Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 182

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 182 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 182

ฝ่ายวายุศักดิ์สิทธิ์

 

 

นั่งที่โต๊ะหิน หลี่ฟู่เฉินจิบชาอย่างใจเย็น

 

ชานี้มีชื่อว่าชาใจเริง มีค่าใช้จ่าย 10,000 คะแนนสะสมต่อกิโลกรัม หลี่ฟู่เฉินแลกมาไม่กี่กิโลกรัมและสามารถต้มได้หนึ่งหม้อในทุกๆ วัน

 

“ตอนนี้ข้าเหลือ 9 ล้านคะแนนสะสมแล้ว ข้าต้องเหลือมันไว้สำหรับพวกอุปกรณ์และต้องไม่ใช้จ่ายอย่างประมาทอีก”

 

แม้ว่าเขาจะมีคะแนนจำนวนมาก แต่หลี่ฟูเฉินก็ไม่คิดว่าเขามีคะแนนไม่จำกัด

 

เขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับเป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตและจะไม่มีโอกาสที่คล้ายกันเช่นนี้อีกในที่ใด

 

เมื่อความสามารถของเขาดีขึ้นและเขาจำเป็นต้องไปผ่ายชั้นของหอคอยศิษย์สายตรง เมื่อนั้นแล้วเขาจะมีคุณสมบัติในการแลกทักษะแท้จริงอีกหนึ่งชิ้น

 

ในบรรดาทักษะที่มีชื่อแท้จริง จะมีค่าอย่างน้อยหลายแสนคะแนนสะสม

 

โดยเฉพาะเทคนิคลับ

 

เทคนิคลับระดับ 3 ดาวต้องการคะแนนสะสม 500,000 คะแนน

 

เทคนิคลับระดับ 4 ดาวจะเพิ่มเป็นสิบเท่าก็เท่ากับ 5 ล้านคะแนนสะสม

 

เทคนิคลับระดับ 5 ดาวมีค่าใช้จ่าย 50 ล้านคะแนนสะสม

 

ผู้อาวุโสใหญ่ จ้าวหวูจิ๋นใช้เวลาหลายสิบปีในการเก็บคะแนนสะสมให้มากพอเพื่อที่จะแลกนิกายต้นกำเนิดดาบ แน่นอน เขายังคงต้องได้รับการอนุมัติจากผู้นำนิกายและหัวหน้าผู้อาวุโสก่อนเช่นกัน หากไม่เช่นนั้น แม้จะมีคะแนนสะสมเพียงพอมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี

 

ก๊อก ก๊อก ก็อก…

 

เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอกลาน

 

“เข้ามาได้เลย”

 

หลี่ฟูเฉินค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น ก็ในเมื่อลานของเขาไม่เคยมีผู้เยี่ยมชมมาก่อน

 

เมื่อประตูเปิดออก ชายหนุ่มก็เดินเข้ามา

 

“หลี่ฟู่เฉินชิตี๋หรือไม่? ข้าคือเซียงเทียนเชียง สมาชิกตระกูลเซียงจากเมืองรวยเงิน” เซียงเทียนเชียงมองหลี่ฟู่เฉินขณะที่ยิ้ม

 

“นั่งก่อน” หลี่ฟู่เฉินแสดงท่าทางด้วยมือขวา

 

“ขอบคุณ” เซียงเทียนเชียงนั่งตรงข้ามหลี่ฟู่เฉิน

 

หลี่ฟู่เฉินรินชาหนึ่งถ้วยสำหรับเซียงเทียนเชียง ชาเป็นสีอำพันและกระจ่างใส มันให้ความรู้สึกเข้มข้น

 

เซียงเทียนเชียงยกถ้วยชาขึ้นมาและจิบ “ควรค่าแก่การถูกเรียกว่าชาใจเริง มันฟื้นฟูจิตใจและดูเหมือนว่าจะคิดด้านลบทั้งหมดไป”

 

เขาไม่ได้เข้าเขตแดนร้อยพฤกษาเร้นลับ จึงมีคะแนนสะสมจำนวนที่จำกัด เขามีไม่เพียงพอที่จะแลกทรัพยากร งั้นแล้วเขาจะแลกชาเช่นนี้มาได้อย่างไร? แม้แต่กระทั่งชาใจเริงนี้ก็เป็นสิ่งที่เขาลองดูเพียงไม่กี่ครั้งในชีวิต

 

หลี่ฟู่เฉินจึงเติมลงถ้วยอีกครั้ง “ข้าสงสัยว่าทำไมเซียงชิเซียงถึงมาหาข้า?”

 

หลี่ฟู่เฉินรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลเซียง

 

เซียงเทียนเชียงตอบกลับ “ศิษย์นิกายชั้นในต้องทำให้หนึ่งภารกิจให้สำเร็จต่อหนึ่งปี แต่ศิษย์หลักไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น และสามารถอยู่ในนิกายวารีครามได้นานเท่าที่พวกเขาต้องการ แต่ข้าคิดว่ามันหายากที่จะไม่มีใครออกไปข้างนอกเลย ดังนั้นการเยี่ยมชมของข้าในวันนี้คือถามฟู่เฉินชิตี๋ ว่าเจ้าสนใจที่จะมุ่งหน้าไปยังฝ่ายสาขาวายุศักดิ์หรือฝ่ายสาขาโลหิตเหล็ก เพื่อที่จะตามล่านักสู้เต๋าปีศาจและกวาดล้างส่วนที่เหลือของนิกายหมัดปีศาจหรือไม่”

 

“นักสู้เต๋าปีศาจ และส่วนที่เหลือของนิกายหมัดปีศาจ?” หลี่ฟู่เฉินจมลึกไปในความคิด

 

นักสู้เต๋าปีศาจเป็นผู้ที่ฝึกฝนทักษะต่อสู้ที่เพ่งทำลายมนุษย์ชาติ

 

แม้ว่านิกายปีศาจสวรรค์จะไม่ชอบธรรมหรือชั่วร้าย แต่พวกเขาก็ไม่อาจถูกจัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกฝนเต๋าปีศาจ ทักษะบ่มเพาะของพวกเขาอาจดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้จงใจทำลายชีวิต

 

แต่นักสู้เต๋าปีศาจนั้นแตกต่างออกไป ทักษะที่พวกเขาฝึกฝนล้วนแล้วแต่โหดร้ายและไร้ความปราณีอย่างยิ่ง

 

เช่นเดียวกับเทคนิคดูดโลหิต ยิ่งมนุษย์บริโภคเลือดมากเท่าใด ความเร็วในการเลื่อนระดับของพวกเขาก็ยิ่งพัฒนาขึ้นได้เร็วเท่านั้น หากพวกเขาบริโภคเลือดของผู้เชี่ยวชาญ มันก็ยิ่งเร็วขึ้น มันเป็นเทคนิคที่ทำคนนึงสำเร็จโดยเร็ว

 

มีเทคนิคเต๋าปีศาจบางอย่างที่ใช้หยินเพื่อหล่อเลี้ยงหยาง ผู้หญิงนับไม่ถ้วนต้องตกตายลงเพราะพวกเธอถูกใช้เป็นสิ่งฝึกฝนโดยเหล่านักสู้เต๋าปีศาจ มีเทคนิคที่ต้องการเลือดของทารกแรกเกิดในปีหยิน เดือนหยิน และวันหยินเพื่อฝึกฝน สรุปแล้ว เทคนิคเต๋าปีศาจเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเทคนิคซึ่งมุ่งทำลายมนุษย์ แม้แต่กระทั่งเทคนิคเต๋าปีศาจที่อ่อนด้อยที่สุดก็โหดเหี้ยมและไม่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป

 

สำหรับนิกายหมัดปีศาจ

 

พวกเขาเป็นนิกายที่น่ากลัว

 

ระหว่างสงครามสามนิกายของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก นิกายหมัดปีศาจได้เข้ามามีส่วนร่วม หลังจากสงครามสามนิกายของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกสิ้นสุดลง นิกายหมัดปีศาจก็ล่มสลายและพังทลายลง แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถูกกำจัดไปทั้งหมด พวกเขาเพียงแค่แยกออกจากกันเท่านั้นและเป็นเงาอยู่ภายใต้นิกายชั่วร้ายตามแคว้นต่างๆ

 

มีคนกังวลว่าถ้าสงครามสี่นิกายเกิดขึ้น มันอาจจะปลุกปั่นโดยคนจากนิกายหมัดปีศาจ

 

“เอาหล่ะเช่นนั้นแล้ว เราจะไปเยี่ยมเยือนฝ่ายสาขาวายุศักดิ์สิทธิ์”

 

นิกายวารีครามมีหลายฝักฝ่าย ในหมู่พวกนั้นมีวายุศักดิ์สิทธิ์และโลหิตเหล็ก พวกเขาปกป้องความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรืองของแคว้นวารีคราม พวกเขามีความรับผิดชอบในการตามล่าศัตรูและกวาดล้างนักสู้เต๋าปีศาจอีกเช่นกัน

 

“แน่นอน เราไปที่ฝ่ายสาขาวายุศักดิ์สิทธ์กันเถอะ”

 

เซียงเทียนเชียงยิ้มและดื่มชาอีกครั้งหนึ่ง

 

สำนักงานใหญ่ของฝ่ายวายุศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ในนิกายวารีคราม พวกเขาจะต้องขออนุมัติจากสำนักงานใหญ่ก่อนไปที่ฝ่ายสาขา

 

คำขอที่มาจากศิษย์หลัก สำนักงานใหญ่จึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ งั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาทั้งสองจึงได้ใบผ่านไปยังโถงวายุศักดิ์สิทธิ์สาขาที่เจ็ดและจะต้องมุ่งหน้าไปยังสาขาที่เจ็ดในวันถัดไป

 

สาขาที่เจ็ดอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของแคว้นวารีคราม พวกเขาทั้งสองขี่ม้าเลือดปีศาจระดับ 2 และมุ่งหน้าไปที่นั่นในวันรุ่งขึ้น

 

“บ้า บ้าไปแล้ว นี่มันไร้มนุษยธรรม หมู่บ้านทั้งหมดถูกสังหารอย่างสมบูรณ์!”

 

ยิ่งใกล้ทางเหนือมากเท่าไหร่ ความวุ่นวายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเทียบกับภาคใต้ มันเหมือนสวรรค์และนรก

 

“ที่นี่โกลาหลเช่นนี้ได้อย่างไร?” หลี่ฟู่เฉินไม่เข้าใจ

 

เซียงเทียนเชียงอธิบาย “ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นวารีครามก็คือนิกายสวรรค์ปีศาจ ไปยังตะวันออกเฉียงเหนือก็คือนิกายเร้นวิญญาณ ซึ่งเป็นสาเหตุ ที่ว่าทำไมทิศเหนือนักสู้เต๋าปีศาจถึงได้มากมาย เมื่อพวกเขาถูกไล่ตอน พวกเขาก็สามารถหนีไปยังแคว้นสวรรค์ปีศาจหรือแคว้นเร้นวิญญาณได้อย่างง่ายดาย และคนจากนิกายวารีครามเราก็ไม่กล้าไล่ล่าพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง วิธีเดียวที่เราสามารถไล่ล่าพวกมันก็คือกระทำการอย่างลับๆ เท่านั้น ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว ศัตรูก็สามารถหลบหนีได้ 8 จาก 10 ครั้ง”

 

“แน่นอน นักสู้เต๋าปีศาจในตอนนี้ก็กระตือรือร้นมากและเราเองก็เพิ่มมาถึง บ่อยครั้งที่เราอาจได้เห็นสถานการณ์แบบนี้”

 

เซียงเทียนเชียงรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ดี

 

หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าและมองดูอย่างจริงจัง

 

ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนแล้แต่เป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้คนฆ่าและไม่ต่อต้านใดๆ เขาไม่กล้าที่จะจินตนาการถึงสถานการณ์ในตอนที่เมืองหมอกเมฆาที่ต้องมาพานพบกับสิ่งนี้ พวกเขาจะป้องกันตัวเองได้อย่างไร?

 

“เหล่านักสู้เต๋าปีศาจ! พวกมันสมควรตาย!”

 

ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินปล่อยพลังฉีสังหารออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

เซียงเทียนเชียงมองหลี่ฟู่เฉินและตรวจสอบเขา เขาคิด ‘ฟู่เฉินชีตี๋มีพลังฉีสังหารที่แข็งแกร่งจริงๆ แต่มันไม่ดีนักหากหุนหันพลันแล่นกับนักสู้เต๋าปีศาจ มีความจำเป็นต้องระมัดระวัง หากฝืนบังคับ เจ้าอาจเสียชีวิตได้’

 

***

 

ไม่กี่วันต่อมา พวกเขามาถึงสาขาที่เจ็ดของฝ่ายวายุศักดิ์สิทธิ์

 

สาขาที่เจ็ดเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินขนาดยักษ์ ที่นอกของคฤหาสน์เป็นกลุ่มของเหล่าศิษย์และกลุ่มลาดตระเวน

 

ศิษย์ฝ่ายทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ที่ขอบเขตต้นกำเนิด ไม่มีใครอยู่ในขอบเขตพลังฉี แต่พวกเขาทั้งหมดค่อนข้างมีอายุ

 

นิกายวารีครามมีผู้ดูแลชั้นในฝึกหัดจำนวนนับไม่ถ้วน รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการได้ พวกเขาก็อาจจะเลือกที่จะเข้าร่วมกองทัพวารีครามและกลายเป็นหนึ่งในศิษย์ของฝ่ายต่างๆ หากพวกเขาสามารถมีส่วนร่วมต่อกลุ่มได้ จากนั้นพวกเขาจะขึ้นอันดับและได้รับคะแนนสนับสนุนเร็วขึ้นมาก

 

“ใครอยู่ตรงนั้น ที่นี่คือสาขาที่เจ็ดฝ่ายวายุศักดิ์สิทธิ์”

 

กลุ่มของศิษย์ฝ่ายเข้ามาขัดขวางทางเดินของพวกเขา

 

เซียงเทียนเชียงหยิบใบผ่านสาขาที่เจ็ดและแผ่นป้ายศิษย์หลักออกมา “เราเป็นศิษย์หลักจากนิกายวารีคราม เรากำลังมารายงานตัวที่นี่”

 

“โอ้ เป็นศิษย์หลักชิเซียงนี่เอง” ศิษย์ฝ่ายบางคนใบหน้าปรากฏความหวาดกลัว

 

ศิษย์หลักมีสถานะที่นับถือและไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้บัญชาการฝ่ายสาขา แน่นอน ตอนนี้พวกเขากำลังไปรายงานตัวที่สาขา พวกเขายังจำเป็นต้องฟังคำสั่งของผู้บัญชาการฝ่ายสาขาอยู่

 

ด้วยใบผ่านและแผ่นป้ายในมือ พวกเขาทั้งสองเดินหน้าไปโดยไม่มีใดกีดขวางและมาถึงฝ่ายสาขา

 

ระหว่างทางมุ่งไปยังห้องประชุมฝ่ายสาขา พวกเขาเห็นกระดานหินขนาดใหญ่ ในนั้นมันเป็นรายชื่อ ด้านหลังชื่อมีตัวเลข

 

“นี่คือกระดานนักล่า มีเพียงศิษย์หลักเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ในรายการ โดยทั่วไปแล้วผู้ที่อยู่ในอันดับต้นๆ นั้นล้วนเป็นศิษย์หลักระดับทอง” เซียงเทียนเชียงอธิบาย

 

หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าและไม่ได้สนใจอะไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด