Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] 145 หมดคำพูด

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter 145 หมดคำพูด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตอนนั้นเอง เรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ภายในทุ่งกว้างได้สงบลงแล้ว

สถานการณ์มันเหมือนน้ำที่กำลังลดลง เหล่ามอนสเตอร์จากทุกทิศยกเว้นทิศเหนือต่างพากันถอยกลับไปยังจุดที่มันจากมา ภายในสนามรบแห่งนี้ สมาชิกกิลด์ทั้งหมดของมิดซัมเมอร์ต่างตกอยู่ในภวังค์กันทั้งสิ้น ราวกับว่าพวกเขายังคงจมอยู่ในความฝัน

นี่พวกเขาแพ้ในสงครามป้องกันแคมป์เหรอ?

กิลด์ของพวกเขาถูกยุบแล้วงั้นเหรอ?

เสียงประกาศจากระบบที่ดังไปทั่วเขต ทำให้ผู้เล่นที่เป็นสมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในสนามรบ หรือผู้ที่เพิ่งจะเกิดที่เมืองเทียนหลงและกำลังมุ่งหน้ามายังสนามรบ ต่างก็ต้องชะงักกันทั้งหมด ความพยายาม ความเสียสละและความเพียรตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมานี้ มันสูญเปล่าไปหมด…

มีเพียงผู้เล่นกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังความพ่ายแพ้ในสงครามป้องกันแคมป์ของมิดซัมเมอร์คืออะไร! ทั้งหมดมันเป็นเพราะคนคนเดียว! ผู้เล่นคนเดียวที่อยู่ในรายชื่อล่าหัวของมิดซัมเมอร์! คนคนเดียวที่กล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขาทั้งหมด!

เหตุการณ์ในวันนี้มันเกิดจากความแค้นส่วนตัวล้วน ๆ ภาคีพาลาดินไม่ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนราบเป็นหน้ากอง พวกเขาหยุดมือลงหลังจากที่ศูนย์บัญชาการของแคมป์พังทลายไปแล้ว และเพราะแบบนี้มันเลยทำให้ทุก ๆ คนต่างตกตะลึงกันเงียบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่โชคดีรอดชีวิตจากการบุกทะลวง ผู้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านนอกแคมป์ ผู้เล่นที่ยืนอยู่เฉย ๆ เพื่อรอรับค่าประสบการณ์ หรือแม้แต่ผู้ที่มีแผนการณ์ปองร้ายมิดซัมเมอร์เองก็ตาม ทุกคนต่างหันมามองกันเองด้วยความงุนงงและความสับสน

โรสเองก็รอดชีวิตด้วยเช่นกัน ร่างอันงดงามและเพรียวบางของเธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางศูนย์บัญชาการแคมป์ แม้ว่ากริยาท่าทางของผู้นำสาวคนนี้จะยังคงดูสง่า หากแต่ภายในดวงตาคู่นั้นก็ยังคงมองเซียวเฟิงไปด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สับสน โกรธ ไม่พอใจ สิ้นหวัง เสียใจ ทุกสิ่งทุกอย่างผสมปนเปกันจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันในที่สุด อารมณ์ที่ไม่สามารถจำแนกออกจากกันได้นี้แสดงออกทางแววตาที่ขุ่นมัว ทั้ง ๆ ที่ปกติมันควรจะเป็นประกายสวย ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเห็นภาพนี้ต่างก็ต้องใจสลายกันไปหมด

“ไปกันเถอะ” เซียวเฟิงพูด

ตัวเขานั้นไม่ได้ตั้งใจจะมาอ้อยอิ่งอยู่แถวนี้อยู่แล้ว เขาเพียงเดินสำรวจซากของสิ่งตรงหน้าที่พังทลายลงมาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็หันหน้าออกเตรียมที่จะกลับออกไป ร่างที่ใหญ่โตของเสี่ยวเสวี่ยหันตามทิศทางที่เซียวเฟิงสั่ง จากนั้นมันก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ออกไป ซึ่งขณะเดียวกันทัพพาลาดินทั้งพันนายที่น่าเกรงขามนั้น ก็เดินตามเซียวเฟิงกันไปเป็นขบวนหลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ยกเลิกการทำลายเมืองแล้ว…

“บ้าเอ้ย…ขนาดเห็นด้วยตาตนเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อ มิดซัมเมอร์ไปไม่ถึงเวฟสุดท้ายซะด้วยซ้ำ”

“ภาคีพาลาดินพวกนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว เลเวลระดับเรา ๆ น่ะ ไม่มีทางที่จะสู้กับบอสเลเวล 30 ได้เลย ของแบบนี้ใช้ผู้เล่นสักครึ่งเขตจะพอล้มได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้!”

“อย่าเพิ่งมองข้ามเจ้าแห่งฮีลเลอร์สิ ไม่เห็นหรือไงว่าเขาน่ะโหดเหี้ยมมาก ๆ เลยนะ! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะนำภาคีพาลาดินจำนวนมากขนาดนั้นมาได้! เจอขนาดนี้เข้าไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่มิดซัมเมอร์ต้องมาเจอกับความตายที่เลี่ยงไม่ได้เลยนะ!”

“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ จากที่เห็นยังไงมิดซัมเมอร์ก็ดวงซวยจริง ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์แทบไม่ได้ทำอะไรเลย ความเสียหายทั้งหมดน่ะ เกิดจากเวฟมอนสเตอร์ล้วน ๆ ไม่ว่ามิดซัมเมอร์จะเป็นกิลด์ขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกมากขนาดไหนก็ตาม หรือต่อให้มิดซัมเมอร์จะมีสมาชิกระดับสูงมากกว่านี้ อย่างมากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็คงแค่ก่อกวนนิดหน่อย เพราะท้ายสุดแล้ว มิดซัมเมอร์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับบอสระดับสูงอยู่ดี จากที่เห็นตอนนี้ ฉันเดาเลยว่าบทเรียนราคาแพงสำหรับกิลด์ที่รีบจดทะเบียนอย่างมิดซัมเมอร์ น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านแน่ ๆ เพราะแค่ค่าโทเคนกิลด์ที่ไปแย่งประมูลมาก็พันล้านแล้ว! พวกเขาไม่มีทางชดใช้สิ่งที่ต้องสูญเสียไปในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าขนาดไหนก็ตาม!”

“เรื่องเงินนั่นน่ะ ไม่สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก หลัก ๆ มันอยู่ที่ชื่อเสียงของมิดซัมเมอร์ตอนนี้เองต่างหาก ดูเหมือนมันจะถูกเป่ากระจุยไปพร้อมกับแคมป์แล้วนะ ไหนจะกิลด์ที่ถูกบังคับยุบตัวอีก ผลลัพธ์มันแรงเอาการเลย ฉันมั่นใจว่าต้องมีสมาชิกกว่าครึ่งหนึ่งกดออกกิลด์หลังจากนี้แน่ ๆ!”

“ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าไอ้ปัญหาระหว่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์กับกิลด์มิดซัมเมอร์น่ะมันใหญ่ขนาดไหน จะว่าไงดี ฉันแค่สงสัยว่ามันทำให้เขาเก็บความแค้นไว้ได้จนถึงตอนนี้เลยเหรอ? เข้าใจแหละว่ามันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับหนึ่งเลยเพราะฉันเองก็ได้ยินมาว่ากิลด์มิดซัมเมอร์นั้นหมายหัวเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้นแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเขตฮัวเซียหรอกเหรอ? เจ้าแห่งฮีลเลอร์เล่นซะไม่ไว้หน้าเธอเลยนี่ แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า?”

“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิด ฉันรู้สึกว่าดูมส์เดย์ลีกเองก็เหมือนจะทำให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์อาฆาตแค้นอยู่เหมือนกันนี่?”

“ใช่! ใช่เลย! ฉันจำได้ว่าพวกนั้นไลฟ์สดตอนที่กำลังพยายามฆ่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ด้วยนะ! เรื่องนั้นก็น่าจะทำให้เขาแค้นใจไม่น้อยเลยด้วย แต่ท้ายสุดแล้ว แผนของพวกนั้นก็พังไม่เป็นท่า แถมพวกเขาเองยังถูกทำลายชนิดที่เละเทะเลยอีกต่างหาก ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกดูมส์เดย์ลีกไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน บางทีพวกเขาอาจจะแอบ ๆ ก่อตั้งกันขึ้นมาใหม่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันเดาไว้เลยว่าพวกนั้นคงจะรู้สึกอายมาก ๆ จนไม่กล้าโผล่หน้ามาแล้วแน่ๆ ”

“อย่าบอกนะว่าตอนที่จู่ ๆ ดูมส์เดย์ลีกก็เสียท่าในรายการนั้น เป็นเพราะเจ้าแห่งฮีลเลอร์ส่งทัพ NPC ลงไปน่ะ? บ้าเอ้ย นี่แสดงว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์มีความสามารถระดับที่ควบคุมทหาร NPC ได้มาตั้งนานแล้วงั้นเหรอ…?”

“พวกไก่ดูมส์เดย์ลีกถูกถีบลงหม้อไปแล้ว จากนี้ไปมิดซัมเมอร์ก็ต้องพบชะตากรรมไม่ต่างอะไรกับดูมส์เดย์ลีกหรอก!”

“เอาจริงเลยนะ อย่าไปหาเรื่องกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ดีที่สุด…”

“ไม่ใช่แค่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ แต่พวกเราไม่ควรไปแหยมกับพวกผู้เล่นระดับเทพทุกคนเลยจะดีที่สุด โดยเฉพาะผู้เล่นคนไหนก็ตามที่ไต่เลเวลมาด้วยตัวเอง หากนายไปมีเรื่องกับพวกกิลด์ใหญ่ ๆ แน่นอนว่านายไม่มีทางสู้พวกเขาได้แน่ ๆ มันยากที่จะซ่อนตัวจากกองทัพขนาดใหญ่ที่พวกเขามี…เว้นแต่ว่านายจะมีทัพที่ใหญ่กว่าที่พวกนั้นมี อาจจะพอสู้ได้บ้าง กลับกัน ถ้าหากนายตกเป็นเป้าหมายของ ‘คนคนหนึ่ง’ และคนคนนั้นก็ไม่ได้มีกองทัพขนาดใหญ่แสดงให้เห็นเด่นชัดเหมือนอย่างพวกกิลด์ นายจะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่านายจะโดนกำจัดเมื่อไหร่ เขาจะเคลื่อนตัวอยู่ในเงามืดเงียบ ๆ แบบนี้ไม่ว่านายจะมีกองทัพใหญ่ขนาดไหน นายก็จะเป็นได้แค่ฝ่ายตั้งรับเท่านั้น”

“นี่มัน…มิติใหม่ของเกมออนไลน์เลยนะเนี่ย เมื่อก่อนต่อให้นายเก่งแค่ไหน หรือเป็นอันดับ 1 มันทุกตาราง นายก็ไม่มีวันเอาชนะผู้เล่นที่มีจำนวนมากกว่าได้แน่ ๆ แต่ด้วยความที่มิธเป็นแบบโลกเสมือน ผู้เล่นที่เก่งจริง ๆ จึงสามารถแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ได้”

“เฮ้ ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์มาโน่นแล้ว พวกเราจะถอยกลับกันก่อนหรือเปล่า?”

“มีอย่างอื่นให้ทำนอกจากถอยกลับด้วยหรือไง? หรือนายอยากจะลองเป็นอาหารเย็นให้พวกนั้นดู?”

จุดชมการต่อสู้หลัก ๆ นั้นเป็นที่ราบสูง ซึ่งหากมองมาจากมุมนี้ พวกเขาจะสามารถเห็นพื้นที่ทั้งหมดของพื้นที่ราบด้านล่างได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงภูเขาหินน้อยใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่โดยทั่วไปด้วย มีผู้ชมมากมายมารวมกันอยู่ ณ พื้นที่สูงเช่นนี้ โดยเฉพาะทางทิศเหนือ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเซียวเฟิงเคลื่อนทัพผ่านเข้ามาใกล้ ผู้เล่นจำนวนมากก็กระจัดกระจายหายกันไปหมดทันที ผู้เล่นส่วนใหญ่ต้องผิดหวังกับสงครามในครั้งนี้ ท่ามกลางผู้เล่นทั้งหมด บางส่วนคือผู้ที่ต้องการมาดูดเอาค่าประสบการณ์ ในขณะที่บางส่วนก็มาเพราะปองร้ายกับมิดซัมเมอร์อยู่แล้ว ที่เหลือก็คือผู้เล่นที่ต้องการจะเรียนรู้ไว้ว่าสงครามป้องกันแคมป์นั้นจะต้องเจออะไรบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงผิดหวังที่ไม่ได้เห็นว่าเวฟท้าย ๆ จะมีมอนสเตอร์อะไรปรากฏตัวออกมา แล้วยิ่งการที่ศูนย์บัญชาการของมิดซัมเมอร์ถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของสิ่งที่ไม่ใช่เวฟมอนสเตอร์ มันก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเสียเวลามากขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก อย่างน้อย ๆ เขาก็อยากจะรู้ว่าศักยภาพของมิดซัมเมอร์แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรเสียหน่อย

“โย่ พวกนายเองก็อยู่แถวนี้ด้วยเหรอ? บังเอิญจังเลยนะ”

เมื่อเซียวเฟิงออกมาจากสนามรบ เขาก็สังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ยืนปะปนอยู่กับผู้เล่นบางส่วนที่บริเวณนั้นด้วย ทั้งสองคือไนฟ์และอิมมอทัล เฟลม พวกเขาเริ่มสนิทกันขึ้นมานิดหน่อยหลังจากที่ได้ร่วมพิชิตดันเจี้ยนครั้งแรกด้วยกัน ในเมื่อตอนนี้เซียวเฟิงกำลังอารมณ์ดี ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากทักทายคนคุ้นหน้าก่อน

ทว่าผู้เล่นทั้งหมดภายในพื้นที่ราบแห่งนี้ต่างก็เกรงกลัวเซียวเฟิงกันหมด พวกเขาทั้งเคารพแล้วก็หวาดกลัวไปพร้อม ๆ กัน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เซียวเฟิงพร้อมกับขนานนามเขาไว้ว่าเป็น ‘เครื่องจักรผู้ทำลายกิลด์’ ไม่ว่าจะเป็นกิลด์ไหนก็ตามที่เริ่มสงครามป้องกันแคมป์ การมีอยู่ของเซียวเฟิงในสนามรบนั่นย่อมหมายถึงสงครามได้จบลงแล้ว

“เฮ้ ๆ พวกนายจะไปไหนกันน่ะ? โย่! เฮ้ พวกนายมาจากกิลด์ไหนกันเนี่ย?”

แม้แต่ผู้เล่นที่รู้จักเซียวเฟิงอยู่แล้วยังหลีกเลี่ยงที่จะทักทายเขา นับประสาอะไรกับผู้เล่นที่ไม่ได้รู้จักเขาเลย ยิ่งกับคำถามล่าสุดที่เซียวเฟิงเอ่ยถามก็ยิ่งทำให้พวกเขาวิ่งชนิดที่ไม่คิดจะหยุดฝีเท้าเลย พวกเขากลัวว่ากิลด์ของตนจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของเซียวเฟิงไป

พวกผู้เล่นที่เตรียมตัวจะมาก่อความวุ่นวายในสงครามป้องกันแคมป์กับมิดซัมเมอร์ต่างก็อยู่ในจุดที่ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมาเสียเที่ยวเลย

“พี่เซียว!”

ไม่ไกลจากจุดที่เซียวเฟิงยืนอยู่นัก เฉียนโตวโตวและกลุ่มของเธอก็กำลังเดินเข้ามาหาเขา แต่ถึงจะเดินเข้ามา พวกเธอก็มองเซียวเฟิงด้วยสายตาที่แปลกไปอยู่ดี

“หือ?”

สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้วนั้น ไม่ใช่สายตาแปลก ๆ ของเฉียนโตวโตว หากแต่เป็นชื่อของผู้เล่นคนหนึ่งที่มีสีแดงซึ่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มของเธอต่างหาก และผู้เล่นคนที่ว่าก็ไม่ใช่คนอื่น เขาคือหานเฟิง ซึ่งทันทีที่อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงสายตาของเซียวเฟิง ก็รีบหลบไปอยู่ที่ด้านท้าย ๆ ของปาร์ตี้อย่างรวดเร็ว

“หยุด…หยุดเลย! ระ…เราคุยกันได้นะ! ทุกอย่างมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด! เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ !” หานเฟิงรีบตะโกนออกมาหลังจากกลัวว่าตนจะเจอเรื่องแย่ ๆ อีก

ทั้ง ๆ ที่เขาหนีมาอยู่กับกลุ่มนี้ก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงที่จะเจอเรื่องแย่ ๆ แล้วแท้ ๆ

ที่ราบกว้างนี้มีผู้เล่นจากหลาย ๆ กิลด์มารวมกันอยู่ และมากกว่าครึ่งของกิลด์เหล่านี้ มีเขาเป็นศัตรูกันทั้งหมด ก่อนหน้านี้ก็มีผู้เล่นหลายคนแอบตามเขามาเพราะชื่อสีแดงที่เด่นสง่านี้ เพราะแบบนี้เขาจึงกลับเมืองไม่ได้ด้วยเพราะอาจจะถูกปิดล้อมได้ ครั้นจะหนีมาที่ราบกว้างก็ดันมาเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนี่อีก เขาไม่คาดคิดเลยว่าสงครามครั้งนี้จะล่อลวงผู้คนจากหลายกิลด์มาได้มากถึงเพียงนี้ แถมผู้เล่นพวกนี้ยังมีเลเวลและอุปกรณ์ที่ระดับเทียบเท่าเขาอีก

หลังจากที่พินิจหาทางออกแล้ว หานเฟิงก็เห็นว่าการมาอยู่กับพวกของเซียวเฟิงนั้นดูจะปลอดภัยที่สุด อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ก็ไม่มีกิลด์ไหนที่จะกล้าเข้ามาเป็นศัตรูกับเซียวเฟิงแน่ เพราะตัวอย่างสิ่งที่จะโดนหากกล้าเป็นศัตรูกับเซียวเฟิงอย่างมิดซัมเมอร์ก็มีให้เห็นไปแล้วเมื่อครู่นี้

“ไว้เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”

เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่หานเฟิงตีสนิทกับสองพี่น้องนิโคลัสและซางกวน อาโอเชิน รวมถึงไม่ได้สนใจด้วยว่าเฉียนโตวโตวจะพูดอะไร เขาหันกลับไปและนำภาคีพาลาดินกลับไปสู่ที่เดิมที่ควรจะอยู่

นี่มันก็เย็นมากแล้ว แถมเซียวเฟิงยังต้องออฟไลน์เพื่อไปทำมื้อเย็นให้เซียวหลิงอีก

“เดี๋ยวก่อน!”

ม้าเหงื่อโลหิตตัวใหญ่วิ่งเข้ามา บนหลังของมันนั้นมีจืออี้นั่งอยู่ เธอตะโกนขึ้นหลังจากที่ไล่ตามเซียวเฟิงทันในที่สุด

ตอนแรกเธออยู่กับเฉียนโตวโตว แต่หลังจากได้ไปพบกับสกายและไนฟ์เมื่อครู่นี้ เธอก็ตัดสินใจรีบตามเซียวเฟิงมาในทันที

“มีอะไร?” เซียวเฟิงถามพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองด้านหลัง โดยที่เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้ชะลอฝีเท้าที่วิ่งเหยาะ ๆ เลยแม้แต่น้อย

จืออี้เร่งฝีเท้าม้าของตนให้เข้าใกล้เซียวเฟิงให้มากขึ้น “นายไปจ้างพาลาดินพวกนั้นมาจากไหนน่ะ? แล้วนายสามารถสั่งพวกเขาได้ตลอดตามที่ต้องการหรือเปล่า?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานขณะที่สายตาอันงดงามของเธอก็มองกลับไปยังทัพพาลาดินที่ตามหลังเขามาติด ๆ ด้วย

ม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้ถือเป็นสัตว์ขี่ที่ราคาแพงที่สุดในร้านค้าระบบ ดังนั้นยามที่มันเร่งฝีเท้าด้วยความเร็วสูงสุด มันจึงสามารถตามการวิ่งเหยาะ ๆ ของเสี่ยวเสวี่ยได้

เซียวเฟิงหลบสายตาจากเธอและพบว่าหัวหน้ากิลด์วอร์สปิริตอย่างสกายกับไนฟ์ผู้เป็นน้องชายนั้นยังไม่ได้ไปไหนไกล เขาจึงถามกลับ “สกายสั่งให้เธอมาถามฉันหรือไง?”

“ใช่แล้ว! ฉันพนันได้เลยว่าคนอื่น ๆ เองก็อยากรู้เหมือนฉันนั่นแหละ โดยเฉพาะสมาชิกของพวกกิลด์ใหญ่ ๆ กองทัพพาลาดินพวกนี้น่ะ น่ากลัวเกินกว่าจะมองข้ามได้นะ!” จืออี้รีบตอบ

เธอไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจริงที่ถามคำถามนั้นออกไปอยู่แล้ว ใบหน้าสวยที่ปกติจะแสดงความเจ้าเล่ห์เพทุบายและโปรยเสน่ห์อยู่เป็นนิจ ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเสียแล้ว …เรื่องนี้มันก็ใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ!

“เธอจะเชื่อหรือเปล่าถ้าฉันบอกว่าบังเอิญน่ะ?” เซียวเฟิงพูด “ฉันกำลังทำภารกิจอยู่เพราะงั้นก็เลยมากับพาลาดินพวกนี้ แล้วเมื่อครู่นี้พวกเขาก็โดนระบบขอตัวไป เพราะงั้นฉันไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้น ไม่ได้คิดจะวิ่งเข้าใส่พวกนั้นเลยแม้แต่นิด”

สิ่งที่เซียวเฟิงพูดไปนั้นก็เป็นความจริงเช่นกัน เพราะสิ่งนี้มันบังเอิญไปหมดโดยที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน โดยเฉพาะผลลัพธ์ที่ออกมาแบบนี้ แม้ว่าเขาจะแอบอยากถล่มแคมป์ของมิดซัมเมอร์อยู่แล้วก็ตาม

“หา? ง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?” ดวงตาสวยเบิกกว้างเช่นเดียวกับริมฝีปากบางที่อ้าเหวอ

เขาพยักหน้า “ง่ายแบบนี้แหละ” พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงช่วยไม่ได้

จืออี้เม้มปากก่อนจะฝืนยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

“จริง ๆ แล้ว…”

“หืม?”

เซียวเฟิงค่อนข้างประหลาดใจกับท่าทีของเธอ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าเธออยากจะพูดอะไร

ท้ายสุดแล้วจืออี้ก็ไม่ได้พูดต่อ เธอลังเลที่จะพูดมากเกินไปและตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องแทน

“จริง ๆ ต่อให้โรสจะทิ้งนาย แต่นายก็ไม่ควรไปแก้แค้นเธอแบบนี้นะ นายเป็นผู้ชาย อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะรู้จักให้อภัยและปล่อยผ่านกันบ้างสิ”

“เดี๋ยว ๆ หยุดก่อนเลย เธอตั้งใจจะมาพูดเรื่องบ้าอะไรกันแน่เนี่ย?” เซียวเฟิงรีบตัดบทหลังเห็นว่าหัวเรื่องมันถูกเปลี่ยนไป เขาเริ่มสับสนในท่าทีของเธอเสียแล้ว

หญิงสาวถอนหายใจแล้วเอ่ยปลอบเขา “นายไม่ต้องซ่อนแล้วก็ได้ หานเฟิงบอกเรื่องความสัมพันธ์ของนายกับมิดซัมเมอร์แล้ว นี่ ฉันเข้าใจนายนะ แบบว่า คนนึงก็เป็นสาวงามที่สวยที่สุดในเขตฮัวเซีย ส่วนอีกคนนึงก็เป็นชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเขตฮัวเซีย ถ้าหากนายสมหวัง ทั้งนายและเธอก็จะกลายเป็นตำนานประจำเขตให้ผู้เล่นคนอื่นต่างพากันอิจฉา ประมาณนี้ใช่ไหมที่นายต้องการ? แต่ก็นะ คนเราก็ต้องมีผิดหวังกันบ้า-”

“เฮ้ ๆๆ หยุดพูด!” เหมือนว่าเซียวเฟิงจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ใบหน้าบูดบึ้งปรากฏขึ้นมาทันทีพร้อมกับการที่เขาหันขวับไปหาหานเฟิงที่กำลังโม้อะไรบางอย่างให้เฉียนโตวโตวฟังไม่หยุดอยู่ด้วย พวกเธอเองก็ดูจะรับฟังด้วยความสนอกสนใจด้วยเช่นกัน แววตาที่มองจ้องไปยังตัวต้นเหตุนั้นเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารแบบสุดๆ

หานเฟิงเซนส์ทำงานในทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของปีศาจ เขาหนาวสั่นไปทั้งตัวราวกับอากาศกำลังติดลบ ชายหนุ่มหันไปมองยังทิศทางที่ถูกจับจ้อง แล้วก็ได้พบกับเซียวเฟิงที่จ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ไม่ไกลนัก มันทำให้เขาต้องรีบหยุดพูดเรื่องที่กำลังพูดอยู่โดยพลัน

“อะ…เอ่อ…ฉะ…ฉันจำได้ว่ามีเรื่องต้องไปทำน่ะ ไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”

เขารีบกล่าวคำลากับพี่น้องนิโคลัสพร้อมกับสับขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะหันกลับมามองเลย

เซียวเฟิงตามอีกฝ่ายไม่ทันอยู่แล้ว และเมื่อเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วเขาก็เลือกที่จะไม่วิ่งตามหานเฟิงไปแต่อย่างใด เขาทำได้เพียงมองร่างของหานเฟิงที่วิ่งหนีไปด้วยความตาลีตาเหลือกจนกระทั่งหายวับไปเท่านั้น

“เอ๋? ทำไมเขาถึงรีบหนีไปขนาดนั้นนะ? ยังมีเรื่องเล่าอีกตั้งเยอะเลยไม่ใช่เหรอ?”

แววตาที่งดงามของจืออี้เปล่งประกายหลังเห็นโอกาสที่จะแซะเซียวเฟิงได้ เธอจ้องมองเขาอย่างไม่กระพริบตาเลย

“เธอเองก็ควรจะไปให้พ้น ๆ ทางฉันเหมือนกัน!” เซียวเฟิงหงุดหงิดขึ้นมาเสียแล้ว เพราะงั้นเขาจึงรู้สึกรำคาญไปหมดเลย

เสี่ยวเสวี่ยเริ่มเร่งความเร็วขึ้นและทิ้งให้จืออี้อยู่ด้านหลัง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะนำเหล่าพาลาดินกลับเมืองเทียนหลงไปเสียที

เมื่อถึงเมืองแล้ว เซียวเฟิงไม่ได้กลับเข้าเมืองด้วยแต่อย่างใด เขาเพียงส่งภาคีพาลาดินเหล่านี้ไว้ที่ประตูเมืองเท่านั้น จากนั้นก็รีบออฟไลน์โดยที่ไม่ได้รีบไปส่งภารกิจในทันที ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่าตัวเขาจะต้องได้รับรางวัลด้วยอย่างแน่นอน

เปรี้ยง!

เสียงของฟ้าผ่าเป็นสิ่งแรกที่เซียวเฟิงได้ยินหลังจากออฟไลน์มาแล้ว พร้อมกับแสงที่สว่างจ้าไปทั้งห้อง

มันเริ่มดึกแล้วจริง ๆ เพราะท้องฟ้าด้านนอกมันมืดไปหมด แต่คิดในแง่ดี บางทีอาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศด้วยก็ได้ที่ทำให้ฟ้ามืดสนิทเช่นนี้ หมู่เมฆที่มากมายนั้นครึ้มฟ้าไปหมดเลย พวกมันปล่อยฝนโปรยปรายลงมา นานมากแล้วที่เมืองเฉิงไห่ไม่มีฝนตกหนักขนาดนี้ แสดงว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าอากาศน่าจะหนาวขึ้นแน่ ๆ

ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ของเขา มีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังขดตัวเป็นก้อนและสั่นเทาอยู่ เซียวเฟิงรีบเปิดผ้าห่มออกมาดู แล้วจึงพบว่าสิ่งที่กำลังสั่นอยู่นั้นก็คือเซียวหลิงนั่นเอง

อันที่จริง…มันจะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่เธอ? เด็กสาวกอดร่างที่กำลังสั่นเทาของตนเองไว้แน่น และเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดฟ้าผ่าลงมาด้านนอก เธอจะยิ่งกอดตัวเองไว้แน่นขึ้นไปอีกเช่นเดียวกับร่างกายที่สั่นแรงขึ้นไปตามอีกด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] 145 หมดคำพูด

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter 145 หมดคำพูด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตอนนั้นเอง เรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ภายในทุ่งกว้างได้สงบลงแล้ว

สถานการณ์มันเหมือนน้ำที่กำลังลดลง เหล่ามอนสเตอร์จากทุกทิศยกเว้นทิศเหนือต่างพากันถอยกลับไปยังจุดที่มันจากมา ภายในสนามรบแห่งนี้ สมาชิกกิลด์ทั้งหมดของมิดซัมเมอร์ต่างตกอยู่ในภวังค์กันทั้งสิ้น ราวกับว่าพวกเขายังคงจมอยู่ในความฝัน

นี่พวกเขาแพ้ในสงครามป้องกันแคมป์เหรอ?

กิลด์ของพวกเขาถูกยุบแล้วงั้นเหรอ?

เสียงประกาศจากระบบที่ดังไปทั่วเขต ทำให้ผู้เล่นที่เป็นสมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในสนามรบ หรือผู้ที่เพิ่งจะเกิดที่เมืองเทียนหลงและกำลังมุ่งหน้ามายังสนามรบ ต่างก็ต้องชะงักกันทั้งหมด ความพยายาม ความเสียสละและความเพียรตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมานี้ มันสูญเปล่าไปหมด…

มีเพียงผู้เล่นกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังความพ่ายแพ้ในสงครามป้องกันแคมป์ของมิดซัมเมอร์คืออะไร! ทั้งหมดมันเป็นเพราะคนคนเดียว! ผู้เล่นคนเดียวที่อยู่ในรายชื่อล่าหัวของมิดซัมเมอร์! คนคนเดียวที่กล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขาทั้งหมด!

เหตุการณ์ในวันนี้มันเกิดจากความแค้นส่วนตัวล้วน ๆ ภาคีพาลาดินไม่ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนราบเป็นหน้ากอง พวกเขาหยุดมือลงหลังจากที่ศูนย์บัญชาการของแคมป์พังทลายไปแล้ว และเพราะแบบนี้มันเลยทำให้ทุก ๆ คนต่างตกตะลึงกันเงียบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่โชคดีรอดชีวิตจากการบุกทะลวง ผู้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านนอกแคมป์ ผู้เล่นที่ยืนอยู่เฉย ๆ เพื่อรอรับค่าประสบการณ์ หรือแม้แต่ผู้ที่มีแผนการณ์ปองร้ายมิดซัมเมอร์เองก็ตาม ทุกคนต่างหันมามองกันเองด้วยความงุนงงและความสับสน

โรสเองก็รอดชีวิตด้วยเช่นกัน ร่างอันงดงามและเพรียวบางของเธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางศูนย์บัญชาการแคมป์ แม้ว่ากริยาท่าทางของผู้นำสาวคนนี้จะยังคงดูสง่า หากแต่ภายในดวงตาคู่นั้นก็ยังคงมองเซียวเฟิงไปด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สับสน โกรธ ไม่พอใจ สิ้นหวัง เสียใจ ทุกสิ่งทุกอย่างผสมปนเปกันจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันในที่สุด อารมณ์ที่ไม่สามารถจำแนกออกจากกันได้นี้แสดงออกทางแววตาที่ขุ่นมัว ทั้ง ๆ ที่ปกติมันควรจะเป็นประกายสวย ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเห็นภาพนี้ต่างก็ต้องใจสลายกันไปหมด

“ไปกันเถอะ” เซียวเฟิงพูด

ตัวเขานั้นไม่ได้ตั้งใจจะมาอ้อยอิ่งอยู่แถวนี้อยู่แล้ว เขาเพียงเดินสำรวจซากของสิ่งตรงหน้าที่พังทลายลงมาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็หันหน้าออกเตรียมที่จะกลับออกไป ร่างที่ใหญ่โตของเสี่ยวเสวี่ยหันตามทิศทางที่เซียวเฟิงสั่ง จากนั้นมันก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ออกไป ซึ่งขณะเดียวกันทัพพาลาดินทั้งพันนายที่น่าเกรงขามนั้น ก็เดินตามเซียวเฟิงกันไปเป็นขบวนหลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ยกเลิกการทำลายเมืองแล้ว…

“บ้าเอ้ย…ขนาดเห็นด้วยตาตนเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อ มิดซัมเมอร์ไปไม่ถึงเวฟสุดท้ายซะด้วยซ้ำ”

“ภาคีพาลาดินพวกนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว เลเวลระดับเรา ๆ น่ะ ไม่มีทางที่จะสู้กับบอสเลเวล 30 ได้เลย ของแบบนี้ใช้ผู้เล่นสักครึ่งเขตจะพอล้มได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้!”

“อย่าเพิ่งมองข้ามเจ้าแห่งฮีลเลอร์สิ ไม่เห็นหรือไงว่าเขาน่ะโหดเหี้ยมมาก ๆ เลยนะ! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะนำภาคีพาลาดินจำนวนมากขนาดนั้นมาได้! เจอขนาดนี้เข้าไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่มิดซัมเมอร์ต้องมาเจอกับความตายที่เลี่ยงไม่ได้เลยนะ!”

“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ จากที่เห็นยังไงมิดซัมเมอร์ก็ดวงซวยจริง ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์แทบไม่ได้ทำอะไรเลย ความเสียหายทั้งหมดน่ะ เกิดจากเวฟมอนสเตอร์ล้วน ๆ ไม่ว่ามิดซัมเมอร์จะเป็นกิลด์ขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกมากขนาดไหนก็ตาม หรือต่อให้มิดซัมเมอร์จะมีสมาชิกระดับสูงมากกว่านี้ อย่างมากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็คงแค่ก่อกวนนิดหน่อย เพราะท้ายสุดแล้ว มิดซัมเมอร์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับบอสระดับสูงอยู่ดี จากที่เห็นตอนนี้ ฉันเดาเลยว่าบทเรียนราคาแพงสำหรับกิลด์ที่รีบจดทะเบียนอย่างมิดซัมเมอร์ น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านแน่ ๆ เพราะแค่ค่าโทเคนกิลด์ที่ไปแย่งประมูลมาก็พันล้านแล้ว! พวกเขาไม่มีทางชดใช้สิ่งที่ต้องสูญเสียไปในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าขนาดไหนก็ตาม!”

“เรื่องเงินนั่นน่ะ ไม่สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก หลัก ๆ มันอยู่ที่ชื่อเสียงของมิดซัมเมอร์ตอนนี้เองต่างหาก ดูเหมือนมันจะถูกเป่ากระจุยไปพร้อมกับแคมป์แล้วนะ ไหนจะกิลด์ที่ถูกบังคับยุบตัวอีก ผลลัพธ์มันแรงเอาการเลย ฉันมั่นใจว่าต้องมีสมาชิกกว่าครึ่งหนึ่งกดออกกิลด์หลังจากนี้แน่ ๆ!”

“ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าไอ้ปัญหาระหว่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์กับกิลด์มิดซัมเมอร์น่ะมันใหญ่ขนาดไหน จะว่าไงดี ฉันแค่สงสัยว่ามันทำให้เขาเก็บความแค้นไว้ได้จนถึงตอนนี้เลยเหรอ? เข้าใจแหละว่ามันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับหนึ่งเลยเพราะฉันเองก็ได้ยินมาว่ากิลด์มิดซัมเมอร์นั้นหมายหัวเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้นแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเขตฮัวเซียหรอกเหรอ? เจ้าแห่งฮีลเลอร์เล่นซะไม่ไว้หน้าเธอเลยนี่ แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า?”

“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิด ฉันรู้สึกว่าดูมส์เดย์ลีกเองก็เหมือนจะทำให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์อาฆาตแค้นอยู่เหมือนกันนี่?”

“ใช่! ใช่เลย! ฉันจำได้ว่าพวกนั้นไลฟ์สดตอนที่กำลังพยายามฆ่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ด้วยนะ! เรื่องนั้นก็น่าจะทำให้เขาแค้นใจไม่น้อยเลยด้วย แต่ท้ายสุดแล้ว แผนของพวกนั้นก็พังไม่เป็นท่า แถมพวกเขาเองยังถูกทำลายชนิดที่เละเทะเลยอีกต่างหาก ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกดูมส์เดย์ลีกไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน บางทีพวกเขาอาจจะแอบ ๆ ก่อตั้งกันขึ้นมาใหม่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันเดาไว้เลยว่าพวกนั้นคงจะรู้สึกอายมาก ๆ จนไม่กล้าโผล่หน้ามาแล้วแน่ๆ ”

“อย่าบอกนะว่าตอนที่จู่ ๆ ดูมส์เดย์ลีกก็เสียท่าในรายการนั้น เป็นเพราะเจ้าแห่งฮีลเลอร์ส่งทัพ NPC ลงไปน่ะ? บ้าเอ้ย นี่แสดงว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์มีความสามารถระดับที่ควบคุมทหาร NPC ได้มาตั้งนานแล้วงั้นเหรอ…?”

“พวกไก่ดูมส์เดย์ลีกถูกถีบลงหม้อไปแล้ว จากนี้ไปมิดซัมเมอร์ก็ต้องพบชะตากรรมไม่ต่างอะไรกับดูมส์เดย์ลีกหรอก!”

“เอาจริงเลยนะ อย่าไปหาเรื่องกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ดีที่สุด…”

“ไม่ใช่แค่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ แต่พวกเราไม่ควรไปแหยมกับพวกผู้เล่นระดับเทพทุกคนเลยจะดีที่สุด โดยเฉพาะผู้เล่นคนไหนก็ตามที่ไต่เลเวลมาด้วยตัวเอง หากนายไปมีเรื่องกับพวกกิลด์ใหญ่ ๆ แน่นอนว่านายไม่มีทางสู้พวกเขาได้แน่ ๆ มันยากที่จะซ่อนตัวจากกองทัพขนาดใหญ่ที่พวกเขามี…เว้นแต่ว่านายจะมีทัพที่ใหญ่กว่าที่พวกนั้นมี อาจจะพอสู้ได้บ้าง กลับกัน ถ้าหากนายตกเป็นเป้าหมายของ ‘คนคนหนึ่ง’ และคนคนนั้นก็ไม่ได้มีกองทัพขนาดใหญ่แสดงให้เห็นเด่นชัดเหมือนอย่างพวกกิลด์ นายจะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่านายจะโดนกำจัดเมื่อไหร่ เขาจะเคลื่อนตัวอยู่ในเงามืดเงียบ ๆ แบบนี้ไม่ว่านายจะมีกองทัพใหญ่ขนาดไหน นายก็จะเป็นได้แค่ฝ่ายตั้งรับเท่านั้น”

“นี่มัน…มิติใหม่ของเกมออนไลน์เลยนะเนี่ย เมื่อก่อนต่อให้นายเก่งแค่ไหน หรือเป็นอันดับ 1 มันทุกตาราง นายก็ไม่มีวันเอาชนะผู้เล่นที่มีจำนวนมากกว่าได้แน่ ๆ แต่ด้วยความที่มิธเป็นแบบโลกเสมือน ผู้เล่นที่เก่งจริง ๆ จึงสามารถแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ได้”

“เฮ้ ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์มาโน่นแล้ว พวกเราจะถอยกลับกันก่อนหรือเปล่า?”

“มีอย่างอื่นให้ทำนอกจากถอยกลับด้วยหรือไง? หรือนายอยากจะลองเป็นอาหารเย็นให้พวกนั้นดู?”

จุดชมการต่อสู้หลัก ๆ นั้นเป็นที่ราบสูง ซึ่งหากมองมาจากมุมนี้ พวกเขาจะสามารถเห็นพื้นที่ทั้งหมดของพื้นที่ราบด้านล่างได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงภูเขาหินน้อยใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่โดยทั่วไปด้วย มีผู้ชมมากมายมารวมกันอยู่ ณ พื้นที่สูงเช่นนี้ โดยเฉพาะทางทิศเหนือ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเซียวเฟิงเคลื่อนทัพผ่านเข้ามาใกล้ ผู้เล่นจำนวนมากก็กระจัดกระจายหายกันไปหมดทันที ผู้เล่นส่วนใหญ่ต้องผิดหวังกับสงครามในครั้งนี้ ท่ามกลางผู้เล่นทั้งหมด บางส่วนคือผู้ที่ต้องการมาดูดเอาค่าประสบการณ์ ในขณะที่บางส่วนก็มาเพราะปองร้ายกับมิดซัมเมอร์อยู่แล้ว ที่เหลือก็คือผู้เล่นที่ต้องการจะเรียนรู้ไว้ว่าสงครามป้องกันแคมป์นั้นจะต้องเจออะไรบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงผิดหวังที่ไม่ได้เห็นว่าเวฟท้าย ๆ จะมีมอนสเตอร์อะไรปรากฏตัวออกมา แล้วยิ่งการที่ศูนย์บัญชาการของมิดซัมเมอร์ถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของสิ่งที่ไม่ใช่เวฟมอนสเตอร์ มันก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเสียเวลามากขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก อย่างน้อย ๆ เขาก็อยากจะรู้ว่าศักยภาพของมิดซัมเมอร์แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรเสียหน่อย

“โย่ พวกนายเองก็อยู่แถวนี้ด้วยเหรอ? บังเอิญจังเลยนะ”

เมื่อเซียวเฟิงออกมาจากสนามรบ เขาก็สังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ยืนปะปนอยู่กับผู้เล่นบางส่วนที่บริเวณนั้นด้วย ทั้งสองคือไนฟ์และอิมมอทัล เฟลม พวกเขาเริ่มสนิทกันขึ้นมานิดหน่อยหลังจากที่ได้ร่วมพิชิตดันเจี้ยนครั้งแรกด้วยกัน ในเมื่อตอนนี้เซียวเฟิงกำลังอารมณ์ดี ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากทักทายคนคุ้นหน้าก่อน

ทว่าผู้เล่นทั้งหมดภายในพื้นที่ราบแห่งนี้ต่างก็เกรงกลัวเซียวเฟิงกันหมด พวกเขาทั้งเคารพแล้วก็หวาดกลัวไปพร้อม ๆ กัน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เซียวเฟิงพร้อมกับขนานนามเขาไว้ว่าเป็น ‘เครื่องจักรผู้ทำลายกิลด์’ ไม่ว่าจะเป็นกิลด์ไหนก็ตามที่เริ่มสงครามป้องกันแคมป์ การมีอยู่ของเซียวเฟิงในสนามรบนั่นย่อมหมายถึงสงครามได้จบลงแล้ว

“เฮ้ ๆ พวกนายจะไปไหนกันน่ะ? โย่! เฮ้ พวกนายมาจากกิลด์ไหนกันเนี่ย?”

แม้แต่ผู้เล่นที่รู้จักเซียวเฟิงอยู่แล้วยังหลีกเลี่ยงที่จะทักทายเขา นับประสาอะไรกับผู้เล่นที่ไม่ได้รู้จักเขาเลย ยิ่งกับคำถามล่าสุดที่เซียวเฟิงเอ่ยถามก็ยิ่งทำให้พวกเขาวิ่งชนิดที่ไม่คิดจะหยุดฝีเท้าเลย พวกเขากลัวว่ากิลด์ของตนจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของเซียวเฟิงไป

พวกผู้เล่นที่เตรียมตัวจะมาก่อความวุ่นวายในสงครามป้องกันแคมป์กับมิดซัมเมอร์ต่างก็อยู่ในจุดที่ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมาเสียเที่ยวเลย

“พี่เซียว!”

ไม่ไกลจากจุดที่เซียวเฟิงยืนอยู่นัก เฉียนโตวโตวและกลุ่มของเธอก็กำลังเดินเข้ามาหาเขา แต่ถึงจะเดินเข้ามา พวกเธอก็มองเซียวเฟิงด้วยสายตาที่แปลกไปอยู่ดี

“หือ?”

สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้วนั้น ไม่ใช่สายตาแปลก ๆ ของเฉียนโตวโตว หากแต่เป็นชื่อของผู้เล่นคนหนึ่งที่มีสีแดงซึ่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มของเธอต่างหาก และผู้เล่นคนที่ว่าก็ไม่ใช่คนอื่น เขาคือหานเฟิง ซึ่งทันทีที่อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงสายตาของเซียวเฟิง ก็รีบหลบไปอยู่ที่ด้านท้าย ๆ ของปาร์ตี้อย่างรวดเร็ว

“หยุด…หยุดเลย! ระ…เราคุยกันได้นะ! ทุกอย่างมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด! เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ !” หานเฟิงรีบตะโกนออกมาหลังจากกลัวว่าตนจะเจอเรื่องแย่ ๆ อีก

ทั้ง ๆ ที่เขาหนีมาอยู่กับกลุ่มนี้ก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงที่จะเจอเรื่องแย่ ๆ แล้วแท้ ๆ

ที่ราบกว้างนี้มีผู้เล่นจากหลาย ๆ กิลด์มารวมกันอยู่ และมากกว่าครึ่งของกิลด์เหล่านี้ มีเขาเป็นศัตรูกันทั้งหมด ก่อนหน้านี้ก็มีผู้เล่นหลายคนแอบตามเขามาเพราะชื่อสีแดงที่เด่นสง่านี้ เพราะแบบนี้เขาจึงกลับเมืองไม่ได้ด้วยเพราะอาจจะถูกปิดล้อมได้ ครั้นจะหนีมาที่ราบกว้างก็ดันมาเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนี่อีก เขาไม่คาดคิดเลยว่าสงครามครั้งนี้จะล่อลวงผู้คนจากหลายกิลด์มาได้มากถึงเพียงนี้ แถมผู้เล่นพวกนี้ยังมีเลเวลและอุปกรณ์ที่ระดับเทียบเท่าเขาอีก

หลังจากที่พินิจหาทางออกแล้ว หานเฟิงก็เห็นว่าการมาอยู่กับพวกของเซียวเฟิงนั้นดูจะปลอดภัยที่สุด อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ก็ไม่มีกิลด์ไหนที่จะกล้าเข้ามาเป็นศัตรูกับเซียวเฟิงแน่ เพราะตัวอย่างสิ่งที่จะโดนหากกล้าเป็นศัตรูกับเซียวเฟิงอย่างมิดซัมเมอร์ก็มีให้เห็นไปแล้วเมื่อครู่นี้

“ไว้เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”

เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่หานเฟิงตีสนิทกับสองพี่น้องนิโคลัสและซางกวน อาโอเชิน รวมถึงไม่ได้สนใจด้วยว่าเฉียนโตวโตวจะพูดอะไร เขาหันกลับไปและนำภาคีพาลาดินกลับไปสู่ที่เดิมที่ควรจะอยู่

นี่มันก็เย็นมากแล้ว แถมเซียวเฟิงยังต้องออฟไลน์เพื่อไปทำมื้อเย็นให้เซียวหลิงอีก

“เดี๋ยวก่อน!”

ม้าเหงื่อโลหิตตัวใหญ่วิ่งเข้ามา บนหลังของมันนั้นมีจืออี้นั่งอยู่ เธอตะโกนขึ้นหลังจากที่ไล่ตามเซียวเฟิงทันในที่สุด

ตอนแรกเธออยู่กับเฉียนโตวโตว แต่หลังจากได้ไปพบกับสกายและไนฟ์เมื่อครู่นี้ เธอก็ตัดสินใจรีบตามเซียวเฟิงมาในทันที

“มีอะไร?” เซียวเฟิงถามพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองด้านหลัง โดยที่เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้ชะลอฝีเท้าที่วิ่งเหยาะ ๆ เลยแม้แต่น้อย

จืออี้เร่งฝีเท้าม้าของตนให้เข้าใกล้เซียวเฟิงให้มากขึ้น “นายไปจ้างพาลาดินพวกนั้นมาจากไหนน่ะ? แล้วนายสามารถสั่งพวกเขาได้ตลอดตามที่ต้องการหรือเปล่า?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานขณะที่สายตาอันงดงามของเธอก็มองกลับไปยังทัพพาลาดินที่ตามหลังเขามาติด ๆ ด้วย

ม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้ถือเป็นสัตว์ขี่ที่ราคาแพงที่สุดในร้านค้าระบบ ดังนั้นยามที่มันเร่งฝีเท้าด้วยความเร็วสูงสุด มันจึงสามารถตามการวิ่งเหยาะ ๆ ของเสี่ยวเสวี่ยได้

เซียวเฟิงหลบสายตาจากเธอและพบว่าหัวหน้ากิลด์วอร์สปิริตอย่างสกายกับไนฟ์ผู้เป็นน้องชายนั้นยังไม่ได้ไปไหนไกล เขาจึงถามกลับ “สกายสั่งให้เธอมาถามฉันหรือไง?”

“ใช่แล้ว! ฉันพนันได้เลยว่าคนอื่น ๆ เองก็อยากรู้เหมือนฉันนั่นแหละ โดยเฉพาะสมาชิกของพวกกิลด์ใหญ่ ๆ กองทัพพาลาดินพวกนี้น่ะ น่ากลัวเกินกว่าจะมองข้ามได้นะ!” จืออี้รีบตอบ

เธอไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจริงที่ถามคำถามนั้นออกไปอยู่แล้ว ใบหน้าสวยที่ปกติจะแสดงความเจ้าเล่ห์เพทุบายและโปรยเสน่ห์อยู่เป็นนิจ ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเสียแล้ว …เรื่องนี้มันก็ใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ!

“เธอจะเชื่อหรือเปล่าถ้าฉันบอกว่าบังเอิญน่ะ?” เซียวเฟิงพูด “ฉันกำลังทำภารกิจอยู่เพราะงั้นก็เลยมากับพาลาดินพวกนี้ แล้วเมื่อครู่นี้พวกเขาก็โดนระบบขอตัวไป เพราะงั้นฉันไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้น ไม่ได้คิดจะวิ่งเข้าใส่พวกนั้นเลยแม้แต่นิด”

สิ่งที่เซียวเฟิงพูดไปนั้นก็เป็นความจริงเช่นกัน เพราะสิ่งนี้มันบังเอิญไปหมดโดยที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน โดยเฉพาะผลลัพธ์ที่ออกมาแบบนี้ แม้ว่าเขาจะแอบอยากถล่มแคมป์ของมิดซัมเมอร์อยู่แล้วก็ตาม

“หา? ง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?” ดวงตาสวยเบิกกว้างเช่นเดียวกับริมฝีปากบางที่อ้าเหวอ

เขาพยักหน้า “ง่ายแบบนี้แหละ” พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงช่วยไม่ได้

จืออี้เม้มปากก่อนจะฝืนยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

“จริง ๆ แล้ว…”

“หืม?”

เซียวเฟิงค่อนข้างประหลาดใจกับท่าทีของเธอ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าเธออยากจะพูดอะไร

ท้ายสุดแล้วจืออี้ก็ไม่ได้พูดต่อ เธอลังเลที่จะพูดมากเกินไปและตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องแทน

“จริง ๆ ต่อให้โรสจะทิ้งนาย แต่นายก็ไม่ควรไปแก้แค้นเธอแบบนี้นะ นายเป็นผู้ชาย อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะรู้จักให้อภัยและปล่อยผ่านกันบ้างสิ”

“เดี๋ยว ๆ หยุดก่อนเลย เธอตั้งใจจะมาพูดเรื่องบ้าอะไรกันแน่เนี่ย?” เซียวเฟิงรีบตัดบทหลังเห็นว่าหัวเรื่องมันถูกเปลี่ยนไป เขาเริ่มสับสนในท่าทีของเธอเสียแล้ว

หญิงสาวถอนหายใจแล้วเอ่ยปลอบเขา “นายไม่ต้องซ่อนแล้วก็ได้ หานเฟิงบอกเรื่องความสัมพันธ์ของนายกับมิดซัมเมอร์แล้ว นี่ ฉันเข้าใจนายนะ แบบว่า คนนึงก็เป็นสาวงามที่สวยที่สุดในเขตฮัวเซีย ส่วนอีกคนนึงก็เป็นชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเขตฮัวเซีย ถ้าหากนายสมหวัง ทั้งนายและเธอก็จะกลายเป็นตำนานประจำเขตให้ผู้เล่นคนอื่นต่างพากันอิจฉา ประมาณนี้ใช่ไหมที่นายต้องการ? แต่ก็นะ คนเราก็ต้องมีผิดหวังกันบ้า-”

“เฮ้ ๆๆ หยุดพูด!” เหมือนว่าเซียวเฟิงจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ใบหน้าบูดบึ้งปรากฏขึ้นมาทันทีพร้อมกับการที่เขาหันขวับไปหาหานเฟิงที่กำลังโม้อะไรบางอย่างให้เฉียนโตวโตวฟังไม่หยุดอยู่ด้วย พวกเธอเองก็ดูจะรับฟังด้วยความสนอกสนใจด้วยเช่นกัน แววตาที่มองจ้องไปยังตัวต้นเหตุนั้นเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารแบบสุดๆ

หานเฟิงเซนส์ทำงานในทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของปีศาจ เขาหนาวสั่นไปทั้งตัวราวกับอากาศกำลังติดลบ ชายหนุ่มหันไปมองยังทิศทางที่ถูกจับจ้อง แล้วก็ได้พบกับเซียวเฟิงที่จ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ไม่ไกลนัก มันทำให้เขาต้องรีบหยุดพูดเรื่องที่กำลังพูดอยู่โดยพลัน

“อะ…เอ่อ…ฉะ…ฉันจำได้ว่ามีเรื่องต้องไปทำน่ะ ไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”

เขารีบกล่าวคำลากับพี่น้องนิโคลัสพร้อมกับสับขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะหันกลับมามองเลย

เซียวเฟิงตามอีกฝ่ายไม่ทันอยู่แล้ว และเมื่อเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วเขาก็เลือกที่จะไม่วิ่งตามหานเฟิงไปแต่อย่างใด เขาทำได้เพียงมองร่างของหานเฟิงที่วิ่งหนีไปด้วยความตาลีตาเหลือกจนกระทั่งหายวับไปเท่านั้น

“เอ๋? ทำไมเขาถึงรีบหนีไปขนาดนั้นนะ? ยังมีเรื่องเล่าอีกตั้งเยอะเลยไม่ใช่เหรอ?”

แววตาที่งดงามของจืออี้เปล่งประกายหลังเห็นโอกาสที่จะแซะเซียวเฟิงได้ เธอจ้องมองเขาอย่างไม่กระพริบตาเลย

“เธอเองก็ควรจะไปให้พ้น ๆ ทางฉันเหมือนกัน!” เซียวเฟิงหงุดหงิดขึ้นมาเสียแล้ว เพราะงั้นเขาจึงรู้สึกรำคาญไปหมดเลย

เสี่ยวเสวี่ยเริ่มเร่งความเร็วขึ้นและทิ้งให้จืออี้อยู่ด้านหลัง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะนำเหล่าพาลาดินกลับเมืองเทียนหลงไปเสียที

เมื่อถึงเมืองแล้ว เซียวเฟิงไม่ได้กลับเข้าเมืองด้วยแต่อย่างใด เขาเพียงส่งภาคีพาลาดินเหล่านี้ไว้ที่ประตูเมืองเท่านั้น จากนั้นก็รีบออฟไลน์โดยที่ไม่ได้รีบไปส่งภารกิจในทันที ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่าตัวเขาจะต้องได้รับรางวัลด้วยอย่างแน่นอน

เปรี้ยง!

เสียงของฟ้าผ่าเป็นสิ่งแรกที่เซียวเฟิงได้ยินหลังจากออฟไลน์มาแล้ว พร้อมกับแสงที่สว่างจ้าไปทั้งห้อง

มันเริ่มดึกแล้วจริง ๆ เพราะท้องฟ้าด้านนอกมันมืดไปหมด แต่คิดในแง่ดี บางทีอาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศด้วยก็ได้ที่ทำให้ฟ้ามืดสนิทเช่นนี้ หมู่เมฆที่มากมายนั้นครึ้มฟ้าไปหมดเลย พวกมันปล่อยฝนโปรยปรายลงมา นานมากแล้วที่เมืองเฉิงไห่ไม่มีฝนตกหนักขนาดนี้ แสดงว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าอากาศน่าจะหนาวขึ้นแน่ ๆ

ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ของเขา มีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังขดตัวเป็นก้อนและสั่นเทาอยู่ เซียวเฟิงรีบเปิดผ้าห่มออกมาดู แล้วจึงพบว่าสิ่งที่กำลังสั่นอยู่นั้นก็คือเซียวหลิงนั่นเอง

อันที่จริง…มันจะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่เธอ? เด็กสาวกอดร่างที่กำลังสั่นเทาของตนเองไว้แน่น และเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดฟ้าผ่าลงมาด้านนอก เธอจะยิ่งกอดตัวเองไว้แน่นขึ้นไปอีกเช่นเดียวกับร่างกายที่สั่นแรงขึ้นไปตามอีกด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] 145 หมดคำพูด

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter 145 หมดคำพูด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตอนนั้นเอง เรื่องวุ่นวายต่าง ๆ ภายในทุ่งกว้างได้สงบลงแล้ว

สถานการณ์มันเหมือนน้ำที่กำลังลดลง เหล่ามอนสเตอร์จากทุกทิศยกเว้นทิศเหนือต่างพากันถอยกลับไปยังจุดที่มันจากมา ภายในสนามรบแห่งนี้ สมาชิกกิลด์ทั้งหมดของมิดซัมเมอร์ต่างตกอยู่ในภวังค์กันทั้งสิ้น ราวกับว่าพวกเขายังคงจมอยู่ในความฝัน

นี่พวกเขาแพ้ในสงครามป้องกันแคมป์เหรอ?

กิลด์ของพวกเขาถูกยุบแล้วงั้นเหรอ?

เสียงประกาศจากระบบที่ดังไปทั่วเขต ทำให้ผู้เล่นที่เป็นสมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในสนามรบ หรือผู้ที่เพิ่งจะเกิดที่เมืองเทียนหลงและกำลังมุ่งหน้ามายังสนามรบ ต่างก็ต้องชะงักกันทั้งหมด ความพยายาม ความเสียสละและความเพียรตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมานี้ มันสูญเปล่าไปหมด…

มีเพียงผู้เล่นกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังความพ่ายแพ้ในสงครามป้องกันแคมป์ของมิดซัมเมอร์คืออะไร! ทั้งหมดมันเป็นเพราะคนคนเดียว! ผู้เล่นคนเดียวที่อยู่ในรายชื่อล่าหัวของมิดซัมเมอร์! คนคนเดียวที่กล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขาทั้งหมด!

เหตุการณ์ในวันนี้มันเกิดจากความแค้นส่วนตัวล้วน ๆ ภาคีพาลาดินไม่ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนราบเป็นหน้ากอง พวกเขาหยุดมือลงหลังจากที่ศูนย์บัญชาการของแคมป์พังทลายไปแล้ว และเพราะแบบนี้มันเลยทำให้ทุก ๆ คนต่างตกตะลึงกันเงียบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่โชคดีรอดชีวิตจากการบุกทะลวง ผู้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านนอกแคมป์ ผู้เล่นที่ยืนอยู่เฉย ๆ เพื่อรอรับค่าประสบการณ์ หรือแม้แต่ผู้ที่มีแผนการณ์ปองร้ายมิดซัมเมอร์เองก็ตาม ทุกคนต่างหันมามองกันเองด้วยความงุนงงและความสับสน

โรสเองก็รอดชีวิตด้วยเช่นกัน ร่างอันงดงามและเพรียวบางของเธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางศูนย์บัญชาการแคมป์ แม้ว่ากริยาท่าทางของผู้นำสาวคนนี้จะยังคงดูสง่า หากแต่ภายในดวงตาคู่นั้นก็ยังคงมองเซียวเฟิงไปด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สับสน โกรธ ไม่พอใจ สิ้นหวัง เสียใจ ทุกสิ่งทุกอย่างผสมปนเปกันจนกลายเป็นเนื้อเดียวกันในที่สุด อารมณ์ที่ไม่สามารถจำแนกออกจากกันได้นี้แสดงออกทางแววตาที่ขุ่นมัว ทั้ง ๆ ที่ปกติมันควรจะเป็นประกายสวย ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้มาเห็นภาพนี้ต่างก็ต้องใจสลายกันไปหมด

“ไปกันเถอะ” เซียวเฟิงพูด

ตัวเขานั้นไม่ได้ตั้งใจจะมาอ้อยอิ่งอยู่แถวนี้อยู่แล้ว เขาเพียงเดินสำรวจซากของสิ่งตรงหน้าที่พังทลายลงมาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็หันหน้าออกเตรียมที่จะกลับออกไป ร่างที่ใหญ่โตของเสี่ยวเสวี่ยหันตามทิศทางที่เซียวเฟิงสั่ง จากนั้นมันก็เริ่มวิ่งเหยาะ ๆ ออกไป ซึ่งขณะเดียวกันทัพพาลาดินทั้งพันนายที่น่าเกรงขามนั้น ก็เดินตามเซียวเฟิงกันไปเป็นขบวนหลังจากที่ได้รับคำสั่งให้ยกเลิกการทำลายเมืองแล้ว…

“บ้าเอ้ย…ขนาดเห็นด้วยตาตนเองยังแทบไม่อยากจะเชื่อ มิดซัมเมอร์ไปไม่ถึงเวฟสุดท้ายซะด้วยซ้ำ”

“ภาคีพาลาดินพวกนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว เลเวลระดับเรา ๆ น่ะ ไม่มีทางที่จะสู้กับบอสเลเวล 30 ได้เลย ของแบบนี้ใช้ผู้เล่นสักครึ่งเขตจะพอล้มได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้!”

“อย่าเพิ่งมองข้ามเจ้าแห่งฮีลเลอร์สิ ไม่เห็นหรือไงว่าเขาน่ะโหดเหี้ยมมาก ๆ เลยนะ! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะนำภาคีพาลาดินจำนวนมากขนาดนั้นมาได้! เจอขนาดนี้เข้าไปมันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่มิดซัมเมอร์ต้องมาเจอกับความตายที่เลี่ยงไม่ได้เลยนะ!”

“ฉันไม่ได้สนใจเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ จากที่เห็นยังไงมิดซัมเมอร์ก็ดวงซวยจริง ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์แทบไม่ได้ทำอะไรเลย ความเสียหายทั้งหมดน่ะ เกิดจากเวฟมอนสเตอร์ล้วน ๆ ไม่ว่ามิดซัมเมอร์จะเป็นกิลด์ขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกมากขนาดไหนก็ตาม หรือต่อให้มิดซัมเมอร์จะมีสมาชิกระดับสูงมากกว่านี้ อย่างมากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็คงแค่ก่อกวนนิดหน่อย เพราะท้ายสุดแล้ว มิดซัมเมอร์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับบอสระดับสูงอยู่ดี จากที่เห็นตอนนี้ ฉันเดาเลยว่าบทเรียนราคาแพงสำหรับกิลด์ที่รีบจดทะเบียนอย่างมิดซัมเมอร์ น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านแน่ ๆ เพราะแค่ค่าโทเคนกิลด์ที่ไปแย่งประมูลมาก็พันล้านแล้ว! พวกเขาไม่มีทางชดใช้สิ่งที่ต้องสูญเสียไปในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าขนาดไหนก็ตาม!”

“เรื่องเงินนั่นน่ะ ไม่สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก หลัก ๆ มันอยู่ที่ชื่อเสียงของมิดซัมเมอร์ตอนนี้เองต่างหาก ดูเหมือนมันจะถูกเป่ากระจุยไปพร้อมกับแคมป์แล้วนะ ไหนจะกิลด์ที่ถูกบังคับยุบตัวอีก ผลลัพธ์มันแรงเอาการเลย ฉันมั่นใจว่าต้องมีสมาชิกกว่าครึ่งหนึ่งกดออกกิลด์หลังจากนี้แน่ ๆ!”

“ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าไอ้ปัญหาระหว่างเจ้าแห่งฮีลเลอร์กับกิลด์มิดซัมเมอร์น่ะมันใหญ่ขนาดไหน จะว่าไงดี ฉันแค่สงสัยว่ามันทำให้เขาเก็บความแค้นไว้ได้จนถึงตอนนี้เลยเหรอ? เข้าใจแหละว่ามันน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับหนึ่งเลยเพราะฉันเองก็ได้ยินมาว่ากิลด์มิดซัมเมอร์นั้นหมายหัวเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในหมู่บ้านเริ่มต้นแล้ว”

“ไม่ใช่ว่าหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเขตฮัวเซียหรอกเหรอ? เจ้าแห่งฮีลเลอร์เล่นซะไม่ไว้หน้าเธอเลยนี่ แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า?”

“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิด ฉันรู้สึกว่าดูมส์เดย์ลีกเองก็เหมือนจะทำให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์อาฆาตแค้นอยู่เหมือนกันนี่?”

“ใช่! ใช่เลย! ฉันจำได้ว่าพวกนั้นไลฟ์สดตอนที่กำลังพยายามฆ่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ด้วยนะ! เรื่องนั้นก็น่าจะทำให้เขาแค้นใจไม่น้อยเลยด้วย แต่ท้ายสุดแล้ว แผนของพวกนั้นก็พังไม่เป็นท่า แถมพวกเขาเองยังถูกทำลายชนิดที่เละเทะเลยอีกต่างหาก ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกดูมส์เดย์ลีกไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน บางทีพวกเขาอาจจะแอบ ๆ ก่อตั้งกันขึ้นมาใหม่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันเดาไว้เลยว่าพวกนั้นคงจะรู้สึกอายมาก ๆ จนไม่กล้าโผล่หน้ามาแล้วแน่ๆ ”

“อย่าบอกนะว่าตอนที่จู่ ๆ ดูมส์เดย์ลีกก็เสียท่าในรายการนั้น เป็นเพราะเจ้าแห่งฮีลเลอร์ส่งทัพ NPC ลงไปน่ะ? บ้าเอ้ย นี่แสดงว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์มีความสามารถระดับที่ควบคุมทหาร NPC ได้มาตั้งนานแล้วงั้นเหรอ…?”

“พวกไก่ดูมส์เดย์ลีกถูกถีบลงหม้อไปแล้ว จากนี้ไปมิดซัมเมอร์ก็ต้องพบชะตากรรมไม่ต่างอะไรกับดูมส์เดย์ลีกหรอก!”

“เอาจริงเลยนะ อย่าไปหาเรื่องกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ดีที่สุด…”

“ไม่ใช่แค่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ แต่พวกเราไม่ควรไปแหยมกับพวกผู้เล่นระดับเทพทุกคนเลยจะดีที่สุด โดยเฉพาะผู้เล่นคนไหนก็ตามที่ไต่เลเวลมาด้วยตัวเอง หากนายไปมีเรื่องกับพวกกิลด์ใหญ่ ๆ แน่นอนว่านายไม่มีทางสู้พวกเขาได้แน่ ๆ มันยากที่จะซ่อนตัวจากกองทัพขนาดใหญ่ที่พวกเขามี…เว้นแต่ว่านายจะมีทัพที่ใหญ่กว่าที่พวกนั้นมี อาจจะพอสู้ได้บ้าง กลับกัน ถ้าหากนายตกเป็นเป้าหมายของ ‘คนคนหนึ่ง’ และคนคนนั้นก็ไม่ได้มีกองทัพขนาดใหญ่แสดงให้เห็นเด่นชัดเหมือนอย่างพวกกิลด์ นายจะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่านายจะโดนกำจัดเมื่อไหร่ เขาจะเคลื่อนตัวอยู่ในเงามืดเงียบ ๆ แบบนี้ไม่ว่านายจะมีกองทัพใหญ่ขนาดไหน นายก็จะเป็นได้แค่ฝ่ายตั้งรับเท่านั้น”

“นี่มัน…มิติใหม่ของเกมออนไลน์เลยนะเนี่ย เมื่อก่อนต่อให้นายเก่งแค่ไหน หรือเป็นอันดับ 1 มันทุกตาราง นายก็ไม่มีวันเอาชนะผู้เล่นที่มีจำนวนมากกว่าได้แน่ ๆ แต่ด้วยความที่มิธเป็นแบบโลกเสมือน ผู้เล่นที่เก่งจริง ๆ จึงสามารถแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ได้”

“เฮ้ ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์มาโน่นแล้ว พวกเราจะถอยกลับกันก่อนหรือเปล่า?”

“มีอย่างอื่นให้ทำนอกจากถอยกลับด้วยหรือไง? หรือนายอยากจะลองเป็นอาหารเย็นให้พวกนั้นดู?”

จุดชมการต่อสู้หลัก ๆ นั้นเป็นที่ราบสูง ซึ่งหากมองมาจากมุมนี้ พวกเขาจะสามารถเห็นพื้นที่ทั้งหมดของพื้นที่ราบด้านล่างได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงภูเขาหินน้อยใหญ่ที่กระจัดกระจายอยู่โดยทั่วไปด้วย มีผู้ชมมากมายมารวมกันอยู่ ณ พื้นที่สูงเช่นนี้ โดยเฉพาะทางทิศเหนือ ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเซียวเฟิงเคลื่อนทัพผ่านเข้ามาใกล้ ผู้เล่นจำนวนมากก็กระจัดกระจายหายกันไปหมดทันที ผู้เล่นส่วนใหญ่ต้องผิดหวังกับสงครามในครั้งนี้ ท่ามกลางผู้เล่นทั้งหมด บางส่วนคือผู้ที่ต้องการมาดูดเอาค่าประสบการณ์ ในขณะที่บางส่วนก็มาเพราะปองร้ายกับมิดซัมเมอร์อยู่แล้ว ที่เหลือก็คือผู้เล่นที่ต้องการจะเรียนรู้ไว้ว่าสงครามป้องกันแคมป์นั้นจะต้องเจออะไรบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงผิดหวังที่ไม่ได้เห็นว่าเวฟท้าย ๆ จะมีมอนสเตอร์อะไรปรากฏตัวออกมา แล้วยิ่งการที่ศูนย์บัญชาการของมิดซัมเมอร์ถูกทำลายด้วยเงื้อมมือของสิ่งที่ไม่ใช่เวฟมอนสเตอร์ มันก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกเสียเวลามากขึ้นไปกว่าเดิมเสียอีก อย่างน้อย ๆ เขาก็อยากจะรู้ว่าศักยภาพของมิดซัมเมอร์แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรเสียหน่อย

“โย่ พวกนายเองก็อยู่แถวนี้ด้วยเหรอ? บังเอิญจังเลยนะ”

เมื่อเซียวเฟิงออกมาจากสนามรบ เขาก็สังเกตเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ยืนปะปนอยู่กับผู้เล่นบางส่วนที่บริเวณนั้นด้วย ทั้งสองคือไนฟ์และอิมมอทัล เฟลม พวกเขาเริ่มสนิทกันขึ้นมานิดหน่อยหลังจากที่ได้ร่วมพิชิตดันเจี้ยนครั้งแรกด้วยกัน ในเมื่อตอนนี้เซียวเฟิงกำลังอารมณ์ดี ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากทักทายคนคุ้นหน้าก่อน

ทว่าผู้เล่นทั้งหมดภายในพื้นที่ราบแห่งนี้ต่างก็เกรงกลัวเซียวเฟิงกันหมด พวกเขาทั้งเคารพแล้วก็หวาดกลัวไปพร้อม ๆ กัน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เซียวเฟิงพร้อมกับขนานนามเขาไว้ว่าเป็น ‘เครื่องจักรผู้ทำลายกิลด์’ ไม่ว่าจะเป็นกิลด์ไหนก็ตามที่เริ่มสงครามป้องกันแคมป์ การมีอยู่ของเซียวเฟิงในสนามรบนั่นย่อมหมายถึงสงครามได้จบลงแล้ว

“เฮ้ ๆ พวกนายจะไปไหนกันน่ะ? โย่! เฮ้ พวกนายมาจากกิลด์ไหนกันเนี่ย?”

แม้แต่ผู้เล่นที่รู้จักเซียวเฟิงอยู่แล้วยังหลีกเลี่ยงที่จะทักทายเขา นับประสาอะไรกับผู้เล่นที่ไม่ได้รู้จักเขาเลย ยิ่งกับคำถามล่าสุดที่เซียวเฟิงเอ่ยถามก็ยิ่งทำให้พวกเขาวิ่งชนิดที่ไม่คิดจะหยุดฝีเท้าเลย พวกเขากลัวว่ากิลด์ของตนจะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของเซียวเฟิงไป

พวกผู้เล่นที่เตรียมตัวจะมาก่อความวุ่นวายในสงครามป้องกันแคมป์กับมิดซัมเมอร์ต่างก็อยู่ในจุดที่ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมาเสียเที่ยวเลย

“พี่เซียว!”

ไม่ไกลจากจุดที่เซียวเฟิงยืนอยู่นัก เฉียนโตวโตวและกลุ่มของเธอก็กำลังเดินเข้ามาหาเขา แต่ถึงจะเดินเข้ามา พวกเธอก็มองเซียวเฟิงด้วยสายตาที่แปลกไปอยู่ดี

“หือ?”

สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้วนั้น ไม่ใช่สายตาแปลก ๆ ของเฉียนโตวโตว หากแต่เป็นชื่อของผู้เล่นคนหนึ่งที่มีสีแดงซึ่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มของเธอต่างหาก และผู้เล่นคนที่ว่าก็ไม่ใช่คนอื่น เขาคือหานเฟิง ซึ่งทันทีที่อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงสายตาของเซียวเฟิง ก็รีบหลบไปอยู่ที่ด้านท้าย ๆ ของปาร์ตี้อย่างรวดเร็ว

“หยุด…หยุดเลย! ระ…เราคุยกันได้นะ! ทุกอย่างมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด! เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ๆ !” หานเฟิงรีบตะโกนออกมาหลังจากกลัวว่าตนจะเจอเรื่องแย่ ๆ อีก

ทั้ง ๆ ที่เขาหนีมาอยู่กับกลุ่มนี้ก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงที่จะเจอเรื่องแย่ ๆ แล้วแท้ ๆ

ที่ราบกว้างนี้มีผู้เล่นจากหลาย ๆ กิลด์มารวมกันอยู่ และมากกว่าครึ่งของกิลด์เหล่านี้ มีเขาเป็นศัตรูกันทั้งหมด ก่อนหน้านี้ก็มีผู้เล่นหลายคนแอบตามเขามาเพราะชื่อสีแดงที่เด่นสง่านี้ เพราะแบบนี้เขาจึงกลับเมืองไม่ได้ด้วยเพราะอาจจะถูกปิดล้อมได้ ครั้นจะหนีมาที่ราบกว้างก็ดันมาเจอสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนี่อีก เขาไม่คาดคิดเลยว่าสงครามครั้งนี้จะล่อลวงผู้คนจากหลายกิลด์มาได้มากถึงเพียงนี้ แถมผู้เล่นพวกนี้ยังมีเลเวลและอุปกรณ์ที่ระดับเทียบเท่าเขาอีก

หลังจากที่พินิจหาทางออกแล้ว หานเฟิงก็เห็นว่าการมาอยู่กับพวกของเซียวเฟิงนั้นดูจะปลอดภัยที่สุด อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ก็ไม่มีกิลด์ไหนที่จะกล้าเข้ามาเป็นศัตรูกับเซียวเฟิงแน่ เพราะตัวอย่างสิ่งที่จะโดนหากกล้าเป็นศัตรูกับเซียวเฟิงอย่างมิดซัมเมอร์ก็มีให้เห็นไปแล้วเมื่อครู่นี้

“ไว้เราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”

เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่หานเฟิงตีสนิทกับสองพี่น้องนิโคลัสและซางกวน อาโอเชิน รวมถึงไม่ได้สนใจด้วยว่าเฉียนโตวโตวจะพูดอะไร เขาหันกลับไปและนำภาคีพาลาดินกลับไปสู่ที่เดิมที่ควรจะอยู่

นี่มันก็เย็นมากแล้ว แถมเซียวเฟิงยังต้องออฟไลน์เพื่อไปทำมื้อเย็นให้เซียวหลิงอีก

“เดี๋ยวก่อน!”

ม้าเหงื่อโลหิตตัวใหญ่วิ่งเข้ามา บนหลังของมันนั้นมีจืออี้นั่งอยู่ เธอตะโกนขึ้นหลังจากที่ไล่ตามเซียวเฟิงทันในที่สุด

ตอนแรกเธออยู่กับเฉียนโตวโตว แต่หลังจากได้ไปพบกับสกายและไนฟ์เมื่อครู่นี้ เธอก็ตัดสินใจรีบตามเซียวเฟิงมาในทันที

“มีอะไร?” เซียวเฟิงถามพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองด้านหลัง โดยที่เสี่ยวเสวี่ยไม่ได้ชะลอฝีเท้าที่วิ่งเหยาะ ๆ เลยแม้แต่น้อย

จืออี้เร่งฝีเท้าม้าของตนให้เข้าใกล้เซียวเฟิงให้มากขึ้น “นายไปจ้างพาลาดินพวกนั้นมาจากไหนน่ะ? แล้วนายสามารถสั่งพวกเขาได้ตลอดตามที่ต้องการหรือเปล่า?” เธอถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานขณะที่สายตาอันงดงามของเธอก็มองกลับไปยังทัพพาลาดินที่ตามหลังเขามาติด ๆ ด้วย

ม้าเหงื่อโลหิตตัวนี้ถือเป็นสัตว์ขี่ที่ราคาแพงที่สุดในร้านค้าระบบ ดังนั้นยามที่มันเร่งฝีเท้าด้วยความเร็วสูงสุด มันจึงสามารถตามการวิ่งเหยาะ ๆ ของเสี่ยวเสวี่ยได้

เซียวเฟิงหลบสายตาจากเธอและพบว่าหัวหน้ากิลด์วอร์สปิริตอย่างสกายกับไนฟ์ผู้เป็นน้องชายนั้นยังไม่ได้ไปไหนไกล เขาจึงถามกลับ “สกายสั่งให้เธอมาถามฉันหรือไง?”

“ใช่แล้ว! ฉันพนันได้เลยว่าคนอื่น ๆ เองก็อยากรู้เหมือนฉันนั่นแหละ โดยเฉพาะสมาชิกของพวกกิลด์ใหญ่ ๆ กองทัพพาลาดินพวกนี้น่ะ น่ากลัวเกินกว่าจะมองข้ามได้นะ!” จืออี้รีบตอบ

เธอไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังความจริงที่ถามคำถามนั้นออกไปอยู่แล้ว ใบหน้าสวยที่ปกติจะแสดงความเจ้าเล่ห์เพทุบายและโปรยเสน่ห์อยู่เป็นนิจ ตอนนี้มันถูกแทนที่ด้วยความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเสียแล้ว …เรื่องนี้มันก็ใหญ่จริง ๆ นั่นแหละ!

“เธอจะเชื่อหรือเปล่าถ้าฉันบอกว่าบังเอิญน่ะ?” เซียวเฟิงพูด “ฉันกำลังทำภารกิจอยู่เพราะงั้นก็เลยมากับพาลาดินพวกนี้ แล้วเมื่อครู่นี้พวกเขาก็โดนระบบขอตัวไป เพราะงั้นฉันไม่ได้วางแผนอะไรทั้งนั้น ไม่ได้คิดจะวิ่งเข้าใส่พวกนั้นเลยแม้แต่นิด”

สิ่งที่เซียวเฟิงพูดไปนั้นก็เป็นความจริงเช่นกัน เพราะสิ่งนี้มันบังเอิญไปหมดโดยที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน โดยเฉพาะผลลัพธ์ที่ออกมาแบบนี้ แม้ว่าเขาจะแอบอยากถล่มแคมป์ของมิดซัมเมอร์อยู่แล้วก็ตาม

“หา? ง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ?” ดวงตาสวยเบิกกว้างเช่นเดียวกับริมฝีปากบางที่อ้าเหวอ

เขาพยักหน้า “ง่ายแบบนี้แหละ” พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงช่วยไม่ได้

จืออี้เม้มปากก่อนจะฝืนยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

“จริง ๆ แล้ว…”

“หืม?”

เซียวเฟิงค่อนข้างประหลาดใจกับท่าทีของเธอ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าเธออยากจะพูดอะไร

ท้ายสุดแล้วจืออี้ก็ไม่ได้พูดต่อ เธอลังเลที่จะพูดมากเกินไปและตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องแทน

“จริง ๆ ต่อให้โรสจะทิ้งนาย แต่นายก็ไม่ควรไปแก้แค้นเธอแบบนี้นะ นายเป็นผู้ชาย อย่างน้อย ๆ ก็ควรจะรู้จักให้อภัยและปล่อยผ่านกันบ้างสิ”

“เดี๋ยว ๆ หยุดก่อนเลย เธอตั้งใจจะมาพูดเรื่องบ้าอะไรกันแน่เนี่ย?” เซียวเฟิงรีบตัดบทหลังเห็นว่าหัวเรื่องมันถูกเปลี่ยนไป เขาเริ่มสับสนในท่าทีของเธอเสียแล้ว

หญิงสาวถอนหายใจแล้วเอ่ยปลอบเขา “นายไม่ต้องซ่อนแล้วก็ได้ หานเฟิงบอกเรื่องความสัมพันธ์ของนายกับมิดซัมเมอร์แล้ว นี่ ฉันเข้าใจนายนะ แบบว่า คนนึงก็เป็นสาวงามที่สวยที่สุดในเขตฮัวเซีย ส่วนอีกคนนึงก็เป็นชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเขตฮัวเซีย ถ้าหากนายสมหวัง ทั้งนายและเธอก็จะกลายเป็นตำนานประจำเขตให้ผู้เล่นคนอื่นต่างพากันอิจฉา ประมาณนี้ใช่ไหมที่นายต้องการ? แต่ก็นะ คนเราก็ต้องมีผิดหวังกันบ้า-”

“เฮ้ ๆๆ หยุดพูด!” เหมือนว่าเซียวเฟิงจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ใบหน้าบูดบึ้งปรากฏขึ้นมาทันทีพร้อมกับการที่เขาหันขวับไปหาหานเฟิงที่กำลังโม้อะไรบางอย่างให้เฉียนโตวโตวฟังไม่หยุดอยู่ด้วย พวกเธอเองก็ดูจะรับฟังด้วยความสนอกสนใจด้วยเช่นกัน แววตาที่มองจ้องไปยังตัวต้นเหตุนั้นเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารแบบสุดๆ

หานเฟิงเซนส์ทำงานในทันทีเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของปีศาจ เขาหนาวสั่นไปทั้งตัวราวกับอากาศกำลังติดลบ ชายหนุ่มหันไปมองยังทิศทางที่ถูกจับจ้อง แล้วก็ได้พบกับเซียวเฟิงที่จ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ไม่ไกลนัก มันทำให้เขาต้องรีบหยุดพูดเรื่องที่กำลังพูดอยู่โดยพลัน

“อะ…เอ่อ…ฉะ…ฉันจำได้ว่ามีเรื่องต้องไปทำน่ะ ไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่”

เขารีบกล่าวคำลากับพี่น้องนิโคลัสพร้อมกับสับขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะหันกลับมามองเลย

เซียวเฟิงตามอีกฝ่ายไม่ทันอยู่แล้ว และเมื่อเขารู้เรื่องนี้อยู่แล้วเขาก็เลือกที่จะไม่วิ่งตามหานเฟิงไปแต่อย่างใด เขาทำได้เพียงมองร่างของหานเฟิงที่วิ่งหนีไปด้วยความตาลีตาเหลือกจนกระทั่งหายวับไปเท่านั้น

“เอ๋? ทำไมเขาถึงรีบหนีไปขนาดนั้นนะ? ยังมีเรื่องเล่าอีกตั้งเยอะเลยไม่ใช่เหรอ?”

แววตาที่งดงามของจืออี้เปล่งประกายหลังเห็นโอกาสที่จะแซะเซียวเฟิงได้ เธอจ้องมองเขาอย่างไม่กระพริบตาเลย

“เธอเองก็ควรจะไปให้พ้น ๆ ทางฉันเหมือนกัน!” เซียวเฟิงหงุดหงิดขึ้นมาเสียแล้ว เพราะงั้นเขาจึงรู้สึกรำคาญไปหมดเลย

เสี่ยวเสวี่ยเริ่มเร่งความเร็วขึ้นและทิ้งให้จืออี้อยู่ด้านหลัง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะนำเหล่าพาลาดินกลับเมืองเทียนหลงไปเสียที

เมื่อถึงเมืองแล้ว เซียวเฟิงไม่ได้กลับเข้าเมืองด้วยแต่อย่างใด เขาเพียงส่งภาคีพาลาดินเหล่านี้ไว้ที่ประตูเมืองเท่านั้น จากนั้นก็รีบออฟไลน์โดยที่ไม่ได้รีบไปส่งภารกิจในทันที ถึงอย่างนั้นเขาก็มั่นใจว่าตัวเขาจะต้องได้รับรางวัลด้วยอย่างแน่นอน

เปรี้ยง!

เสียงของฟ้าผ่าเป็นสิ่งแรกที่เซียวเฟิงได้ยินหลังจากออฟไลน์มาแล้ว พร้อมกับแสงที่สว่างจ้าไปทั้งห้อง

มันเริ่มดึกแล้วจริง ๆ เพราะท้องฟ้าด้านนอกมันมืดไปหมด แต่คิดในแง่ดี บางทีอาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศด้วยก็ได้ที่ทำให้ฟ้ามืดสนิทเช่นนี้ หมู่เมฆที่มากมายนั้นครึ้มฟ้าไปหมดเลย พวกมันปล่อยฝนโปรยปรายลงมา นานมากแล้วที่เมืองเฉิงไห่ไม่มีฝนตกหนักขนาดนี้ แสดงว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าอากาศน่าจะหนาวขึ้นแน่ ๆ

ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ของเขา มีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังขดตัวเป็นก้อนและสั่นเทาอยู่ เซียวเฟิงรีบเปิดผ้าห่มออกมาดู แล้วจึงพบว่าสิ่งที่กำลังสั่นอยู่นั้นก็คือเซียวหลิงนั่นเอง

อันที่จริง…มันจะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่เธอ? เด็กสาวกอดร่างที่กำลังสั่นเทาของตนเองไว้แน่น และเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดฟ้าผ่าลงมาด้านนอก เธอจะยิ่งกอดตัวเองไว้แน่นขึ้นไปอีกเช่นเดียวกับร่างกายที่สั่นแรงขึ้นไปตามอีกด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+