Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]บทที่ 179 เดอะวูล์ฟ

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter บทที่ 179 เดอะวูล์ฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียวเฟิงรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา “เธอเป็นแค่สาวน้อยตัวเล็ก ๆ ไม่ต้องวางแผนเพื่อฉันหรอกน่า”

“พี่เซียว พี่ตัวคนเดียวนะ ไม่ว่าพี่จะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม พี่ก็จะยังรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอได้หากเจอศัตรูที่แข็งแกร่งเกินไป หินอวกาศนั่นเป็นวัสดุสำหรับก่อสร้างที่เหล่าหัวหน้ากิลด์ใหญ่ ๆ ล้วนอยากได้กัน ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีใครหามาได้อีก มันจะช่วยทำให้พี่สร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งได้ ในขณะเดียวกันก็จะทำลายศัตรูอีกมากมายได้เช่นกันนะ!” เฉียนโตวโตวรีบพูด นั่นคือจุดประสงค์ของเธอ…เธอแค่อยากจะช่วยเซียวเฟิง

“ไม่ต้องกังวล ปัญหาพวกนี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ อ้อ แล้วก็…นี่ของเธอ ฉันไปก่อนนะ” เซียวเฟิงส่ายหน้าและหันหน้าออกไปจากร้านค้ามหาสมบัติแห่งนี้โดยที่ทิ้งโทเคนล่าสมบัติไว้ให้เฉียนโตวโตว 2 ชิ้นด้วย เขารวบรัดตัดตอนจนเธอไม่มีโอกาสพูดอะไรอีกเลย…

โทเคนล่าสมบัติทั้ง 2 ชิ้นนั้นเขาได้มาจากตอนที่กำจัดทวารบาลปีศาจที่เผอิญเจอระหว่างกำลังเก็บเลเวลอยู่ในภูเขากระดูกก่อนหน้านี้ ในเมื่อเขามอบโทเคนทั้งหมดให้เฉียนโตวโตวแล้ว เซียวเฟิงจึงเปลี่ยนสถานที่เพื่อที่จะตามหาทวารบาลปีศาจตัวอื่นต่อไป

“พี่เซียว…พี่ยังใหม่กับเกมออนไลน์ บางทีพี่อาจจะไม่รู้ว่ามันดียังไงหากกิลด์สำคัญ ๆ เหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์เร็ว ๆ หรือแม้แต่กิลด์ทั่ว ๆ ไปอย่างดูมส์เดย์ลีกที่ถือว่าอยู่อันดับต่ำที่สุดก็ยังสามารถมีสมาชิกระดับล้านคนได้ ไม่ต้องพูดถึงกิลด์กลอรี่เลย ความแข็งแกร่งของพี่ในตอนนี้น่ะได้มาจากอุปกรณ์ที่ใส่อยู่ทั้งตัวที่อยู่ในระดับสูงกว่าคนอื่นหมดเลย นี่ยังเป็นช่วงต้นเกม เมื่อไหร่ที่ช่วงกลางเกมหรือดีไม่ดีก็อาจจะหลังจากนี้ซักพัก ความแข็งแกร่งของพวกมันก็จะค่อย ๆ ถูกตีตื้นขึ้นมาด้วยผู้เล่นคนอื่นอย่างแน่นอน” เฉียนโตวโตวถอนหายใจขณะมองตามหลังเซียวเฟิงไป

ในเกมออนไลน์นั้น ผู้เล่นส่วนมากกว่าจะไปเริ่มแข็งแกร่งแบบมาก ๆ กันก็ต้องเป็นหลังจากที่เกมเปิดไปแล้วพักใหญ่ ๆ อย่างเช่น นักธนูจะสามารถเรียนสกิลพิเศษเกี่ยวกับธนูได้ก็ต่อเมื่อเลเวล 20 แล้ว สกิลอย่างการโจมตีทะลุเกราะ ซึ่งมันจะไม่สนใจเลยว่าเซียวเฟิงจะมีค่าพลังป้องกันสูงขนาดไหน ดังนั้นมันจะทำให้ความเสียหายที่ได้รับนั้นนับว่าน่ากลัวมากเลยทีเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น พวกอาชีพนักเวทที่เลเวลสูงมากยิ่งขึ้น สกิลที่พวกเขาเรียนได้ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า บางสกิลก็สามารถลดอัตราการฮีลลงเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ด้วย และเพราะแบบนี้ ต่อให้มีอุปกรณ์ขั้นสูงอยู่ในมือ ก็ยังต้องรู้สึกพ่ายหากโดนแบบนี้ไป

แน่นอนว่าเซียวเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เขาเดินทางตรงไปยังคลังและวางแผนที่จะขยายช่องเก็บของของตัวเอง หากพูดกันตามตรง 100 ช่องในกระเป๋านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาคนเดียว แต่มันดูเหมือนจะไม่พอหากไปอยู่ในโอกาสพิเศษโดยไม่ทันได้เตรียมตัว หรือแม้แต่ในดันเจี้ยน ที่เขาจำเป็นต้องพกใบวาร์ปและยาจำนวนมากเป็นพิเศษอะไรทำนองนี้…

“โอ้ นั่นท่านอาร์คบิชอปไม่ใช่เหรอ? เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้ต้อนรับ! เชิญเลย เชิญเข้ามาด้านในร้านของข้าก่อน!”

หัวหน้า NPC อ้วนมองเห็นเซียวเฟิงเดินมาในระยะสายตา เขาไม่รอช้าที่จะทักทายและกล่าวเชิญด้วยความยินดี

“ช่วยขยายช่องเก็บของในกระเป๋าให้หน่อย ฉันเอาหินจักรวาลมาแล้ว” เซียวเฟิงไม่พูดมากให้เสียเวลา เขารีบหยิบเอาหินอวกาศทั้ง 128 ชิ้นออกมาและวางมันลงตรงหน้า NPC อ้วนผู้นี้ทันที

“หา!? ข้าทำไม่ได้หรอกครับ!”

สีหน้าของ NPC ผู้นั้นดูตกใจแบบสุด ๆ ตอนแรกเขาลูบหน้าลูบตาตนเองด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพยายามฝืนยิ้มให้เซียวเฟิงอยู่ดี “ท่านอาร์คบิชอปครับ ความสามารถของข้าเองก็มีจำกัดเช่นกัน สิ่งที่ข้าทำได้คือใช้หินจักรวาล 10 ชิ้น ขยายช่องเก็บของในกระเป๋าได้ 100 ช่อง และนั่นคือที่สุดของข้าแล้ว ซึ่งจริง ๆ มันก็เป็นลิมิตของกระเป๋าเดินทางของนักเดินทางด้วยครับ”

“แบบนี้แล้วฉันมีทางอื่นที่จะขยายช่องเก็บของได้อีกไหม?” เซียวเฟิงถาม เพราะถ้าเพิ่มสูงสุดได้แค่ 100 ช่อง รวมแล้วมี 200 ช่อง ดูแล้วมันก็น่าจะยังไม่พออยู่ดี

NPC ร่างท้วมครุ่นคิดก่อนจะพูด “เอ่อ…ท่านอาร์คบิชอป ถ้ายังไงลองไปหาเจ้าแห่งช่างตีเหล็กรุ่นแรกในอาณาจักรเฉินโจวดูไหมครับ? ด้วยหินอวกาศจำนวนมากขนาดนี้ มันน่าจะพอสร้างไอเทมเก็บของระดับอาร์ติแฟคท์ได้เลย”

“ระดับอาร์ติแฟคท์เลยงั้นเหรอ!?” ดวงตาของเซียวเฟิงเป็นประกายขึ้นมาทันที “แล้วเจ้าแห่งช่างตีเหล็กรุ่นแรกนั่นอยู่ที่ไหนล่ะ? แค่บอกฉันมาก็พอ”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาเคยอยู่ในไออ้อนทีธ ถ้ายังไงท่านลองไปพบเขาที่นั่นดู” ชายอ้วนรีบพูด

“ไออ้อนทีธงั้นเหรอ? โอเค ขอบใจมาก”

ช่างเป็นชื่อเมืองที่แปลกสำหรับเขาจริง ๆ อย่างไรก็ตาม เมืองนั้นน่าจะยังสามารถเทเลพอร์ตจากที่นี่ไปได้ เซียวเฟิงแค่ต้องทำให้มั่นใจว่าเขามีเวลามากพอ ก่อนจะตัดสินใจจากที่นี่ไปทันที

อุปกรณ์ระดับอาร์ติแฟคท์น่ะ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ทำให้ผู้เล่นตื่นเต้นได้หมดนั่นแหละ ไม่เว้นแม้แต่เซียวเฟิง เขามุ่งหน้าตรงไปยังจัตุรัสกลางของเมืองเทียนหลงและเดินตรงไปยังหอส่งสัญญาณ…

“พี่ชาย พี่ได้โทเคนแล้วหรือยัง?” เสียงของซางกวน อาโอเชินดังขึ้นซึ่งภายในน้ำเสียงของเขามันเต็มไปด้วยความวุ่นวายซ่อนอยู่ อย่างกับว่าไปมีปัญหามาอย่างงั้นแหละ

“ได้แล้ว” เซียวเฟิงตอบ ถึงเขาจะให้เฉียนโตวโตวไป 2 ชิ้นแล้วก็จริง แต่ก็ยังมีติดตัวอยู่อีกชิ้นหนึ่งอยู่ดี

เด็กหนุ่มรีบพูดต่อ “ถ้างั้นพี่ชายพอจะมีเวลา ไปช่วยฉันสักหน่อยไหม? สักนิดสักหน่อยก็พอ โอเค้?”

“ไม่มี จะไปไหนก็ไปเลยไป” เขาตอบกลับอย่างไม่ลังเล

“อย่าพูดแบบนั้นสิพี่ชายยยย พวกเรากำลังจะไปตามหาทวารบาลปีศาจกันที่แม็ปของคนแคระเลยนะ! พี่สาวของฉันเองก็อยู่ที่นั่นด้วย มากับพวกเราน้าาา” ซางกวน อาโอเชินยังคงพยายามพูดโน้มน้าวต่อ

ได้ยินเช่นนั้น เซียวเฟิงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “แล้วพวกนายไปทำอะไรกันในแม็ปคนแคระ?”

“ก็ละแวกนี้คนมาอยู่กันเต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะย้ายไปเมืองไหนก็มีแต่คนไปตามหาทวารบาลปีศาจกันหมด พวกเขามุ่งมั่นกันขนาดที่ยอมไปบุกส่วนที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้เล่นเลเวลสูงด้วยนะ! เพราะงั้นที่ที่พวกเรายังพอไปได้ก็คงมีแต่เขตของคนแคระนั่นแหละ ที่นั่นน่าจะมีผู้เล่นน้อยที่สุดแล้ว” เขาอธิบาย

“งั้นในเมื่อนายมีนักบวชไปด้วยแล้ว ฉันจะไปทำไมอีก? รีบ ๆ ไปซะไป ฉันมีงานต้องไปทำ” เซียวเฟิงพยักหน้าและไม่รอให้เด็กหนุ่มตอบอะไรก็วางสายไปในทันที ในเมื่อเจ้าพวกนั้นมีจืออี้อยู่ด้วยแล้ว ยังจำเป็นต้องมีเขาอยู่ด้วยอีกหรือไง? น่ารำคาญชะมัด

ในจังหวะที่สายถูกวางไป ณ สถานที่ที่เป็นซากปรักหักพัง ซางกวน อาโอเชินค่อย ๆ วางสายเงียบ ๆ เขาหันไปมองแผ่นหลังอันมีเสน่ห์ของจืออี้ ในขณะที่บนหน้าผากก็เริ่มมีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา

ปาร์ตี้ในครั้งนี้เป็นปาร์ตี้ขนาดใหญ่ ทั้งนี้ก็เพื่อล้อมจับและกำจัดทวารบาลปีศาจที่พบ แต่เดิมแล้วปาร์ตี้นี้เป็นปาร์ตี้ของสองพี่น้องนิโคลัสและเหล่าเพื่อนพ้องที่โรงเรียน แต่เพราะทวารบาลปีศาจเป็นบอสระดับอิลีต ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้ซางกวน อาโอเชินมาช่วยในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า และเพราะปาร์ตี้นี้ต้องการนักบวช เด็กหนุ่มจึงเรียกจืออี้ให้มาด้วย

เด็กคนนี้เสพติดการโดนช่วยเหลือไปเสียแล้ว หากจะบอกว่ามันทำให้เขานิสัยเสียก็ไม่เกินไปนักหรอก เพราะงั้นตอนนี้พอไม่มีใครช่วยสนับสนุนหรือช่วยเหลือ มันเลยทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกแปลก ๆ เวลาที่จะต้องเจอกับมอนสเตอร์ไปเสียอย่างนั้น

“นายบอกท่านเซียวจะมา ทำไมเขายังมาไม่ถึงอีกล่ะ?”

ตรงหน้านั้น จืออี้กำลังร่ายบัฟให้นิโคลัสเถียซู เธอหันกลับมามองและถามเด็กน้อยด้วยแววตาที่แสดงให้เห็นถึงความสงสัยซ่อนไว้อยู่

“พี่ชายบอกว่าเขาจะมาถึงเร็ว ๆ นี้น่ะ ฮะ ๆๆๆๆ!” เขาฝืนหัวเราะออกมาซึ่งทำให้จืออี้เหล่มองมายิ่งกว่าเดิม ทว่าตอนนั้นเอง ทวารบาลปีศาจก็เข้าสู่โหมดโกรธพอดี มันทำให้พลังชีวิตของเถียซูลดหายไปครึ่งหลอดได้ด้วยการโจมตีทีเดียว เพราะงั้นจืออี้จึงต้องรีบหันกลับมารักษาเขาก่อน

ไออ้อนทีชไม่ใช่เมืองใหญ่โตอะไรในฟากใต้ แต่ถึงอย่างนั้นค่าใช้จ่ายในการเทเลพอร์ตของเซียวเฟิงก็ยังมากถึง 30 เหรียญทอง ดูท่าที่แห่งนี้จะอยู่ห่างไกลเมืองอื่น ๆ เป็นอย่างมากแน่ ๆ

อุณหภูมิภายในเมืองนี้อยู่ในระดับดี ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเขตร้อน เพราะงั้นจึงมีผู้เล่นแวะเวียนมาเรื่อย ๆ เช่นกัน

ที่นี่เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง กระนั้นเซียวเฟิงก็ไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ในเมืองนี้นานนัก เพราะชายหนุ่มหาตัวเจ้าแห่งช่างตีเหล็กรุ่นแรกไม่เจอนั่นเอง

“โอ้ ท่านกำลังตามหาอาจารย์ของข้า ท่านอาจารย์ตี้อู่หยาออกไปจากเมืองนี้ได้สักพักแล้วล่ะ”

ตอนนี้เซียวเฟิงอยู่ในร้านช่างตีเหล็กประจำเมืองไออ้อนทีช เขาไม่ได้ปกปิดตำแหน่งอาร์คบิชอปของตนและเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านแห่งนี้ทันที ซึ่งมันทำให้เขารู้ว่าคน ๆ นี้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ตี้อู่หยา

“ไปแล้วเหรอ? แล้วเขาไปไหนล่ะ?” เซียวเฟิงถาม

“ท่านอาจารย์บอกว่าจะไปหาพวกคนแคระเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันน่ะครับ ตัวข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาเหมือนกัน” เจ้าแห่งช่างตีเหล็กรุ่นปัจจุบันตอบ

“ไปหาคนแคระเหรอ?” เขาประหลาดใจ จากนั้นก็รีบหยิบเอาหินอวกาศออกมาให้เจ้าแห่งช่างตีเหล็กดู ในเมื่อคน ๆ นี้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ตี้อู่หยาล่ะก็ เขาน่าจะสามารถสร้างมันได้เหมือนกัน “นายพอจะใช้หินอวกาศพวกนี้สร้างไอเทมสำหรับเก็บของได้หรือเปล่า?”

“นะ…นี่มัน หินอวกาศ!? แถมยังมีจำนวนมากขนาดนี้อีก!” เจ้าแห่งช่างตีเหล็กตกใจมาก แต่ถึงกระนั้นก็ต้องจำใจส่ายหน้าด้วยความเสียดาย “ข้าทำแบบท่านอาจารย์ของข้าไม่ได้หรอกครับ ถึงแม้ข้าจะสร้างไอเทมเก็บของได้ก็จริง แต่มันก็แค่ระดับทองเท่านั้น จะเป็นการสิ้นเปลืองหินจักรวาลเปล่า ๆ ครับ”

“โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวฉันคงต้องออกตามหาท่านอาจารย์ตี้อู่หยาต่อ เขาอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?” เซียวเฟิงดูจะไม่เต็มใจที่ต้องเก็บหินจักรวาลเหล่านี้กลับมาซักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่คุ้มที่จะเอาไปแลกกับไอเทมระดับทอง เพราะมันยังห่างชั้นกับอาร์ติแฟคท์อยู่มากเลย

เจ้าแห่งช่างตีเหล็กส่ายหน้าอีกครั้ง “เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้หรอก แต่ถ้ายังไงท่านลองไปหาท่านอาจารย์ที่เมืองของคนแคระดูก่อน ข้าว่าท่านอาจจะได้พบเขา ยังไงเสียท่านอาจารย์ตี้เองก็มีชื่อเสียงในหมู่คนแคระเหมือนกัน ท่านน่าจะหาเขาได้ไม่ยาก”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก ๆ ”

เซียวเฟิงกล่าวขอบคุณแล้วเดินจากไป แต่ในทันทีที่เขาเดินเข้าสู่หอส่งสัญญาณประจำเมืองไออ้อนทีธ จังหวะที่กำลังจะเทเลพอร์ตนั้น เซียวเฟิงก็ถึงได้พบว่า ตัวเขานั้นยังไม่รู้จักชื่อเมืองหลักของพวกคนแคระเลย

หลังจากคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็รีบหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาแล้วโทรหาซางกวน อาโอเชินทันที

“ก่อนหน้านี้นายพูดอะไรไว้นะ? พวกนายกำลังไปที่อาณาจักรของพวกคนแคระหรือเปล่า?”

ความตื่นเต้นของซางกวน อาโอเชินหลุดออกมาให้เห็นผ่านน้ำเสียง เขารีบตอบ “พี่ชาย! ฉันกะไว้แล้วว่าพี่ต้องไม่ลืมพวกเรา! แต่พวกเราไม่ได้อยู่ในเขตของคนแคระตอนนี้นะ ที่นั่นแม้จะมีเมืองหลัก ๆ หลายเมือง แต่ก็จำกัดคนเอาไว้ ตอนนี้พวกเราอยู่ในเขตของออร์ค ถ้าพี่ชายอยากจะมา ก็เทเลพอร์ตมาที่จุดส่งสัญญาณแบล็คซอล์ยได้เลย พวกเราทั้งหมดอยู่ในเมืองนั้นแหละ”

ไม่มีการรอให้อีกฝ่ายพูดจบ เซียวเฟิงวางโทรศัพท์และตัดสินใจเลือกจุดเทเลพอร์ตไปยังแบล็คซอล์ยทันที

ในขณะเดียวกับที่สายถูกตัด ภายในแม็ปเมืองปรักหักพักที่อยู่ด้านนอกเมืองแบล็คซอล์ย ซางกวน อาโอเชินก็เริ่มสังเกตเห็นได้ว่าพวกเขากำลังถูกห้อมล้อมด้วยกลุ่มคนจำนวนมาก

เขตเมืองโบราณปรักหักพังแห่งนี้เป็นเมืองรอง มีรูปลักษณ์เป็นเหมือนเมืองที่ถูกทำลายมานานมากแล้ว ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเจอแต่กำแพงแตก ๆ เกลื่อนกลาดไปหมด ที่แห่งนี้ไม่ได้ผ่านไปได้ง่ายนัก แต่เพราะเด็กน้อยกับพวกพ้องที่มาด้วยนั้นไม่ใช่ผู้เล่นทั่ว ๆ ไป ไม่ต้องพูดถึงจืออี้ที่สามารถรักษาพวกเขาได้ตลอดเวลา สำหรับปาร์ตี้ขนาดใหญ่นั้น เมืองปรักหักพังแห่งนี้ถือว่าสามารถทำภารกิจได้เยอะทีเดียว ก่อนหน้านี้พวกเขาก็เพิ่งจะเจอทวารบาลปีศาจและฆ่ามันลงได้ และในตอนนี้ พวกเขาก็เจอทวารบาลปีศาจตัวที่ 2 แล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมจะจัดการทวารบาลตัวนั้น กลุ่มคนที่ไม่ได้รับเชิญราว ๆ 50 คนก็ปรากฏตัวขึ้น คนเหล่านี้เล็งเป้าหมายไปยังทวารบาลปีศาจเช่นกัน พร้อมกับห้อมล้อมปาร์ตี้ของซางกวน อาโอเชินไว้ด้วย

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? พวกนี้เป็นใคร?” ซางกวน อาโอเชินรีบกลับมารวมกลุ่มและหันไปถามนิโคลัส เจ๋าซือ ผู้ที่อยู่ด้านหลัง เพราะก่อนหน้านี้เขาพยายามหลบสายตาจากจืออี้และหาที่รับโทรศัพท์จากเซียวเฟิง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้นช่วงที่เขาไม่อยู่

เจ๋าซือที่มักจะยิ้มตลอดเวลา ในตอนนี้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังแทน เขากระซิบกับซางกวน อาโอเชิน “ระวังตัวไว้นะ คนพวกนี้มาจากเดอะวูล์ฟ พวกเราอาจจะมีปัญหาได้”

“เดอะวูล์ฟ? เท่าที่ฉันจำได้ พวกเราไม่มีปัญหากับพวกเขานี่?”

ที่ด้านหน้า เถียซูกำลังเริ่มพูดคุยเจรจากับคนเหล่านั้น เนื่องจากตัวเขามีประสบการณ์และจิตใจมั่นคงที่สุด ดังนั้นหลายครั้งหลายครา เขาจึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าไปโดยปริยาย

ผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นน่าจะมีราว ๆ 50-60 คนกำลังยืนล้อมปาร์ตี้ของเถียซูไว้อยู่ พวกเขาทั้งหมดเป็นเผ่าพันธุ์ออร์ค คนเหล่านี้มีรูปลักษณ์และอาวุธที่โดดเด่น ทว่าแต่ละชื่อบนหัวต่างก็มีชื่อกิลด์ที่เหมือนกันหมด นั่นคือ เดอะวูล์ฟ!

ในปัจจุบัน เขตฮัวเซียมีกิลด์ทั้งหมดประมาณ 12 กิลด์ ดังนั้นไม่ว่าจะกิลด์ไหนก็ไม่สามารถดูถูกได้ทั้งนั้น

ท่ามกลางสมาชิกกิลด์เดอะวูล์ฟตรงหน้าที่มากมาย ผู้เล่นนักรบที่ดูเหมือนเป็นครึ่งคนครึ่งเสือจากรูปลักษณ์ภายนอกก็เดินออกมาตรงหน้าและพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “พวกเราไม่เคยมีปัญหาบาดหมางกันมาก่อน แต่พวกเราจำเป็นต้องกำจัดทวารบาลปีศาจตัวนั้น เพราะงั้นฉันหวังว่าพวกนายทุกคนจะให้ความร่วมมือด้วยนะ”

ที่ด้านหลังเถียซู ผู้เล่นหนุ่มคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง “แต่พวกเราเจอมันก่อนนะ แถมพวกเรากำลังจะเริ่มกำจัดมันแล้วด้วย! มีเหตุผลอะไรที่พวกเราต้องยอมยกมันให้พวกนายล่ะ?” คนคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมห้องไม่ก็ศิษย์เก่าที่มาจากโรงเรียนเดียวกับสองพี่น้องนิโคลัส

ผู้เล่นนักรบที่เหมือนเสือยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า เขาเพียงแค่พูดอย่างเยือกเย็น “นั่นเพราะพวกเราคือเดอะวูล์ฟ!!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *