Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]บทที่ 173 รอด

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter บทที่ 173 รอด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ค่าสถานะของเซียวเฟิง ณ ตอนนี้ มันสูงกว่าตอนก่อนที่เขาเช็กเสียอีก

ค่าพลังชีวิต 735 หน่วย ค่าพลังโจมตี 569 หน่วย แถมยังมีค่าพลังป้องกันการโจมตีทุกประเภทสูงกว่า 150 หน่วยอีก โดยเฉพาะค่าพลังป้องกันเวทมนตร์ที่สูงทะลุ 170 หน่วยไปแล้ว!

“จัดการเขาซะ!”

เซียวเฟิงนั้นเหมือนก้อนกรวดที่ตกลงไปในมหาสมุทร…มหาสมุทรที่มีแต่ผู้เล่น ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหน เขาก็พบแต่สมาชิกกิลด์กลอรี่ที่มีอาวุธครบมือกำลังเพ่งเล็งมาที่เขา กลุ่มคนที่เยอะจนไม่สามารถมองหาได้ว่าคนไหนเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ท้ายแถว

หากนี่เป็นเรื่องเล่า มันน่าจะเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีใครคิดออกแน่ ๆ ว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน เป็นเหตุการณ์ที่ต้องมาเห็นด้วยตาตนเอง ฝูงชนด้านล่างนั้นขยับโถมกันไปมาราวกับคลื่นที่เติมเต็มพื้นที่ว่างทุกครั้งที่เคลื่อนไหว

อันที่จริงที่เห็นนี่คือเหล่าสมาชิกกิลด์ที่สามารถเข้ามาภายในหุบเขารอยแยกนี้ได้เท่านั้น แม้ว่าหุบเขาแห่งนี้จะใหญ่แต่มันก็ไม่สามารถรองรับประชากรทั้งกิลด์กลอรี่ได้ ดังนั้นแล้วนอกจากในหุบเขาแห่งนี้ กิลด์กลอรี่ยังมีกำลังเสริมอีกหลายหมื่นคนที่รออยู่ด้านนอกหุบเขา ทั้งนี้ก็เพื่อกันเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น

แต่ก็เท่านั้น เพราะผู้เล่นที่มองสถานการณ์ตอนนี้ต่างก็คิดเหมือนกันว่ากำลังเสริมเหล่านั้นไม่น่าจะได้ทำอะไรด้วยซ้ำไป…

ไม่มีใครที่สามารถเผชิญหน้ากับคนหลักหมื่นแล้วยังสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้…ไม่มีใครทั้งนั้น!

ด้วยเหตุนี้ คำถามที่กลายเป็นประเด็นในตอนนี้จึงกลายเป็น ‘เจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่เป็นผู้เล่นในตำนานแห่งเขตฮัวเซีย จะสามารถยืนหยัดในการต่อสู้ได้กี่นาทีกันนะ?’

มวลมหาผู้เล่นโถมเข้าใส่เซียวเฟิงทันทีที่เขาถึงพื้น

ผู้เล่นทุกคนในกิลด์กลอรี่ล้วนแต่มุ่งหน้าเข้าหายังทิศทางที่ระบุว่าเซียวเฟิงยืนอยู่ ราวกับจะบดบังไม่ให้อีกฝ่ายสามารถเห็นเดือนเห็นตะวันได้เลย แต่เพราะที่นี่ถูกอัดแน่นไปด้วยผู้คน ดังนั้นแล้วก็ไม่ใช่ผู้เล่นทุกคนหรอกที่จะมองเห็นตัวเซียวเฟิง พวกเขาก็แค่มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ถูกระบุมาเท่านั้น

การที่มีผู้เล่นจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ที่มีขีดจำกัดนั้นเปรียบเสมือนดาบสองคมกับตนเองเช่นกัน เพราะถึงแม้พวกเขาจะพยายามโถมเข้าใส่แล้วก็จริง แต่เพราะจำนวนพลพรรค มันก็ทำให้การโถมนั้นมีแต่จะทำให้พวกพ้องตนเองต้องล้มตายแทน ดังนั้นแล้วคนเหล่านี้จึงวางแผนที่จะกระชับพื้นที่เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของเซียวเฟิงให้ได้มากที่สุดแทน!

ในระหว่างที่สายโจมตีระยะประชิดกำลังกระชับพื้นที่ ฟากฟ้าก็เกิดดำมืดขึ้นมาราวกับมีอาเพศ หากแต่นั่นเพราะห่าศรธนูจำนวนมากที่ถูกยิงมาจากรอบทิศทางกำลังทะยานขึ้นฟ้าแล้วดิ่งลงมาต่างหาก

ปริมาณการโจมตีเหล่านั้นมากราวกับมันคือน้ำตกลูกธนู ซึ่งแท้จริงแล้วผู้เล่นที่โจมตีระยะไกลนั้นก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนของเซียวเฟิงได้เหมือนกัน พวกเขาจึงจำเป็นต้องใช้วิธีโจมตีลงพื้นที่ที่กำลังถูกบีบแทน และด้วยตอนนี้พวกเขาอยู่ในโหมดกิลด์ ดังนั้นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องกลัวว่าการโจมตีมั่วซั่วนั้นจะทำให้เพื่อนร่วมกิลด์บาดเจ็บแต่อย่างใด

และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมเซียวเฟิงเลือกลงมากลางดงศัตรู เขาจำเป็นต้องทำให้อาชีพที่โจมตีระยะไกลไม่สามารถระบุตำแหน่งตัวเองได้อย่างชัดเจน ไม่งั้นแล้วจะไม่มีโอกาสได้ยืนหยัดสู้กับคนอีกนับหมื่นตรงหน้านี้ได้ หากชายหนุ่มเป็นเป้าให้นักธนูทั้งหลายยิงก่อน แบบนั้นต่อให้มีชีวิตสำรองอีก 1 ชีวิตก็คงจะไม่เพียงพอ เพราะยังไงเสียเขาก็ไม่สามารถหลบการโจมตีทั้งหมดได้อยู่แล้ว ไหนจะถูกจำกัดพื้นที่การเคลื่อนไหวอีก

แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าการทำแบบนี้มันจะช่วยทำให้เซียวเฟิงหลบการโจมตีได้ เพราะพื้นที่ที่เหลืออยู่รอบตัวนั้น แค่ขยับซักก้าวยังนับว่าลำบาก

สถานการณ์ตอนนี้มันบีบคั้นมาก เหล่าสมาชิกกิลด์กลอรี่รอบ ๆ ตัวเขานั้นกระชับพื้นที่เข้ามาจนเซียวเฟิงเริ่มคิดแล้วว่า ขยับได้สักก้าวก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว

ผู้เล่นที่อยู่รอบตัวเซียวเฟิงเริ่มร่ายสกิลกันแล้ว ใครก็ตามที่เข้าถึงตัวเซียวเฟิงก่อนต่างก็ซัดทั้งสกิลและอาวุธใส่เขาอย่างไม่รอช้าจากทุกทิศทาง เมื่อพวกระยะประชิดเปิดแล้ว ฝนธนูก็ตามลงมาจากฟากฟ้าราวกับมีเมฆฝนที่คอยปล่อยลูกธนูลงมาอย่างไม่ขาดสาย พริบตาเดียว ผลลัพธ์การโจมตีต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวเซียวเฟิงอย่างต่อเนื่อง

พลาด!

พลาด!

โจมตีไม่เข้า!

-1!

โจมตีไม่เข้า!

พลาด!

โจมตีไม่เข้า!

-1!

สไปรท์ที่กำลังทำการถ่ายทอดสดอยู่หลายตัววนอยู่เหนือหัวเซียวเฟิง มันเลยทำให้ค่าความเสียหายที่ได้รับพลอยถูกบันทึกไปด้วย และด้วยสิ่งที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้น ก็ทำให้ผู้ที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสดอยู่อีกนับไม่ถ้วนต่างพากันตกใจ

“นักบวชเจ้า! ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเลย! การโจมตีตั้งมากมายขนาดนั้นแต่ทำความเสียหายไม่ได้เลยเนี่ยนะ!?”

“ที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ใช้มันเป็นสกิลป้องกันประเภทไหนกันน่ะ? โอ๊ะ ดูนั่น! เจ้าแห่งฮีลเลอร์เลเวล 20 แล้วนี่นา!? เขาคงจะต้องไปเรียนสกิลอวยพรการป้องกันแล้วร่ายมันให้ตัวเองก่อนแน่ ๆ! เพราะงั้นพลังป้องกันของเขาถึงได้สูงขนาดนี้!”

“ใช่แล้ว! ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้รับความเสียหายจากสกิลเท่านั้นนะ แต่ตอนนี้พลังป้องกันทั้งกายภาพแล้วก็เวทมนตร์ของเขาน่ะ ขั้นต่ำก็น่าจะมี 120 หน่วยแล้วแน่ ๆ !”

ผู้เล่นมากมายพากันสรุป นั่นเพราะตอนนี้ผู้เล่นที่สวมอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่พบเจอได้มีพลังป้องกันขั้นต่ำก็ 120 แต้ม มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าแค่พลังป้องกันเวทมตร์ของเซียวเฟิงก็ทะลุ 150 แล้ว ไม่ต้องพูดถึงพลังป้องกันกายภาพที่เหนือกว่า 170 หน่วยเลย!

“เดี๋ยว ๆๆ เดี๋ยวก่อน! เฮ้ นายน่ะ ฉันตาฝาดไหม? รีบเข้าไปดูสเตตัสของเจ้าแห่งฮีลเลอร์เร็ว! ดูที่ พลังชีวิต ของเขา!”

“อะไรน่ะ!? มากกว่า 700 อีกเหรอ!? นี่มันเรื่องจริงเหรอวะเนี่ย! เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง!!”

“แน่นอน เจ้าแห่งฮีลเลอร์ต้องร่ายสกิลอวยพรชีวิตให้ตัวเองแน่ ๆ แต่มันจะถึงระดับนี้เลยเหรอ? นี่มันบ้ามากเลยนะ!”

“คนคนนี้เป็นผู้เล่นที่เลเวลสูงที่สุด แถมยังมีอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในเซิร์ฟเวอร์อยู่ด้วยนะ! ไหนเขาจะเป็นนักบวชอีก แบบนี้พอจะเป็นเหตุผลได้ไหมว่าทำไมพลังชีวิตเขาถึงได้เยอะขนาดนั้น?”

“นี่สินะ ความได้เปรียบของการที่เล่นเป็นฮิลเลอร์? พวกนายน่ะ จำคำฉันไว้เลยนะ! ถ้ามีใครกล้าดูหมิ่นผู้เล่นนักบวชอีกล่ะก็ ฉันจะลากมันไปปรับทัศนคติให้หมดเลย!”

“ใช่เลย! นักบวชที่พัฒนาเต็มที่แล้วนี่ช่างน่ากลัวจริง ๆ ! ห่าเอ้ย ฉันล่ะอยากจะลบไอดีนี้แล้วไปสมัครไอดีใหม่เป็นนักบวชจริง ๆ เลย!”

“จริงเหรอ? ฉันว่านายทำไม่ได้หรอก คู่หู นักบวชน่ะเป็นคลาสที่เล่นยากเอาการเลยนะ ถึงบางครั้งจะดูง่ายในตอนเก็บเลเวลก็เถอะ นอกจากนี้นายต้องอย่าลืมว่าบนตัวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะมีอาร์ติแฟคท์อยู่ด้วยนะ ฉันคิดว่าอาร์ติแฟคท์พวกนั้นแหละที่ทำให้เขามีพลังชีวิตสูงขนาดนั้น”

“ถ้าสมมุติว่ายังไม่มีการโจมตีใดสร้างความเสียหายได้ แสดงว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะชนะหรือเปล่านะ? เพราะว่าเขาก็น่าจะฮีลตัวเองได้ด้วยนี่!”

“ไม่หรอก ยังไงมันก็ยังยากที่จะชนะ”

“ทำไมล่ะ?”

“เพราะเขามีศัตรูมากเกินไป…”

ไม่ต้องสงสัยเลย การโจมตีที่โถมกระหน่ำเข้ามาใส่เซียวเฟิงนั้นน่ากลัวมาก เพราะหากสังเกตดี ๆ ที่เหนือหัวชายหนุ่มมีข้อความที่บ่งบอกว่าโดนโจมตีแทบจะร้อยข้อความต่อวินาทีแล้ว!

ในเมื่อเซียวเฟิงไม่สามารถหลบการโจมตีใด ๆ ได้ นี่จึงเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ การรับการโจมตีด้วยพลังป้องกันที่สูงลิ่ว!

ท่ามกลางข้อความมากมายที่ปรากฏขึ้นเหนือหัวแบบสับเปลี่ยนกันไป

พลาด!

นั่นเขาได้มาจากความสามารถของอุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่ ค่าความคล่องตัวและค่าโชคที่สูงกว่าผู้เล่นอื่นอย่างท่วมท้น

โจมตีไม่เข้า!

เกิดจากความสามารถของอาร์ติแฟคท์กระโหลกมังกรที่จะช่วยทำให้การโจมตีที่มาจากเบื้องบนถือว่าโจมตีไม่เข้าทั้งหมด

แม้ว่าการโจมตีส่วนใหญ่จะอยู่ในสถานะ พลาด! และ โจมตีไม่เข้า! ก็จริง แต่ก็ยังมีการโจมตีบางส่วนที่สามารถทำความเสียหายแก่ชายหนุ่มได้ และแม้ว่ามันจะน้อยนิด แต่ด้วยการที่ถูกโจมตีวินาทีละไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง มันเลยทำให้ทุกวินาทีเซียวเฟิงจะเสียพลังชีวิตอยู่ราว ๆ 10 หน่วยเรื่อย ๆ

แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้วางแผนจะมายืนให้โจมตีนิ่ง ๆ เหมือนเป็ดย่างที่รอคนมากินอยู่แล้ว ดังนั้นระหว่างที่กำลังรับการโจมตี เขาก็เริ่มตอบโต้กลับไปด้วยเช่นกัน

เซียวเฟิงไม่จำเป็นต้องใช้กระบองกระทิงทองเพื่อเสริมพลังโจมตี เพราะยังไงเสียตอนนี้ พลังโจมตีของเขามันก็พุ่งทะลุยอดไปแล้ว อนึ่งศัตรูในครั้งนี้ก็คือผู้เล่นด้วยกัน ต่อให้เหวี่ยงคทาแห่งการรักษาไปมา ยังไงก็โค่นได้สบาย ๆ อยู่แล้ว

ค้อนทองคำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมือของเซียวเฟิง เขาไม่จำเป็นต้องเล็งเป้าหมายแต่อย่างใด ในเมื่อทุกคนที่อยู่รอบตัวเป็นศัตรู เซียวเฟิงก็ตัดสินใจทุบลงไปใส่ศัตรูที่อยู่รอบ ๆ อย่างไม่ต้องลังเล

-1,002!

-966!

-978!

-989!

-1,008!

-2,014! คริติคอล!

ค้อนทองคำแตกสลายกลายเป็นเสี่ยง ๆ หลังจากถูกใช้ทุบจนครบระยะเวลาแล้ว ละอองสีทองที่ลอยขึ้นฟ้าเหมือนแสงสวรรค์นั้นขัดกับตัวเลขที่แสดงความเสียหายที่เหมือนโดนไฟนรกเผาผลาญกันในพื้นที่โดยรอบเป็นอย่างมาก

ด้วยการโจมตีที่รุนแรงและหนักหน่วง มันเลยทำให้เซียวเฟิงทวงคืนพื้นที่เคลื่อนไหวตรงหน้าได้บ้างนิดๆ หน่อย ๆ ทว่าพื้นที่นั้นก็อยู่กับเซียวเฟิงได้ไม่นาน เพราะเพียงครู่เดียว คนของกิลด์กลอรี่ก็เข้ามาแทนที่คนเก่า ๆ ที่ตายไปเสียแล้ว

ตัวอักษรสีเขียวปรากฏขึ้นเหนือหัวเซียวเฟิงอันเป็นผลมาจากการที่ความสามารถพิเศษ ‘ดูดเลือด’ ของกรงเล็บมังกรทำงาน

+100!

+96!

+97!

+98!

+100!

+200!

หลอดเลือดของเซียวเฟิงกลับมาเต็มเปี่ยมในพริบตา! นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมความสามารถในการดูดเลือดถึงน่ากลัว!

“พระเจ้า! นี่มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!?”

“ว้าว! นี่ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า? สกิลโจมตีของเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั่นมันอะไร? โจมตีครั้งละหลัก 1,000 + ทั้งนั้นเลยนะ!”

“แม้เจ้าโว้ย! ติดคริติคอลที 2,000 เลยเหรอ!? ทั้ง ๆ ที่ฉันมีเลือดเพียง 200 เองเนี่ยนะ?”

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่? ทำไมเจ้าแห่งฮีลเลอร์สามารถทำความเสียหายขนาดนั้นได้?”

“มันจะต้องเป็นผลของบัฟอีกแน่ ๆ ! อ๊ะ สกิลอวยพรอาวุธไงล่ะ! ต้องเป็นสกิลนั้นอย่างแน่นอน เขาคงจะต้องร่ายสกิลอวยพรอาวุธใส่ตัวเองก่อนจะโจมตีแน่ ๆ ! ผลของบัฟมันคล้ายกับสกิลอวยพรการป้องกันก่อนหน้า! ความสามารถของเจ้าแห่งฮีลเลอร์นี่น่ากลัวจริง ๆ ! ด้วยพลังป้องกันที่ถูกเพิ่มจากสกิลอวยพรการป้องกัน ทำให้ศัตรูโจมตีเขาไม่ได้ ตอนนี้ด้วยสกิลอวยพรอาวุธ มันก็ทำให้เขาสามารถโจมตีศัตรูด้วยพลังระดับนั้นได้อีก!”

“พลังฮีลระดับนั้น ถ้าฉันมีบ้างฉันคิดว่าฉันน่าจะโซโล่บอสตัวคนเดียวได้เลยนะ! หรืออย่างน้อย ๆ ก็ตราบใดที่เขาจะช่วยฮีลให้ฉันก็ได้!”

“ไม่ใช่น่าจะ คู่หู แต่นายทำได้แน่ ๆ! ด้วยบัฟกับฮีลของเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะ ทั้งการโจมตีและพลังป้องกันของนายน่าจะเทียบเท่าบอสตัวนึงได้เลยนะ!”

“เฮ้ ๆๆๆ พวกนายดูนี่สิ! เลือดของเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะ! แม่งเอ้ย! กลับมาเต็มหลอดอีกแล้ว! เดี๋ยวสิ ที่หัวเขามีตัวเลขสีเขียว ๆ ขึ้นด้วย เลขพวกนั้น…หรือว่าจะเป็นผลจากการฮีลตัวเองนะ?”

“แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ใช่สกิลฮีลเลยนะ… เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน! หรือว่ามันจะเป็นสกิลดูดเลือด!?”

“หา! สกิลดูดเลือด!? ทำไมเจ้าแห่งฮีลเลอร์ถึงเป็นผู้ครอบครองสกิลสุดโกงแบบนั้นได้เล่า!?”

“นายอย่าลืมสืว่าเขาครอบครองอาร์ติแฟคท์ถึง 2 ชิ้นเลยนะ! แค่นี้มันก็มากพอแล้วหรือเปล่าที่เขาจะสามารถมีสกิลดูดเลือดได้?”

“ฉันขอพูดเหมือนเดิมอีกครั้งนะ เพราะในเมื่อตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์มีความสามารถในการดูดเลือด เพราะงั้นตอนนี้เขามีโอกาสที่จะชนะการต่อสู้ครั้งนี้จริง ๆ นะ! ลองคิดดูสิ ยิ่งพวกนายทำดาเมจได้มากขนาดไหน พลังชีวิตของนายก็จะเพิ่มขึ้นสักส่วนหนึ่งของดาเมจที่ทำลงไปกับศัตรู แล้วนายดูดาเมจที่เขาทำได้! ถ้าหากเขายังทำดาเมจมหาศาลได้แบบนั้นเรื่อย ๆ ผนวกกับผลของดูดเลือด นั่นหมายถึงเลือดเขาจะฟื้นขึ้นในปริมาณมาก ๆ ตลอดเวลาเลยนะ! แล้วถ้ามันเป็นแบบนี้ กิลด์กลอรี่ไม่มีวันลดพลังชีวิตเขาได้จนหมดหลอดแน่ ๆ !”

ผู้เล่นทุกคนต่างชะงักกันไปตาม ๆ กันหลังจากที่ได้ดูภาพการต่อสู้ผ่านไลฟ์สตรีมของนักข่าวหลาย ๆ คน ซึ่งแต่ละคนก็แสดงให้เห็นถึงภาพแบบเดียวกัน พวกเขาล้วนแต่พูดไม่ออกกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่แต่ละคนกำลังดูนั้น คือผู้เล่น 1 คนกำลังเผชิญหน้ากับผู้เล่นหลักหมื่น! เขาคนนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่เหล่าผู้เล่นคนอื่นจะเอื้อมถึงไปเสียแล้ว…

ถึงอย่างนั้นมันก็อดไม่ได้ที่ไฟในใจของผู้เล่นทั้งหลายจะถูกจุดให้ลุกโชนขึ้นมา ไฟที่มาจากหลาย ๆ อย่างหลาย ๆ เหตุผล พวกเขาทุกคนรู้กันว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นเป็นผู้ครอบครองอาร์ติแฟคท์ทั้ง 2 ชิ้น ซึ่งจะมีผู้เล่นอีกบางส่วนที่ถามขึ้นมาว่า “อะไรคืออาร์ติแฟคท์?” โอเค อาร์ติแฟคท์คืออุปกรณ์ประเภทหนึ่งที่คุณสมบัติสูงกว่าอุปกรณ์ชนิดอื่น ๆ ที่ผู้เล่นสามารถหาได้ ทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์เลย!

ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าถือเป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนที่สุด! ผู้เล่นนับหมื่นคนตรงหน้านี้ที่โถมเข้าสู้กับเจ้าแห่งฮีลเลอร์คนเดียว มันควรจะเป็นการต่อสู้ที่ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเสียเปรียบ แต่เปล่าเลย การต่อสู้ครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายสูสีกันไปซะได้!

เพราะแบบนี้ เหล่าผู้เล่นที่กำลังดูเหตุการณ์จึงพากันครุ่นคิดว่า ‘อาร์ติแฟคท์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ?’

ขนาดอุปกรณ์ระดับเทพเจ้าที่หาได้ยากในเซิร์ฟเวอร์ ยังถูกกล่าวขานว่าไม่สามารถเทียบเท่าอาร์ติแฟคท์เพียง 1 ชิ้นได้เลย

หรือศึกในครั้งนี้ เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะเป็นผู้ชนะจริง ๆ นะ?

-1!

พลาด!

โจมตีไม่เข้า!

โจมตีไม่เข้า!

-1!

-501!

+50!

-478!

+47!

ข้อความบ่งบอกความเสียหายที่เซียวเฟิงทำได้นั้นเริ่มจะมาถี่ขึ้นจนบนหัวเขานั้นเหมือนมีกลุ่มระเบิดควันที่กำลังก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง แต่นี่มันกลับกลายเป็นผลเสียต่อเซียวเฟิงในทางตรงกันข้ามแทน เพราะข้อความเหล่านี้จะปรากฏขึ้นเหนือหัวผู้กระทำไม่ก็ผู้โดนกระทำ ผู้เล่นที่เป็นสายอาชีพโจมตีระยะไกลจึงใช้ข้อได้เปรียบนี้ล็อกตำแหน่งที่ถูกต้องของเซียวเฟิงและเริ่มโจมตีเขาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และด้วยการโจมตีที่แม่นขึ้นนั้น ก็เริ่มทำให้เลือดของเซียวเฟิงลดลงในอัตราที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วย

ค้อนแห่งการพิพากษา เป็นสกิลโจมตีเพียงหนึ่งเดียวของเซียวเฟิง นอกจากนั้นก็ยังมีไฟปะทุที่เป็นความสามารถของรองเท้าซาลาเมนเดอร์ทองคำ ที่ถือเป็นการโจมตีระยะประชิดที่รุนแรงด้วย และเมื่อไหร่ที่มันถูกใช้ควบคู่กับสกิลดูดเลือด มันจะสามารถทำให้เซียวเฟิงเป็นอมตะได้ แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว เซียวเฟิงไม่สามารถเดินไปไหนได้เลย เพราะในทุก ๆ ครั้งที่เขากำจัดผู้เล่นรอบตัวไป ผู้เล่นของกิลด์กลอรี่เซ็ตใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ไฟปะทุที่ควรจะสามารถสร้างความเสียหายได้ จึงไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย

ศัตรูมีมากเกินไป!

เมื่อค้อนแห่งการพิพากษาอยู่ในช่วงคูลดาวน์ การโจมตีปกติคือการสร้างความเสียหายเพียงอย่างเดียวที่เซียวเฟิงมีอยู่ เพราะงั้นเขาจึงจำเป็นต้องใช้คทาแห่งการรักษาไล่ฟาดเหล่าผู้เล่นที่อยู่ใกล้ที่สุดไปพลาง ๆ เพื่อสร้างความเสียหายและรักษาตัวเองอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้มีชีวิตรอดท่ามกลางมหาสมุทรศัตรูเช่นนี้ได้!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *