Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 228

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 228 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 228 อนุสาวรีย์แห่งชื่อ

 

“ฮั่นชิเซียงถูกเขาแซงหน้า?”

 

ห่างออกไป 50 กม. ทั้งสองคนที่สังเกตเห็นหลี่ฟูเฉินและฮั่นเฟิง ก็ได้สบตากัน

 

มุมมองในเส้นทางดวงดาวนั้นเห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไป 50 กม. พวกเขาก็ยังสามารถแยกความแตกต่างของฮั่นเฟิงและหลี่ฟู่เฉิน

 

พวกเขาตกตะลึงเมื่อเห็นว่าหลี่ฟูเฉินนำฮั่นเฟิงไปได้และยังบังคับให้ฮั่นเฟิงยอมเสียหน้าต้องลงไม้ลงมือ

 

ฮั่นเฟิงเป็นใคร? เขาเป็นหนึ่งในนภาทั้งเจ็ด ถ้าหากเป็นสถานที่อื่นในเวลาปกติ เขาจะเป็นการดำรงอยู่ที่เป็นหนึ่งไปมีสอง ผู้ที่สามารถเอาชนะเขาได้สมควรเป็นโครงกระดูกระดับ 5 ดาวหรือไม้ก็โครงกระดูกระดับ 6 ดาวที่ท้าทายสวรรค์นั้น หรือว่าหลี่ฟู่เฉินจะเป็นผู้ท้าทายสรวงสวรรค์คนใหม่โครงกระดูกระดับ 6 ดาว?

 

สำหรับโครงกระดูกระดับ 5 ดาว มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลย ทันทีที่มีโครงกระดูกระดับ 5 ดาวโผล่ขึ้นมาในนิกาย ข้อมูลจะถูกกระจายไปทั่วและมันเป็นการยากที่จะปกปิดมัน

 

ส่วนที่สองของเส้นทางดวงดาวนั้นยาวหาใดเปรียบ สนามพลังฉีจากที่เป็นเพียงแค่สายลมที่อ่อนโยนก็ค่อยๆ กลายเป็นลมแรงน้อยๆ

 

แม้แต่หลี่ฟู่เฉินก็รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างได้

 

แต่ร่องรอยของแรงกดดันเหล่านี้มีได้ไม่ถึงนาทีและก็ไม่ส่งผลกระทบต่อหลี่ฟู่เฉินอีก

 

15 กม. 25 กม.

 

ฮั่นเฟิงถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยหลี่ฟู่เฉินขณะที่ระยะห่างกันถึง 25 กม.

 

หลังของฮั่นเฟิงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

 

ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเขายังคงควบคุมตัวเองไว้ เขาก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยเช่นนี้

 

แต่เป็นเพราะความคิดเรื่องการแข่งขันของเขาจึงทำเขาใช้ความเร็วมากเกินไป ทั้งยังถูกกระตุ้นโดยหลี่ฟู่เฉินในภายหลัง ซึ่งทำให้เกิดสภาพที่น่าสังเวชของเขาเข้ามา

 

หากเขาไม่ได้เป็นหนึ่งในนภาทั้งเจ็ด เขาคงจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปตั้งนานแล้ว

 

ในที่สุด หลี่ฟู่เฉินก็มาถึงด่านที่สอง

 

ด่านที่สองก็ยังเป็นเกาะโดดเดี่ยวเช่นเดิม

 

บนเกาะนี้มีรูปปั้นหินสูงตระหง่าน ซึ่งกำลังปิดตาอยู่

 

เมื่อหลี่ฟู่เฉินก้าวขึ้นไปบนเกาะ คลื่นที่ไน้รูปร่างแผ่กระจายออกไป ขณะที่รูปปั้นหินเปล่งแสงประกายคล้ายหมอกออกมา ในขณะเดียวกัน รูปปั้นหินเปิดตาและมันก็เป็นดวงตาคู่หนึ่งที่มีหมอกอยู่ภายใน

 

ฉึบ!

 

วิญญาณของหลี่ฟู่เฉินถูกสั่นคลอน

 

“เทคนิคลวงตา?” หลี่ฟูเฉินกำลังคิดหนัก

 

ตามที่เขาคิด ด่านแรกคือการคำรามของสายฟ้าและด่านที่สองคือดวงตาแห่งหมอก

 

แต่มันกลับกลายเป็นว่าดวงตาแห่งหมอกกลับเป็นเทคนิคลวงตาจริงๆ

 

เทคนิคลวงตาเป็นสิ่งที่ยากที่จะป้องกัน

 

มันค่อนข้างเกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะและไม่เกี่ยวข้องในเวลาเดียวกัน

 

เมื่อพูดถึงเรื่องที่ว่าเกี่ยวข้อง มันก็หมายถึงยิ่งระดับการฝึกฝนสูงมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณก็จะยิ่งแข็งแกร่ง​มากขึ้นเท่านั้น

 

และเมื่อกล่าวว่ามันไม่เกี่ยวข้อง นั้นหมายถึง แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของใครคนนั้นจะสูงซักเพียงใด แต่หากจิตวิญญาณของใครคนหนึ่งไม่แข็งแรงพอ​ นักสู้คนนั้นก็จะยังคงตกอยู่ในภาพลวงตาต่อไป

 

หากนักษะสู้คนใดมีทักษะลวงตาที่แข็งแกร่งยิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ขอบเขตปฐพี แต่พวกเขาก็อาจทำให้นักสู้ขอบเขตสวรรค์ตกอยู่ในวังวนของภาพลวงตาได้

 

หากนักสู้ที่มาท้าทายไม่มีทักษะภาพลวงตา มันจะก็ยากราวกับปีนป่ายสรวงสวรรค์ สำหรับนักสู้ขอบเขตปฐพีเพื่อที่จะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์แล้วนั้น หากพวกเขาไม่ใช่สวรรค์กำลังท้าทายการมีอยู่​ หากพวกเขาไม่ใช่เหล่าโครงกระดูก 6 ดาวที่ท้าทายสวรรค์พวกยั้น มันก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย

 

แต่เพื่อที่จะฝึกฝนเทคนิคภาพลวงตาสิ่งที่ต้องมีก่อนอย่างแรกก็คือ การมีเจตจำนงที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการฝึกฝนเทคนิคภาพลวงตานั้นๆ ด้วย

 

ความถนัดต่างๆ อาจขึ้นอยู่กับเทคนิคภาพลวงตาประเภทเดียวกับโครงกระดูกหรือความรู้สึกพิเศษที่เกิดในร่างกายของคนๆ นั้นนำไปสู่เทคนิคภาพลวงตา

 

เทคนิคภาพลวงตาที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวรูปปั้นหินนั้นน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง มันแข็งแกร่งกว่าอย่างน้อยสิบเท่าสำหรับคนในนิกายเร้นวิญญาณ ผีสาว เย่ฮั่ว เมื่อต้องที่เธอใช้มันในช่วงเขตแดนร้อยสมุนไพรเร้นลับ

 

น่าเสียดายที่จิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก และจิตสำนึกของเขาเองก็เป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์

 

สำหรับหลี่ฟู่เฉิน เทคนิคภาพลวงตาของรูปปั้นหินเป็นเพียงแค่ระลอกคลื่นในทะเลสาบแต่เพียงเท่านั้น​

 

หากต้องการทำให้เขาตกอยู่ในภาพลวงตา มันก็จะเกิดขึ้นได้เพียงในความฝันของเขาเท่านั้น

 

หลังจากเดินผ่านรูปปั้นหินมา หลี่ฟู่เฉินเห็นอนุสาวรีย์หินสูงตระหง่าน

 

แปรงเขียนปรากฏออกมาจากที่ใดสักที่และก็ได้ลอยไปที่หน้าของหลี่ฟู่เฉิน

 

คิ้วของหลี่ฟู่เฉินเลิกขึ้นและคิดว่านี่คืออนุสาวรีย์สำหรับการสลักชื่อ

 

ผู้ที่สามารถผ่านด่านที่สองของเส้นทางแห่งดวงดาวหลังจากที่ใช้ความพยายามเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถึงจะสามารถทิ้งเครื่องหมายของตนเองไว้ได้

 

การสร้างเครื่องหมายจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีแปรง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่มีใครทิ้งชื่อไว้ได้ หลังจากที่ในรอบแรกไม่ผ่าน

 

นอกจากนี้ หากทุกคนที่มาได้ทิ้งเครื่องหมายของตนเองไว้ เครื่องหมายเหล่านั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ดูหยาบคายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

บนอนุสาวรีย์หิน เครื่องหมายถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม :

 

กลุ่มแรกอยู่ในระดับสูงที่สุด ทั้งยังพวกเขาเองก็เป็นคนที่มีจิตวิญญาณของนักเขียน และคลื่นลึกลับบางอย่างเองก็ลอยแพร่ไปที่เส้นทางดวงดาวแห่งนี้

 

กลุ่มที่สองมีเครื่องหมายมากมายและอัดแน่นเบียดเสียดกัน มันราวกับลูกอ๊อดตัวเล็กๆ

 

กลุ่มที่สาม มีการเครื่องหมายมากกว่าเดิม และด้วยการมองเพียงครั้งเดียวย่อมไม่สามารถบอกได้ว่ามีเครื่องหมายจำนวนเท่าใด

 

“เครื่องหมายกลุ่มแรกจะต้องถูกทิ้งไว้โดยโครงกระดูก 6 ดาวซึ่งเป็นบุคคลที่ท้าทายสวรรค์เหล่านั้น”

 

“เครื่องหมายกลุ่มที่สองสมควรถูกเขียนไว้โดยโครงกระดูกระดับ 5 ดาว เหล่าหัวกะทิ”

 

“สำหรับเครื่องหมายกลุ่มที่สาม อาจถูกเขียนไว้โดยโครงกระดูกระดับ 5 ดาวที่เก่งกว่าค่าเฉลี่ย”

 

“เครื่องหมายเหล่านี้ดูจางๆ แล้ว อาจหมายถึงว่าผู้เขียนตายไปแล้ว”

 

ดูเหมือนว่าคนที่สามารถผ่านด่านเส้นทางแห่งดวงดาวได้ในครั้งแรก ย่อมเป็นคนที่ไม่ธรรมดา โครงกระดูกระดับ 5 ดาวปกติไม่มีโอกาสที่จะได้มาที่นี่ในครั้งแรก เฉพาะบุคคลที่มีโครงกระดูกระดับ 5 ดาวระดับหัวกะทิเท่านั้นที่จะมีความสามารถในการมาที่นี่ด้วยความพยายามครั้งแรกของพวกเขา

 

จากสิ่งที่หลี่ฟู่เฉินเห็น ดาบคลั่ง ดาบพยัคฆ์ และดาบไร้อารมณ์สมควรอยู่ในกลุ่มที่สอง

 

ดาบคลั่งจะต้องหมกมุ่นอยู่กับดาบและมีความเข้าใจที่ยอดเยี่ยม แต่มันช่างน่าเสียดายที่โครงกระดูกของเขามีระดับต่ำเกินไป เขามีโครงกระดูกระดับ 4 ดาวแต่เพียงเท่านั้น

 

ด้วยเหตุนี้เอง ดาบคลั่งก็จึงคล้ายกับเป็นผู้ที่ท้าทายสวรรค์ด้วยโครงกระดูกเพียง 4 ดาว

 

สำหรับตัวเขาเอง หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ

 

เขามีโครงกระดูกเพียงแต่ 1 ดาวเท่านั้น

 

หลี่ฟูเฉินยื่นมือข้างขวาของเขาออกไปจับแปรงเขียน

 

“ห้ะ!”

 

ทันทีที่เขาถือแปรง หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ว่าแปรงนี้ไม่ธรรมดา

 

แปรงนี้ทำให้เขารู้สึกว่ามันลึกลับมากกว่าอาวุธระดับปฐพีถึงสิบเท่า เขาพยายามนำจิตสำนึกของเขาเข้าไป แต่คลื่นที่ไร้รูปร่างขัดขวางเขาเอาไว้

 

อย่างน้อยๆ ขั้นของแปรงต้องอยู่ในระดับปฐพีชั้นสูง หลี่ฟู่เฉินคิด

 

เมื่อหลี่ฟู่เฉินจับแปรงแล้วคลื่นลึกลับก็หลุดออกจากช่องว่างและถูกเทลงไปในแปรง หลี่ฟู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าเขาไม่จำเป็นต้องถ่ายพลังฉีลงไปใดๆ เลยแม้แต่น้อย

 

เหมือนมันจะเป็นอย่างที่เขาคิด ดูแล้วแปรงนี้อย่างน้อยก็เป็นระดับปฐพีขั้นสูงแน่ๆ ทว่ามันไม่รับพลังฉีของเขาเลย ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทิ้งร่องรอยไว้ที่อนุสาวรีย์​

 

ดังนั้น มันถึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเครื่องหมายบนอนุสาวรีย์เหล่านั้นถึงมีคลื่นลึกลับแฝงเอาไว้อยู่ มันอาจเป็นเพราะแปรงสลักนามอันนี้นี่เอง

 

หลังจากคิดถึงมันเสร็จ หลี่ฟู่เฉินก็เริ่มเขียนเครื่องหมายของเขาลงไป

 

เขียนกลางอากาศ

 

เครื่องหมายที่หลี่ฟู่เฉินเขียนนั้นคือคำว่า ‘ดาบ’​ คำว่า ‘ดาบ’ นี้บรรจุฐานดาบของหลี่ฟู่เฉินทั้งหมดไว้ และยังมีจิตวิญญาณที่น่าเกรงขามของเขาแฝงไว้อยู่ด้วย

 

ทันทีที่การทำเครื่องหมาย ‘ดาบ’ เสร็จสมบูรณ์ ในเวลาเดียว มันเริ่มเปล่งแสงและบินไปทางอนุสาวรีย์ชื่อทันที

 

กลุ่มสาม

 

กลุ่มสอฝ

 

กลุ่มหนึ่ง

 

เครื่องหมาย ‘ดาบ’ เปล่งแสงออกมาอย่างรวดเร็วและในที่สุดมันก็พบจุดที่ว่างเปล่าสำหรับสร้างเครื่องหมาย

 

ครืน!

 

อนุสาวรีย์แห่งชื่อเปล่งประกายเปล่งปลั่งสดใส ในขณะที่เส้นทางดวงดาวทั้งหมดก็สั่นเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นมากมาย

 

“กลุ่มแรก!” หลี่ฟูเฉินยกคิ้วของเขาขึ้น

 

หลังจากเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ถูกทำเครื่องหมายแล้ว คลื่นลึกลับและเจตจำนงที่เป็นของหลี่ฟู่เฉินก็แพร่กระจายออกมา มันส่องแสงพร้อมกับเครื่องหมายอื่นๆ ในกลุ่มแรก มันดูสูงกว่าเครื่องหมายอื่นๆ และให้ออร่าที่บ่งบอกว่ามันกุมอำนาจสูงสุด

 

นอกจากนี้ หลี่ฟู่เฉินสังเกตเห็นว่าในทุกเครื่องหมายของกลุ่มแรก นอกเหนือจากที่จางไปแล้ว อันอื่นๆ ก็มีขนาดที่แตกต่างกันออกไป บางอันก็ใหญ่กว่าบางอันก็เล็กกว่า

 

อันที่เล็กกว่ามีเยอะที่สุด ในขณะอันที่ดูใหญ่มีเพียง 10 % จากทั้งหมด

 

เครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่หู่เฉิน เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ดูอันใหญ่ และยิ่งไปกว่านั้น มันใหญ่ที่สุดในหมู่พวกมันทั้งหมด

 

มีเครื่องหมาย ‘ดาบ’ อื่นๆ ที่ไม่ยอมแพ้และพยายามรีบไปยังเครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉิน พวกมันพยายามเข้าไปหากดดัน

 

แต่เครื่องหมาย ‘ดาบ’ ของหลี่ฟู่เฉินก็สั่นเล็กน้อยและกำจัดเครื่องหมาย ‘ดาบ’ อื่นๆ ไปได้ในทันทีทำให้พวกมันทั้งหมดถอยออกไป

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ฮั่นเฟิงและอีกสองคนตื่นตระหนก พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ฮั่นเฟิงมองไปยังด่านที่สองของเส้นทางดวงดาวและพบว่าความวุ่นวายมาจากที่นั่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด