Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 346 ราชาปีศาจ

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 346 ราชาปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Eternal Reverence

บทที่ 346 ราชาปีศาจ

บทที่ 346

ราชาปีศาจ

นิกายวารีคราม โถงใหญ่วารีคราม

โอหยางเหวินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ผู้อาวุโสเหลียงและผู้พิทักษ์ซ้ายได้จากไปท่านั้นจึงทําให้นิกายวารีครามของเราอ่อนแอลงอย่างมากโชคยังดีเราได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเดินทางไปยังซากโบราณสถานนิกายนภาทมิฬฉันเสนอมอบชุดเกราะระดับปฐพีขั้นต่ำให้แก่ผู้อาวุโสโอหยางเกี่ย”

“ผู้อาวุโสสูงสุดโอหยางเกี่ยเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของนิกายวารีครามเรามันควรจะเป็นอย่างนั้น”ผู้อาวุโสกั่วตอบกลับ

โอหยางเหวินเยี่ยมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขากล่าว “ถ้าอย่างนั้น

ชายชราผู้นี้จะยอมรับความเมตตาของทุกคน

เกราะระดับปฐพี่ขั้นต่นั้นมีค่ามากกว่าอาวุธระดับปฐพี่ขั้นต่ดินหลายเท่า

ด้วยชุดเกราะระดับปฐพี่ขั้นต่ำ เขาเชื่อว่าเขาก็คงจะสามารถต่อสู้กับนักสู้ขอบเขตหวนคทนต้นกําเนิดระดับที่ 4 ได้ แม้แต่กระทั้งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดระดับ 5 ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในระยะเวลาอันสั้น พูดได้อีกอย่างว่าชุดเกราะระดับปฐพีขั้นต่ำนี้เพียงพอที่จะชดเชยความแข็งแกร่งที่ขาดหายไปจากผู้อาวุโสเหลียง และผู้พิทักษ์ซ้ำยังได้บางทีถึงกับมากกว่าที่หายไปด้วยซ้ำ

“สําหรับเทคนิคลับระดับ 5 ดาว เงาแดงอันนี้… เราจะฝึกฝนมันก่อนและตัดสินใจว่าควรจะส่งต่อหรือไม่ แน่นอนว่ามีบุคคลหนึ่งที่เราสามารถให้ลองก่อนได้และเขาก็คือหลี่ฟูเฉิน”โอหยางเหวินเทียนชื่นชมหลี่ฟูเฉินเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติของนิกายวารครามทั้งยังมีการรับรู้ที่สูงเป็นพิเศษเขาคาดว่ามันน่าจะอยู่ที่ด้านบนสุดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมดด้วยซ้ำตราบใดที่เขามีเวลาพอที่จะเติบโต บางทีเขาอาจมีโอกาสได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปยนิคอร์นตะวันออก

เมื่อได้ยินค่ากล่าวของโอหยางเหวินเทียน โอหยางเกี่ย และคนอื่นๆ ก็พยักหน้าด้วยการรับรู้ของหลี่ฟูเฉิน ความเร็วในการเข้าใจเทคนิคลับระดับ 5 ดาวของเขาก็คงจะไม่ช้ไปกว่าพวกเขา นอกจากนี้ด้วยเทคนิคเงาแดงหลี่ฟูเฉินก็จะมีกาลังมากขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง

วันรุ่งขึ้น หลี่ฟูเฉินได้รับเงาแดง

เงาแดงเป็นเทคนิคลับที่มีทั้งการป้องกันและการโจมตี เมื่อฝึกฝนมัน ร่างกายจะสามารถรวมกลุ่มก้อนเงาสีแดงเข้มไว้ในร่างของมนุษย์ได้ มันคล้ายกับอาชูร่าปีศาจสวรรค์ของนิกายปีศาจสวรรค์

มันส่งเสริมความสามารถในการป้องกันและการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แต่เมื่อพูดความจริงแล้ว หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าน่าเสียดาย หากเงาแดงนั้นเหมือนกับพลังฉีหยางบริสุทธิ์ซึ่งเป็นเทคนิคลับในการเพิ่มพลังฉี มันก็อาจจะสามารถทับซ้อนกับเทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจร และแก่นแท้ดาบทองแดงได้ หากเป็นไปได้เขาก็คงจะระเบิดพลังออกมาได้อย่างน่าตกใจ

แต่แน่นอนว่าเขาตอนนี้เองก็ไม่รู้ว่ามันจะซ้อนกันได้หรือไม่

นอกจากนี้ สถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดก็ได้ ดังนั้น หลี่ฟูเฉินจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก

หลี่ฟูเฉินไม่ได้ฝึกฝนเงาแดงในทันที ขณะที่เขาใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาในการฝึกฝนเทคนิคลับแก่นแท้ดาบทองแดงก่อน

ครึ่งปีผ่านไป ลวดลายดาบเหล็กดําบนกระดูกของเขาก็เกือบจะหายไปหมดแล้วในทางกลับกัน ลวดลายดาบทองแดงก็ปกคลุมกระดูกของเขาเกือบ 90%เหลือเพียง 10% เท่านั้น
ไม่ว่าเทคนิคลับไหน… เมื่อฝึกฝนข็งถึงขั้นสมบูรณ์แบบ จะก็จะมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก

แก่นแท้ดาบทองแดงที่เสร็จสมบูรณ์ 99% และแก่นแท้ดาบทองแดงที่สมบูรณ์แล้วแม้จะเป็นช่องว่างเล็กน้อย

“ข้าสงสัยจังว่าพลังของแก่นแท้ดาบทองแดงระดับสมบูรณ์แบบจะเป็นอย่างไรหลี่ฟูเฉินตั้งตารอ

แก่นแท้ดาบทองแดงระดับสมบูรณ์แบบถือเป็นเทคนิคลับระดับ 6 ดาวที่ยอดเยี่ยมและมีพลังมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคลับระดับ 5 ดาว

และกระบวนการฝึกฝนนี้ก็ใช้เวลาถึงสามเดือนเต็มเต็ม

ในช่วงสามเดือนนี้ หลี่ฟูเฉินได้ฝึกฝนเงาแดงเล็กน้อย

แต่ด้วยการรับรู้ของเขา เขาก็ยังคงฝึกฝนเงาแดงจนถึงระดับสมบูรณ์แบบย่อย

หลังจากที่เปิดใช้งานเงาแดง ร่างของเขาก่อตัวเป็นเงาสีแดงสดสูง 30 ฟุต

เงาแดงเพิ่มพลังป้องกันและพลังโจมตีของหลี่ฟูเงินประมาณ 30% ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเมื่อขั้นที่ฝึกสําเร็จแล้ว พลังป้องกันและพลังโจมตีอาจจะเพิ่มถึงสองเท่า

หากการป้องกันและการโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า มันก็หมายความว่าความแข็ง แกร่งของผู้ฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน

ด้วยหากพลังฝึกฝนเพิ่มขึ้น ความยากในการเพิ่มความแข็งแกร่งก็จะยากขึ้นเรื่อยๆถ้าหลี่ฟูเฉินอยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิด มันก็คงน่ายกย่องแล้ว หากเทคนิคลับระดับ 5 ดาวนี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้ 20% หรือ 30%

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเทคนิคลับระดับ 4 ดาวจึงไม่ได้ผลสําหรับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกาเนิด

ไม่เช่นนั้นแล้ว คงจะมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดจานวนนับไม่ถ้วนที่โลภอยากได้เทคนิคลับแก่นแท้แห่งดาบของหลี่ฟูเฉิน

แน่นอนว่า พวกเขาเหล่านั้นคิดว่าเทคนิคลับแก่นแท้แห่งดาบของหลี่ฟูเฉินเป็นเทคนิคลับระดับ 4 ดาว ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถซ้อนกับเทคนิคลับอื่นๆได้มันก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นถึงการได้เทคนิคลับมาจะเป็นสิ่งที่ดีแต่การไม่มีมันพวกเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

“ในที่สุด แก่นแท้ดาบทองแดงก็สมบรูณ์แบบ”

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา กระดูกภายในร่างกายของหลี่ฟูเฉินถูกทาบด้วยลวดลายดาบทองแดงอย่างสมบูรณ์แล้ว

ลวดลายดาบทองแดงที่ควบแน่นทําให้กระดูกของหลี่ฟูเฉินดูเหมือนงานศิลปะที่วิจิตรบรรจงทําขึ้นมาในขณะที่มันให้ความรู้สึกลึกลับและแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

“ปรากฏ!”

หลังจากที่พลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงถูกแปลงเป็นพลังดาบทองแดง ต่อมามันก็ปรากฏขึ้นนอกร่างกาย

พืบ!

เสียงที่ชัดเจนของดาบดังออกมาขณะที่ดาบทองแดงปรากฏขึ้น

“ไป!”

ด้วยการระเบิดสภาวะพลังฉี ดาบทองแดงก็พุ่งออกไป
ในอีกด้านหนึ่งมีแร่โลหะระดับลึกลับขนาดยักษ์ซึ่งเต็มไปด้วยรูมากมายลมรุนแรงและมันก็พังทลายลงทันที

“แข็งแกร่งมาก พลังนั้นสูงกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อย 30%” ดวงตาของหลี่ฟูเฉินเป็นประกาย

แก่นแท้แห่งดาบทองแดง 99% และระดับสมบูรณ์แบบอาจห่างกันเพียง 1% แต่พลังนั้นมีความแตกต่างกันถึง 30%

“ข้าสงสัยว่าหากข้าใช้ไพ่ตายทั้งหมดของตัวเอง ข้าจะสามารถต้านทานการโจมตีของนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกาเนิดระดับ 1 หรือ 2 ได้ซักสองถึงสามครั้งหรือไม่?

ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลี่ฟูเฉินคงไม่กล้าคิดแบบนี้

แต่ตอนนี้ จู่ๆ เขาก็มั่นใจขึ้นมาก

ภูมิภาคภูเขาสีขาว ซากของนิกายนภาทมิฬ…

นิกายนภาทมิฬเป็นนิกายที่ที่เฟื่องฟูเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว นิกายมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณหลายสิบคนและยังมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกเหนือขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณดํารงอยู่อีกด้วย ซากโบราณสถานนิกายแห่งนี้จึงไม่สามารถเทียบได้กับซาก โบราณสถานของนิกายทั่วไปแม้แต่กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกก็ยังไม่สามารถสํารวจซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬได้ทั้งหมด

ดังนั้นมันจึงมีผู้เชี่ยวชาญมาสํารวจทุกสามถึงห้าวัน บางคนมาจากร้อยนิกายและบางส่วนมาจากสิบภูมิภาคปีศาจ มีแม้กระทั่งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดจากกลุ่มเต่ปีศาจ
ในวันนี้ ร่างใหญ่สองร่างมาถึงทางเข้าของซากนิกายนภาทมิฬ พวกมันคือคชสารทลายผาและราชินีสาปศิลา

ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงคชสารทลายผาเพราะความแข็งแกร่งของเขาได้รับการพิสูจน์แล้วแต่มีคนไม่มากที่ได้เห็นราชินีสาปศิลาลงมือ

ว่ากันว่าความสามารถในการสาปให้คนกลายเป็นหินของเธอสามารถทําให้ผู้เชียวชาญระดับสูงของขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดกลายเป็นหินได้ทันทีการสาปให้กลายเป็นหินสามารถป้องกันได้ก็ต่อเมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดหลายคนสร้างรูปแบบการต่อสู้ แต่พวกเขาก็สามารถป้องกันได้ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ในช่วงสงครามมันคือสุดยอดผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเทพอัสนี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกที่เป็นผู้จัดการกับราชินีสาปศิลาเป็นการส่วนตัว แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลงมีข่าวลือว่าสุดยอดผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเทพอัสนี้ได้ปลีกตัวฝันฝนทันทีและดูเหมือนว่าเขาได้รับบาดเจ็บ

ราชินีสาปศิลาเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างและหน้าตาที่สวยงามมาก ดวงตาของเธอสามารถดึงดูดจิตวิญญาณผู้คนได้และมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าหัวงเวลาได้หยุดนิ่งร่างกายส่วนล่างของเธอเป็นร่างงูหลากสีและปลายหางของเธอก็กระพริบด้วยแสงสีขาว

ทั้งคู่กําลังเตรียมที่จะเข้าสู่ซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬ

“เอ๊ะ!” ราชินีสาปศิลาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ขอบฟ้า

ที่ปลายขอบฟ้า กระแสแสงสีดํากําลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นมนุษย์!” คชสารทลายผายิ้ม

พวกเขาอาจมีสัญญาสันติภาพกันก็จริง แต่ถ้าคู่ต่อสู้มาคนเดียว คชสารทลายผาก็ไม่รังเป็นจที่จะก่าจัดพวกมัน สําหรับสัตว์ปีศาจ สัญญาที่เรียกก็เป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งที่มันสามารถฉีกเป็นชิ้นๆ ได้หากต้องการแต่มันมีความจําเป็นต้องทําเช่นนั้นหรือไม่?

“มนุษย์ผู้นี้ไม่ธรรมดา” ราชินีสาปศิลากล่าวอย่างเฉยเมย

เมื่อกระแสแสงสี่ตกลงมา มันก็เป็นชายร่างสูงสวมหน้ากากทองคํา สภาวะพลังฉีที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขากําลังครอบงําผู้คนและดูชั่วร้ายราวกับมีเทพเจ้าชั่วร้ายซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของเขา

“ผู้เชี่ยวชาญเต๋ปีศาจ?” สีหน้าของคชสารทลายผาซีดเล็กน้อย

ฝ่ายเต่ปีศาจซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี และระหว่างการต่อสู้สองครั้งก่อนกับร้อยนิกายสิบภูมิภาคปีศาจก็ประสบความสูญเสียอย่างมากเช่นกันนิกายหมัดปีศาจซึ่งเป็นผู้นําของกลุ่มเต๋ปีศาจนั้นมีความเอาแต่ใจและดุร้ายกว่าสัตว์ปีศาจเสียอีกยิ่งกว่านั้นแต่ละคนของพวกมันก็มีแต่พวกที่มีความสามารถแปลกๆ

“เจ้าคือใคร?” คชสารทลายผาถาม

“ช้งตัวเล็กๆ เช่นเจ้ามีคุณสมบัติที่จะกล่าวถามข้า?” ชายสวมหน้ากากทองค่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ถามหาความตาย”

คชสารทลายผาเป็นสัตว์ปีศาจและโกรธง่าย

ผู้ที่มีหัวเป็นช้างและร่างกายเป็นมนุษย์ก็กลายร่างเป็นสัตว์ปีศาจทันที มันใหญ่โตราวกับภูเขาและกาลังพุ่งเพื่อกระแทกชายสวมหน้ากากทองค่า

ในขณะนั้นเอง มันก็เกิดพายุและพื้นดินก็แยกออก หินรูปจานบินไปทั่วอากาศและมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นวันสิ้นโลก

คชสารทลายผามั่นใจว่ามีไม่กี่คนหรอกที่สามารถต้านทานการกระแทกของมันได้ฝั่งนั้นจะต้องหลบเลี่ยงแทนที่จะปะทะกับมัน

“ประเมินตัวเองสูงเกินไปเสียจริง”

ชายสวมหน้ากากทองคําไม่ถอยหนีหรือหลบเลี่ยง เขากําหมัดและโจมตีคชสารทลายผา

บูม!

นี่เป็นหมัดประเภทไหน?

เมื่อหมัดถูกต่อยออกไป ความว่างเปล่าก็สันสะท้าน ดูเหมือนเทพมารที่กําลังคำรามกู่ก้องและร่ายรําอยู่ข้างหลังชายสวมหน้ากากทองคำท้องฟ้าได้มืดลงโดยที่ไม่ทันรู้ตัว

พื้นดินแยกออกและแสงที่มืดมิดก็ส่องประกายออกมา ส่งผลทําให้ตัวของคชสารทลายผาทั้งตัวกลายเป็นสีดา ร่างกายทุกส่วนของมันบินกลับในขณะที่เลือดสดไหลออกมาจากมุมปากของมัน

เพียงหมัดเดียวก็ทําให้คชสารทลายผาได้รับบาดเจ็บ

ไม่ได้มีเพียงแค่คชสารทลายผาจะตกใจกับความแข็งแกร่งของชายสวมหน้ากากทองคําเท่านั้น แม้แต่กระทั้งราชินีสาปศิลาก็ยังตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าชายสวมหน้ากากทองค่าไม่ปล่อยคชสารทลายผาออกไปง่ายๆก็ในเมื่อร่างกายของเขาเริ่มเปล่งประกาย มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาขยับตัวและในทันทีก็มาถึงหน้าคชสารทบายผาอีกครั้งและชกอีกหมัดออกไป

“หยุดความอวดดีของเจ้าเสียเถอะ!”

ราชินีสาปศิลาลงมือ หางของเธอตั้งขึ้นและมือของเธอก็พ่นแสงสีขาว ซึ่งพ่งเข้าหาชายสวมหน้ากากทองค่าครั้น!

ท้องฟ้าถูกแยกด้วยแสงสีดําและสีขาว

มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า 4 พื้นที่ด้านราชินีสาปศิลาเริ่มกลายเป็นหินสีขาวทันทีแต่ด้วยแรจากงหมัดของชายหน้ากากทอง หินสีขาวก็หยุดนิ่งและไม่สามารถขยายไปถึงชายสวมหน้ากากทองคําได้

ปัง!

หินสีขาวแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่ชายสวมหน้ากากทองคํายืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนร่างของราชินีสาปศิลาสั่นคลอนเล็กน้อยขณะที่นางมีท่าทีประหลาดใจ

“เจ้าเป็นใครกันแน่” ราชินีสาปศิลาถามอย่างเคร่งขรึม

“ราชาปีศาจ”

ชายสวมหน้ากากทองค่าเพิ่มสํารวจราชินี้สาปศิลาและคชสารทลายผาอยู่แปปนึ่งร่างของเขาเปล่งประกายในขณะที่เขาเดินเข้าไปในซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬ

“ราชาปีศาจ?” คชสารผลายพิมพ์

“ราชาปีศาจ?” ราชินีสาปศิลาเงยหน้าขึ้นทันทีและกล่าวว่า “ราชาชง เจ้าไม่แพ้อย่างเปล่าประโยชน์เขาคือผู้นํานิกายหมัดปีศาจ”

“ผู้นํานิกายหมัดปีศาจ?” คชสารทลายถูกทําให้เป็นใบ้

ผู้นํานิกายหมัดปีศาจทุกคนมีฉายาว่าราชาปีศาจ

เมื่อตอนที่นิกายหมัดปีศาจสร้างความหายนะให้กับทวีปยูนิคอร์นตะวันออก มันยังคงเป็นช้งตัวเล็กๆมันไม่อาจสัมผัสถึงความน่าสะพรึงกลัวของนิกายหมัดปีศาจได้และก็ได้ยินจากคนอื่นๆมาอีกที

ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทําไมนิกายหมัดปีศาจถึงสร้างความเสียหายให้กับทวีปยนิคอร์นตะวันออกและเกือบจะรวมทวีปทั้งหมดไว้ในมือได้

ความแข็งแกร่งนี้ก็เพียงพอที่จะทําลายสิบภูมิภาคปีศาจแล้วนับประสาอะไรกับร้อยนิกาย

“ข้าคิดว่ามนุษย์ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้อยู่ ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินมนุษย์ต่ำไป”สีดําจางหายไปจากร่างของคชสารทลายผาและเขาก็มีท่าทางที่ดูหวาดกลัว

ราชินีสาปศิลากล่าว “ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมนุษย์นั้นไม่ธรรมดา แต่พวกเขาก็ชอบสร้างความขัดแย้งแก่พวกกันเอง ทวีปเดียวมีหลายร้อยนิกายและเมื่อเพิ่มกลุ่มเต๋ปีศาจเข้าไปความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าสิบภูมิภาคปีศาจของเรามาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 346 ราชาปีศาจ

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 346 ราชาปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Eternal Reverence

บทที่ 346 ราชาปีศาจ

บทที่ 346

ราชาปีศาจ

นิกายวารีคราม โถงใหญ่วารีคราม

โอหยางเหวินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ผู้อาวุโสเหลียงและผู้พิทักษ์ซ้ายได้จากไปท่านั้นจึงทําให้นิกายวารีครามของเราอ่อนแอลงอย่างมากโชคยังดีเราได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเดินทางไปยังซากโบราณสถานนิกายนภาทมิฬฉันเสนอมอบชุดเกราะระดับปฐพีขั้นต่ำให้แก่ผู้อาวุโสโอหยางเกี่ย”

“ผู้อาวุโสสูงสุดโอหยางเกี่ยเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของนิกายวารีครามเรามันควรจะเป็นอย่างนั้น”ผู้อาวุโสกั่วตอบกลับ

โอหยางเหวินเยี่ยมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขากล่าว “ถ้าอย่างนั้น

ชายชราผู้นี้จะยอมรับความเมตตาของทุกคน

เกราะระดับปฐพี่ขั้นต่นั้นมีค่ามากกว่าอาวุธระดับปฐพี่ขั้นต่ดินหลายเท่า

ด้วยชุดเกราะระดับปฐพี่ขั้นต่ำ เขาเชื่อว่าเขาก็คงจะสามารถต่อสู้กับนักสู้ขอบเขตหวนคทนต้นกําเนิดระดับที่ 4 ได้ แม้แต่กระทั้งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดระดับ 5 ก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ในระยะเวลาอันสั้น พูดได้อีกอย่างว่าชุดเกราะระดับปฐพีขั้นต่ำนี้เพียงพอที่จะชดเชยความแข็งแกร่งที่ขาดหายไปจากผู้อาวุโสเหลียง และผู้พิทักษ์ซ้ำยังได้บางทีถึงกับมากกว่าที่หายไปด้วยซ้ำ

“สําหรับเทคนิคลับระดับ 5 ดาว เงาแดงอันนี้… เราจะฝึกฝนมันก่อนและตัดสินใจว่าควรจะส่งต่อหรือไม่ แน่นอนว่ามีบุคคลหนึ่งที่เราสามารถให้ลองก่อนได้และเขาก็คือหลี่ฟูเฉิน”โอหยางเหวินเทียนชื่นชมหลี่ฟูเฉินเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติของนิกายวารครามทั้งยังมีการรับรู้ที่สูงเป็นพิเศษเขาคาดว่ามันน่าจะอยู่ที่ด้านบนสุดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกทั้งหมดด้วยซ้ำตราบใดที่เขามีเวลาพอที่จะเติบโต บางทีเขาอาจมีโอกาสได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีปยนิคอร์นตะวันออก

เมื่อได้ยินค่ากล่าวของโอหยางเหวินเทียน โอหยางเกี่ย และคนอื่นๆ ก็พยักหน้าด้วยการรับรู้ของหลี่ฟูเฉิน ความเร็วในการเข้าใจเทคนิคลับระดับ 5 ดาวของเขาก็คงจะไม่ช้ไปกว่าพวกเขา นอกจากนี้ด้วยเทคนิคเงาแดงหลี่ฟูเฉินก็จะมีกาลังมากขึ้นเพื่อปกป้องตัวเอง

วันรุ่งขึ้น หลี่ฟูเฉินได้รับเงาแดง

เงาแดงเป็นเทคนิคลับที่มีทั้งการป้องกันและการโจมตี เมื่อฝึกฝนมัน ร่างกายจะสามารถรวมกลุ่มก้อนเงาสีแดงเข้มไว้ในร่างของมนุษย์ได้ มันคล้ายกับอาชูร่าปีศาจสวรรค์ของนิกายปีศาจสวรรค์

มันส่งเสริมความสามารถในการป้องกันและการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แต่เมื่อพูดความจริงแล้ว หลี่ฟูเฉินรู้สึกว่าน่าเสียดาย หากเงาแดงนั้นเหมือนกับพลังฉีหยางบริสุทธิ์ซึ่งเป็นเทคนิคลับในการเพิ่มพลังฉี มันก็อาจจะสามารถทับซ้อนกับเทคนิคศักดิ์สิทธิ์ฉีบริสุทธิ์เก้าโคจร และแก่นแท้ดาบทองแดงได้ หากเป็นไปได้เขาก็คงจะระเบิดพลังออกมาได้อย่างน่าตกใจ

แต่แน่นอนว่าเขาตอนนี้เองก็ไม่รู้ว่ามันจะซ้อนกันได้หรือไม่

นอกจากนี้ สถานการณ์ไม่เป็นอย่างที่เขาคิดก็ได้ ดังนั้น หลี่ฟูเฉินจึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้อีก

หลี่ฟูเฉินไม่ได้ฝึกฝนเงาแดงในทันที ขณะที่เขาใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาในการฝึกฝนเทคนิคลับแก่นแท้ดาบทองแดงก่อน

ครึ่งปีผ่านไป ลวดลายดาบเหล็กดําบนกระดูกของเขาก็เกือบจะหายไปหมดแล้วในทางกลับกัน ลวดลายดาบทองแดงก็ปกคลุมกระดูกของเขาเกือบ 90%เหลือเพียง 10% เท่านั้น
ไม่ว่าเทคนิคลับไหน… เมื่อฝึกฝนข็งถึงขั้นสมบูรณ์แบบ จะก็จะมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก

แก่นแท้ดาบทองแดงที่เสร็จสมบูรณ์ 99% และแก่นแท้ดาบทองแดงที่สมบูรณ์แล้วแม้จะเป็นช่องว่างเล็กน้อย

“ข้าสงสัยจังว่าพลังของแก่นแท้ดาบทองแดงระดับสมบูรณ์แบบจะเป็นอย่างไรหลี่ฟูเฉินตั้งตารอ

แก่นแท้ดาบทองแดงระดับสมบูรณ์แบบถือเป็นเทคนิคลับระดับ 6 ดาวที่ยอดเยี่ยมและมีพลังมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคลับระดับ 5 ดาว

และกระบวนการฝึกฝนนี้ก็ใช้เวลาถึงสามเดือนเต็มเต็ม

ในช่วงสามเดือนนี้ หลี่ฟูเฉินได้ฝึกฝนเงาแดงเล็กน้อย

แต่ด้วยการรับรู้ของเขา เขาก็ยังคงฝึกฝนเงาแดงจนถึงระดับสมบูรณ์แบบย่อย

หลังจากที่เปิดใช้งานเงาแดง ร่างของเขาก่อตัวเป็นเงาสีแดงสดสูง 30 ฟุต

เงาแดงเพิ่มพลังป้องกันและพลังโจมตีของหลี่ฟูเงินประมาณ 30% ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าเมื่อขั้นที่ฝึกสําเร็จแล้ว พลังป้องกันและพลังโจมตีอาจจะเพิ่มถึงสองเท่า

หากการป้องกันและการโจมตีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า มันก็หมายความว่าความแข็ง แกร่งของผู้ฝึกฝนจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเช่นกัน

ด้วยหากพลังฝึกฝนเพิ่มขึ้น ความยากในการเพิ่มความแข็งแกร่งก็จะยากขึ้นเรื่อยๆถ้าหลี่ฟูเฉินอยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิด มันก็คงน่ายกย่องแล้ว หากเทคนิคลับระดับ 5 ดาวนี้สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้ 20% หรือ 30%

นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมเทคนิคลับระดับ 4 ดาวจึงไม่ได้ผลสําหรับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกาเนิด

ไม่เช่นนั้นแล้ว คงจะมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดจานวนนับไม่ถ้วนที่โลภอยากได้เทคนิคลับแก่นแท้แห่งดาบของหลี่ฟูเฉิน

แน่นอนว่า พวกเขาเหล่านั้นคิดว่าเทคนิคลับแก่นแท้แห่งดาบของหลี่ฟูเฉินเป็นเทคนิคลับระดับ 4 ดาว ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะสามารถซ้อนกับเทคนิคลับอื่นๆได้มันก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นถึงการได้เทคนิคลับมาจะเป็นสิ่งที่ดีแต่การไม่มีมันพวกเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

“ในที่สุด แก่นแท้ดาบทองแดงก็สมบรูณ์แบบ”

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา กระดูกภายในร่างกายของหลี่ฟูเฉินถูกทาบด้วยลวดลายดาบทองแดงอย่างสมบูรณ์แล้ว

ลวดลายดาบทองแดงที่ควบแน่นทําให้กระดูกของหลี่ฟูเฉินดูเหมือนงานศิลปะที่วิจิตรบรรจงทําขึ้นมาในขณะที่มันให้ความรู้สึกลึกลับและแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

“ปรากฏ!”

หลังจากที่พลังฉีเพลิงโลกันต์แท้จริงถูกแปลงเป็นพลังดาบทองแดง ต่อมามันก็ปรากฏขึ้นนอกร่างกาย

พืบ!

เสียงที่ชัดเจนของดาบดังออกมาขณะที่ดาบทองแดงปรากฏขึ้น

“ไป!”

ด้วยการระเบิดสภาวะพลังฉี ดาบทองแดงก็พุ่งออกไป
ในอีกด้านหนึ่งมีแร่โลหะระดับลึกลับขนาดยักษ์ซึ่งเต็มไปด้วยรูมากมายลมรุนแรงและมันก็พังทลายลงทันที

“แข็งแกร่งมาก พลังนั้นสูงกว่าเมื่อก่อนอย่างน้อย 30%” ดวงตาของหลี่ฟูเฉินเป็นประกาย

แก่นแท้แห่งดาบทองแดง 99% และระดับสมบูรณ์แบบอาจห่างกันเพียง 1% แต่พลังนั้นมีความแตกต่างกันถึง 30%

“ข้าสงสัยว่าหากข้าใช้ไพ่ตายทั้งหมดของตัวเอง ข้าจะสามารถต้านทานการโจมตีของนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกาเนิดระดับ 1 หรือ 2 ได้ซักสองถึงสามครั้งหรือไม่?

ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลี่ฟูเฉินคงไม่กล้าคิดแบบนี้

แต่ตอนนี้ จู่ๆ เขาก็มั่นใจขึ้นมาก

ภูมิภาคภูเขาสีขาว ซากของนิกายนภาทมิฬ…

นิกายนภาทมิฬเป็นนิกายที่ที่เฟื่องฟูเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว นิกายมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณหลายสิบคนและยังมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกเหนือขอบเขตเทพยุทธ์วิญญาณดํารงอยู่อีกด้วย ซากโบราณสถานนิกายแห่งนี้จึงไม่สามารถเทียบได้กับซาก โบราณสถานของนิกายทั่วไปแม้แต่กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกก็ยังไม่สามารถสํารวจซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬได้ทั้งหมด

ดังนั้นมันจึงมีผู้เชี่ยวชาญมาสํารวจทุกสามถึงห้าวัน บางคนมาจากร้อยนิกายและบางส่วนมาจากสิบภูมิภาคปีศาจ มีแม้กระทั่งนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดจากกลุ่มเต่ปีศาจ
ในวันนี้ ร่างใหญ่สองร่างมาถึงทางเข้าของซากนิกายนภาทมิฬ พวกมันคือคชสารทลายผาและราชินีสาปศิลา

ไม่จําเป็นต้องกล่าวถึงคชสารทลายผาเพราะความแข็งแกร่งของเขาได้รับการพิสูจน์แล้วแต่มีคนไม่มากที่ได้เห็นราชินีสาปศิลาลงมือ

ว่ากันว่าความสามารถในการสาปให้คนกลายเป็นหินของเธอสามารถทําให้ผู้เชียวชาญระดับสูงของขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดกลายเป็นหินได้ทันทีการสาปให้กลายเป็นหินสามารถป้องกันได้ก็ต่อเมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดหลายคนสร้างรูปแบบการต่อสู้ แต่พวกเขาก็สามารถป้องกันได้ในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ในช่วงสงครามมันคือสุดยอดผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเทพอัสนี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับ 1 ของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกที่เป็นผู้จัดการกับราชินีสาปศิลาเป็นการส่วนตัว แต่หลังจากสงครามสิ้นสุดลงมีข่าวลือว่าสุดยอดผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายเทพอัสนี้ได้ปลีกตัวฝันฝนทันทีและดูเหมือนว่าเขาได้รับบาดเจ็บ

ราชินีสาปศิลาเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างและหน้าตาที่สวยงามมาก ดวงตาของเธอสามารถดึงดูดจิตวิญญาณผู้คนได้และมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าหัวงเวลาได้หยุดนิ่งร่างกายส่วนล่างของเธอเป็นร่างงูหลากสีและปลายหางของเธอก็กระพริบด้วยแสงสีขาว

ทั้งคู่กําลังเตรียมที่จะเข้าสู่ซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬ

“เอ๊ะ!” ราชินีสาปศิลาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ขอบฟ้า

ที่ปลายขอบฟ้า กระแสแสงสีดํากําลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นมนุษย์!” คชสารทลายผายิ้ม

พวกเขาอาจมีสัญญาสันติภาพกันก็จริง แต่ถ้าคู่ต่อสู้มาคนเดียว คชสารทลายผาก็ไม่รังเป็นจที่จะก่าจัดพวกมัน สําหรับสัตว์ปีศาจ สัญญาที่เรียกก็เป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งที่มันสามารถฉีกเป็นชิ้นๆ ได้หากต้องการแต่มันมีความจําเป็นต้องทําเช่นนั้นหรือไม่?

“มนุษย์ผู้นี้ไม่ธรรมดา” ราชินีสาปศิลากล่าวอย่างเฉยเมย

เมื่อกระแสแสงสี่ตกลงมา มันก็เป็นชายร่างสูงสวมหน้ากากทองคํา สภาวะพลังฉีที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขากําลังครอบงําผู้คนและดูชั่วร้ายราวกับมีเทพเจ้าชั่วร้ายซ่อนตัวอยู่ในร่างกายของเขา

“ผู้เชี่ยวชาญเต๋ปีศาจ?” สีหน้าของคชสารทลายผาซีดเล็กน้อย

ฝ่ายเต่ปีศาจซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี และระหว่างการต่อสู้สองครั้งก่อนกับร้อยนิกายสิบภูมิภาคปีศาจก็ประสบความสูญเสียอย่างมากเช่นกันนิกายหมัดปีศาจซึ่งเป็นผู้นําของกลุ่มเต๋ปีศาจนั้นมีความเอาแต่ใจและดุร้ายกว่าสัตว์ปีศาจเสียอีกยิ่งกว่านั้นแต่ละคนของพวกมันก็มีแต่พวกที่มีความสามารถแปลกๆ

“เจ้าคือใคร?” คชสารทลายผาถาม

“ช้งตัวเล็กๆ เช่นเจ้ามีคุณสมบัติที่จะกล่าวถามข้า?” ชายสวมหน้ากากทองค่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ถามหาความตาย”

คชสารทลายผาเป็นสัตว์ปีศาจและโกรธง่าย

ผู้ที่มีหัวเป็นช้างและร่างกายเป็นมนุษย์ก็กลายร่างเป็นสัตว์ปีศาจทันที มันใหญ่โตราวกับภูเขาและกาลังพุ่งเพื่อกระแทกชายสวมหน้ากากทองค่า

ในขณะนั้นเอง มันก็เกิดพายุและพื้นดินก็แยกออก หินรูปจานบินไปทั่วอากาศและมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นวันสิ้นโลก

คชสารทลายผามั่นใจว่ามีไม่กี่คนหรอกที่สามารถต้านทานการกระแทกของมันได้ฝั่งนั้นจะต้องหลบเลี่ยงแทนที่จะปะทะกับมัน

“ประเมินตัวเองสูงเกินไปเสียจริง”

ชายสวมหน้ากากทองคําไม่ถอยหนีหรือหลบเลี่ยง เขากําหมัดและโจมตีคชสารทลายผา

บูม!

นี่เป็นหมัดประเภทไหน?

เมื่อหมัดถูกต่อยออกไป ความว่างเปล่าก็สันสะท้าน ดูเหมือนเทพมารที่กําลังคำรามกู่ก้องและร่ายรําอยู่ข้างหลังชายสวมหน้ากากทองคำท้องฟ้าได้มืดลงโดยที่ไม่ทันรู้ตัว

พื้นดินแยกออกและแสงที่มืดมิดก็ส่องประกายออกมา ส่งผลทําให้ตัวของคชสารทลายผาทั้งตัวกลายเป็นสีดา ร่างกายทุกส่วนของมันบินกลับในขณะที่เลือดสดไหลออกมาจากมุมปากของมัน

เพียงหมัดเดียวก็ทําให้คชสารทลายผาได้รับบาดเจ็บ

ไม่ได้มีเพียงแค่คชสารทลายผาจะตกใจกับความแข็งแกร่งของชายสวมหน้ากากทองคําเท่านั้น แม้แต่กระทั้งราชินีสาปศิลาก็ยังตกตะลึง

เห็นได้ชัดว่าชายสวมหน้ากากทองค่าไม่ปล่อยคชสารทลายผาออกไปง่ายๆก็ในเมื่อร่างกายของเขาเริ่มเปล่งประกาย มันให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาขยับตัวและในทันทีก็มาถึงหน้าคชสารทบายผาอีกครั้งและชกอีกหมัดออกไป

“หยุดความอวดดีของเจ้าเสียเถอะ!”

ราชินีสาปศิลาลงมือ หางของเธอตั้งขึ้นและมือของเธอก็พ่นแสงสีขาว ซึ่งพ่งเข้าหาชายสวมหน้ากากทองค่าครั้น!

ท้องฟ้าถูกแยกด้วยแสงสีดําและสีขาว

มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า 4 พื้นที่ด้านราชินีสาปศิลาเริ่มกลายเป็นหินสีขาวทันทีแต่ด้วยแรจากงหมัดของชายหน้ากากทอง หินสีขาวก็หยุดนิ่งและไม่สามารถขยายไปถึงชายสวมหน้ากากทองคําได้

ปัง!

หินสีขาวแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขณะที่ชายสวมหน้ากากทองคํายืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหนร่างของราชินีสาปศิลาสั่นคลอนเล็กน้อยขณะที่นางมีท่าทีประหลาดใจ

“เจ้าเป็นใครกันแน่” ราชินีสาปศิลาถามอย่างเคร่งขรึม

“ราชาปีศาจ”

ชายสวมหน้ากากทองค่าเพิ่มสํารวจราชินี้สาปศิลาและคชสารทลายผาอยู่แปปนึ่งร่างของเขาเปล่งประกายในขณะที่เขาเดินเข้าไปในซากโบราณสถานของนิกายนภาทมิฬ

“ราชาปีศาจ?” คชสารผลายพิมพ์

“ราชาปีศาจ?” ราชินีสาปศิลาเงยหน้าขึ้นทันทีและกล่าวว่า “ราชาชง เจ้าไม่แพ้อย่างเปล่าประโยชน์เขาคือผู้นํานิกายหมัดปีศาจ”

“ผู้นํานิกายหมัดปีศาจ?” คชสารทลายถูกทําให้เป็นใบ้

ผู้นํานิกายหมัดปีศาจทุกคนมีฉายาว่าราชาปีศาจ

เมื่อตอนที่นิกายหมัดปีศาจสร้างความหายนะให้กับทวีปยูนิคอร์นตะวันออก มันยังคงเป็นช้งตัวเล็กๆมันไม่อาจสัมผัสถึงความน่าสะพรึงกลัวของนิกายหมัดปีศาจได้และก็ได้ยินจากคนอื่นๆมาอีกที

ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทําไมนิกายหมัดปีศาจถึงสร้างความเสียหายให้กับทวีปยนิคอร์นตะวันออกและเกือบจะรวมทวีปทั้งหมดไว้ในมือได้

ความแข็งแกร่งนี้ก็เพียงพอที่จะทําลายสิบภูมิภาคปีศาจแล้วนับประสาอะไรกับร้อยนิกาย

“ข้าคิดว่ามนุษย์ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้อยู่ ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินมนุษย์ต่ำไป”สีดําจางหายไปจากร่างของคชสารทลายผาและเขาก็มีท่าทางที่ดูหวาดกลัว

ราชินีสาปศิลากล่าว “ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมนุษย์นั้นไม่ธรรมดา แต่พวกเขาก็ชอบสร้างความขัดแย้งแก่พวกกันเอง ทวีปเดียวมีหลายร้อยนิกายและเมื่อเพิ่มกลุ่มเต๋ปีศาจเข้าไปความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าสิบภูมิภาคปีศาจของเรามาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+