Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]บทที่ 175 สถานการณ์ที่น่าสิ้นหวัง

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter บทที่ 175 สถานการณ์ที่น่าสิ้นหวัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่เดิมแล้ว การที่เซียวเฟิงกระโดดลงมาท่ามกลางฝูงชนก็เพื่อใช้คนเหล่านี้คอยป้องกันวิสัยทัศน์ของพวกแนวหลังให้ และการที่ทำให้วิสัยทัศน์ของพวกนักธนูไม่ชัดเจนจะช่วยทำให้อาชีพเหล่านี้โจมตีรุนแรงไม่ได้ ทำได้เพียงยิงสุ่มลงมาเรื่อย ๆ เท่านั้น

แม้ว่าสกิลจำพวกห่าฝนธนูจะน่ากลัว แต่อัตราการโดนนั้นนับว่าต่ำมาก ๆ มีเพียงธนูไม่กี่ดอกเท่านั้นที่จะทำความเสียหายได้

ทว่าตอนนี้ฝูงชนเริ่มกระจายออกจากศูนย์กลางของหุบเขา ทำให้เซียวเฟิงไม่มีที่ซ่อน และพอเขาไม่มีที่ซ่อน เหล่านักธนูก็จะสามารถเล็งเป้ามาที่เขาได้อย่างง่ายดาย!

การโจมตีที่ถาโถมจากระยะไกลเข้ามานั้นมันเริ่มออกฤทธิ์แรงเป็น 2 เท่าในทันที เมื่อพวกเขาเห็นเป้าหมายชัดเจนแล้ว!

ถึงการโจมตีเหล่านั้นจะไม่สามารถเจาะทะลุพลังป้องกันของเขาเข้ามาได้ รวมไปถึงการโจมตีหลายครั้งก็ยังติด พลาด! กับ โจมตีไม่เข้า! อยู่ แต่การโจมตีที่หลุดเข้ามาก็สร้างความเสียหายได้ ทำให้เลือดของเขาลดเยอะในระดับหนึ่งเหมือนกัน

จากก่อนหน้าที่โดนเพียงการโจมตีแบบสุ่ม เซียวเฟิงจะเลือดลดราว ๆ 40 หน่วยต่อวินาทีด้วยความถี่ของการโจมตีระดับนี้ ซึ่งเขาก็สามารถฟื้นเลือดได้ในทันทีด้วยสกิลดูดเลือดทำให้มันดูไม่อันตราย

มาตอนนี้ ผู้เล่นหลายคนเริ่มจะล็อกเป้ามาที่เซียวเฟิงได้ และมันทำให้การโจมตีของพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น ไหนจะโจมตีได้ถี่ขึ้นอีก จึงทำให้เลือดของเขาเสียถึง 80 หน่วยต่อวินาที! หากไม่สามารถทำความเสียหายคริติคอลใส่ศัตรูได้ล่ะก็ สกิลดูดเลือดก็แทบจะฟื้นเลือดเขาไม่ทันเลยด้วยซ้ำ

มีความเป็นไปได้ว่าจำนวนผู้เล่นที่สามารถเล็งเป้าหมายมาที่เซียวเฟิงได้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เล่นที่โจมตีระยะไกลได้ของกิลด์กลอรี่ก็ยังมีอีกนับแสนคนเลย ดังนั้นแล้วหลบไปยังไงก็ไม่พ้น

การที่เห็นว่าเหล่าผู้เล่นโจมตีระยะใกล้ถอยออกไปจนแทบจะออกจากหุบเขารอยแยกแล้ว ในขณะที่ผู้เล่นที่โจมตีระยะไกลยังคงอยู่ที่เดิม มันทำให้เซียวเฟิงสามารถเข้าใจได้ทันทีว่ากิลด์กลอรี่กำลังจะทำอะไร สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นกิลด์ขนาดใหญ่ ความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้จริง ๆ!

ในตอนนี้ ผู้เล่นกว่าครึ่งหนึ่งของกิลด์กลอรี่ถอยออกไปจนจะหมดแล้ว จะเหลือก็แต่ผู้เล่นโจมตีระยะไกลที่ยังห้อมล้อมเซียวเฟิงให้อยู่ตรงกลางหุบเขาอยู่ ถึงแม้จะมีเพียงการโจมตีระยะไกลที่ยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง แต่จำนวนคนที่ระดมโจมตีก็มีมากกว่า 20,000 คนอยู่ดี การโจมตีของพวกเขาเหล่านี้มันกลายเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่รั้งเซียวเฟิงไว้ไม่ให้เดินออกจากจุดนั้นไปโดยปริยาย

สีหน้าของเซียวเฟิงเปลี่ยนไป เขาเดินเข้าไปยังผู้เล่นที่แม้จะถอยแต่ก็ยังถอยเป็นแนวกำแพงออกไปอยู่ เขายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สกิลดูดเลือดทำงานอยู่เสมอเขาจึงสามารถประคองเลือดไว้ได้ในระดับที่ไม่อันตราย ถึงแม้ว่าผู้เล่นของกิลด์กลอรี่จะสามารถถูกฆ่าตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ถึงอย่างนั้นกำแพงมนุษย์เหล่านี้ก็ยังไม่ถูกทำให้แตกสลายไปได้ง่าย ๆ นั่นเพราะที่แห่งนี้มีสมาชิกกิลด์อยู่มากพอที่จะทำให้กำแพงถูกเสริมเรื่อย ๆ พวกเขาไม่สนเลยว่าจะต้องมีอีกสักกี่ชีวิตที่ต้องมาสังเวยให้การโจมตีอันทรงพลังนี้

จำนวนของผู้เล่นที่โจมตีระยะไกลที่สามารถเล็งเป้ามาที่เซียวเฟิงได้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จากคลื่นผู้เล่น ตอนนี้มันกลายเป็นน้ำตกฝนสกิลไปแล้ว ลูกธนูเหล่านั้นถูกยิงขึ้นก่อนจะโค้งย้อยใส่เซียวเฟิงจากด้านบน การโจมตีแบบนี้เริ่มถี่ขึ้น ๆ และมันก็ทำให้อัตราการลดเลือดของเซียวเฟิงมากขึ้นไปด้วย!

-1!

-1!

-1!

นอกจาก พลาด! กับ โจมตีไม่เข้า! แล้ว บนหัวของเซียวเฟิงก็มี -1! ปรากฏขึ้นรัว ๆ อย่างเห็นได้ชัด

ผลของการดูดเลือดที่ได้จากการโจมตีธรรมดาเริ่มจะไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟูเลือดของตนเองแล้ว ตอนนี้หลอดเลือดของชายหนุ่มกำลังเริ่มโดนบั่นทอนลงอย่างต่อเนื่อง จะมีก็เพียงค้อนแห่งการพิพากษาเท่านั้นที่จะสามารถเพิ่มเลือดให้เขาได้ด้วยการโจมตีครั้งเดียว

แต่เพราะค้อนแห่งการพิพากษานั้นยังต้องใช้เวลาคูลดาวน์อีกตั้ง 1 นาที! นั่นหมายถึงเซียวเฟิงจำเป็นต้องทนให้ได้อีก 1 นาทีเพื่อที่จะให้ค้อนแห่งการพิพากษาคูลดาวน์เสร็จ ตัวเองก็จะได้ทวงเลือดที่หายไปของเขาคืนมาในคราเดียว

อย่างไรก็ตาม เพราะผู้เล่นที่โจมตีระยะไกลเริ่มจะล็อกเป้าหมายมาที่เซียวเฟิงได้มากขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ยิ่งทำให้อัตราการลดเลือดของเขาเพิ่มมากขึ้น ๆ การที่จะยืนหยัดให้ได้อีก 1 นาทีเองก็พลอยกลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ในตอนนี้เซียวเฟิงเริ่มจะหยิบโพชั่นมาเพื่อเพิ่มเลือดของตนแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถหยุดการลดเลือดแบบต่อเนื่องนี้ได้เสียที

“มันจบแล้ว! เจ้าแห่งฮีลเลอร์น่าจะทนไม่ได้แล้วล่ะ!”

“กิลด์กลอรี่นี่ช่างร้ายกาจจริง ๆ! เขาใช้แม้กระทั่งกลยุทธ์ควบคุมฝูงชน! พอเห็นว่าคนหลักหมื่นของตัวเองเอาชนะเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ได้ ก็เปลี่ยนไปใช้การโจมตีแบบล็อกเป้าหมายแทน!”

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์นี่สุดยอดจริง ๆ ! เขาอุตส่าห์รอดมาได้จนเกือบชั่วโมงเลยแม้ว่าจะโดนคนนับหมื่นระดมโจมตีเข้ามาเช่นนี้! ตอนแรกพวกเราคิดว่าเขาจะถูกฆ่าตายตั้งแต่แรกแล้วซะอีก!”

“ใช่แล้ว เจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะแข็งแกร่งมาก ๆ เลย มีใครได้นับจำนวนของผู้เล่นฝั่งกิลด์กลอรี่ที่ตายไปเพราะเขาบ้างไหม? ฉันว่าจะต้องมีขั้นต่ำที่ 1,000 คนแน่ ๆ !”

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์เป็นนักบวช ฉันคิดว่าเขาจะต้องมีสกิลโจมตีเพียงแค่อย่างเดียวแน่ ๆ ไม่งั้นแล้วป่านนี้มีหมื่นก็หมดหมื่นนั่นแหละ!”

“นี่นายดูถูกอาชีพนักบวชงั้นเหรอ? ถ้าหากเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ใช่นักบวช เขาคงไม่สามารถร่ายบัฟใส่ตัวเองเพื่อเพิ่มทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกันได้ขนาดนั้นหรอก! ไม่เห็นหรือไงว่าเขาสามารถยืนอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะตัวเขาเองน่ะ”

ภายในหุบเขารอยแยก อัตราการสูญเสียเลือดของเซียวเฟิงเพิ่มจนมากในระดับที่ทำให้หลอดเลือดนั้นขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนเทอร์โมมิเตอร์ ซึ่งมันทำให้ผู้ที่คอยดูสถานการณ์อยู่นั้นต่างกันกันเป็นกังวล

แต่การใช้ยาและการโจมตีธรรมดาควบคู่กับสกิลดูดเลือด มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาสามารถยืนรอจนกระทั่งค้อนแห่งการพิพากษาคูลดาวน์เสร็จได้ ในตอนนี้เลือดของเขากำลังลดลงไปจนแทบจะเหลือ 0 แล้ว!

+477!

ทันใดนั้นเอง เลือดของเซียวเฟิงก็เพิ่มขึ้นมามากกว่าครึ่งหนึ่งทั้ง ๆ ที่มันเกือบจะถึง 0 แล้ว ทำให้หลอดเลือดที่เกือบจะว่างเปล่ามีสีสันขึ้นมาอีกครั้ง

“ฮ่า ๆ ! นั่นโฮลี่ไลท์นี่! พลังในการฮีลนี่ยังสูงจนน่าเหลือเชื่อเหมือนเดิมเลย!”

“อ๊า จริงสิ พวกเราลืมไปเลยว่านักบวชนั้นไม่ได้มีดีแค่สามารถบัฟให้ตัวเองได้ แต่เขายังสามารถเพิ่มเลือดตัวเองได้ด้วย!”

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์เพิ่มเลือดตัวเองได้แล้ว! เขาสามารถใช้สกิลโฮลี่ไลท์ได้ทุก ๆ 30 วินาที ตราบใดที่เขายังไม่ถูกฆ่าตายระหว่างนั้นเสียก่อน”

“นักบวชนี่ช่างเป็นอาชีพที่ทรงพลังจริง ๆ ! อย่าห้ามฉัน! ฉันจะลบไอดีนี้ทิ้งแล้วสมัครตัวใหม่เป็นนักบวช!”

พักหนึ่ง ผู้เล่นนักรบจำนวนมากก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พวกเขาออกจากจุดอันตรายแล้ว

“ฮึ่ม! ขอดูหน่อยซิว่านายจะทนอยู่แบบนี้ได้นานเท่าไหร่! ฟังนะทุกคน! จำกัดบริเวณให้แคบลง! ใครที่ล็อกเป้าหมายไม่ได้ ให้ก้าวขึ้นไปข้างหน้า!” ไนน์พ่นลมหายใจแล้วคอยสั่งการอยู่ในช่องแชทกิลด์เรื่อย ๆ

ความถี่ในการโจมตีเพิ่มขึ้นอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห่างไกลจากลิมิตที่เซียวเฟิงทนไหวอยู่ดี

หากเซียวเฟิงจะเสียเลือด 1 แต้มทุก ๆ การโจมตีของคน 30 คน การที่จะทำให้เขาเสียเลือดถึงหลัก 100 แต้มได้ก็ต้องใช้คน 3,000 คนในการกระหน่ำโจมตี ดังนั้นจนกว่าจะมีคนมากถึง 6,000 คน เขาจะยังทนได้เรื่อย ๆ

ในตอนนี้ผู้เล่นที่สามารถล็อกเป้าและโจมตีเซียวเฟิงได้นั้นเพิ่งจะถึงระดับ 3,000 คน เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่ยังคงยืนอยู่หลังกำแพงมนุษย์ซึ่งมันทำให้วิสัยทัศน์ของเขาถูกผู้เล่นแนวหน้าบดบังไว้หมด นอกจากนี้การที่เซียวเฟิงเดินเข้าไปใกล้พวกเขา มันก็ทำให้พวกโจมตีระยะไกลล็อกเป้ายากขึ้นอีก เพราะเหล่าผู้เล่นที่เป็นเสมือนกำแพงพวกนั้นมีอาวุธหรือร่างกายขนาดใหญ่ ทำให้การล็อกเป้ายังคงเป็นไปได้ยาก ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เขาถูกห้อมล้อมด้วยผู้เล่นระยะใกล้เสียเท่าไหร่ ในส่วนของผู้เล่นที่อยู่มุมอื่นเองก็จะยิงลำบากเพราะเซียวเฟิงออกนอกระยะการโจมตี แม้ว่าการโจมตีอาจจะเข้าถึงตัวเขาได้ แต่ก็ไม่มีใครรับประกันว่ามันจะมีความเสียหายเกิดขึ้น

เมื่อไนน์สั่งการให้เหล่าผู้เล่นที่ใช้การโจมตีระยะไกลขยับขึ้นมาด้านหน้าแทนที่กำแพงมนุษย์ ก็ทำให้จำนวนผู้เล่นที่สามารถล็อกเป้าใส่เซียวเฟิงได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาล! ห่าฝนสกิลและศรเริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ความถี่ของการโจมตีตอนนี้มันน่าจะเปลี่ยนจากห่าฝนเป็นสายธารที่ถาโถมลงมาจากเบื้องบนไปแล้ว!

เซียวเฟิงไม่สามารถควบคุมความเร็วของเลือดที่ลดลงอย่างต่อเนื่องได้แล้วในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะใช้ทั้งสกิลดูดเลือดควบคู่กับโฮลี่ไลท์และน้ำแห่งชีวิตแล้วก็ตาม หลอดเลือดเขาก็ยังเสียเลือดอย่างต่อเนื่องจนใกล้จะหมดแล้วอยู่ดี

บนผาอันเป็นที่อยู่ของกิลด์ใหญ่ ๆ เฉียนโตวโตวกำลังกำมือของเธอแน่นด้วยความกังวล เธอมั่นใจมากว่าเซียวเฟิงจะต้องรอดแน่ ๆ แต่ในตอนนี้เมื่อทุกคนเริ่มเห็นพ้องต้องกันว่าเซียวเฟิงไม่น่ารอด แววตาของเธอก็เริ่มจะมองเห็นภาพเช่นเดียวกันกับพวกเขา

หญิงสาวได้แต่มองเลือดของเซียวเฟิงที่ลดหายจนเหลือแต่เลข 0 อย่างช่วยไม่ได้ มือเล็ก ๆ นั้นกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ

ในที่สุดเธอก็เข้าใจเสียทีว่าเซียวเฟิงน่ะแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาไม่ได้เป็นอมตะ เขายังสามารถตายได้

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอคอยแต่จะพึ่งพาเซียวเฟิงตลอด แต่เมื่อเซียวเฟิงต้องการคนพึ่งพาและช่วยเขา เธอสามารถทำอะไรให้เขาได้บ้าง?

ในขณะเดียวกัน สถานที่ไกลออกไปจากเขตการต่อสู้ ผู้เล่นสาวหน้าสวยผู้สวมชุดคลุมนักเวทที่ปกคลุมเรือนร่างอันแสนเย้ายวนไว้กำลังมองดูหน้าจอไลฟ์สดการต่อสู้ที่โด่งดังไปทั้งเขตนี้อยู่ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาก็จริงแต่สีหน้าและท่าทางของเธอก็แสดงให้เห็นว่าเธอกึ่งโล่งอกและกึ่งพึงพอใจไม่น้อยกับผลลัพธ์ที่เห็น

“ในที่สุดก็ยอมตายซักทีนะ ไอ้เจ้าคนร้ายกาจนั่น…แต่กว่าจะตายได้ก็ยุ่งยากชะมัดเลย”

หากมีใครซักคนเดินผ่านเธอตอนนี้ก็คงจะต้องจำผู้เล่นสาวแสนสวยคนนี้ได้แน่ ๆ เพราะเธอคือเทพธิดาระดับชาติ…ชูเมิ่งอิ๋ง!

“ฮ่า ๆๆๆ! ในที่สุดก็ทำสำเร็จ! คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าเหรอ? ขนาดเป็นนักบวชเจ้าก็ยังมาตายเพราะเงื้อมมือฉันได้เลยนะ! กล้าดียังไงมาดูถูกกิลด์ของฉัน นี่แหละผลลัพธ์ที่นายควรจะได้รับ!”

ไนน์หัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความเย่อหยิ่ง เขายืนอยู่บนยอดผาสูงขณะมองลงมายังเซียวเฟิงที่หลอดเลือดเหลือเพียง 0 กระนั้นแล้วเสียงหัวเราะของเขาก็ต้องหยุดไปพร้อมกับดวงตาที่เบิกโพลง “มันเป็นไปได้ยังไงกันน่ะ? ทำไมเจ้านั่นยังไม่ตายอีก?”

อันที่จริง ทุก ๆ คนที่กำลังเฝ้าดูเหตุการณ์นี้อยู่ต่างก็ตกใจเหมือน ๆ กันหมด

ในเมื่อเลือดของเจ้าแห่งฮีลเลอร์เหลือ 1 และค่าความเสียหายก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวไปแล้ว ทำไมเขายังไม่ตาย?

เซียวเฟิงยืนเงียบและกรอกตามองไปเบื้องบน ยังยอดผาที่กิลด์กลอรี่ส่วนที่เหลือเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ เขาเห็นสีหน้าและสิ่งที่ไนน์พูดอย่างชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ไกลกัน

นี่เป็นผลมาจากต่างหูระดับเทพเจ้า ‘วัฏจักรชีวิต’ ที่มีผลทำให้เซียวเฟิงยังสามารถยืนต่อได้แม้เลือดจะหมดไปแล้ว ความสามารถนี้จะทำให้เขาใช้มานาในการอยู่ต่อแทน แต่เพราะเซียวเฟิงนั้นใช้สกิลมากมายอยู่ตลอด จนตอนนี้แม้แต่มานาเองก็เหลือไม่เยอะ ดังนั้นแล้วเขาจึงสามารถยืนต่อได้อีกไม่นานนัก เพราะกิลด์กลอรี่ไม่ได้หยุดโจมตีเขาในทันทีที่เห็นว่าเลือดเหลือ 0

[พลังชีวิตของคุณเหลือ 0 คุณตายแล้ว]

[สกิลกายศักดิ์สิทธิ์เริ่มทำงาน คุณถูกชุบชีวิตและจะไม่ได้รับการลงโทษจากการตาย คุณสามารถใช้สกิลนี้ได้ 1 ครั้งต่อ 1 วัน สกิลจะรีเซ็ตในอีก 24 ชั่วโมง]

ชัดเจน…ไม่ถึง 3 วินาทีหลังจากที่เลือดและมานาของเซียวเฟิงเหลือ 0 เขาก็ตายและล้มลงไปกับพื้นจริง ๆ

แต่ก่อนที่ร่างนั้นจะแตะพื้น เลือดของเขาก็ฟื้นกลับมาเต็มหลอดจาก 0

มือทั้งสองข้างของเซียวเฟิงถูกชักขึ้นมาดันพื้นเอาไว้ไม่ให้ร่างล้มกระแทกลงไป ชายหนุ่มค่อย ๆ ดันตัวเองขึ้นมาและปัดฝุ่นตามเนื้อตัวด้วยท่ามีสบาย ๆ

“อะไรวะนั่น!?”

“นี่มัน…นี่มันการฟื้นคืนชีพเหรอ?”

“เป็นไปได้ยังไงกัน? สกิลฟื้นคืนชีพ มันจะเรียนได้ก็ต่อเมื่อเป็นนักบวชเลเวล 30 ไม่ใช่เหรอ!? ทำไมเจ้าแห่งฮีลเลอร์สามารถใช้มันได้ล่ะ?”

“อย่าลืมสิว่าเขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์นะ! ผู้เล่นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียเลยนะเว้ย! ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปได้หมดนั่นแหละ!”

“ใช่! เจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะ ปลดล็อกคลาสลับได้แล้วด้วยนะ! เพราะงั้นนับประสาอะไรกับสกิลฟื้นคืนชีพนั่นล่ะ!!”

ผู้เล่นมากมายในเขตฮัวเซียต่างถอนหายใจกันด้วยความรู้สึกมากมาย วันนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจอย่างต่อเนื่องจนพวกเขาไม่รู้แล้วว่ามันจะยังมีเรื่องอะไรให้เซอร์ไพรส์อีกไหม

“โจมตีต่อไป! ไม่ว่าเขาจะมีกี่ชีวิต ก็ต้องเอาให้ตายให้ได้! ใครก็ตามที่มาลบหลู่กิลด์ของพวกเรา ทางเดียวที่มันจะได้รับก็คือตายเท่านั้น!!”

ดูเหมือนไนน์จะเป็นผู้ที่ดูหวาดกลัวมากที่สุด เสียงของเขาสั่นคลอนขณะออกคำสั่ง ความแข็งแกร่งของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ในครั้งนี้ มันมากกว่าตอนที่เจอครั้งก่อนแบบเทียบไม่ติดเลย! ศึกในครั้งนี้ จะต้องสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับกิลด์ที่ถูกเรียกว่าอันดับ 1 แห่งฟากใต้แน่ ๆ!

ตู้ม!

ทันทีทันใด ห่าสกิลมากมายก็โถมเข้าใส่เขาอีกครั้งจนเกิดเสียงปะทะรุนแรงดังตามมาต่อเนื่อง

ครั้งนี้เซียวเฟิงไม่ได้พยายามที่จะป้องกัน กระนั้นเขาก็มองไปยังเหล่าสกิลที่พุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ

การดิ้นรนมันเป็นเรื่องไร้สาระ นั่นเพราะก่อนที่เขาจะตายลงไป เขาได้แสดงศักยภาพสูงสุดของเขาไปแล้ว

ต่อให้เขามีอีก 1 ชีวิต ผลก็น่าจะยังคงเหมือนเดิม ถึงจะยังยืนหยัดได้อีกซักพัก ยังไงไม่นานก็ตายอีก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาก็จะไร้ค่า

นี่มันเป็นสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังและจนตรอกจริง ๆ จนตรอกมากแต่เซียวเฟิงก็ยังไม่อยากจะยอมแพ้ เพื่อที่จะตามคนคนหนึ่งให้ทัน เขาสาบานว่าจะต้องกลายเป็นเทพเจ้าในเกมให้ได้ เพราะงั้นแล้วจะให้เขาตายเพราะแบบนี้งั้นเหรอ?

ความเยือกเย็นในแววตาของเซียวเฟิงหายไป และแทนที่ด้วยความเปล่งประกายขึ้นมาในแววตานั้น! เขายังมีการ์ดอยู่อีก 1 ใบ! การ์ดที่แข็งแกร่งที่สุดที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่อยากจะใช้!

แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ เห็นทีไม่ใช้คงไม่ได้!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *