Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 340 พ่ายแพ้หมดรูป

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 340 พ่ายแพ้หมดรูป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Eternal Reverence

บทที่ 340 พ่ายแพ้หมดรูป

พ่ายแพ้หมดรูป

ปิสส! ปัง!

ดาบเหล็กดําขนาดใหญ่ฟาดฟันไปยัง กรงเล็บของปีศาจสีฟ้าซีดส่งผลทําให้มันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับ เต้าหูที่ถูกหมัดต่อย

เมื่อดาบเหล็กดําได้ฟันไปยังหัวของปี ศาจสีฟ้าซีดตนนั้น มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาได้เฉือนผิวหนังที่ไม่สามาร ถทําลายได้ แม้แต่ผิวชั้นนอกของปีศาจสีฟ้าซีดก็ยังไม่เกิดรอย ขณะที่ตัวดาบ เหล็กดําเองกลับสลายไปด้วยพลังป้องกันของปีศาจสีฟ้าซีด

เมื่อปีศาจมาถึงระดับที่ 4 พวกมันก็ไม่ สามารถอธิบายได้ด้วยแค่คําว่า “ทรงพลัง” อีกต่อไป พวกมันเป็นสิ่งที่น่าหวา ดกลัวและสมบรูณ์แบบเกินไป

“อืม นี่คือปีศาจระดับ 4 ?”

หลี่ฟูเฉินไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าการที่เขา ใช้นิกายต้นกําเนิดดาบด้วยพลังฉีดาบเหล็กดํา จะสามารถสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ เนื่องจากหากสังหารมันได้จริงๆ มันจะดูเพ้อฟันไปหน่อย อย่างไรก็ตามมัน อาจจะแตกต่างออกไป หากเขาใช้นิกายต้นกําเนิดดาบด้วยพลังฉีดาบทองแดง เขาอาจจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับปีศาจระดับ 4 ได้หากเขาใช้ดาบพ ลังฉีทั้งหมดราวๆ 3000 เล่ม

เขาก็แค่อยากจะสัมผัสกับพลัง และ กระบวนการทํางานของนิกายต้นกําเนิดดาบให้มากกว่านี้

เขาถอยกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ระยะ ห่างระหว่างหลี่ฟูเฉินและปีศาจสีฟ้าซีดห่างออกจากกันมากขึ้นอีกครั้ง ในขณะ เดียวกันนั้นเอง นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงมากกว่ายี่สิบคน รวมถึงนักสู้ขอบ เขตสวรรค์ระดับสูงสุดทั้งหมดเองก็เข้ารายล้อมปีศาจสีฟ้าซีดตนนี้และโจมตีไป ยังมันอย่างรุนแรง แม้ว่าปีศาจสีฟ้าซีดตนนี้จะเป็นระดับ 4 แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาได้ ขณะที่ร่างกายของมันเริ่มมีรอยเลือดปรากฏขึ้น

ถูกต้อง มันเป็นเพียงรอยของเลือด

ปีศาจระดับ 4 มีร่างกายที่มีพลังป้อ งกันแข็งแกร่งอยู่แล้ว และนอกเหนือจากนี้เกราะพลังฉีของมันเองก็แข็งแกร่ งมากด้วยเช่นกัน มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะทําลายเกราะป้องกันของมันได้ในเวลาสั้นๆ เว้นแต่พลังฉีปีศาจขอ งมันจะแห้งเหือดไป

อย่างไรก็ตาม หากจะให้พลังฉีมันเหี อดแห้ง ปีศาจระดับ 4 ตนนี้ต้องไม่ได้กินเลือดหรือเนื้อใดๆ หากไม่เช่นนั้นแล้ว แม้แต่อาการบาดเจ็บของมันก็จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและพลังฉีปีศาจของมันก็จะ ค่อยๆ ถูกเติมเต็ม

สามารถกล่าวได้ว่าปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิต ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในด้านการต่อสู้ซึ่งนี่เองก็เป็นสิ่งที่สัตว์ปีศาจและมนุษย์ไม่สา มารถเทียบเคียงได้

เมื่อเวลาผ่านไป พลังฉีของปีศาจสีฟ้า ซีดก็ลดลงไปมาก

เมื่อพลังฉีปีศาจของมันเหลือน้อย เช่น นั้นแล้วนั่นก็จะเป็นเวลาตายของมัน

“เทคนิคเพลิงโลกันต์ของข้าเกือบจะ ตัดผ่านขั้นที่ 19 แล้ว

ช่องว่างระหว่างขั้นที่ 18 และขั้นที่ 19 ของเทคนิคเพลิงโลกันต์นั้นแตกต่างกันมากเกินไป หลี่ฟูเฉินอาจจะตัดผ่านเข้า สู่ขอบเขตสวรรค์ได้แล้วก็จริงแต่เทคนิคเพลิงโลกันต์เองก็ไม่ได้พัฒนา ขึ้นในทันที แต่หลังจากการต่อสู้อันดุเดีอด เขาก็รู้สึกได้ว่าเทคนิคเพลิงโลกันต์มีสัญญาณของการพัฒนา
เมื่อเทคนิคเพลิงโลกันต์ทะลวงไปถึง ขั้นที่ 19 ความแข็งแกร่งที่หลี่ฟูเฉินแสดงออกมาได้ก็จะเป็นระดับสูงสุดของขอบ เขตสวรรค์ในทันที

ที่เขารู้สึกได้ว่ามันพัฒนา ก็เพราะ เทคนิคเพลิงโลกันต์เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแม้จะมาถึงระดับสูงสุดของขอบ เขตสวรรค์ แต่ก็มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะพัฒนาเทคนิคต่อไปได้ ผู้ที่อยู่ระดับสูง สุดของขอบเขตสวรรค์ส่วนมากฝึกเทคนิคเปลวเพลิงโลกันต์ก็จะมาถึงแค่ 18 และหากจะก้าวข้ามขั้นต่อไป ผู้ฝึกฝนจะต้องมีทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุ ดที่ฝึกฝนถึงขั้นดีเลิศก่อนเทคนิคถึงจะมีสัญญาณของการพัฒนา

แต่นี่เป็นเพียงกรณีของนักสู้ระดับสูงสุดขอบเขตสวรรค์ธรรมดาๆ เท่านั้น

สําหรับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงสุด เช่นจ้าวหวูจิน เขานั้นถือเป็นอัจฉริยะชั้นยอด

ก่อนหน้านี้ หลี่ฟูเฉินไม่เข้าใจความ แข็งแกร่งของจ้าวหอูจิน เขาจะเข้าใจมันได้ก็ต่อเมื่อได้ก้าวมาสู่ขอบเขตสวรรค์ แบบนี้ ได้รู้ว่าชายสวมหน้ากากหมาป่าผู้นั้นเองก็ด้อยกว่าจ้าวหวูจินมาก 3604
หลี่ฟูเฉินคิดว่าเทคนิคการฝึกฝนของชายสวมหน้ากากหมาป่านั้นอยู่ขั้นที่ 17 และทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุดของเขานั้นอย่างดีหน่อยก็อยู่แค่ในขั้นดีเลิศ
เท่านั้น

ผู้ฝึกตนในเส้นทางของเต่ปีศาจโดย ทั่วไปแล้วจะมีระดับเทคนิคบ่มเพาะต่ํากว่าความเชี่ยวชาญด้านทักษะต่อสู้เนื่องจากขอบเขตพลังบ่มเพาะของพวก เขาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปและพวกเขาไม่มี เวลาที่จะทําให้มันเสถียร

แน่นอน ด้วยความดีความชอบจากไข่ มุกโลหิต ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกจนใน เส้นทางเต๋ปีศาจจึงค่อนข้างน่ากลัว นอกจากอัจฉริยะชั้นยอดและนักสู้อย่าง จ้าวหวูจิน ก็คงไม่มีใครเทียบได้ หากพวกเขาอยู่มีระดับฝึกฝนในระดับเดีย วกัน

รอยเลือดของปีศาจสีฟ้าซีดมีปริมาณ เพิ่มขึ้น และเริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ
ปิสส!

ในที่สุด นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับ สูงสุดก็สร้างบาดแผลขนาดใหญ่บนร่างของปีศาจสีฟ้าซีดได้ ส่งผลทําให้โลหิตสีน้ําเงินซีดกระจายไปทั่ว

“พวกมนุษย์น่ารังเกียจ ข้าจะฆ่าพวก เจ้าให้หมด!”

ปีศาจสีน้ําเงินซีดโกรธจัด ร่างขนาด ใหญ่ของมันหดตัวลงอย่างกะทันหันและมีแสงวาบปรากฏขึ้น มันพุ่งไปหานักสู้ระดับที่ 8 ของขอบเขตสวรรค์

ปีศาจสีน้ําเงินซีดจับไปที่ลําตัวของ เขา และเตรียมตัวที่จะจับเขากิน

ฉีก!

แสงดาบเจิดจ้าพุ่งไปที่คอของปีศาจสี ฟ้าซีด ส่งผลทําให้มันกระเด็นออกไปด้วยความเจ็บปวด และปล่อยมนุษย์คน นั้นออกจากมือ

คนที่ทําให้มันกระเด็นออกไปก็คือหลี่ ฟูเฉิน ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาไม่อาจเทียบได้กับนักสู้ระดับสูงสุด ของขอบเขตสวรรค์ แต่ในแง่ของการสร้างความน่ารําคาญ เขาเหนือกว่านักสู้ระ ดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ซะอีก

ปิสส ปิสส ปิสส ปิสส ปิสส…

ขณะนั้นเองปีศาจสีฟ้าซีดได้ปลดปล่อ ยสภาวะพลังฉีออกมาอย่างรุนแรงจากสิ่งนี้ทําให้เกราะพลังฉีที่มันมีบางลงมาก ส่งผลให้การสร้างบาดแผลกับมันทําได้ ง่ายขึ้น

เมื่อจังหวะสุดท้ายมาถึงแม้แต่นักสู้ระ ดับที่ 7 และ 8 ของขอบเขตสวรรค์ก็สา มารถทําร้ายมันได้

“ตาย!”

ด้วยการที่ทุกคนร่วมมือกันและมีจุดป ระสงค์เหมือนกัน ในที่สุดปีศาจสีฟ้าซีดก็พบกับจุดจบที่น่าเศร้า ก็ในเมื่อศีรษะ และหัวใจของมันถูกเจาะและถูกฟันออกเป็นชิ้นๆ

การกระทํานี้กลายมาเป็นขวัญกําลังใจ ที่ยิ่งใหญ่สําหรับทุกคน ก็ในเมื่อพวกเขาเพิ่งสังหารปีศาจระดับ 4 ลงได้ จากสิ่งนี้ ส่งผลทําให้สถานการณ์โดยรวมของสนามรบดูเบาขึ้นเล็กน้อย

แต่ทุกคนเข้าใจว่าการมีส่วนร่วมของห ลี่ฟูเฉินนั้นเป็นสิ่งที่ทําให้ทุกอย่างดําเนินมาถึงจุดนี้ได้

เพราะหลี่ฟูเฉิน พวกเขาจึงสามารถจัด การกับคืนดับสังหารได้อย่างรวดเร็วเพราะหลี่ฟูเฉิน คนกลุ่มนี้จึงสามารถสังหาร ปีศาจระดับ 4 ได้อย่างต่อเนื่องตอนนี้ มันเป็นเพราะหลี่ฟูเฉินที่หยุดปีศาจระดับ 4 จากการกินเลือดและเนื้อลงได้ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เร่งให้ปีศาจตายได้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วการต่อสู้จะล่าช้าไปอีกช่วง หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะสามารถสังหารปีศาจลงได้

ด้วยปรากฏการณ์การกลิ้งของบอลหิมะความสมดุลของพื้นที่นี้ค่อยๆ เปลี่ ยนไป ปีศาจและสัตว์ปีศาจกําลังตกอยู่ ในความเสียเปรียบ

น่าเสียดายที่มันยังเร็วเกินไปที่ทกคนจะมีความสุข

ผู้ที่กําหนดสถานการณ์ของการสู้รบคือ ผู้ที่อยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิด

และในด้านความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ของผู้ที่อยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดนั้นเป็นข้อเสียเปรียบของร้อยนิกายอย่างแท้จริง

สัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นต่ําและขั้นกลาง นั้นจัดการได้ง่าย แต่สัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงนั้นสําหรับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิดระดับสูงเป็นสิ่งที่ยากหากรับมือกับมันเพียงลําพัง สําหรับสัตว์ปีศาจระ ดับ 5 ขั้นสงสด มันจะต้องมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดระดับสูงสุดหลายคนถึงจะสามารถจัดการกับมันได้

ทางด้านร้อยนิกาย มีนักสู้ขอบเขต หวนคืนต้นกําเนิดระดับสูงสุดน้อยจนน่าสมเพช ซึ่งหากรวมกันแล้วก็นับได้ไม่ เกินสิบคน

นอกจากนี้พลังต่อสู้ส่วนบุคคลของนักสู้ขอบเขคหวนคืนต้นกําเนิดระดับสูง สุดเองก็ไม่สามารถเทียบกับสัตว์ปีศาจ ระดับ 5 ขั้นสูงสุดได้เลยนับประสาอะไรกับการไปเทียบกับปีศาจระดับ 5

เหตุผลหลักคือเทคนิคบ่มเพาะและ ทักษะต่อสู้

นักฆสู้ของมนุษย์จําเป็นต้องฝึกฝน เทคนิคและทักษะต่อสู้เพื่อต่อสู้กับสัตว์ปีศาจหากเทคนิคบ่มเพราะหรือทักษะ ต่อสู้ของพวกเขาอ่อนแอเกินไปก็คงไม่จําเป็นต้องกล่าวสิ่งใดให้มาก พวกเขา จะถูกบดขยี้แน่นอน

พวกเข

ในช่วงเริ่มต้นของขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิด นักสู้สามารถพึ่งพาเทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดและทักษะ ต่อสู้เพื่อทําการต่อสู้กับสัตว์ปีศาจได้แต่ระยะต่อจากนั้นของขอบเขตหวนคืน นกําเนิด เทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดและทักษะต่อสู้ในชั้นเดียวกันก็ ไม่อาจที่จะสร้างความแตกต่างได้อีกแล้วก็ในเมื่อพวกเขาต้องการเทคนิคบ่มเพาะระดับปฐพีขั้นต่ําและทักษะต่อสู้ระ ดับปฐพีขั้นต่ําเป็นอย่างน้อยเพื่อจัดการกับสัตว์อปีศาจหรือปีศาจให้ได้ด้วยตัวเอง

เช่นเดียวกับเกอไผ่ที่ใช้ท่ากระบี่ระดับ ปฐพีขั้นต่ําเพียงครั้งเดียว แยกทะเลและภูเขาออกจากกันเอาชนะกระทิงปีศาจที่แข็งแกร่งได้ในกระบวนท่าเดียว นี่คือพ ลังของทักษะต่อสู้ระดับสูง

ในยุคนี้ เทคนิคบ่มเพาะระดับปฐพีและ ทักษะต่อสู้ระดับปฐพี่นั้นหายากมากแล้วเฉพาะกองกําลังสิบอันดับแรกเท่านั้นที่ เหมือนจะรักษาสิ่งที่ดูเลือนลางเหล่านี้เอาไว้ได้ และพวกมันทั้งหมดก็ยังไม่สม บูรณ์อีกด้วย นอกจากนี้ สิบอันดับแรกเหล่านี้ไม่มีทางที่จะแบ่งปันสิ่งนี้กับนิกาย อื่น เนื่องจากนี่เป็นเหตุผลหลักที่ว่าพวกเขาสามารถรักาตําแหน่งของตัวเองใน ทวีปนี้ได้ยังไงพวกเขาจะไม่มีทางเปิดเผยมันออกมาง่ายๆ

บูมม!

ในสภาพแวดลอมที่ดูขมุกขมัวนี้ มี ลําแสงสีดําสนิทสว่างขึ้นในใจกลางสนามรบทันทีหลังจากนั้นมันก็กินพื้นที่หลายสิบไมล์ในบริเวณใกล้เคียง

ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะหลายสิบไมล์นี้ถูก ทําลาย แสดงให้เห็นว่าพลังนั้นน่ากลัวเพียงใด

ฟื้บ ฟีบ พืบ…

มีร่างบินออกมาจากลําแสงสีดําสนิท มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของพวกเขาพวกเขาเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิดระดับสูงสี่คน ที่มาจากนิกาย วายุเหมันต์

ขณะที่ลําแสงสีดําสนิทดับลง ปีศาจที่ ดุร้ายขนาดยักษ์ใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น

ปีศาจตนนี้มีเกล็ดสีดําละเอียด มันไม่มี เขา แต่มีชั้นเปลือกหนาที่ปกป้องกะโหลกศีรษะเอาไว้ เปลือกนั้นคงอยู่ราวกับ ว่าตัวมันเป็นหมวกนิรภัย ดวงตาที่ดุร้ายของมันทําให้เกิดความหนาวยะเยือก เย็นและความน่าสะพรึงกลัวไม่รู้จบ

“แม้แต่ค่ายกลวายุเหมันต์ลึกลับก็ไม่ สามารถปิดกั้นได้!“ผู้เฒ่าผมหงอกมีท่าทางที่น่ากลัว

ทั้งสี่คนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกาย วายุเหมันต์และเทคนิคบ่มเพาะของพวกเขาเป็นเทคนิคระดับปฐพีขั้นต่ําที่ไม่สม บูรณ์

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าถ้าทั้งสี่ร่วมมือ กันพร้อมกับใช้ค่ายกลวายุเหมันต์ลึกลับมันก็เพียงพอแล้วที่จะปราบปรามปีศาจ ระดับ 5 แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่เพียงพอ

ความแข็งแกร่งของปีศาจระดับ 5 ได้ เกินจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว

เว้นแต่ว่าทั้งสี่คนจะเพิ่มขึ้นของเทคนิ คบ่มเพาะขึ้นกันคนละขั้น พวกเขาก็จะสามารถสกดข่มมันได้

“สําหรับการขัดขวางข้าได้เป็นเวลานา นเช่นนี้ พวกเจ้าทุกคนทําได้ดีทําได้ดี”ปีศาจเกล็ดดําเลียริมฝีปากของมัน

มันเป็นมือขวาของราชาเขาปีศาจ ใน สิบภูมิภาคปีศาจ นอกจากจักรพรรดิ์ของแต่ละภูมิภาคแล้ว ผู้อื่นย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ ของมัน และท่ามกลางเหล่ามนุษย์เหล่านี้เอง มันก็มั่นใจมากว่าหากเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งมันย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้ใคร

“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย!

ปีศาจเกล็ดดยกกําปั้นขึ้น แสงสีดํา สนิทไหลมาบรรจบกัน
บูมม!

หลังจากที่ปล่อยหมัดออกไป แสงสี ดําสนิทก็กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าไปนั้นรวมทั้งผู้อาวุโสสูงสุด คนจากนิกายวายุเหมันต์ด้วยเช่นกัน

ออก ออก ออก…

ผู้อาวุโสสูงสุดสี่คนของนิกายวายุเหมั นต์ต่างก็อาเจียนเลือดสดออกมาและบินถอยหลังกลับไป

ปีศาจเกล็ดดําไล่ตามอย่างไม่เร่งรีบ ระหว่างทาง เขาได้ชี้นิ้ว และซื้ออกไปซ้ําๆ

ฉีก ฉีก ฉีก ฉีก ฉีก…

ลําแสงสีดําจํานวนนับไม่ถ้วนถูกยิง ออกไป ในขณะที่นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงและระดับสูงสุดถูกฆ่าตายไปทีละ คน มีหลายครั้งที่กลุ่มเล็กๆ ถูกสังหารด้วยลําแสงเพียงแค่เส้นเดียว ลําแสงสี ดําอาจดูเล็ก แต่เมื่อตกลงบนพื้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะระเบิดพื้นให้เป็นหลุม ที่มีความลึกถึง 100 เมตร ไม่มีนักสู้ขอบเขตสวรรค์คนไหนสามารถต้านทานได้เลย แม้แต่กระทั้งสะเก็ดพลังฉีที่อยู่ป ลายสุดก็ทําให้ร่างกายของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้

ในความเป็นจริงแล้ว ปีศาจเก ล็ดดําได้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขต หวนคืนต้นกําเนิดระดับต่ําได้สําเร็จ

การโจมตีจากปีศาจเกล็ดดําทําให้ร้อย นิกายตกอยู่ในชะตากรรมที่เลวร้าย

“ถอย!”

ผู้อาวุโสสูงสุดของหุบเขานิรันดร์รับรู้ ได้ถึงสถานการณ์ที่เป็นเขาไม่มีทางเลือ กอื่นนอกจากต้องสั่งให้ถอยทัพชั่วคราว

ตราบใดที่ถอยกลับไปยังเขตภูเขารก ร้างได้ โดยปกติแล้วปีศาจและสัตว์ปีศาจจะไม่ไล่ตามต่ออีก เนื่องจากที่ นั้นเป็นหนึ่งในทัพรักษาการณ์ของร้อยนิกาย

“แพ้แล้ว?”

มองดูคลื่นของสัตว์ปีศาจและปีศาจ เองก็ผสมปนเปกันอยู่มั่วไปหมดเห็นสิ่งนี้หลี่ฟูเฉินถอนหายใจออกมาด้วยอา รมณ์
อันที่จริงร้อยนิกายได้เปรียบเป็นอย่าง มากเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ปีศาจระดับ 5 ตัวเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะร้อยนิกายได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เลย

โกลาหล

โกลาหลจนถึงที่สุด

ทุกคนหนีกันอย่างไร้ระเบียบแบบแผน นักสู้ขอบเขตปฐพีและขอบเขตสวรรค์จํานวนมากของร้อยนิกายถูกสังหาร เรา ต้องจ่ายราคาสําหรับความพ่ายแพ้ใน การต่อสู้เสมอ
“สี่สี่ ตาย!”

ปีศาจระดับ 4 มุ่งเป้าไปที่หลี่ฟูเฉิน หวังจะสังหารเขาให้ได้อย่างรวดเร็ว

ดวงตาของหลี่ฟูเฉินเปล่งประกายด้วย ความเฉลียวฉลาด ขณะที่เขาตอบโต้มันด้วยการฟันออกไป

ปิสส!

หัวขนาดมหึมาหล่นลงพื้น หลี่ฟูเฉิ นสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ในดาบเดียวทั้งยังทําได้อย่างไม่ยากเย็น

ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาของหลี่ ฟูเฉินอยู่ที่ระดับ 9 ของขอบเขตสวรรค์แต่เมื่อเขาได้ใช้ไพ่ตายของเขา บทดาบ ไร้สมบูรณ์ แก่นแท้ดาบทองแดงความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นทันที

มันไม่ใช่เรื่องตลกเมื่อพลังฉีหยางพิ สุทธิ์ระดับ 4 ดาวถูกเสริมด้วยแก่นแท้ดาบทองแดงระดับ 6 ดาวเพราะแค่ 2 สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วสําหรับหลี่ฟูเฉินสําหรับการสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ในทันที
ด้วยสถานการณ์ที่โกลาหลเช่นนี้หลี่ฟูเฉินจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครสังเกต เห็นเขา เนื่องจากคนส่วนใหญ่เวลาจะหนีก็แทบยังไม่มี นับประสาอะไรกับการมาสังเกตเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน 340 พ่ายแพ้หมดรูป

Now you are reading Eternal Reverence เทพบุตรฟ้าประทาน Chapter 340 พ่ายแพ้หมดรูป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Eternal Reverence

บทที่ 340 พ่ายแพ้หมดรูป

พ่ายแพ้หมดรูป

ปิสส! ปัง!

ดาบเหล็กดําขนาดใหญ่ฟาดฟันไปยัง กรงเล็บของปีศาจสีฟ้าซีดส่งผลทําให้มันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับ เต้าหูที่ถูกหมัดต่อย

เมื่อดาบเหล็กดําได้ฟันไปยังหัวของปี ศาจสีฟ้าซีดตนนั้น มันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาได้เฉือนผิวหนังที่ไม่สามาร ถทําลายได้ แม้แต่ผิวชั้นนอกของปีศาจสีฟ้าซีดก็ยังไม่เกิดรอย ขณะที่ตัวดาบ เหล็กดําเองกลับสลายไปด้วยพลังป้องกันของปีศาจสีฟ้าซีด

เมื่อปีศาจมาถึงระดับที่ 4 พวกมันก็ไม่ สามารถอธิบายได้ด้วยแค่คําว่า “ทรงพลัง” อีกต่อไป พวกมันเป็นสิ่งที่น่าหวา ดกลัวและสมบรูณ์แบบเกินไป

“อืม นี่คือปีศาจระดับ 4 ?”

หลี่ฟูเฉินไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าการที่เขา ใช้นิกายต้นกําเนิดดาบด้วยพลังฉีดาบเหล็กดํา จะสามารถสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ เนื่องจากหากสังหารมันได้จริงๆ มันจะดูเพ้อฟันไปหน่อย อย่างไรก็ตามมัน อาจจะแตกต่างออกไป หากเขาใช้นิกายต้นกําเนิดดาบด้วยพลังฉีดาบทองแดง เขาอาจจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับปีศาจระดับ 4 ได้หากเขาใช้ดาบพ ลังฉีทั้งหมดราวๆ 3000 เล่ม

เขาก็แค่อยากจะสัมผัสกับพลัง และ กระบวนการทํางานของนิกายต้นกําเนิดดาบให้มากกว่านี้

เขาถอยกลับออกมาอย่างรวดเร็ว ระยะ ห่างระหว่างหลี่ฟูเฉินและปีศาจสีฟ้าซีดห่างออกจากกันมากขึ้นอีกครั้ง ในขณะ เดียวกันนั้นเอง นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงมากกว่ายี่สิบคน รวมถึงนักสู้ขอบ เขตสวรรค์ระดับสูงสุดทั้งหมดเองก็เข้ารายล้อมปีศาจสีฟ้าซีดตนนี้และโจมตีไป ยังมันอย่างรุนแรง แม้ว่าปีศาจสีฟ้าซีดตนนี้จะเป็นระดับ 4 แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาได้ ขณะที่ร่างกายของมันเริ่มมีรอยเลือดปรากฏขึ้น

ถูกต้อง มันเป็นเพียงรอยของเลือด

ปีศาจระดับ 4 มีร่างกายที่มีพลังป้อ งกันแข็งแกร่งอยู่แล้ว และนอกเหนือจากนี้เกราะพลังฉีของมันเองก็แข็งแกร่ งมากด้วยเช่นกัน มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วที่จะทําลายเกราะป้องกันของมันได้ในเวลาสั้นๆ เว้นแต่พลังฉีปีศาจขอ งมันจะแห้งเหือดไป

อย่างไรก็ตาม หากจะให้พลังฉีมันเหี อดแห้ง ปีศาจระดับ 4 ตนนี้ต้องไม่ได้กินเลือดหรือเนื้อใดๆ หากไม่เช่นนั้นแล้ว แม้แต่อาการบาดเจ็บของมันก็จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและพลังฉีปีศาจของมันก็จะ ค่อยๆ ถูกเติมเต็ม

สามารถกล่าวได้ว่าปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิต ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในด้านการต่อสู้ซึ่งนี่เองก็เป็นสิ่งที่สัตว์ปีศาจและมนุษย์ไม่สา มารถเทียบเคียงได้

เมื่อเวลาผ่านไป พลังฉีของปีศาจสีฟ้า ซีดก็ลดลงไปมาก

เมื่อพลังฉีปีศาจของมันเหลือน้อย เช่น นั้นแล้วนั่นก็จะเป็นเวลาตายของมัน

“เทคนิคเพลิงโลกันต์ของข้าเกือบจะ ตัดผ่านขั้นที่ 19 แล้ว

ช่องว่างระหว่างขั้นที่ 18 และขั้นที่ 19 ของเทคนิคเพลิงโลกันต์นั้นแตกต่างกันมากเกินไป หลี่ฟูเฉินอาจจะตัดผ่านเข้า สู่ขอบเขตสวรรค์ได้แล้วก็จริงแต่เทคนิคเพลิงโลกันต์เองก็ไม่ได้พัฒนา ขึ้นในทันที แต่หลังจากการต่อสู้อันดุเดีอด เขาก็รู้สึกได้ว่าเทคนิคเพลิงโลกันต์มีสัญญาณของการพัฒนา
เมื่อเทคนิคเพลิงโลกันต์ทะลวงไปถึง ขั้นที่ 19 ความแข็งแกร่งที่หลี่ฟูเฉินแสดงออกมาได้ก็จะเป็นระดับสูงสุดของขอบ เขตสวรรค์ในทันที

ที่เขารู้สึกได้ว่ามันพัฒนา ก็เพราะ เทคนิคเพลิงโลกันต์เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแม้จะมาถึงระดับสูงสุดของขอบ เขตสวรรค์ แต่ก็มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะพัฒนาเทคนิคต่อไปได้ ผู้ที่อยู่ระดับสูง สุดของขอบเขตสวรรค์ส่วนมากฝึกเทคนิคเปลวเพลิงโลกันต์ก็จะมาถึงแค่ 18 และหากจะก้าวข้ามขั้นต่อไป ผู้ฝึกฝนจะต้องมีทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุ ดที่ฝึกฝนถึงขั้นดีเลิศก่อนเทคนิคถึงจะมีสัญญาณของการพัฒนา

แต่นี่เป็นเพียงกรณีของนักสู้ระดับสูงสุดขอบเขตสวรรค์ธรรมดาๆ เท่านั้น

สําหรับนักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงสุด เช่นจ้าวหวูจิน เขานั้นถือเป็นอัจฉริยะชั้นยอด

ก่อนหน้านี้ หลี่ฟูเฉินไม่เข้าใจความ แข็งแกร่งของจ้าวหอูจิน เขาจะเข้าใจมันได้ก็ต่อเมื่อได้ก้าวมาสู่ขอบเขตสวรรค์ แบบนี้ ได้รู้ว่าชายสวมหน้ากากหมาป่าผู้นั้นเองก็ด้อยกว่าจ้าวหวูจินมาก 3604
หลี่ฟูเฉินคิดว่าเทคนิคการฝึกฝนของชายสวมหน้ากากหมาป่านั้นอยู่ขั้นที่ 17 และทักษะต่อสู้ระดับลึกลับขั้นสูงสุดของเขานั้นอย่างดีหน่อยก็อยู่แค่ในขั้นดีเลิศ
เท่านั้น

ผู้ฝึกตนในเส้นทางของเต่ปีศาจโดย ทั่วไปแล้วจะมีระดับเทคนิคบ่มเพาะต่ํากว่าความเชี่ยวชาญด้านทักษะต่อสู้เนื่องจากขอบเขตพลังบ่มเพาะของพวก เขาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปและพวกเขาไม่มี เวลาที่จะทําให้มันเสถียร

แน่นอน ด้วยความดีความชอบจากไข่ มุกโลหิต ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกจนใน เส้นทางเต๋ปีศาจจึงค่อนข้างน่ากลัว นอกจากอัจฉริยะชั้นยอดและนักสู้อย่าง จ้าวหวูจิน ก็คงไม่มีใครเทียบได้ หากพวกเขาอยู่มีระดับฝึกฝนในระดับเดีย วกัน

รอยเลือดของปีศาจสีฟ้าซีดมีปริมาณ เพิ่มขึ้น และเริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ
ปิสส!

ในที่สุด นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับ สูงสุดก็สร้างบาดแผลขนาดใหญ่บนร่างของปีศาจสีฟ้าซีดได้ ส่งผลทําให้โลหิตสีน้ําเงินซีดกระจายไปทั่ว

“พวกมนุษย์น่ารังเกียจ ข้าจะฆ่าพวก เจ้าให้หมด!”

ปีศาจสีน้ําเงินซีดโกรธจัด ร่างขนาด ใหญ่ของมันหดตัวลงอย่างกะทันหันและมีแสงวาบปรากฏขึ้น มันพุ่งไปหานักสู้ระดับที่ 8 ของขอบเขตสวรรค์

ปีศาจสีน้ําเงินซีดจับไปที่ลําตัวของ เขา และเตรียมตัวที่จะจับเขากิน

ฉีก!

แสงดาบเจิดจ้าพุ่งไปที่คอของปีศาจสี ฟ้าซีด ส่งผลทําให้มันกระเด็นออกไปด้วยความเจ็บปวด และปล่อยมนุษย์คน นั้นออกจากมือ

คนที่ทําให้มันกระเด็นออกไปก็คือหลี่ ฟูเฉิน ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาไม่อาจเทียบได้กับนักสู้ระดับสูงสุด ของขอบเขตสวรรค์ แต่ในแง่ของการสร้างความน่ารําคาญ เขาเหนือกว่านักสู้ระ ดับสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ซะอีก

ปิสส ปิสส ปิสส ปิสส ปิสส…

ขณะนั้นเองปีศาจสีฟ้าซีดได้ปลดปล่อ ยสภาวะพลังฉีออกมาอย่างรุนแรงจากสิ่งนี้ทําให้เกราะพลังฉีที่มันมีบางลงมาก ส่งผลให้การสร้างบาดแผลกับมันทําได้ ง่ายขึ้น

เมื่อจังหวะสุดท้ายมาถึงแม้แต่นักสู้ระ ดับที่ 7 และ 8 ของขอบเขตสวรรค์ก็สา มารถทําร้ายมันได้

“ตาย!”

ด้วยการที่ทุกคนร่วมมือกันและมีจุดป ระสงค์เหมือนกัน ในที่สุดปีศาจสีฟ้าซีดก็พบกับจุดจบที่น่าเศร้า ก็ในเมื่อศีรษะ และหัวใจของมันถูกเจาะและถูกฟันออกเป็นชิ้นๆ

การกระทํานี้กลายมาเป็นขวัญกําลังใจ ที่ยิ่งใหญ่สําหรับทุกคน ก็ในเมื่อพวกเขาเพิ่งสังหารปีศาจระดับ 4 ลงได้ จากสิ่งนี้ ส่งผลทําให้สถานการณ์โดยรวมของสนามรบดูเบาขึ้นเล็กน้อย

แต่ทุกคนเข้าใจว่าการมีส่วนร่วมของห ลี่ฟูเฉินนั้นเป็นสิ่งที่ทําให้ทุกอย่างดําเนินมาถึงจุดนี้ได้

เพราะหลี่ฟูเฉิน พวกเขาจึงสามารถจัด การกับคืนดับสังหารได้อย่างรวดเร็วเพราะหลี่ฟูเฉิน คนกลุ่มนี้จึงสามารถสังหาร ปีศาจระดับ 4 ได้อย่างต่อเนื่องตอนนี้ มันเป็นเพราะหลี่ฟูเฉินที่หยุดปีศาจระดับ 4 จากการกินเลือดและเนื้อลงได้ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่เร่งให้ปีศาจตายได้เร็วขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วการต่อสู้จะล่าช้าไปอีกช่วง หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะสามารถสังหารปีศาจลงได้

ด้วยปรากฏการณ์การกลิ้งของบอลหิมะความสมดุลของพื้นที่นี้ค่อยๆ เปลี่ ยนไป ปีศาจและสัตว์ปีศาจกําลังตกอยู่ ในความเสียเปรียบ

น่าเสียดายที่มันยังเร็วเกินไปที่ทกคนจะมีความสุข

ผู้ที่กําหนดสถานการณ์ของการสู้รบคือ ผู้ที่อยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิด

และในด้านความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ของผู้ที่อยู่ในขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดนั้นเป็นข้อเสียเปรียบของร้อยนิกายอย่างแท้จริง

สัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นต่ําและขั้นกลาง นั้นจัดการได้ง่าย แต่สัตว์ปีศาจระดับ 5 ขั้นสูงนั้นสําหรับนักสู้ขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิดระดับสูงเป็นสิ่งที่ยากหากรับมือกับมันเพียงลําพัง สําหรับสัตว์ปีศาจระ ดับ 5 ขั้นสงสด มันจะต้องมีนักสู้ขอบเขตหวนคืนต้นกําเนิดระดับสูงสุดหลายคนถึงจะสามารถจัดการกับมันได้

ทางด้านร้อยนิกาย มีนักสู้ขอบเขต หวนคืนต้นกําเนิดระดับสูงสุดน้อยจนน่าสมเพช ซึ่งหากรวมกันแล้วก็นับได้ไม่ เกินสิบคน

นอกจากนี้พลังต่อสู้ส่วนบุคคลของนักสู้ขอบเขคหวนคืนต้นกําเนิดระดับสูง สุดเองก็ไม่สามารถเทียบกับสัตว์ปีศาจ ระดับ 5 ขั้นสูงสุดได้เลยนับประสาอะไรกับการไปเทียบกับปีศาจระดับ 5

เหตุผลหลักคือเทคนิคบ่มเพาะและ ทักษะต่อสู้

นักฆสู้ของมนุษย์จําเป็นต้องฝึกฝน เทคนิคและทักษะต่อสู้เพื่อต่อสู้กับสัตว์ปีศาจหากเทคนิคบ่มเพราะหรือทักษะ ต่อสู้ของพวกเขาอ่อนแอเกินไปก็คงไม่จําเป็นต้องกล่าวสิ่งใดให้มาก พวกเขา จะถูกบดขยี้แน่นอน

พวกเข

ในช่วงเริ่มต้นของขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิด นักสู้สามารถพึ่งพาเทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดและทักษะ ต่อสู้เพื่อทําการต่อสู้กับสัตว์ปีศาจได้แต่ระยะต่อจากนั้นของขอบเขตหวนคืน นกําเนิด เทคนิคบ่มเพาะระดับลึกลับขั้นสูงสุดและทักษะต่อสู้ในชั้นเดียวกันก็ ไม่อาจที่จะสร้างความแตกต่างได้อีกแล้วก็ในเมื่อพวกเขาต้องการเทคนิคบ่มเพาะระดับปฐพีขั้นต่ําและทักษะต่อสู้ระ ดับปฐพีขั้นต่ําเป็นอย่างน้อยเพื่อจัดการกับสัตว์อปีศาจหรือปีศาจให้ได้ด้วยตัวเอง

เช่นเดียวกับเกอไผ่ที่ใช้ท่ากระบี่ระดับ ปฐพีขั้นต่ําเพียงครั้งเดียว แยกทะเลและภูเขาออกจากกันเอาชนะกระทิงปีศาจที่แข็งแกร่งได้ในกระบวนท่าเดียว นี่คือพ ลังของทักษะต่อสู้ระดับสูง

ในยุคนี้ เทคนิคบ่มเพาะระดับปฐพีและ ทักษะต่อสู้ระดับปฐพี่นั้นหายากมากแล้วเฉพาะกองกําลังสิบอันดับแรกเท่านั้นที่ เหมือนจะรักษาสิ่งที่ดูเลือนลางเหล่านี้เอาไว้ได้ และพวกมันทั้งหมดก็ยังไม่สม บูรณ์อีกด้วย นอกจากนี้ สิบอันดับแรกเหล่านี้ไม่มีทางที่จะแบ่งปันสิ่งนี้กับนิกาย อื่น เนื่องจากนี่เป็นเหตุผลหลักที่ว่าพวกเขาสามารถรักาตําแหน่งของตัวเองใน ทวีปนี้ได้ยังไงพวกเขาจะไม่มีทางเปิดเผยมันออกมาง่ายๆ

บูมม!

ในสภาพแวดลอมที่ดูขมุกขมัวนี้ มี ลําแสงสีดําสนิทสว่างขึ้นในใจกลางสนามรบทันทีหลังจากนั้นมันก็กินพื้นที่หลายสิบไมล์ในบริเวณใกล้เคียง

ทุกสิ่งที่อยู่ในระยะหลายสิบไมล์นี้ถูก ทําลาย แสดงให้เห็นว่าพลังนั้นน่ากลัวเพียงใด

ฟื้บ ฟีบ พืบ…

มีร่างบินออกมาจากลําแสงสีดําสนิท มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของพวกเขาพวกเขาเป็นนักสู้ขอบเขตหวนคืนต์ นกําเนิดระดับสูงสี่คน ที่มาจากนิกาย วายุเหมันต์

ขณะที่ลําแสงสีดําสนิทดับลง ปีศาจที่ ดุร้ายขนาดยักษ์ใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น

ปีศาจตนนี้มีเกล็ดสีดําละเอียด มันไม่มี เขา แต่มีชั้นเปลือกหนาที่ปกป้องกะโหลกศีรษะเอาไว้ เปลือกนั้นคงอยู่ราวกับ ว่าตัวมันเป็นหมวกนิรภัย ดวงตาที่ดุร้ายของมันทําให้เกิดความหนาวยะเยือก เย็นและความน่าสะพรึงกลัวไม่รู้จบ

“แม้แต่ค่ายกลวายุเหมันต์ลึกลับก็ไม่ สามารถปิดกั้นได้!“ผู้เฒ่าผมหงอกมีท่าทางที่น่ากลัว

ทั้งสี่คนเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกาย วายุเหมันต์และเทคนิคบ่มเพาะของพวกเขาเป็นเทคนิคระดับปฐพีขั้นต่ําที่ไม่สม บูรณ์

ตอนแรกพวกเขาคิดว่าถ้าทั้งสี่ร่วมมือ กันพร้อมกับใช้ค่ายกลวายุเหมันต์ลึกลับมันก็เพียงพอแล้วที่จะปราบปรามปีศาจ ระดับ 5 แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่เพียงพอ

ความแข็งแกร่งของปีศาจระดับ 5 ได้ เกินจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว

เว้นแต่ว่าทั้งสี่คนจะเพิ่มขึ้นของเทคนิ คบ่มเพาะขึ้นกันคนละขั้น พวกเขาก็จะสามารถสกดข่มมันได้

“สําหรับการขัดขวางข้าได้เป็นเวลานา นเช่นนี้ พวกเจ้าทุกคนทําได้ดีทําได้ดี”ปีศาจเกล็ดดําเลียริมฝีปากของมัน

มันเป็นมือขวาของราชาเขาปีศาจ ใน สิบภูมิภาคปีศาจ นอกจากจักรพรรดิ์ของแต่ละภูมิภาคแล้ว ผู้อื่นย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ ของมัน และท่ามกลางเหล่ามนุษย์เหล่านี้เอง มันก็มั่นใจมากว่าหากเป็นการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งมันย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้ใคร

“อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย!

ปีศาจเกล็ดดยกกําปั้นขึ้น แสงสีดํา สนิทไหลมาบรรจบกัน
บูมม!

หลังจากที่ปล่อยหมัดออกไป แสงสี ดําสนิทก็กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าไปนั้นรวมทั้งผู้อาวุโสสูงสุด คนจากนิกายวายุเหมันต์ด้วยเช่นกัน

ออก ออก ออก…

ผู้อาวุโสสูงสุดสี่คนของนิกายวายุเหมั นต์ต่างก็อาเจียนเลือดสดออกมาและบินถอยหลังกลับไป

ปีศาจเกล็ดดําไล่ตามอย่างไม่เร่งรีบ ระหว่างทาง เขาได้ชี้นิ้ว และซื้ออกไปซ้ําๆ

ฉีก ฉีก ฉีก ฉีก ฉีก…

ลําแสงสีดําจํานวนนับไม่ถ้วนถูกยิง ออกไป ในขณะที่นักสู้ขอบเขตสวรรค์ระดับสูงและระดับสูงสุดถูกฆ่าตายไปทีละ คน มีหลายครั้งที่กลุ่มเล็กๆ ถูกสังหารด้วยลําแสงเพียงแค่เส้นเดียว ลําแสงสี ดําอาจดูเล็ก แต่เมื่อตกลงบนพื้นมันก็เพียงพอแล้วที่จะระเบิดพื้นให้เป็นหลุม ที่มีความลึกถึง 100 เมตร ไม่มีนักสู้ขอบเขตสวรรค์คนไหนสามารถต้านทานได้เลย แม้แต่กระทั้งสะเก็ดพลังฉีที่อยู่ป ลายสุดก็ทําให้ร่างกายของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้

ในความเป็นจริงแล้ว ปีศาจเก ล็ดดําได้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขต หวนคืนต้นกําเนิดระดับต่ําได้สําเร็จ

การโจมตีจากปีศาจเกล็ดดําทําให้ร้อย นิกายตกอยู่ในชะตากรรมที่เลวร้าย

“ถอย!”

ผู้อาวุโสสูงสุดของหุบเขานิรันดร์รับรู้ ได้ถึงสถานการณ์ที่เป็นเขาไม่มีทางเลือ กอื่นนอกจากต้องสั่งให้ถอยทัพชั่วคราว

ตราบใดที่ถอยกลับไปยังเขตภูเขารก ร้างได้ โดยปกติแล้วปีศาจและสัตว์ปีศาจจะไม่ไล่ตามต่ออีก เนื่องจากที่ นั้นเป็นหนึ่งในทัพรักษาการณ์ของร้อยนิกาย

“แพ้แล้ว?”

มองดูคลื่นของสัตว์ปีศาจและปีศาจ เองก็ผสมปนเปกันอยู่มั่วไปหมดเห็นสิ่งนี้หลี่ฟูเฉินถอนหายใจออกมาด้วยอา รมณ์
อันที่จริงร้อยนิกายได้เปรียบเป็นอย่าง มากเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ปีศาจระดับ 5 ตัวเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะร้อยนิกายได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ เลย

โกลาหล

โกลาหลจนถึงที่สุด

ทุกคนหนีกันอย่างไร้ระเบียบแบบแผน นักสู้ขอบเขตปฐพีและขอบเขตสวรรค์จํานวนมากของร้อยนิกายถูกสังหาร เรา ต้องจ่ายราคาสําหรับความพ่ายแพ้ใน การต่อสู้เสมอ
“สี่สี่ ตาย!”

ปีศาจระดับ 4 มุ่งเป้าไปที่หลี่ฟูเฉิน หวังจะสังหารเขาให้ได้อย่างรวดเร็ว

ดวงตาของหลี่ฟูเฉินเปล่งประกายด้วย ความเฉลียวฉลาด ขณะที่เขาตอบโต้มันด้วยการฟันออกไป

ปิสส!

หัวขนาดมหึมาหล่นลงพื้น หลี่ฟูเฉิ นสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ในดาบเดียวทั้งยังทําได้อย่างไม่ยากเย็น

ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาของหลี่ ฟูเฉินอยู่ที่ระดับ 9 ของขอบเขตสวรรค์แต่เมื่อเขาได้ใช้ไพ่ตายของเขา บทดาบ ไร้สมบูรณ์ แก่นแท้ดาบทองแดงความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นทันที

มันไม่ใช่เรื่องตลกเมื่อพลังฉีหยางพิ สุทธิ์ระดับ 4 ดาวถูกเสริมด้วยแก่นแท้ดาบทองแดงระดับ 6 ดาวเพราะแค่ 2 สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วสําหรับหลี่ฟูเฉินสําหรับการสังหารปีศาจระดับ 4 ได้ในทันที
ด้วยสถานการณ์ที่โกลาหลเช่นนี้หลี่ฟูเฉินจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครสังเกต เห็นเขา เนื่องจากคนส่วนใหญ่เวลาจะหนีก็แทบยังไม่มี นับประสาอะไรกับการมาสังเกตเขา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+