Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 225

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 225 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 225
การตอบโต้ของนิกายวารีคราม
เมื่อบทดาบไร้สมบรูณ์บทดาบเหล็กดำเสร็จสิ้น ลักษณะเฉพาะของลวดลายดาบเหล็กดำก็ถูกเปิดใช้งาน
ในขณะนี้เอง ที่หลี่ฟู่เฉินสามารถรู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเขารู้สึกเบาขึ้นกว่าเดิมมากและยังรู้สึกด้วยว่าร่างกายนี้จะไม่สามารถถูกทำลายลงไดั
แน่นอนว่า แก่นกระดูกของหลี่ฟู่เฉินหนักกว่าเดิมถึงห้าเท่า ร่างกายมนุษย์นั้นแตกต่างจากวัตถุที่ไม่มีชีวิต ซึ่งไม่ควรนำมาเปรียบเทียบกัน
ด้วยการโคจรพลังฉี ดาบพลังฉีกว่าหนึ่งร้อยเล่มก็พุ่งขึ้นไปบนอากาศ และสภาวะพลังฉีที่มันแผ่ออกมานั้นก็น่าเกรงกลัวยิ่ง จากการประเมิณของหลี่ฟู่เฉิน แม้ว่าหลี่ฟู่เฉินจะบรรลุขั้นย่อยของนิกายต้นกำเนิดดาบได้ มันก็คงจะคล้ายคลึงกัน แน่นอน นิยายต้นกำเนิดดาบย่อมมีปริมาณของดาบที่มากกว่าและมันก็ค่อนข้างไม่เหมาะสมที่จะเปรียบเทียบเทคนิคลับทั้งสองนี้ด้วย
‘บทดาบไร้สมบรูณ์บทดาบเหล็กดำเต็มไปด้วยความแหลมคม น้ำหนัก ความทนทาน และยังสามารถสับพลังฉีให้กลายเป็นวุ่นพร้อมทั้งปลดปล่อยพลังฉีได้ คุณสมบัติสามประการแรกนั้นมาจากพื้นฐานมาความสำคัญของกระดูก ในขณะที่คุณสมบัติหลังทั้งสองอย่างหลังนั้นขึ้นอยู่กับพลังฉี นี่ถือเป็นการแบ่งออกระหว่างทั้งกำลังภายในและกำลังภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งที่นิกายต้นกำเนิดดาบไม่สามารถเปรียบเทียบได้’
นิกายต้นกำเนิดดาบเป็นเทคนิคลับที่เน้นไปด้านพลังโจมตีล้วน โดยมีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อสังหารศัตรูอย่างเดียว
ในขณะที่บทดาบไร้สมบรูณ์บทดาบเหล็กดำ นั้นไม่ได้มีไว้สำหรับฆ่าศัตรูแต่เพียงเท่านั้น
หลังจากที่ฝึกฝนบทดาบไร้สมบรูณ์บทดาบเหล็กดำไปแล้ว หลี่ฟู่เฉินก็ไม่กลัวทักษะต่อสู้ที่น่าเกรงขามใดๆ อีก
ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคลับมังกรเร้นลับ ฝ่ามือใสกระจ่าง หรือเทคนิคบทดาบไร้สมบรูณ์บทดาบเหล็กดำ ทั้งหมดล้วนถูกสร้างมาเพื่อเพิ่มระดับ
การเพิ่มระดับนี้อาจกลายมาเป็นส่วนนึงของความสามารถ แต่มันก็ไม่สามารถช่วยให้นักสู้คนใดเพิ่มพูนเต๋าทักษะต่อสู้ได้
โดยการเพิ่มระดับการบ่มเพาะและเพิ่มระดับทักษะต่อสู้ของใครคนหนึ่งเท่านั้นถึงจะได้รับพลังความสามารถที่แท้จริงและอนุญาตให้บุคคลหนึ่งประสบความสำเร็จเต๋าทักษะต่อสู้ได้
“มันถึงเวลาที่ต้องไปสัมผัสกับเขตแดนเส้นทางดวงดาวแล้ว” หลี่ฟู่เฉินดึงหินดวงดาวออกมาและบดขยี้มัน
แสงสีฟ้าใสเบ่งบานออกมาและก็ห่อหุ้มหลี่ฟุเฉินไว้ ทันใดนั้นเองแสงก็พุ่งกนะจายและหดตัวลง ก่อนที่มันจะเป็นจุดเล็กๆ และหายไป
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดวงดาวที่ลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า และดวงดาวนับไม่ถ้วนก็ลอยอยู่ทั้งด้านบนและด้านล่าง ท้องฟ้าเหล่านี้ล้วนถูกเติมเต็มไปด้วยดวงดารา เส้นทางคริสตัลสีดำที่เปล่งประกายแวววาวนี่เองก็ขยายไปสู่ส่วนลึกของท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวแห่งนี้
จุดเริ่มต้นของเส้นทางคริสตัลสีดำนี้เป็นเกาะที่ลอยได้ แสงสีฟ้าใสปรากฏขึ้นและมีร่างตกลงมา
“นี่คือเขตแดนเส้นทางดวงดาว?”
เมื่อมองไกลออกไป หลี่ฟู่เฉินไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาวถึงเป็นสถานที่ที่ลึกลับที่สุดของทวีปยูนิคอร์นตะวันออก
แค่ทิวทัศน์ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนมึนงงได้แล้ว ซึ่งเพียงแค่นี้สิ่งเดียวก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเส้นทางคริสตัลสีดำที่ปรากฏบนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวแห่งนี้แล้ว
“บางทีมันอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา!”
มองเห็นดวงดาวนับไม่ถ้วนอยู่ตรงหน้า อย่างไรก็ตามหลี่ฟู่เฉินก็ยังไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องจริงทั้งๆ ที่อยู่ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว มันอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
โดยไม่มีข้อกังขา แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เขตแดนเร้นลับเส้นทางดวงดาวนี้ก็ยังมีคุณค่าสมชื่อของมัน ก็ในเมื่อมันเป็นสถานที่ที่ลึกลับที่สุดในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก
หลังจากทั้งหมดแล้ว ภาพลวงตานี้เหมือนจริงมากเกินไปและนำมาซึ่งผลกระทบที่สำคัญ
สูดหายใจลึกๆ หลี่ฟู่เฉินเดินไปบนเส้นทางคริสตัลสีดำ
ทันใดนั้นเองที่เขาก้าวเหยียบมัน เขาก็รู้สึกกดดันอย่างหนักที่สายเลือด
แรงกดดันนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อร่างกาย แต่ยังส่งผลต่อวิญญาณด้วย
‘นี่คือสนามพลังฉีของเส้นทางดวงดาวหรือไม่?’
สนามพลังฉีของเส้นทางดวงดาวคล้ายคลึงกับสภาวะพลังฉี มันมีแรงกดดันจากทั้งวิญญาณและสภาวะพลัง
เฉพาะผู้ที่มีศักยภาพเท่านั้นถึงจะสามารถเดินไปบนเส้นทางดวงดาวได้ไกล
นั้นเป็นเพราะ ยิ่งศักยภาพแข็งแกร่ง จิตวิญญาณและวิญญาณเองก็จะยิ่งแข็งแกร่ง และมันก็ง่ายที่จะต่อต้านสนามพลังฉีบนเส้นทางดวงดาวแห่งนี้
ยกตัวอย่างเมื่อตอนที่หลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่ 7 ของขอบเขตต้นกำเนิด เขาสามารถต่อต้านนักสู้ของตระกลูเหลียวที่อยู่ในระดับที่ 2 ของขอบเขตสวรรค์ได้ และยังมีผู้อาวุโสชั้นในคนอื่นๆ และด้วยสภาวะพลังฉีของเหลียวเทียนหยุน หากเป็นนักสู้ขอบเขตต้นกำเนิดระดับที่ 7 คนอื่น พวกเขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัญจากการโดนสภาวะพลังฉีกดดันเข้าไปเพียงครั้งเดียว แน่นอน ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เหลีวเทียนหยุนเองก็ไม่ได้คิดจะสังหารหลี่ฟู่เฉิน เขาเพียงแค่ต้องการทำให้หลี่ฟู่เฉินพิการก็แค่นั้น ถ้าเหลียวเทียนหยุนปลดปล่อยสภาวะพลังฉีที่แท้จริงของเขาออกมาใช้ มันก็ไม่แน่นอนว่า หลี่ฟู่เฉินจะสามารถต่อต้านมันได้หรือไม่
แต่นอกเหนือจากจิตวิญญาณ สภาวะพลังฉีเองก็มีความสำคัญเท่าเทียมกัน
สภาวะพลังฉีนั้นสัมพันธ์กับระดับการฝึกฝนของคนนั้นๆ
คนที่มีความสามารถโดยธรรมชาติอ่อนแอแต่ก็อาจจะมีระดับการฝึกฝนสูงกว่าคนอื่น เขาคนนั้นก็อาจจะสามารถเดินไปตามถนนสายนี้ได้
นอกจากนั้นแล้ว เทคนิคลับที่คล้ายกับเทคนิคลับมังกรเร้นลับที่สามารถเพิ่มพลังฉีได้ ก็ยังสามารถเพิ่มสภาวะพลังฉีของตนได้เช่นกัน ตอนนี้เอง หลี่ฟู่เฉินอยู่ระดับที่ 3 ของขอบเขตปฐพีแต่เพียงเท่านั้น แต่หลังจากที่เขาเปิดใช้งานเทคนิคลับมังกรเร้นลับ เขาก็เหมือนกับนักสู้ขอบเขตปฐพีระดับที่ 4 และระดับที่ 5
ด้วยจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างเหลือแสน สนามพลังฉีของเส้นทางดวงดาวแห่งนี้ก็กลายเป็นว่า คล้ายกับหลี่ฟู่เฉินนั้นกำลังเพลิดเพลินไปกับสายลมเย็นๆ ก็ไม่ปาน หลี่ฟู่เฉินเดินไปบนเส้นทางดวงดาวอย่างง่ายดาย
……
นิกายวารีคราม
นิกายวารีครามในห้องโถงใหญ่
“ท่านเจ้านิกาย นิกายสวรรค์ปีศาจกำลังออกใบประกาศจับจำนวนหลากหลายอย่างล้นอยู่ในภูมิภาคร้อยเทพยุทธ์ มันก็เพื่อหาตัวศิษย์หลักระดับทองของเรา หลี่ฟู่เฉิน พวกเขายังประกาศอีกว่าหากมีใครให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลี่ฟู่เฉิน มันจะมีรางวัลเป็นทองคำ 10 ล้านเหรียญ” ผู้อาวุโสชั้นใน ยือหัว กล่าวออกมาอย่างเป็นกังวล ณ ห้องโถงใหญ่แห่งนี้
บนที่นั่งของผู้นำนิกาย ชายวัยกลางคนที่มีเสื้อคลุมสีขาวนั่งอยู่ที่นั่น
เขาคือ โอหยางเหวินเทียน บุคคลสำคัญอันดับต้นของนิกายวารีคราม เขาเป็นผู้นำตระกลูโอหยาง และคล้ายๆ กัน เขาเองก็เป็นผู้นำนิกายของนิกายวารีครามด้วยเช่นกัน
เมื่อตอนที่เลือกผู้นำนิกายในนิกายวารีคราม ศักยภาพโดยกำเนิดของคนๆ นั้นคือเกณฑ์แรก เกณฑ์ที่สอง ผู้สมัครจะต้องมีทักษะและสติปัญญาที่ยอดเยี่ยม เกณฑ์ที่สาม ผู้อาวุโสสูงสุดจะต้องยอมรับมากกว่าครึ่งหนึ่ง
ในฐานะที่เป็นเจ้านิกาย ศักยภาพโดยกำเนิดที่โอหยางเหวินเทียนได้แสดงออกมาเมื่อตอนเขายังเด็กไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลย เมื่อเทียบกับดาบไร้อารมณ์เซี่ยเฟิง ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาคงจะไม่ได้มานั่งในตำแหน่งนี้
ยือหัวนั่งอยู่ข้างๆ ขณะที่จ้าวหวู่จินกล่าว “นิกายสวรรค์ปีศาจนั้นเย่อหยิ่งและไม่ได้เห็นนิกายวารีครามของเราอยู่ในสายตาเลย หากพวกเขาจับหลี่ฟูเฉินได้ ผลที่ตามมาก็ไม่อาจคาดเดาได้แล้ว ชื่อเสียงของนิกายวารีครามเองก็จะประสบกับความสูญเสัยเช่นกัน”
ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือเป็นการส่วนตัว เขาก็ไม่ต้องการให้หลี่ฟู่เฉินถูกนิกายสวรรค์ปีศาจจับตัวได้
“ท่านเจ้านิกาย จากสิ่งที่ข้ารู้ นายน้อยของนิกายสวรรค์ปีศาจ หลี่หวูเซี่ยได้ตายไปแล้ว เหตุการณ์นี้น่าจะเกี่ยวข้องกับหลี่ฟู่เฉิน เราควรจะตรวจสอบอย่างชัดเจนก่อนที่จะจัดการกับนิกายสวรรค์ปีศาจดีหรือไม่? เราอาจจะไปทำให้นิกายสวรรค์ปีศาจเกิดบ้าขึเนมาได้” หนึ่งในผู้อาวุโสชั้นในยกมือคัดค้าน
บุคคลผู้นี้เป็นผู้ก่อตั้งตระกูลเหลียว เหลียวไห่หวาง
จ้าวหวู่จินเลิกคิ้วขึ้นเมื่อมองไปทางเขา “เหลียวไห่หวาง หากนิกายไม่สามารถคุ้มครองศิษย์หลักระดับทองได้ การดำรงอยู่อย่างพวกเราจะมีความหมายอะไรอยู่อีก?”
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ตระกูลเหลียวส่งคนไปติดตามหลี่ฟู่เฉิน จ้าวหวู่จินขอให้ยือหัวออกไปช่วยเหลือ เขาเตือนตระกูลเหลียวว่าถ้ามีครั้งที่สองอีก เขาจะไม่ปล่อยผ่านเรื่องกับตระกูลเหลียวอีก นั้นทำให้ตระกูลเหลียวตื่นตกใจ
เหลียวไห่หวางไม่มีการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกแต่อย่างใด “นิกายเป็นที่สำหรับองกรณ์ เราไม่สามารถยั่วยุศัตรูเพียงเพราะแค่คนๆ เดียวได้ หากนิกายเข้ารับแบกภาระของศิษย์หลักทุกคนที่ไปหาปัญหามา นิกายก็จะต้องล่มสลายลงไปในไม่ช้าก็เร็ว มีนิกายมากมายในทวีปยูนิคอร์นตะวันออก เจ้าจะไปต่อสู้กับทุกนิกายเลยหรือไม่?”
จ้าวหวูจินหัวเราะเยาะ “เหลียวไห่หวาง อย่าลืมความจริงที่ว่าหลี่ฟูเฉินเป็นศิษย์หลักระดับทองของนิกายวารีครามเรา เขาไม่ได้เป็นแค่ศิษย์หลักระดับเงินธรรมดาๆ ศิษย์หลักระดับทองทุกคนเป็นเสาหลักที่คอยสนับสนุนอนาคตของนิกายวารีครามเรา การสูญเสียพวกเขาไปแค่หนึ่งคนก็นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่แล้ว”
เหลียวไห่หวางตอบกลับ “เขาเป็นศิษย์หลักระดับทองที่มีปัจจัยน่าสงสัยมากมาย เขาเป็นเพียงแค่ศิษย์หลักระดับทองที่รับมาแบบชั่วคราว มันคงไม่สายเกินไปที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเขาหลังจากที่เขาไปถึงขอบเขตสวรรค์แล้ว”
สำหรับโครงกระดูก 1 ดาว ดินแดนบ่มเพาะทุกดินแดนสำหรับเขาล้วนเป็นอุปสรรค์ใหญ่ หากพวกเขาไม่สามารถผ่านพ้นอุปสรรคนั้นไปได้ มันก็จะไม่มีความหวังในชีวิตของพวกเขา​
สำหรับโครงกระดูกระดับ 5 ดาว ตราบใดที่ไม่มีอุบัติเหตุ การพัฒนาสู่ขอบเขตสวรรค์ก็เปรียบเสมือนกับการรับประทานอาหารง่ายๆ สบายๆ มันจะไม่มีสิ่งใดที่เข้ามารบกวนได้เลย
“ฮึ่ม ปัจจุบันเขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่มีมา แต่กำเนิดของเขา ซึ่งได้ก้าวผ่านดาบคลั่งไปแล้ว หากเราไม่เสี่ยงเช่นนั้น เราจะไม่หัวโบราณเกินไปหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการพัฒนาของเขาในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้แน่นอนว่าเขาจะก้าวหน้าสู่ขอบเขตสวรรค์” จ้าวหวูจินแย้งสิ่งที่ถูกต้องขึ้นมา
โอหยางเหวินเทียนทำท่าโบกมือให้ทุกคนนิ่งเงียบ เขาค่อยกล่าวออกมาอย่างช้าๆ “แจ้งไปยังนิกายสวรรค์ปีศาจให้นำใบประกาศจับศิษย์หลักระดับทองเรา หลี่ฟู่เฉิน เอาออกไปให้หมด ไม่เช่นนั้นแล้ว นิกายวารีครามของข้าจะใช้กำลังเต็มที่เพื่อตามล่าศิษย์หลักระดับทองของนิกายสวรรค์ปีศาจ”
“ลืมมันซะ ข้าจะทำสิ่งนี้เป็นการส่วนตัวเอง”
หลังจากคิดถึงมัน โอหยางเหวินเทียนตัดสินใจไปที่ภูมิภาคร้อยเทพยุทธ์เป็นการส่วนตัว มีเพียงขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดเท่านั้นที่จะสามารถเจรจากับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกำเนิดผู้อื่นได้ ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตหวนคืนต้นไม่มีคุณสมบัติที่จะกล่าวคำใดออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด