Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 320

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 320 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 320

จิตวิญญาณสีน้ำเงิน

 

เนื่องจากหลี่ฟู่เฉินสามารถเข้าหุบเขาอนุสาวรีย์ดาบได้โดยไม่จำกัดเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเสียโอกาสนี้ เขาวางแผนที่จะแลกทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูงสุดมาและเพิ่มความสามารถของเขาต่อไป

ในเมื่อเขากำลังฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง หลี่ฟู่เฉินจึงให้ความสำคัญกับทักษะดาบเพลิงโลกันต์ระดับลึกลับขั้นสูงสุดเป็นอันดับแรก

มันเป็นหนึ่งในทักษะต่อสู้ 50 อันดับแรกของทวีปยูนิคอร์นตะวันออกและเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง ทั้งมันยังสามารถใช้ร่วมกันกับเทคนิคเพลิงโลกันต์แม้จริงได้ด้วยเช่นกัน

ในตอนแรก คะแนนสนับสนุนที่เหลืออยู่ของหลี่ฟู่เฉินไม่เพียงพอที่จะแลกรับทักษะดาบเพลิงโลกันต์มาได้ แต่เจ้านิกายให้สิทธิพิเศษแก่เขาในการแลกอะไรก็ได้ในราคา 10% ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีคะแนนมากพอที่จะแลกทักษะดาบเพลิงโลกันต์

 

“ช่างเป็นทักษะดาบที่น่ากลัว!”

 

ทักษะดาบเพลิงโลกันต์มีทั้งหมดสี่รูปแบบ แต่ละรูปแบบดูเผด็จการอย่างยิ่ง รูปแบบแรกเรียกว่าเพลิงเดือดสุดขั้ว ซึ่งสามารถบังคับดาบเพลิงพลังที่รุนแรงได้ มันเพียงพอที่จะเผาทองและหลอมโลหะ ส่งผลทำให้สามารถทะลวงเกราะป้องกันของนักสู้ได้อย่างง่ายดาย

 

ในแง่ของพลังทำลายล้าง มันแข็งแกร่งกว่าดาบเคลือบพลังฉีของทักษะดาบเพลิงปีศาจมาก

 

แน่นอนว่าพลังฝึกฝนสำหรับการฝึกฝนทักษะดาบเพลิงโลกันต์ของเขาจะยังคงต่ำอยู่ในตอนนี้และแม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะมีจิตวิญญาณสีฟ้าอ่อน เขาก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกประมาณสองสัปดาห์ในการที่จะฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบย่อยได้ หากเขาต้องการบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ เขาอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามเดือน

 

และขั้นย่อยของทักษะดาบเพลิงโลกันต์ก็ไม่สามารถเอาไปเทียบกับทักษะดาบเพลิงปีศาจได้

 

‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันเป็นทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูงสุด ความยากในการฝึกฝนมันมากกว่าเดิมถึงสองสามเท่า’ หลี่ฟู่เฉินถอนหายใจอย่างเงียบๆ

 

แต่ถ้าใครได้รู้ความเร็วในการฝึกฝนของหลี่ฟู่เฉิน พวกเขาจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน

 

การที่บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบย่อยของทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูงสุดได้ในเวลาไม่กี่เดือนนั้นถือว่ารวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์มากแล้ว มีเพียงโครงกระดูกระดับ 5 ดาวชั้นยอดหรือโครงกระดูกระดับ 6 ดาวเท่านั้นที่สามารถทำได้ แม้แต่โครงกระดูกระดับ 6 ดาวที่ฝึกฝนเร็วที่สุดเองก็บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบย่อยได้ภายในสองสัปดาห์เท่านั้น

 

แม้แต่กระทั้งเถิงฉิงหยุน จื่อหยูเย่ และสือตูเหล่ยใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งถึงสองปีในการบรรลุขั้นสมบรูณ์แบบสำหรับทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุดของพวกเขา พวกเขาหมดพลังงานไปมากในระหว่างกระบวนการ
ในวันนี้ หลี่ฟู่เฉินเองก็ยังคงฝึกฝนทักษะดาบเพลิงโลกันต์เช่นเดิม

 

เขาตั้งใจที่จะฝึกฝนทักษะดาบเพลิงโลกันต์ให้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบก่อนที่จะไปยังหุบเขาอนุสาวรีย์แห่งดาบเพื่อทำความเข้าใจเจตจำนงเพลิงโลกันต์

 

ถ้าเขาไปก่อนที่จะฝึกถึงขั้นนี้ มันจะลดโอกาสในการที่เขาจะตระหนักรู้ถึงทักษะดาบเพลิงโลกันต์ด้วยตนเองไป

 

หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าวันนี้มีบางอย่างแตกต่างออกไป ก็ในเมื่อเขามีกระบวนการฝึกดาบที่ราบรื่นผิดปกติ ดูเหมือนว่ามีพลังงานบางอย่างมาเพิ่มแรงขับเคลื่อนของเขา

 

‘เป็นไปได้ยังไง?’ หลี่ฟู่เฉินคิดในใจ

 

ในช่วงเวลาต่อมา หลี่ฟู่เฉินก็ถูกแช่แข็งทันที ในขณะที่ดวงตาที่ไร้ความรู้สึกของเขาเปล่งประกายสีฟ้าบริสุทธิ์ออกมา

 

ในใจของเขา จิตวิญญาณสีฟ้าอ่อนกำลังหมุนวนอย่างบ้าคลั่งและเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อจิตวิญญาณสีน้ำเงินถูกสร้างขึ้น ความสนใจของหลี่ฟู่เฉินก็ดึงดูดความสนใจของเขาได้ในทันที

 

จิตวิญญาณสีน้ำเงินเป็นเหมือนลูกแก้วสีฟ้าที่ไร้ตำหนิใดๆ ซึ่งมันดูงดงามมาก ไม่เพียงแต่ไร้สิ่งเจือปนและไร้ข้อบกพร่อง แต่มันยังมีความลึกซึ้งมากเช่นกัน มันราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ซึ่งมีอำนาจของกฏเกณฑ์ที่มองไปเห็นปรากฏอยู่

 

จิตใจที่ว่างเปล่าและวุ่นวายในตอนนี้มีเส้นที่ไม่รู้จักมากมาย เส้นทั้งหมดยุ่งเหยิงและไม่ชัดเจนว่าเส้นใดเชื่อมต่อกับเส้นใด แต่มันก็มีบางส่วนที่สร้างวงจรที่สมบูรณ์ขึ้น

 

สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่จิตวิญญาณของเขาพัฒนาเป็นจิตวิญญาณสีฟ้าอ่อนและมันกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่มันน่าทึ่งกว่าครั้งก่อนมาก

 

ปิส ปิส!

 

กระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินระเบิดออกมา ในขณะที่เส้นทั้งหมดถูกเคลือบด้วยไฟฟ้า

 

กระแสไฟฟ้านี้ดูป่าเถื่อน ขณะที่มันเปิดจุดเชื่อมต่อของเกลียวและเพิ่มจำนวนวงจรให้มากกว่าเดิม

 

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเท่าใด แต่เมื่อกระแสไฟฟ้าสลายไป ความคิดของหลี่ฟู่เฉินมีมากกว่าสองเท่าของวงจรแต่เดิม วงจรเหล่านี้มีความลึกลับที่หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถเข้าใจได้และมีความลึกซึ้งยิ่งกว่าทักษะดาบระดับลึกลับขั้นสูงสุดเสียอีก

 

วงจรสั่นไหวสองสามครั้งและปกปิดตัวเองอย่างรวดเร็วราวกับว่าพวกมันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

 

ในขณะนี้ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกราวกับว่าจิตใจของเขาชัดเจนขึ้นกว่าเดิม ความเร็วในการคิดของเขาเร็วขึ้นมากกว่าสองเท่าและตอนนี้ตรงที่ที่เขารู้สึกว่ามีสิ่งกีดขวางก็ถูกเปิดออกและเปล่งประกายออกด้วยแสงจากวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง

 

“ด้วยจิตวิญญาณที่พัฒนาขึ้นเช่นนี้ ข้าสงสัยว่าข้าจะใช้เวลาเท่าไหร่เพื่อฝึกฝนทักษะดาบเพลิงโลกันต์จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ”

 

จากความเร็วก่อนหน้านี้ของเขา หลี่ฟู่เฉินคิดว่าเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี

 

***

 

สองเดือนต่อมา…

 

“โลกันต์ทำลายล้าง!”

 

บนพื้นที่ที่กว้างขวาง หลี่ฟู่เฉินฟันดาบของเขาออกไป ในขณะนั้นเอง ดาบพลังฉีที่เปล่งประกายและลุกเป็นไฟซึ่งดูๆ เหมือนกับดาวหางที่กำลังพุ่งลงมา พุ่งมาอย่างรุนแรง มันทำลายและเผาทุกอย่างระหว่างทาง ในขณะที่มันสามารถมองเห็นผลึกดินที่ตกอยู่ได้อย่างชัดเจน

 

เห็นได้ชัดว่าดาบพลังฉีเพลิงโลกันต์เผาไหมและตกผลึกอยู่ในดิน

 

‘ฝึกถึงขั้นสมบูรณ์แบบของทักษะดาบเพลิงโลกันต์ได้ในเวลาไม่ถึงสองเดือน! จิตวิญญาณสีน้ำเงินนั้นช่างเหลือเชื่อจริงๆ!’ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกตื่นเต้นมาก

 

หากเป็นเช่นนี้แล้ว มันก็คงเป็นไปได้ที่เขาจะเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์ได้ภายในครึ่งปี

 

เมื่อหลี่ฟู่เฉินเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้บทดาบไร้สมบรูณ์ เขาก็สามารถฆ่าสือตูเหล่ยที่ยังไม่ได้ก้าวขึ้นไปสู่ขอบเขตสวรรค์ได้ทันที

 

หลี่ฟู่เฉินมาที่หุบเขาอนุสาวรีย์ดาบเพื่อเริ่มทำความเข้าใจกับเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์

 

แน่นอนว่าเขาต้องบรรลุขั้นดีเลิศย่อยและขั้นดีเลิศของทักษะดาบเพลิงโลกันต์ก่อน

 

“มองนั้นเร็ว มันคือหลี่ฟู่เฉินชิเซียง!”

 

“หลี่ฟู่เฉินชิเซียงเป็นตำนานอย่างแท้จริง เมื่อเขาเพิ่งมาถึงนิกายวารีคราม เขาเป็นแค่คนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ความเร็วในการพัฒนาของเขาก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขากลายเป็นศิษย์หลักอันดับ 1 ตอนนี้เขาเป็นแม้แต่กระทั้งราชาดาราอันดับที่ 1 ในทวีปยูนิคอร์นตะวันออกด้วย”

 

“มันน่าจะพอแล้ว หากข้ามีความสามารถได้ซักครึ่งหนึ่งของหลี่ชิเซียง”

 

ตอนนี้ หลี่ฟู่เฉินกลายเป็นบุคคลในตำนานไปแล้วและจะดึงดูดความสนใจในทุกที่ที่เขาไป

 

เมื่อฟางเหล่ยไห่เห็นหลี่ฟู่เฉินที่หุบเขาอนุสาวรีย์ดาบ ใบหน้าของเขาเกิดประกายแห่งความหวาดกลัวและเขาก็ออกจากที่นั่นก่อนกำหนดทันที

 

ในหุบเขาอนุสาวรีย์ดาบ ความเร็วในการทำความเข้าใจของทักษะดาบเพลิงโลกันต์ของหลี่ฟู่เฉินนั้นเร็วขึ้นหลายเท่า ในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน เขาก็มาถึงขั้นดีเลิศแล้วและความเร็วดังกล่าวนับว่าเป็นประวัติการณ์

 

แต่หลี่ฟู่เฉินไม่ได้คาดหวังว่าการทำความเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์จะเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง ในอีกสองสัปดาห์ต่อมา หลี่ฟู่เฉินก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจเจตจำนงดาบเพลิงโลกันต์ได้

 

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แม้ว่าจะฝึกถึงขั้นดีเลิศย่อยในทักษะดาบเพลิงโลกันต์ แต่พลังมันก็เหนือกว่าทักษะดาบเพลิงโลกันต์มากแล้ว ขั้นดีเลิศในทักษะดาบเพลิงโลกันต์ของข้าในตอนนี้เองก็น่ากลัวมากยิ่งไปกว่านั้น ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก” หลี่ฟู่เฉินอดทนและใจเย็นมาก

 

***

 

ยอดเขาเมฆาล่องลอย

 

นิกายวารีครามได้มอบยอดเขาเล็กๆ ให้กับตระกูลหลี่

 

มันเป็นเพียงยอดเขาเล็กๆ เมื่อเทียบกับนิกายวารีครามทั้งหมดแล้ว

 

ขนาดของยอดเขานี้เพียงพอที่จะตั้งตระกูลหลี่ได้สิบตระกูล สำหรับร้อยปีต่อจากนี้ มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการมีพื้นที่ไม่เพียงพอ

 

ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ตระกูลหลี่ได้อพยพตระกูลของพวกเขาไปที่ยอดเขาเมฆาล่องลอยอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาอาจจะไม่ได้รับการดูแลเหมือนตระกูลใหญ่ในนิกายวารีคราม แต่พวกเขาก็ยังคงได้รับการจัดสรรทรัพยากรมากมายจากนิกายวารีครามอยู่ดี เพียงแค่ทรัพยากรที่มีมูลค่าในปีนี้ก็ทำให้หัวหน้าตระกูลหลี่ตกใจแล้ว หลี่เทียนหาน

 

ตระกูลหลี่เป็นเพียงตระกูลเล็กๆ และเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ทรัพยากรเหล่านี้ให้หมด ซึ่งมันเพียงพอที่พวกเขาจะใช้มันไปอีกหลายปี

 

และทุกอย่างก็ได้มาเพราะหลี่ฟู่เฉิน

 

บนเส้นทางภูเขาของยอดเขาเมฆาล่องลอย บางครั้งผู้คนก็จะสามารถเห็นบุลที่นำพาเกียรติยศมาสู่ตระกูลหลี่ได้บาง

 

“นายน้อยฟู่เฉิน”

 

“ฟู่เฉินเก๋อ”

 

เมื่อเห็นหลี่ฟู่เฉินเดินขึ้นไปบนภูเขา สมาชิกตระกูลหลี่ทั้งหมดทักทายเขาด้วยความเคารพ รวมถึงรุ่นเยาว์บางคนเป็นสายเลือดตระกูลหลักด้วยเช่นกัน

 

“ฟู่เฉิน…เก๋อ!”

 

ที่จุดสูงสุดของภูเขา หลี่หยุนเห่อเพิ่งเดินออกจากลานบ้านและเห็นหลี่ฟู่เฉิน ใบหน้าของเขาแข็งและเมื่อเขาต้องการเรียกชื่อ “หลี่ฟู่เฉิน” เขารู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมและเพิ่ม “เก๋อ” ไปอีกตัวที่ด้านหลัง

 

หลี่ฟู่เฉินอายุมากกว่าเขาเพียงไม่กี่เดือน และปกติเขาก็ไม่จำเป็นต้องทักทายเขาในฐานะพี่ชาย แต่เวลานี้มันแตกต่างกันออกไป ก็ในเมื่อเขาต้องเคารพสถานะของหลี่ฟู่เฉิน และเนื่องจากหลี่ฟู่เฉินสามารถลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาได้ เขาก็นับว่าเป็นคนที่ใจกว้างมากแล้ว

หลี่ฟู่เฉินพยักหน้าง่ายๆ และจากไป

 

หลี่หยุนเหอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ขณะที่เขารู้สึกขอบคุณหลี่ฟู่เฉินอย่างเงียบๆ ที่ไม่สร้างหาปัญหาใดๆ ให้เขา

 

ในความเป็นจริง หลี่หยุนเห่อคิดมากเกินไป ถ้าหลี่ฟู่เฉินเป็นเพียงคนธรรมดาเขาอาจจะไม่ใจกว้าง แต่หลี่ฟู่เฉินไม่ใช่ใครธรรมดาและอนาคตของเขาก็เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

 

มันเป็นไปไม่ได้ที่หลี่ฟู่เฉินจะไปเอาผิดกับคนธรรมดาบางคน

 

แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเพราะหลี่หยุนเห่อมีไหวพริบเพียงพอ

 

ในลานบ้านของผู้นำตระกูลหลี่ หลี่เทียนหาน เฉินหยูหยาน และหลี่เซี่ยวตี้ทั้งหมดอยู่ที่นี่

 

หลี่เซี่ยวตี้ถือว่าเป็นลูกสาวครึ่งหนึ่งของเฉินหยูหยานไปแล้ว และเฉินหยูหยานเองก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี

 

“ฟู่เฉินเก๋อ” เมื่อเห็นหลี่ฟู่เฉิน หลี่เซี่ยวตี้มีความสุขมาก

 

ทุกสิ่งที่เธอมีถูกมอบให้โดยหลี่ฟู่เฉิน เธอไม่ได้มีความสามารถโดยกำเนิดที่พิเศษแต่อย่างใด แต่หลังจากที่เธอบริโภคองุ่นเจ็ดสีเคลือบเงา โครงกระดูกของเธอก็เลื่อนระดับจากโครงกระดูกธรรมดาเป็นโครงกระดูกระดับ 1 ดาวและเธอกำลังก้าวหน้าไปได้อย่างดีในการฝึกฝนของเธอ ทั้งยังการที่เธอมีโอกาสที่จะก้าวขึ้นสู่ขอบเขตปฐพีได้แน่นอนอีก

 

“พ่อ แม่ แม้แต่เซี่ยวตี้ก็อยู่ที่นี่!” หลี่ฟู่เฉินหัวเราะ

 

“ฟู่เฉิน ลูกมาทันเวลาพอดี อาหารกลางวันใกล้จะเสร็จแล้ว มากินข้าวด้วยกัน” เฉินหยูหยานยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยใบหน้าที่เบิกบาน

 

“ได้เลย” หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า

 

จุดประสงค์ของเขาในการมาที่ยอดเขาเมฆาล่องลอยก็คือกลับมารวมตัวกับครอบครัวของเขา

 

การฝึกฝนอาจจะสำคัญ แต่ครอบครัวก็เช่นกัน

 

หลี่เทียนหานดูสำราญใจมากที่สุดและเขาเองก็ยิ้ม “โชคดี ที่สารเลวน้อยอย่างแกไม่ลืมพวกเรา”

 

“พ่อ แม่ มันเป็นความผิดของฟู่เฉินเอง ข้าจะหาเวลาอยู่กับพวกท่านให้มากขึ้นในอนาคต” หลี่ฟู่เฉินรีบตอบกลับทันที

 

เฉินหยูหยานตำหนิหลี่เทียนหาน “ดูสิ่งที่เจ้ากำลังพูดเข้าสิ หากฟู่เฉินไม่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ถ้าฟู่เฉินไม่ได้ตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก เขาจะประสบความสำเร็จได้อย่างตอนนี้ได้อย่างไร? เจ้าไม่ควรพูดแบบนี้ในฐานะคนเป็นพ่อ”
อาหารกลางวันพร้อมแล้วและทุกคนในครอบครัวก็อยู่ในบรรยากาศที่ดูกลมกลืน แม้แต่กระทั้งแม่ของหลี่เซี่ยวตี้ก็มา

 

เห็นทุกคนมีความสุข หลี่ฟู่เฉินก็รู้สึกอบอุ่นที่หัวใจ ในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกกดดันก็ห่อหุ้มหัวใจของเขาเช่นกัน

 

ทุกอย่างในตอนนี้ไม่ได้มาง่ายๆ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายสถานการณ์เหล่านี้ไปแน่นอน ดังนั้นเขาจะเติบโตให้เร็วยิ่งขึ้น

 

ในอีกสองสามวันต่อมา หลี่ฟู่เฉินก็ยังไม่ได้ออกจากยอดเขาเมฆาล่องลอย

 

“อ๊ะ? เทคนิคบ่มเพาะของข้ากำลังจะตัดผ่าน?”

 

ในวันนี้ เมื่อตอนที่หลี่ฟู่เฉินกำลังฝึกฝนเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริง เขารู้สึกได้ถึงพลังฉีซึ่งมีเจตจำนงที่อาจเผาผลาญสวรรค์ได้

 

เขามาถึงขั้นที่ 17 ในการแข่งขันจัดอันดับดารา เขารักษาเสถียรภาพเทคนิคจนไปถึงระดับสุดของขั้นที่ 17 ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่ามันจะทะลุไปถึงขั้นที่ 18 ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้

 

ในขณะนั้นเอง เขาก็ค่อยๆ เข้าใจการรับรู้ที่น่ากลัวที่ได้รับจากจิตวิญญาณสีน้ำเงินแล้ว ในเวลาเดียวกัน นอกเหนือจากการรับรู้ จิตวิญญาณสีน้ำเงินก็ยังความลึกลับที่หลี่ฟู่เฉินไม่เข้าใจซ่อนอยู่อีก

 

หลี่ฟู่เฉินไม่ต้องการตัดผ่านในยอดเขาเมฆาล่องลอย เขามาถึงส่วนลึกของภูเขาหลังนิกายวารีคราม และมาถึงยอดเขาที่เตี้ยนโล่ง

 

ด้วยการพลิกฝ่ามือครั้งเดียว สมุนไพรลึกลับก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา

 

สมุนไพรนี้เย็นสุดขั้วครึ่งหนึ่งและร้อนสุดขั้วครึ่งหนึ่ง มันคือดอกไม้เพลิงเยือดแข็งที่หลี่ฟู่เฉินได้มาจากเขตแดนเร้นลับร้อยสมุนไพร

 

ดอกไม้เพลิงเยือกแข็งสามารถช่วยผู้ที่ฝึกฝนเทคนิคประเภทเพลิงหรือประเภทน้ำแข็งได้ มันจะช่วยพัฒนาการตัดผ่านขั้นของเทคนิคได้ราบรื่นขึ้นและจะไม่ทำให้เส้นชีพจรเสียหาย

 

หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับการที่เทคนิคร่างกายเร้นโลหิตจะต้านความเสียหายที่เกิดจากเจตจำนงเทคนิคเพลิงโลกันต์ได้

 

หลังจากทั้งหมดแล้ว ขั้นที่ 18 ของเทคนิคเพลิงโลกันต์แท้จริงไม่ใช่เรื่องเล็ก ในระหว่างการตัดผ่าน จะมีส่วนหนึ่งของพลังเพลิงโลกันต์ที่ไม่สามารถควบคุมรั่วไหลออกมา

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด