Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 204

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 204 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 204

การปะทะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

 

สี่วันต่อมา โรงเตี้ยมนภาทิศใต้ของเมืองหมอกหนาก็ถูกจองเต็ม

 

บนชั้นสามของโรงเตี้ยม ฟานเฉียนสง ฟานเฉียนหยู และหลี่ฟู่เฉินนั่งอยู่ในมุม พวกหยิบชาบนโต๊ะขึ้นมบและดื่มมันอยู่อย่างเงียบๆ ในขณะที่รอศิษย์คนอื่นๆ มาถึง

 

ตึก ตึก…

 

เสียงฝีเท้าสามารถได้ยินได้ ขณะที่เยาวชนสามคนเดินขึ้นบันไดมา

 

เยาวชนทั้งสามสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มและเสื้อคลุมเป็นสัญลักษณเพลิงและปฐพี

 

พวกเขาเป็นศิษย์หลักจากนิกายเพลิงปฐพี

 

หัวหน้ากลุ่มของพวกเขาเป็นผู้เยาวที่อายุประมาณเดียวกับฟานเฉียนสง ระดับพลังฝึกฝนของเขาอยู่ที่ระดับ 6 ของขอบเขตปฐพี สำหรับอีกสองคน พวกเขาอายุประมาณ 30 ซึ่งมีอายุประมาณเดียวกับหลี่ฟูเฉิน หนึ่งในนั้นเป็นระดับ 7 และอีกหนึ่งอยู่ในระดับที่ 8 ขอบเขตปฐพี

 

แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสองเป็นผู้ติดตาม

 

“ฟานเฉียนสง” ผู้นำของเหล่าศิษย์หลักจากนิกายเพลิงปฐพีมองดูฟานเฉียนสงอย่างไร้อารมณ์

 

“สงฉิงเห่อ” ฟานเฉียนสงทักทายด้วยการเรียกขื่อเขาเช่นกัน

 

“เฉินชิเซียง นี่คือสงฉิงเห่อ ศิษย์หลักระดับทองจากนิกายเพลิงปฐพี เขามีความสามารถที่น่ากลัวและแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าพี่ชายของข้า” ฟานเฉียนหยูส่งข้อความถึงหลี่ฟู่เฉินอย่างลับๆ

 

หลี่ฟู่เฉินพยักหน้า

 

ไม่มีศิษย์หลักระดับทองคนใดทำงานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย มากไปกว่านั้นพลังฝึกฝนของพวกเขายังอยู่ในระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีอีก

 

“ผู้นี้ก็เป็นศิษย์หลักจากนิกายไร้กังวลเหมือนกัน?” สงฉิงเห่อชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉินและสอบถาม

 

ฟานฉิงส่งตอบกลับ “เขาคือเฉินฟู่หลี่ เฉินชิเซียงเขามาจากนิกายวารีคราม”

 

“นี่ดูเหมือนจะไม่ตรงกฎหรือไม่?!” สงฉิงเห่อเสียงดัง

 

ฟานเฉียนสงกล่าว “ทั้งสี่ฝ่ายในพวกเรามีเพียงข้อตกลงที่จะไม่เชิญนักต่อสู้ขอบเขตสวรรค์มา แต่เราไม่ได้กล่าวว่าเราไม่สามารถเชิญนักสู้ขอบเขตปฐพีได้นี่? หรือนิกายเพลิงปฐพีของเจ้าใช่หวาดกลัวหรือไม่?”

 

“กลัว? เหลวไหล! นักสู้ขอบเขตปฐพีระดับ 2 อาจตายได้เมื่อเขาเข้าไปในสุสาน” สงฉิงเห่อกล่าวด้วยความรังเกียจ

 

หลี่ฟู่เฉินผู้ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2 ของขอบเขตปฐพีแม้แต่ชายตามองก็นับว่าไม่สมควร แต่ถ้าหากเขาเป็นศิษย์หลักระดับทองเล่า? เขาก็จะเป็นเช่นเดียวกับเขา พลังฝึกฝนของตัวเขาเองจะต้องสูงกว่าจากเดิมสี่ระดับ

 

หลังจากหาโต๊ะอื่น ศิษย์หลักจากทั้งสองนิกายนั่งรออย่างเงียบๆ

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงฝีเท้าก็ได้ยินอีกครั้ง

 

ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นบันได สภาวะพลังฉีอันแหลมคมและรุนแรงของพวกเขาก็มาถึงชั้นสามแล้ว

 

“นิกายโหมกระบี่” หลี่ฟูเฉินคิดในใจว่าเขาคุ้นเคยกับสภาวะพลังฉีนี้

 

หลังจากนั้นสักครู่ สมาชิกของนิกายโหมกระบี่ก็ขึ้นมาบนชั้นสามของโรงเตี้ยมนี้

 

ศิษย์หลักของนิกายโหมกระบี่ผู้นี้มีระดับการบ่มเพาะสูงจริงๆ มันอยู่ในระดับ 7 ของขอบเขตปฐพี สภาวะพลังฉีที่หนาแน่นของเขานั้นแหลมคมราวกับกระบี่ในฝักซึ่งเข้ามากัดกินผิวหนังของศัตรูและกดขี่วิญญาณของพวกเขา

 

‘ความชั่วร้ายที่น่าสะพรึง!’ คิ้วของหลี่ฟู่เฉินขมวดขึ้น

 

ศิษย์หลักของนิกายโหมกระบี่ผู้นี้อาจจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับดาบไร้อารมณ์ เซี่ยเฟิง แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ไกลจากมันมากนัก

 

“ฟู่จงชาน เจ้ามาผู้เดียว?” สงฉิงเห่อจำได้ว่าฟู่จงชาน มีศิษย์ของนิกายโหมกระบี่อยู่ข้างเขาเทื่อก่อนหน้านี้

 

“แค่ข้าก็มากเกินพอ” ฟู่จงชานตอบกลับอย่างหยิ่งผยอง

 

“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจในภายหลัง” สงฉิงเห่อยอมรับความสามารถที่น่ากลัวของฟู่จงชาน แต่มันก็น่าเสียดายเพราะครั้งหนึ่งในหลุมฝังศพ มันจะเป็นการดีกว่าถ้าเจ้ามีข้อได้เปรียบเรื่องจำนวน หากมันไม่ใช่เพราะว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสั้นกระชันชิด เขาจะพาศิษย์หลักอีกสองสามคนมาอย่างแน่นอน

 

ฟู่จงชานเพียงแค่ยิ้มด้วยความเย่อหยิ่งและไม่ได้กล่าวอะไรอีก

 

***

 

เมื่อเวลาผ่านไป…

 

อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไป

 

“ศิษย์หุบเขาโจนนิรันดร์แน่แล้วว่ากล่าวคำกับอากาศ! เราตกลงที่จะพบกันในตอนเช้าและตอนนี้ก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว!” สงฉิงเห่อค่อนข้างไม่มีความสุข

 

“ศิษย์ของนิกายเพลิงปฐพีไร้ความอดทนเสียจริง ดูเหมือนว่าอนาคตของพวกมันจะเป็นที่น่าสงสัยแล้ว”

 

จากด้านล่าง ได้ยินคำกล่าวอันทรงพลัง

 

สงฉิงเห่อเดือดดาล ถ้าเป็นคนอื่น เขาจะสอนบทเรียนให้แก่พวกมัน แต่เป็นเพราะเขาพลังอำนาจของหุบเขาโจนนิรันดร์ เขาไม่กล้าทำให้เรื่องราวนี้ใหญ่โตขึ้นอีก หลังจากทั้งหมดแล้ว เขาก็เป็นคนแรกที่ไม่สุภาพก่อน เขาจึงสามารถกลืนความโกรธในตอนนี้ลงไปได้

 

การปรากฏตัวของสภาวะพลังฉีที่ไม่เหมือนใคร ให้ความรู้สึกราวกับทะเลพฤกษาได้ถูกปล่อยออกมา ขณะนั้นเองชายคนหนึ่งก็เดินขึ้นบันไดมา

 

ชายผู้นี้ดูอายุน้อย แต่ทว่าเขาก็ยังดูแก่กว่าหลี่ฟู่เฉินในปัจจุบัน อย่างน้อยเขาก็มีอายุ 35 ปี รอยยิ้มของเขามีร่องรอยของความเย่อหยิ่งที่แตกต่างจากความเย่อหยิ่งของฟู่จงชาน มันเต็มไปด้วยความมั่นใจ ความเย่อหยิ่งนี้มาจากสถานะที่น่านับถือของเขา

 

มันไม่น่าแปลกใจเลยที่หุบเขาโจนนิรันดร์เป็นหนึ่งในนิกายชั้นสูงของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นหนึ่งในชนชั้นที่สูงที่สุดของศิษย์หลักหุบเขาโจนนิรันดร์ แต่เขาก็สมควรสำหรับการแสดงความเย่อหยิ่งของเขา

 

การฝึกฝนของเขาอยู่ในระดับที่ 8 ของขอบเขตปฐพีและเพียงแค่ดูจากสภาวะพลีงฉีที่ปรากฏออกมาของเขา มันไม่ได้อ่อนแอไปกว่าสภาวะพลังฉีของฟู่จงชาง

 

ฟานเฉียนหยูส่งข้อความลับอีกหนึ่ง “บุคคลผู้นี่คือเหว่ยชานเห่อ ศิษย์หลักระดับเงินของหุบเขาโจนนิรันดร์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นศิษย์หลักระดับทอง แต่เขาก็เก่งกว่าเนื่องจากระดับเวลาการฝึกฝนอันยาวนานของเขา มันไม่สมควรมองข้ามเขา”

 

หลี่ฟู่เฉินไม่ตอบสนอง กลับกันเขาทมองไปที่บันไดแทน

 

ฟู่จงชานมองไปที่บันไดด้วยเช่นกัน

 

ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ และว่องไว มันราวกับเสียงของเมล็ดที่งอกขึ้นมาจากพื้นแผ่นดินในฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ร่องรอยของเสียงฝีเท้าสามารถได้ยินได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นร่างหนึ่งปรากฏในสายตาของทุกคนก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว

 

แต่งกายด้วยชุดคลุมสีเขียว มันเป็นผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์อันสวยงามอย่างแท้จริง

 

ความงามของเธอไม่ได้ไปด้อยกว่าหยานชิงหวูและเธอก็ดูเหมือนนางฟ้าที่อยู่เหนือเมฆเหล่านั้น

 

ฟานเฉียนสง สงฉิงเห่อ และฟู่จงชานดวงตาแข็งค้าง เหลือเพียงหลี่ฟู่เฉินที่ยังคงเฉยเมยในขณะที่ตรวจสอบคนงามที่สมบูรณ์นางนี้

 

หญิงสาวเสื้อคลุมสีเขียวระดับพลังบ่มเพาะไม่สูงมากนักเพียงระดับที่ 4 ของขอบเขตปฐพี แต่หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ว่าเธอดูแข็งแกร่งกว่าฟู่จงชานและมันก็เป็นช่องว่างที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเธอเข้าสู่ชั้นสาม สภาวะพลังฉีของเธอทำให้บรรยากาศที่นี่กลายเป็นตึงเครียดขึ้นทันที ความเงียบปะทุขึ้นอย่างฉับพลันและดูเหมือนว่ามันจะเกิดละอองฝนขึ้น ในขณะที่หมอกลอยขึ้นมา ส่งผลทำให้ทุกอย่างดูขุ่นมัว

 

“โครงกระดูกระดับ 6 ดาว?”

 

ภายในไม่กี่นาที ความคิดเปล่งประกายอยู่ในใจของหลี่ฟู่เฉิน

 

เธอคนนี้เป็นโครงกระดูก 6 ดาวแน่นอน เนื่องจากมีเพียงโครงกระดูกระดับ 6 ดาวเท่านั้นที่ทำให้เขาตกใจได้

 

ฟานเฉียนหยูส่งข้อความเสียงที่ฟังดูค่อนข้างอิจฉามา “หากข้าเดาได้ถูกต้อง เธอสมควรเป็นหนึ่งในสองโครงกระดูกระดับ 6 ดาวของหุบเขาโจนนิรันดร์ ชูมู่หยู”

 

โครงกระดูกระดับ 6 ดาวหายากมากในโลกนี้ เมื่อหลี่ฟู่เฉินเห็นหยานชิงหวูเป็นครั้งแรก เธอยังเด็กและไม่สามารถดึงศักยภาพของโครงกระดูกระดับ 6 ดาวมาใช้ได้อย่างเต็มที่ หากพวกเขาได้พบกันอีก เขามั่นใจว่าพลังฉีของเธอจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อก่อน

 

“ทุกคน นี่คือชูมู่หยูจากหุบเขาโจนนิรันดร์ของข้า ชูชิเหม่ย การได้พบเจ้าพวกมันก็นับว่าได้รับพรมากแล้ว” เห็นได้ชัดว่าเหว่ยชานเห่อชื่นชมชูมู่หยูเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากโครงกระดูกโดยธรรมชาติของเขา มันจึงกำหนดไว้แล้วว่าเขาและเธอ สามารถทำได้เพียงรักษาความสัมพันธ์ของศิษย์รุ่นพี่และศิษย์รุ่นน้องไว้เท่านั้น

 

สงชิงเหอยืนขึ้นและยิ้มให้กับชูมู่หยู “ทักทายคุณหนูชูมู่หยู”

 

ชูมู่หยูเพิกเฉยเขาและหาที่นั่ง

 

เห็นสถานการณ์ ใบหน้าของสงฉิงเห่อเปลี่ยนเป็นสีแดง เขารู้สึกอึดอัดใจยิ่ง

 

ฟานเฉียนสงพบว่ามันตลกจึงกล่าว “เนื่องจากทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว อย่ารอช้าอยู่เลย ออกเดินทาง!”

 

“เดี๋ยวก่อน” ฟู่จงชานกล่าวออกมา

 

“อะไร?” บางคนมองไปที่ฟู่จงชาน

 

ฟู่งจงชานกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าเป็นศิษย์หลักนิกายโหมกระบี่และมาเพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตามข้าได้เชิญศิษย์หลักจากนิกายอื่นมา รอสักครู่”

 

เมื่อเสียงของฟู่จงชานเงียบลง เสียงฝีเท้าจึงได้ยินอีกครั้ง

 

อย่างแรก มันเป็นชายชุดคลุมดำอายุประมาณ 30 ปี ร่างกายของเขามีสัญลักษณ์ของสัตว์อสูร หลังจากดูใกล้ๆ หลี่ฟู่เฉินสังเกตว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของนิกายสวรรค์ปีศาจ

 

หลังจากนั้นไม่นาน เยาวชนชายชุดคลุมสีดำอีกคนก็เดินขึ้นมา

 

เมื่อเขาเห็นชายหนุ่มคนนี้ หลี่ฟู่เฉินอดคิดไม่ได้ว่ามันเป็นการปะทะที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

 

เห็นได้ชัดว่าบุคคลผู้นี้คือหลี่หวูเซี่ย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด