Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 239

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 239 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 239

ตบหน้า

 

ซินหวูหยวนอยู่ระดับที่ 8 ของขอบเขตปฐพี เขาอาจจะไม่อยู่ในอันดับดารา แต่ความสามารถในการต่อสู้โดยรวมของเขานั้นสูงกว่าหูหมิ๋งมาก และหลังจากได้เห็นการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินและหูหมิ๋งแล้ว ซินหวูหยวนคิดว่าเขาเข้าใจความสามารถของหลี่ฟู่เฉินได้อย่างลึกซึ้งแล้ว

 

จากสิ่งที่เขาเห็น หลี่ฟู่เฉินมีความตระหนักในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเล็กน้อย

 

ซินหวูหยวนค่อนข้างมั่นใจในการรับรู้การต่อสู้ของเขาเอง มันอาจไม่สามารถเทียบเคียงกับหลี่ฟู่เฉินได้ แต่ในก็ดีกว่าหูหมิ๋งอย่างแน่นอน

 

หากหลี่ฟู่เฉินต้องการพึ่งพาการรับรู้ในด้านการต่อสู้เพื่อเอาชนะเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นความเพ้อฝันของคนบ้า

 

เมื่อกระบี่ถูกตวัดออกไป ร่างของซินหวูหยวนถูกผสมเข้ากับแสงกระบี่ ซึ่งเร็วเหมือนประกายฟ้าแลบ

 

แคร็ก!

 

สายฟ้ากระพริบครั้งนึง กระบี่ของซินหวูยวนก็มาถึงหน้าของหลี่ฟู่เฉิน

 

“พลังฉีสายฟ้า?” หลี่ฟูเฉินค่อนข้างประหลาดใจ

 

การระเบิดสภาวะพลังฉีสายฟ้าเป็นประเภทที่เร็วที่สุดและรุนแรงที่สุดของพลังฉี กระบี่ประเภทเดียวกันนี้จะเร็วกว่าอย่างน้อยห้าเท่า หากมันถูกเคลือบด้วยพลังฉีสายฟ้าเมื่อเทียบกับพลังฉีชนิดอื่น ไม่แปลกใจเลยที่คู่ต่อสู้ของเขามีความมั่นใจค่อนข้างมาก ดูเหมือนว่าซินหวูหยวนคิดว่าความเร็วกระบี่ของเขารวดเร็วเกินพอ และสันนิษฐานว่าหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถหาข้อบกพร่องใดๆ ในกระบวนดาบของเขาได้

 

แต่น่าเสียดายที่ซินหวู่หยวนคิดผิด

 

จิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินนั้นเกินกว่าขีดความสามารถของมนุษย์ นับประสาอะไรกับแค่การต่อสู้กับนักสู้ขอบเขตปฐพีเพียงลำพัง แม้ว่านักสู้ขอบเขตสวรรค์เป็นคนลงมือ หลี่ฟูเฉินก็ยังคงสามารถหาข้อบกพร่องในกระบวนท่าของทักษะต่อสู้ได้ในทันที

 

แน่นอน ความเร็วในการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์นั้นเร็วเกินไป และแม้ว่าจิตสำนึกของหลี่ฟู่เฉินจะเห็นข้อบกพร่อง ร่างกายของเขาก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา

 

เมื่อร่างกายของเขาถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว หลี่ฟู่เฉินชี้ดาบออกไป

 

จุดปลายดาบนี้เป็นเหมือนระเบิดจากเหล่าทวยเทพ

 

ปิส!

 

กระบี่สายฟ้าพลังฉีของซินหวูหยวนตอบสนองต่อเสียงดัง ซึ่งส่งผลให้ความเร็วของกระบี่ลดลงและความเร็วในการเคลื่อนของเขาลดลงอย่างมาก

 

“เก้าประกายฟ้าโจมตี!”

 

ใบหน้าของซินหวูหยวนมีอาการเหลือเชื่อ ก่อนที่เขาจะหายใจลึกๆ และใช้ท่ากระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด

 

ราวกับว่าฟ้าร้องและฟ้าผ่าเกิดขึ้น สายฟ้าเก้าลูกพุ่งลงมาจากเก้าทิศทางเข้าไปหาหลี่ฟู่เฉิน สายฟ้าทุกเส้นเป็นกระบี่แท้จริง รวมแล้วเป็นเก้ากระบี่

 

แสงดาบบิดเบี้ยวและไขว้เข้าหากัน มันเข้ามาทลายพลังฉีแห่งดาบหลี่ฟู่เฉินออกเป็นชั้นๆ เมื่อดาบสายฟ้าของซินหวูหยวนตวัดขึ้นลงบนตาข่ายดาบไปซักพัก พลังกระบี่สายฟ้าทั้งเก้าก็ถูกทำให้เป็นกลาง แต่ทว่าในช่วงเวลาเดียวกัน มันกลับถูกเปลี่ยนทิศทาง สำหรับที่เส้นทางที่มันถูกเปลี่ยนทางไป ซินหวูหยวนก็จะได้รู้ในไม่ช้า

 

ตาข่ายดาบนั้นระเบิด ซินหวูหยวนถูกส่งไปบินออกไป ในขณะที่แขนทั้งสองของเขานั้นด้านชา

 

ทักษะดาบเก้าโคจรของหลี่ฟู่เฉินมีวิธีโต้กลับการโจมตีที่โจมตีเข้ามา ยิ่งโจมตีเข้ามาด้วยความแข็งแกร่งเท่าใด การโจมตีที่สะท้อนกลับไปก็แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าซินหวูเซียงจะต้องต้องรับการโจมตีของตัวเองและบวกกับการถูกเสริมพลังเข้าไปของทักษะดาบหลี่ฟู่เฉิน ดังนั้นนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขาถูกส่งไปบิน

 

ปิส ปิส ปิส ปิส…

 

เลือดสดพุ่งออกมาจากรอยปริแตกของร่างกายซินหวูหยวน

 

การโจมตีสวนกลับของทักษะดาบเก้าโคจรไม่เพียงแต่ส่งซินหวูหยวนบินออกไปเพียงเท่านั้น มันยังสร้างบาดแผลในส่วนลึกถึงกระดูกตามร่างกายซินหวูหยวนได้โดยที่ไม่รู้ตัวอีกด้วย

 

“อ๊ากก!” ซินหวูหยวนส่งเสียงคำราม

 

นี่เป็นสิ่งที่น่าอับอายและน่าขายหน้า

 

ในขณะนี้เอง ความเจ็บปวดในร่างกายนั้นไม่สามารถเทียบเคียงได้กับความอัปยศในวิญญาณของเขา

 

ซิยหวุหยวนรู้สึกราวกับว่าการดำรงอยู่ทั้งหมดของเขากำลังจะพังทลาย บวกกับร่างกายที่อาบเลือด ภาพของเขาช่างน่าสมเพชยิ่ง

 

ผู้ชมทุกคนงุนงง

 

เกิดอะไรขึ้น? แม้แต่ซินหวูหยวนก็พ่ายแพ้? ไม่ใช่ว่าเขามั่นใจหรอกหรือ? เขาไม่อดทนและพ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?

 

ท่ากระบี่ที่สองของเขารุนแรงอย่างผิดปกติ แต่มันเป็นเขาที่ได้รับบาดเจ็บเหรอ?

 

ครู่หนึ่ง ยอดเขาฝนใบไม้ทั้งหมดกลายเป็นเงียบงัน

 

ฮวงหยูเซียงไม่สามารถกล่าวอะไรได้แม้แต่คำเดียว ราวกับมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอของเขา

 

“ฮวงชิเซียง ข้าบอกเจ้าแล้วใช่มั้ย? ซินหวูหยวนไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ฟูเฉิน” ฟานเฉียนหยูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยินดี

 

การแสดงออกของฮวงหยูเซียงนั้นไม่พอใจและดูบูดบึ้งในเวลาเดียวกัน

 

เขาไม่มีความคับข้องใจใดๆ กับหลี่ฟู่เฉิน ในทางตรงกันข้าม เขามีความผูกพันกับหลี่ฟูเฉิน

 

เขาไม่ชอบความเย่อหยิ่งและอวดดีของหลี่ฟู่เฉินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันไม่ดีสำหรับฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูที่จะเที่ยวไปกับหลี่ฟู่เฉิน เขาแค่ต้องการแสดงความคิดเห็นว่าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นกับพวกเขา หากพวกเขายังคงทำเช่นนั้น

 

แต่เนื่องจากฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยูปกป้องหลี่ฟู่เฉินมากเกินไป เขาจึงไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อหลี่ฟู่เฉินที่ก้นบึ้งของหัวใจอีกแล้ว

 

แต่เดิมเขาต้องการใช้ซินหวูยวนเป็นตัวอย่างเพื่อปลุกฟานเฉียนสงและฟานเฉียนหยู แต่ใครจะรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้

 

นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาคาดหวัง

 

อ้าปาก แต่ท้ายที่สุดแล้วฮวงหยูเซียงก็ไม่สามารถพูดอะไรได้แม้แต่คำเดียว หลังจากทั้งหมดแล้ว ความจริงย่อมสำคัญกว่าคำพูด บางทีอาจมีเพียงเสี่ยวไบ๋ก้าวเข้ามาเท่านั้น เขาถึงจะสามารถระงับความเย่อหยิ่งของหลี่ฟู่เฉินได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว อะไรก็ตามที่เขาพูดตอนนี้มันก็จะเป็นการตบหน้าตัวเอง

 

ในอีกด้านหนึ่ง การแสดงออกของเสี่ยวไบ๋แย่ยิ่งกว่าฮวงหยูเซียง

 

หลี่ฟู่เฉินผู้นี้น่าโมโหเกินไป เขามีความสามารถ แต่ไม่สามารถทำอะไรกับหลี่ฟู่เฉินได้ ในทางกลับกัน เขากลับต้องอนุญาตให้หลี่ฟู่เฉินแสดงความเย่อหยิ่งเช่นนี้ออกมา

 

“ขยะ ไร้ประโยชน์”

 

ในหัวใจของเสี่ยวไบ๋ เขากำลังโกรธแค้นซินหวูหยวน กำลังคิดว่าซินหวูหยวนนั้นไร้ประโยชน์หรือเป็นเพราะเขาไม่ใช่ศัตรูของหลี่ฟู่เฉิน ทำไมเขาถึงได้แพ้เร็วไปนัก? ไม่ใช่ว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณซินหวูหยวนโดยไร้ความหมายหรือไม่?

 

ศาลาของเจ้าภาพ…

 

หรันเฉียนฉิวและฉินเคอชือกำลังมองหน้ากัน

 

ตอนนี้มันไม่ใช่แค่หรันเฉียนฉิวเท่านั้นที่ดูมืดมนและบูดบึ้ง แม้แต่กระทั้งฉินเคอชือก็รู้สึกอึดอัดใจ

 

“เกิดอะไรขึ้นกับงานเลี้ยงน้ำชาใบไม้ปีนี้? ข้าตัดสินว่าเขาผิดได้หรือไม่?” ฉินเคอชือถามคำถามเชิงโวหารออกมา

 

หายใจเข้าลึกๆ ฉินเคอชือตัดสินใจว่าเธอจะไม่ออกความเห็นใดๆ ต่อจากนี้แล้ว เธอต้องการดูว่าหลี่ฟู่เฉินจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหนและตัดสินใจว่าผิดจริงหรือไม่

 

“นี่เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจจริงๆ เขาอาจมีความสามารถบางอย่าง แต่ข้าก็ไม่ชินกับการแสดงออกที่ดูหยิ่งผยองของเขาอยู่ดี มีใครบ้างที่สามารถไปสู้กับเขาได้มั้ง? และบังคับให้เขาออกจากเวทีนี้ไป”

 

“แม้แต่กระทั้งซินหวูหยวนก็พ่ายแพ้ นอกเหนือจากอันดับดารา ก็คงไม่มีใครที่สามารถหยุดเขาได้แล้ว”

 

ทุกคนค่อนข้างไม่มีความสุข ใครจะมีความสุขที่ตนรู้สึกเหมือนตนตบหน้าตัวเอง

 

บนเวทีศิลปะการต่อสู้ ซินหวูหยวนดูน่าสังเวชและน่าเวทนาอย่างยิ่ง เขายืนอยู่ที่นั่นและไม่รู้ว่าเขาจะออกจากเวทีหรือดำเนินการต่อสู้ต่อไป

 

เขาจะต่อสู้ต่อไปได้อย่างไรเมื่อเขาไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของหลี่ฟูเฉินซะด้วยซ้ำ ตอนนี้เขามีเพียง 20% หรือ 30% ของความสามารถทั้งหมดของเขา เขาจะไม่ส่งให้ตัวเองไปตายหรอกหรือ?

 

“เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้ากำลังจะทำให้ข้าคุกเข่าและขอความเมตตา? เจ้าไม่ตีปากข้าแล้วหรือ? ข้ากำลังยืนอยู่ที่นี่ และรอให้เจ้ามาทำให้ข้าคุกเข่าให้ได้” หลี่ฟูเฉินมีดวงตาที่ดูไม่แยแส ในขณะที่เขากล่าวด้วยคำพูดทิ่มแทงหัวใจ

 

ตอนนี้ซินหวู่หยวนมีสีหน้าละอายใจ “หลี่ฟู่เฉิน เจ้าไม่ควรทำตัวเหมือนคนพาลที่ทนการยั่วยุไม่ได้ ก่อนหน้านี้ข้าหุนหันเกินไป”

 

“หุนหัน? เจ้ากล้าที่จะแก้ตัว? หากข้าไม่ควบคุมตัวเอง การโจมตีก่อนหน้านั้นสามารถสังหารเจ้าไปได้แล้วสามครั้ง” หลี่ฟูเฉินหัวเราะเยาะ

 

ซินหวูหยวนกระอักเลือดออกมาแล้วชี้ไปที่หลี่ฟู่เฉิน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

 

“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าไม่มากเกินไปหรือ? เมื่อเจ้าชนะซินหวูหยวนแล้ว ทำไมเจ้าถึงจะโจมตีเขาต่อในเมื่อเขาล้มไปแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงจะทำ พูดถึงประเด็นนี้ เจ้าจะต้องถูกลิขิตให้เป็นคนที่ไม่มีตัวตนเส้นทางเต๋าแห่งการต่อสู้”

 

“แล้วเจ้าเป็นใคร?” หลี่ฟูเฉินเงยหน้าขึ้นมอง

 

ชายหนุ่มยิ้ม “ลั่วชิงหยุน”

 

“มันคือลั่วชิงหยุน ในที่สุดผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงก็จะก้าวเข้าสู่เวที”

 

“ลั่วชิงหยุนผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมจากนิกายดาบธารเมฆา การฝึกฝนของเขาอยู่ที่ระดับ 8 ของขอบเขตปฐพี การชนะหลี่ฟู่เฉินก็คงจะง่ายเหมือนการปัดฝุ่นสำหรับเขา”

 

ทุกคนร่าเริง ทวีปยูนิคอร์นตะวันออกอาจมีนิกายมากมาย แต่ทุกคนมีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับอัจฉริยะยอดนิยมของนิกายต่างๆ อยู่กับมือ อย่างเช่นของนิกายวารีครามก็เป็นดาบคลั่งและดาบพยัคฆ์ ที่ทุกคนรู้ก็เพราะพวกเขาเป็นอัจฉริยะยอดของนิกายวารีคราม

 

“ลั่วชิงหยุน มาสู้เถอะ!”

 

หลี่ฟู่เฉินเองก็มีข้อมูลของลั่วชิงหยุน และรู้ว่าเขาเป็นหมายเลข 2 ในบรรดาศิษย์หลักระดับทองของนิกายดาบธารเมฆา

 

ในความเป็นจริง ไม่ใช่เพราะดาบไร้อารมณ์ เซี่ยเฟิงนั้นไร้ความสามารถ เขาเป็นคนประเภทเดียวกันกับดาบคลั่งและดาบพยัคฆ์ ศักยภาพและพรสวรรค์ที่มีมา แต่กำเนิดของเขาไม่ด้อยไปกว่าใคร เมื่อเทียบด้วยสองอย่างนี้

 

เหตุผลหลักก็คือเซี่ยเฟิงยังไม่ได้เข้าสู่เขตแดนเส้นทางดวงดาว ในขณะที่ดาบคลั่งและดาบพยัคฆ์ได้เข้ามาแล้ว

 

หากดาบไร้อารมณ์ เซี่ยเฟิงเข้าสู่เขตแดนเส้นทางแห่งดวงดาว ก้าวหน้าไปจากระดับที่ 6 ของขอบเขตปฐพีไปถึงระดับ 8 ของขอบเขตปฐพี มันก็คงจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด