยกขึ้นมา ก็ถูกส้าวส้วยบล็อกไว้
“ช้าไปนะ”
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ“ปล่อยหมัดขา ต้องไว!”
พูดจบ ส้าวส้วยก็ยกเท้าขึ้นอย่างไว เตะไปที่ท้องน้อยของมู่หรงฉางเฟิง
“และก็ต้องแรง!”
ส้าวส้วยพูดจบอย่างเบาๆ มู่หรงฉางเฟิงก็คุกเข่าลง อ้วกออกมา
“โอ๊ย โจมตีอย่างสุดที่จะรับได้!”
ส้าวส้วยส่ายหน้า พูดอย่างผิดหวัง“ได้ยินว่าคุณชายมู่หรงเคยฆ่าคนมากมายที่กรงแปดเหลี่ยม……ผมคิดว่าคุณจะเป็นคนโหดเสียอีก”
“ดูเหมือน พวกเขาจะกลัวตัวตนของคุณ เลยออมมือกับคุณ”
“เป็นพวกเขาที่ทำร้ายคุณ”
พอส้าวส้วยพูดจบ ก็เตะออกไปอีก เตะจนเอวของมู่หรงฉางเฟิงยืดไม่ตรง
จากนั้น ส้าวส้วยกำหมัด ต่อยไปที่หลังของมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิง สบถออกมาแล้วคุกเข่าลงพื้น
จุดที่มู่หรงฉางเฟิงคุกเข่าลงนั้น ตรงกับจุดที่หลี่ฝางยืนอยู่พอดี
มู่หรงฉางเฟิงเงยหน้าขึ้น มองส้าวส้วย ตอนที่มีสีหน้าเจ็บปวด สายตาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
มู่หรงฉางเฟิงไม่อยากจะเชื่อ!
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนที่มีฝีมือดีได้ขนาดนี้
สถานที่ที่ตัวเองเจอในกรงแปดเหลี่ยม ไม่เคยอ่อนให้ตัวเองเลย จุดนี้ ในใจมู่หรงฉางเฟิงรู้ดี
ถ้าอ่อนให้ล่ะก็ ผู้สืบทอดตระกูลมู่หรงคนอื่นๆจะตายที่กรงแปดเหลี่ยมได้ไงล่ะ?
น้องชายฉินเสี่ยวหู่ แล้วจะถูกตัวเองโจมตีจนโค่นล้มได้ไง?
ทักษะกังฟูของตัวเอง ไม่ใช่ว่าแค่ดูดีแต่นำไปใช้จริงไม่ได้
ก็แค่ ตัวเองเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวกว่าเท่านั้นเอง
คู่ต่อสู้นี้ ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว
มู่หรงฉางเฟิงเจ็บจนเหงื่อที่ใบหน้าไหล“คุณ……คุณเป็นใครกันแน่?”
“เมื่อกี๊ไม่ได้บอกคุณแล้วเหรอ ผมก็แค่คนใช้ตัวเล็กๆเท่านั้น”
ส้าวส้วยมองบนลงมาที่มู่หรงฉางเฟิง เย้ยหยันเขา“คุณชายมู่หรง ทำไมคุณไร้ประโยชน์แบบนี้ แค่คนใช้อย่างผมก็สู้ไม่ได้ ……”
มู่หรงฉางเฟิงทำเสียงฮึดฮัด กัดฟันพูด“คนใช้?ถ้าคุณเป็นแค่คนใช้ จะรู้เรื่องราวของผมได้ไง”
“คุณจะรู้ว่ากังฟูของผมฝึกมาจากกรงแปดเหลี่ยม?”
“แค่คนคนใช้ จะรู้มากมายแบบนี้ได้ไง?”มู่หรงฉางเฟิงถามพลางจ้องส้าวส้วย
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ“คุณชายมู่หรง ผู้สืบทอดของตระกูลมู่หรงพวกคุณ เป็นแค่เตะต่อย ฝึกออกมาจากกรงแปดเหลี่ยมทั้งนั้นสินะ?”
“กรงแปดเหลี่ยม……นอกจากทำให้พวกคุณสามารถฝึกการเตะต่อยกังฟูแล้ว ก็ยังฝึกความชั่วร้ายในตัวพวกคุณด้วย ดังนั้นผู้สืบทอดของตระกูลมู่หรงของพวกคุณ แต่ละคนต่างโหดเหี้ยมอำมหิต ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล”
ส้าวส้วยพูดไป สีหน้าก็เย็นชา“ดูเหมือนตระกูลมู่หรงแต่ละรุ่นจะสู้รุ่นก่อนๆไม่ได้ สามปีก่อน ผมเจอคู่ต่อสู้ของตระกูลมู่หรงแต่แข็งแกร่งกว่าคุณเยอะเลย”
ได้ยินคำนี้ ทันใดนั้นมู่หรงฉางเฟิงก็ตาโตจ้องมองส้าวส้วย“คุณคือผู้ชายคนนั้นที่หนีไปเมื่อสามปีก่อน?”
ส้าวส้วยไม่ตอบ แต่มองมู่หรงฉางเฟิง“คุณชายมู่หรง คุณว่าคุณ ในฐานะที่เป็นลูกเขยที่ดีของฉินเพ่ย ทำไมต้องช่วยฉินเสี่ยวหู่ที่เป็นคนนอกด้วย?นี่คุณเห็นขี้ดีกว่าไส้หรือเปล่า?แล้วถ้าให้ฉินหยีหรันภรรยาคุณรู้ เธอจะเสียใจแค่ไหน”
เสียงตบดังเพียะ ส้าวส้วยตบมู่หรงฉางเฟิงไปหนึ่งฉาด
ฉาดนี้ ตบใส่ที่หน้ามู่หรงฉางเฟิง ตบจนเป็นรอยเลือด
“ฉาดนี้ ผมตบแทนภรรยาคุณ”
ส้าวส้วยด่า“กินบนเรือนขี้บนหลังคา”
พอด่าจบ ส้าวส้วยก็ตบใส่มู่หรงฉางเฟิงอีกฉาด
สองฉาดนี้ ตบไปที่ตำแหน่งเดียวกัน แม้แต่รอยเส้นก็ไม่เปลี่ยน
ที่ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง มีเลือดซิบจางๆ
“ฉาดนี้ ผมตบแทนฉินเสี่ยวหู่”
“ถ้าไม่ใช่คุณที่ชักจูงฉินเสี่ยวหู่ ให้เขาแย่งชิงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ป กับหัวหน้าครอบครัวตระกูลฉิน เขาคงไม่ตกต่ำถึงจุดนี้”
ส้าวส้วยพูดเบาๆ
ฉินเสี่ยวหู่ที่อยู่ในรถได้ยินคำนี้ สีหน้าก็ตะลึงไปก่อน จากนั้น เขาก็เข้าใจทันที
ที่จริงหลอซ่ามีหลักฐานที่ตัวเองกระทำผิดไว้นานแล้ว ก็แค่ ไม่คิดจะจะเอาคืนเขา
ตอนนี้ สี่ตระกูลใหญ่มาหาตัวเอง เวลานี้ หลอซ่าจึงต้องเริ่มจัดการตัวเอง
หลังจากคาดเดาไปถึงความจริง ใบหน้าฉินเสี่ยวหู่ ก็ปรากฏความเสียใจ
เห้อ ถ้ารู้แบบนี้ ก็ไม่รับปากมู่หรงฉางเฟิงแล้ว
มู่หรงฉางเฟิงถูกตบไปสองฉาดติดกัน จนคุกเข่าลงที่พื้น แต่ไม่ส่งเสียงร้องออกมา จะเห็นว่าจิตใจและนิสัยนั้นสูงกว่าคนทั่วไป
“จะโทษใครได้?”
“บนโลกนี้ จะมีใครปฏิเสธอำนาจที่จุดสูงสุด แล้วก็เพลิดเพลินไปกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งไม่รู้จบได้บ้างล่ะ?”
“ผมไปหาฉินเสี่ยวหู่ เพื่อให้โอกาสเขาขึ้นตำแหน่ง ผิดตรงไหนครับ?”
“ที่ทำลายเขาจริงๆ คือพวกคุณ”
มู่หรงฉางเฟิงชี้แจ้งความจริงให้ตัวเอง
ส้าวส้วยพูดจบ ก็พยักหน้า“คุณพูดถูก ดูเหมือนผมจะตำหนิคุณมั่วๆ”
“แบบนี้ ฉาดนี้ ก็ไม่สมควรตบ”
ส้าวส้วยส่ายหน้า มองมู่หรงฉางเฟิง“แต่ตบไปแล้วก็ตบไป คุณจะทำอะไรผม?”
“เจ้านาย คุณมีอะไรจะพูดกับผู้ชายคนนี้ไหม?”
ส้าวส้วยหันหน้ามองหลี่ฝาง
หลี่ฝางมองมู่หรงฉางเฟิงแวบหนึ่ง ลังเลสักพักจึงพูด“มู่หรงฉางเฟิง ความแค้นของเราสองคน โอกาสที่จะสู้กันต่อไปยังมีอีกเยอะ ”
“ผมแค่จะเตือนคุณ อย่าคิดอุบายให้ฉินวี่เฟย”
“ไม่อย่างนั้น ผมจะฆ่าคุณโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด”
“มู่หรงฉางเฟิง คุณน่าจะรู้ความแข็งแกร่งของตระกูลหลี่พวกเราอย่างดี ตอนแรก พวกคุณสี่ตระกูลใหญ่ร่วมมือกันจึงไล่พ่อผมออกไปจากเมืองเอกได้……หมายความว่า พวกคุณสี่ตระกูลใหญ่ร่วมมือกัน ก็คงจะแข็งแกร่งกว่าพ่อผมขึ้นมาหน่อยเท่านั้น”
“ถ้าคุณแตะต้องเส้นตายของผม ผมจะบอกพ่อผม ให้นำกองกำลังทั้งหมอ ไปทำลายแค่ตระกูลมู่หรงของคุณ”
“ถึงตอนนั้น กลัวว่าสี่ตระกูลใหญ่ จะกลายเป็นสามตระกูลใหญ่น่ะสิ?”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ พูดขู่“ถ้าคุณไม่อยากให้ตระกูลมู่หรงสูญหายไป ก็จำคำผมไว้ดีๆ”
พูดไป หลี่ฝางก็ตบไปเล็กน้อย ที่หน้าของมู่หรงฉางเฟิง
“โอเค มู่หรงฉางเฟิง ผมไปแล้ว พวกเรายังมีโอกาสเจอกันอีก ครั้งนี้ ถือว่าพวกเราเสมอกัน คุณหลอกใช้ความสัมพันธ์ของตัวเองปกป้องฉินเสี่ยวหู่ แต่กลับแพ้ในเงื้อมมือของส้าวส้วย”
“คนหนึ่งชนะหนึ่งนัด ครั้งหน้าเราค่อยมาดูว่าใครจะเจ๋งกว่ากัน”
พูดจบ หลี่ฝางกับส้าวส้วยหันหน้าไปพร้อมกัน และเดินไปที่รถ
เวลานี้เอง มู่หรงฉางเฟิงก็ประคองรถ ลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
ดวงตาของมู่หรงฉางเฟิง จ้องไปที่ส้าวส้วยเขม็ง
มู่หรงฉางเฟิงไม่กลัวหลี่ฝาง แต่สำหรับส้าวส้วย เกิดความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
มู่หรงฉางเฟิงรู้ว่า คนๆนี้ปล่อยไม่ได้
ถ้าไม่ทำลายเขา งั้นอนาคตคนๆนี้ก็จะเป็นอุปสรรคในการกำจัดหลอซ่า
ยื่นมือชี้ไปทางที่ส้าวส้วยอยู่ มู่หรงฉางเฟิงส่งสายตาให้ฉินเสี่ยวหู่ ที่อยู่ในรถ
ฉินเสี่ยวหู่มองส้าวส้วย ในใจรู้สึกขี้ขลาด
ฉินเสี่ยวหู่รู้ฝีมือของมู่หรงฉางเฟิง ลูกน้องหลายสิบคนของตัวเอง ต่างถูกเขาคนเดียวโค่นล้มหมด
มู่หรงฉางเฟิงคือคนฝีมือดี
แต่คนฝีมือดีเช่นนี้ อยู่ต่อหน้าส้าวส้วย กลับถูกตบตีแม้แต่แรงที่จะสู้กลับยังไม่มี
ส้าวส้วยนี้ เรียกได้ว่าเป็นคนฝีมือดีในกลุ่มคนฝีมือดีอีก
ฉินเสี่ยวหู่รู้ว่า ถ้าปืนนี้ยิงไม่โดนส้าวส้วย งั้นตัวเอง ก็จบเห่แล้ว
มู่หรงฉางเฟิงจ้องฉินเสี่ยวหู่แวบหนึ่ง ความหมายก็คือให้เขาไวหน่อย ฉินเสี่ยวหู่จึงยกปืนขึ้นมา ปากปืนเล็งไปที่ส่วนหัวของส้าวส้วย
แต่ทันใดนั้น ลูกกระสุน ก็ลอยมาไกล ยิงใส่ที่ข้อมือของฉินเสี่ยวหู่
“โอ๊ย!”
ฉินเสี่ยวหู่ร้องออกมา ปืนในมือ ก็ร่วงลงพื้น
Comments