Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 244

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 244 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 244

หนึ่งกับสอง

 

 

“เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้ใช่หรือไม่?”

 

จนถึงตอนนี้ ความตระหนักในการต่อสู้ของหลี่ฟู่เฉินที่แสดงออกมานั้นไม่ได้เกินจริงเกินไปและอยู่ในระดับล่างสุดของการจัดอันดับดาราเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความตระหนักในการต่อสู้ของเขาได้เหนือกว่าอันดับดารา

 

ทั้งหมดแล้ว แม้ว่ามันจะไม่ได้หมายความว่าความสามารถของเขาจะสูงกว่าอันดับดาราทั้งหมด อย่างน้อยก็หมายความว่าเขายังไม่ถึงขีดจำกัดสูงสุด

 

“เจ้าชอบเป็นคนที่คุยโม้โอ้อวดเสียจริง เจ้าเชื่อจริงๆ ว่าจะไม่มีใครสามารถหยุดเจ้าได้? เจ้าไม่รู้ถึงความใหญ่โตที่แท้จริงของสวรรค์และโลก ไปให้พ้น!” ไม้อาญาสิทธิ์(ไม้นั้นกระบองตำรวจนั้นแหละ 555) ทองคำของหรันเฉียนฉิวถูกควงวน มันหมุนเร็วจนกระทั้งคล้ายกับดาวสีทอง มันถูกส่งไประเบิดตรงที่ๆ หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่

 

การรับรู้ของหลี่ฟู่เฉินตรวจสอบมันในทันที และพบข้อบกพร่องในการโจมตีของคู่ต่อสู้ ด้วยการแทงเพียงครั้งเดียว พลังฉีดาบเพลิงปีศาจก็ถูกระเบิดออกมา

 

บูม!

 

ร่างกายของหลี่ฟู่เฉินสั่นเล็กน้อย ขณะที่หรันเฉียนฉิวถอยกลับไปสามก้าว

 

‘พลาด?’

 

หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่ามันน่าเสียดายที่การรับรู้ของเขาเหนือกว่าขีดจำกัดทางร่างกายของเขามาก เมื่อการรับรู้ของเขาพบข้อบกพร่องในการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ ปฏิกิริยาทางร่างกายกลับตอบสนองช้าไปสักหน่อย ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้โจมตีไปที่ข้อบกพร่องอย่างแม่นยำนัก มันห่างออกไปเล็กน้อยในระยะห่างกันแค่เส้นผม

 

อย่าประมาทช่องว่างเล็กๆ เพียงแค่นี้ สาเหตุที่ข้อบกพร่องถูกเรียกว่าข้อบกพร่องนั้นก็เป็นเพราะความแตกต่างเล็กน้อยในการดำเนินการ ยิ่งทักษะต่อสู้แข็งแกร่งเท่าใด ข้อบกพร่องก็ยิ่งเล็กลงเท่านั้น และเพื่อที่จะตีที่ข้อบกพร่องได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เราต้องควบคุมขอบของข้อผิดพลาดภายในเส้นผมเส้นเดียวหรือแม้กระทั่งต้องพิถีพิถันมากกว่านี้

 

หากระดับการบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินอยู่ในระดับที่ 7 หรือ 8 ของขอบเขตปฐพี เขาจะสามารถสังหารคนอย่างหรันเฉียนฉิวและเสี่ยวไบ๋ได้ในทันที แม้ว่าคุณลักษณะอื่นๆ ของเขาจะไม่ดีขึ้นก็ตาม

 

เพราะเหตุนี้ ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงขึ้น ปฏิกิริยาของร่างกายก็เร็วยิ่งขึ้น เมื่อควบคู่ไปกับพลังรับรู้ความเป็นตายของคนๆ หนึ่ง มันก็เทียบเท่ากับความสามารถที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า

 

“เขาเห็นข้อบกพร่องในกระบวนท่าของข้า?” หรันเฉียนฉิวมีสีหน้าประหลาดใจในเวลานี้เอง

 

ระดับการบ่มเพราะของเขาต่ำกว่าระดับการบ่มเพาะของเสี่ยวไบ๋ไประดับนึง เขาอยู่ในระดับที่ 7 ของขอบเขตปฐพี แต่ความสามารถของเขานั้นเหนือกว่าเสี่ยวไบ๋

 

ส่วนใหญ่เป็นเพราะการรับรู้ของเขาแข็งแกร่งกว่าเสี่ยวไบ๋ และความตระหนักรู้ในด้านการต่อสู้ของเขาเองก็เช่นกัน

 

บุคคลสองคนอาจเข้าใจถึงเจตจำนงทักษะต่อสู้ลึกลับขั้นกลางได้เหมือนกัน แต่เมื่อดำเนินการใช้โดยนักสู้ที่แตกต่างกัน มันก็จะมีความแตกต่างกัน ยิ่งเจตจำนงและการรับรู้แข็งแกร่งเท่าใด รูปแบบทักษะต่อสู้ก็จะยิ่งสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น หากฝ่ายตรงข้ามต้องการหาข้อบกพร่อง พวกเขาจะต้องมีความตระหนักรู้ที่แข็งแกร่งมากกว่า หากการรับรู้ของคนๆ นึงแข็งแกร่งขึ้นเพียงหนึ่งเส้นผม ฝ่ายตรงข้ามก็จะไม่สามารถต่อต้านการโจมตีได้แล้ว

 

‘การรับรู้ของเขาเหนือกว่าของเขาเหนือกว่าของข้ามาก มันมากกว่าหลายเส้นผม’ หรันเฉียนฉิวสรุปออกมาพด้วยข้อสรุปที่ดูไร้สาระ

 

“เสี่ยวไบ๋ เจ้าจะไม่ลงมือเลยหรือไร? เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ตรงนั้น?” หรันเฉียนฉิวกล่าวกับเสี่ยวไบ๋

 

นิกายพัตรเงินและนิกายสวรรค์ปีศาจเคยร่วมมือกันหลายครั้งต่อหลายครั้ง เมื่อเหล่าศิษย์หลักจากทั้งสองนิกายออกเดินทางเพื่อควบคุมอารมณ์และจิตใจตัวเอง พวกเขาก็มีความร่วมมือมากมายเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีการตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ว่าจะเอาชนะศัตรูคนเดียวกัน

 

ก่อนมาถึงวันนี้ เสี่ยวไบ๋เคยร่วมมือกับหรันเฉียนฉิวหลายครั้งและประสบความสำเร็จอยู่เสมอ พวกเขาได้รับประโยชน์จากความร่วมมือเหล่านั้นมากมาย

 

“กรงเล็บวิญญาณนรก!”

 

มือขวาของเสี่ยวไบ๋ยื่นออกมา ในขณะที่ชั้นของเงากรงเล็บกลายเป็นพายุหมุนวน เจาะไปที่หลี่ฟู่เฉิน

 

“วายุศักดิ์สิทธิ์ ทำลาย!”

 

หรันเฉียนฉิวจับไม้อาญาสิทธอ์สีทองที่ลอยอยู่กลางอากาศ มันกลายเป็นงูสีทองเหมือนคล้ายลม มันพุ่งเข้าใส่หลี่ฟู่เฉิน

 

พลังฉีก่อตัว เฉพาะคนที่มีความมุ่งมั่นและขยันหมั่นเพียรต่อทักษะต่อของตนงระดับหนึ่งเท่านั้นถึงจะบรรลุเป้าหมายเช่นนี้ได้

 

เมื่อพลังฉีก่อตัวขึ้น ข้อบกพร่องก็เล็กลงทนแทบจะหายไป

 

แน่นอนว่าสิ่งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของทักษะต่อสู้ด้วยเช่นกัน

 

มีทักาะต่อสู้บางอย่างที่ไม่ต้องการพลังฉีเพื่อแสดงรูปร่าง ในขณะที่บางทักษะต้องใช้มันเพื่อก่อร่างและคงรูปร่างอยู่

 

ทักษธสังหารทั้งสองถูกใช้ออก ซึ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวไบ๋กลับใช้ทักษะต่อสู้สองแบบออกมาในเวลาเดียวกัน ภายใต้แรงกดดันของกองสภาวะพลังฉีเหล่านี้ อากาศที่หลี่ฟู่เฉินยืนอยู่การไหลเวียนของพลังฉีก็ดูเหมือนจะกลายเป็นยุ่งเหยิงยิ่ง ซึ่งมันจำกัดพลังฉีไว้ได้อย่างน่าขนพองสยองก้าว หากเป็นนักสู้ทั่วๆ ไป พวกเขาอาจจะถูกตรึง และทำได้แต่มองดูอย่างหมดหนทางในขณะที่พวกเขากำลังถูกสังหาร

 

แต่หลี่ฟู่เฉินไม่ใช่นักสู้ธรรมดาทั่วไป

 

เมื่อตรวจสอบดูด้วยความตระหนักรู้ของเขา หลี่ฟู่เฉินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงข้อบกพร่องภายในกระบวนท่าสังหารของทั้งสอง

 

พลังฉีดาบเพลิงปีศาจกวาดไปทั่วบริเวณและทำลายวายุที่มีรูปร่างเหมือนงูทองคำ และพายุหมุนวน

 

ครั้งนี้ หลี่ฟู่เฉินถอยกลับไปสองก้าว ขณะที่เสี่ยวไบ๋และหรันเฉียนฉิวถอยหลังกลับไปสามก้าว

 

“หนึ่งต่อสองก็ยังคงได้เปรียบอยู่เล็กน้อย?”

 

ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจ ตามความคิดเห็นของพวกเขา แม้แต่กระทั้งฉินเคอชือเองก็ไม่สามารถทำได้

 

“ใช้ท่าไม้ตายของเจ้า!” หรันเฉียนฉิวคำรามออกมา

 

ความสามารถของหลี่ฟู่เฉินนั้นเกินจินตนาการของเขาไปมากและเขาก็ยอมรับว่าเขาประเมินหลี่ฟู่เฉินต่ำเกินไปเช่นกัน แต่เขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความสามารถของหลี่ฟู่เฉิน

 

อะไรที่หมายถึง ‘ท่าไม้ตาย’? มันเป็นกระบวนท่าพวกเขาพัฒนาขึ้นมาด้วยตัวของพวกเขาเอง

 

พวกเขาสองคนไม่สามารถเข้าใจทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงได้ในเวลานี้ แต่พวกเขาสามารถใช้ทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นกลางเพื่อพัฒนากระบวนท่าสังหารเป็นของตนเองได้ กระบวนท่าสังหารนี้อาจไม่มีพลังที่เกินจริงและยังคงอยู่ในระดับลึกลับขั้นกลาง แต่มันมีพลังรุนแรงและมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะป้องกัน

 

“กรงเล็บเดี่ยวนรก!”

 

เสี่ยวไป๋คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและยื่นมือขวาออกไปเหมือนกรงเล็บของสัตว์ร้าย เขายกมือขึ้นสูงก่อนที่จะแกว่งลงมาอย่างแรง

 

ในช่วงเวลาถัดไป รอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นกลางอากาศ เช่นเดียวกับริ้วกรงเล็บที่ไม่เป็นระเบียบนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปโจมตีหลี่ฟู่เฉิน

 

“วายุสว่านศักดิ์สิทธิ์!”

 

หรันเฉียนฉิวถือไม้อาญาศักดิ์สอทธิ์สีทอง ซึ่งมันก็ได้สร้างวงกลมสีทองไว้ในอากาศตลอดเวลา ในพริบตาเดียว วงกลมหลายสิบวงก็ปรากฏขึ้นซึ่งมันมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ และเมื่องกลมสุดท้ายปรากฏขึ้นแล้ว มันก็เล็กพอๆ กับถั่วเหลืองและเจาะเข้าไปที่หลี่ฟู่เฉินอย่างรวดเร็ว

 

หืม…

 

ดอกสว่านรูปกรวยแหลมมีความเร็วสูงมากซึ่งดูเหมือนว่าจะแยกอากาศออกจากกัน ส่งเสียงที่น่าหวาดกลัวออกมา

 

‘ท่าไม้ตาย? เหอะ’ สายตาของหลี่ฟู่เฉินหรี่แคบลง

 

เมื่อใช้ท่าสังหารออกมา โดยพื้นฐานแล้วมันไม่สามารถป้องกันได้

 

หากมันเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว หลี่ฟู่เฉินมีความมั่นใจที่จะป้องกันมัน แต่ตอนนี้มันเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสอง เขาไม่มีความมั่นใจมากนัก

 

หลังจากทั้งหมดแล้ว ปฏิกิริยาทางร่างกายและความเร็วของเขายังค่อนข้างอ่อนกว่าการรับรู้ของเขาเอง

 

“เงาสังหารเพลิงปีศาจ!”

 

เนื่องจากหลี่ฟู่เฉินไม่มีความมั่นใจใดๆ เขาจึงไม่ได้มีเจตนาที่จะป้องกันพวกมัน

 

ฝ่ายตรงข้ามใช้ท่าสังหารได้ เขาเองก็ใช้ได้เช่นกัน

 

ท่าสังหารเป็นการโจมตีขั้นสูงสุดในทักษะดาบเพลิงปีศาจ แต่ด้วยระดับความสามารถในปัจจุบันของเขา มันก็ถือเป็นท่าสังหารระดับต้นๆ

 

แสงสีแดงเข้มระเบิดห่อหุ้มพวกเขาทั้งสองเอาไว้ ทั่วทั่งพื้นที่นี้เต็มไปด้วยสีแดงสดในทันที

 

ชี่ ชี่ ชี่ ชี่ ชี่…

 

กึก กึก…

 

ปิส ปิส ปิส…

 

มีรอยกรงเล็บที่ดูน่ากลัวและรอยแตกบนร่างกายของหลี่ฟู่เฉิน มันรอยเหล่านั้นมีเลือดสดพุ่งและไหลออกมาอย่างน่ากลัว

 

ปฏิกิริยาทางร่างกายของหลี่ฟู่เฉินยังคงช้ากว่าการเคลื่อนไหวของท่าสังหารทั้งสอง และเขาก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากหนึ่งในนั้นได้ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่อีกฝ่ายจะฝ่าการป้องกันของเขาได้ด้วยเหตุนี้

 

เกราะพลังฉีของเขาอ่อนแอราวกับเต้าหู้ และทั้งสองคนนั้นก็ฉีกมันออกได้อย่างง่ายดาย

 

แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเช่นกัน เงาสังหารเพลิงปีศาจของหลี่ฟู่เฉินเป็นท่าสังหารของทักษะระดับลึกลับขั้นสูง มีพลังที่เหนือกว่าการท่าสังหารของทั้งสองคน ซึ่งมันได้ทิ้งรอยแผลจากดาบนับไม่ถ้วนไว้บนร่างกายของพวกเขาในทันที มันราวกับพวกเขาถูกเฉือนออกเป็นชิ้นๆ ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพน่าสังเวช

 

การแลกเปลี่ยนท่าสังหารนี้ทำให้เกิดความสูญเสียต่อทั้งสองฝ่ายและแต่ละคนก็รอดไปได้อย่างหวุดหวิด

 

“นี่มันโหดเกินไปแล้ว!” มีคนร้องอุทานออกมา

 

“หลี่ฟู่เฉินผู้นี้เป็นปีศาจเป็นแน่ แม้แต่การร่วมมือกันของเสี่ยวไบ๋และหรันเฉียนฉิวก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้ มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าเขาจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งแบบไหนในการจัดอันดับดาราครั้งต่อไป”

 

“หากเขายังพัฒนาต่อไปด้วยสามารถในระดับนี้ เขามีโอกาสที่จะติด 50 อันดับแรกในการจัดอันดับดารา”

 

“ข้าคิดว่าเขาจะสามารถเป็น 30 อันดับแรกได้ ยังมีเวลามากกว่าหนึ่งปีก่อนการแข่งขันการจัดอันดับดารา และเขาก็อยู่ในระดับที่ 5 ของขอบเขตปฐพีแต่เพียงเท่านั้น ด้วยระดับการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้นในแต่ละครั้ง ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก”

 

“30 อันดับแรกนั้นเกินจริงเกินไป การจัดอันดับดารานั้นมีเหล่าคนรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นและทุกคนทั้งหมดที่นั้นก็มีความสามารถราวกับสัตว์ประหลาด พวกเขาไม่สามารถตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึกธรรมดาๆ”

 

 

ติดตามได้ก่อนใครที่เพจ indynovels

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด