Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] 172 มุ่งหน้าสู่การต่อสู้

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter 172 มุ่งหน้าสู่การต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เซียวเฟิงได้มาเยี่ยมเมืองซือหรานอันงดงาม ทว่าครั้งนี้ที่ด้านนอกเมืองที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนแทนที่จะเป็นในเมือง ผู้เล่นมากมายไม่เพียงแต่เผ่าพันธุ์เอลฟ์ต่างก็ไปรวมตัวกันที่ด้านนอกนั่น ไม่ต้องฉลาดระดับโลกก็รู้ว่าพวกเขาไปทำอะไรกัน

กิลด์กลอรี่เลือกเอาพื้นที่ว่างระหว่างรอยแยกของหุบเขามาเป็นสนามรบ เมื่อมองจากด้านบน จะเห็นว่าพื้นที่แห่งนี้มีรอยแยกแตกจากตรงจุดกึ่งกลางและแผ่ขยายออกไปโดยรอบ และที่จุดกึ่งกลางนั้นก็จมลึกกลายเป็นหุบเขาที่ดูเหมือนอ่างน้ำขนาดยักษ์ก็มิปาน

เหลือเวลาอีก 10 นาทีก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น เซียวเฟิงกลับเห็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาดูเยอะแยะไปหมดเลย

ผู้เล่นที่มาดูมีจำนวนมากในระดับที่พวกเขายืนกันแน่นอยู่บนเชิงผาที่อยู่ใกล้กับหุบเหวนั้น และเพราะมีคนอยู่มากมาย เสียงตะโกนโหวกเหวกจึงดังกระหึ่มราวกับพวกเขากำลังจะทะเลาะกันเสียเอง

“ให้ตายเถอะ! ดูนั่นสิ ทัพใหญ่ของกิลด์กลอรี่เลยนะเนี่ย! นี่พวกเขาเตรียมตัวมาเพื่อสู้กับคนคนเดียวจริง ๆ เหรอ?”

“สหาย ลืมเหรอว่าครั้งนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับใคร? อีกฝ่ายเป็นถึง เจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่น่าเกรงขามเลยนะ! บุรุษผู้เป็นอันดับ 1 ทั้งเลเวล อุปกรณ์ สัตว์เลี้ยง สัตว์ขี่ ความดัง อันดับหนึ่งไปซะทั้งหมดเลยนะ!”

“นายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าในเขตฮัวเซียน่ะมีผู้เล่นอยู่หลายล้านคนเลยนะ แล้วการที่เขาเป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางคนทั้งร้อยล้านคนได้เนี่ย มันต้องเป็นคนแบบไหนกัน? ฉันกำลังจะบอกนายว่าฝีมือของเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะน่ากลัวมาก รู้ไหม?! ถ้าหากกิลด์กลอรี่ไม่เอาสมาชิกขนาดนี้มาร่วมทัพ มีหวังได้จบลงที่พวกเขาแพ้เจ้าแห่งฮีลเลอร์แน่ ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาจะโดนดูถูกเอานะ”

“ใช่แล้ว เจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะแข็งแกร่งมากจริง ๆ นะ ความแข็งแกร่งของเขาน่ะ มันมากเกินกว่าที่พวกเราจะคาดเดาได้ไปแล้ว กิลด์กลอรี่ต้องเตรียมตัวระดับนี้แหละ หากคิดจะโค่นเขาให้ได้”

“แต่ดูสิ! จำนวนคนนี่ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนเลยนะ! ไม่ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ยังไงเขาก็เป็นแค่ฮิลเลอร์ไม่ใช่หรือไง? ฉันว่าพวกเขาทำเกินไปหน่อยแล้วนะ”

“อืม…”

“เฮ้ จะถึงเวลาแล้วนี่? ทำไมจะครบชั่วโมงแล้วเขายังไม่ปรากฏตัวอีกล่ะ? เจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่ไหน?”

“จริง ๆ พอนายพูดขึ้นมาฉันก็นึกขึ้นได้ พวกเราเองก็มารอที่นี่กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ทำไมเจ้าแห่งฮีลเลอร์ยังไม่มาอีกล่ะ? เดี๋ยวนะ หรือเขาคิดจะไม่มาตั้งแต่ต้นแล้ว นายคิดเหมือนกันไหม?”

“ฉันว่ามันก็เป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นนายเอง นายก็คงไม่อยากจะเอาตัวคนเดียวออกไปสู้กับกิลด์ที่ใหญ่เป็นลำดับ 2 หรอกใช่ไหมล่ะ? แค่คิดก็เหมือนฆ่าตัวตายแล้ว ฉันค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ใช่คนโง่”

“นายกำลังจะบอกว่าการที่พวกเรามารอกันนี่เสียเวลาใช่หรือเปล่า? เฮอะ แบบนี้ก็หมายความว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ขี้ขลาดไม่กล้าโผล่หน้ามาให้พวกเราเห็นล่ะสิ?”

ตัวหุบเขารอยแยกนั้นไม่ได้ลึกมากนัก จากขอบเหวที่มีคนมุงอยู่นั้นมันก็มีความสูงแค่ราว ๆ 10 เมตรเท่านั้นเอง รอยแยกแห่งนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยเหวทุกทิศทาง หากมีใครสักคนชะโงกหน้าลงมาจากเหวล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเห็นผู้เล่นจำนวนมหาศาลที่เบื้องล่าง อันเป็นทัพของกิลด์กลอรี่ได้อย่างชัดเจน…ชัดเจนว่ามันแทบจะกลายเป็นมหาสมุทรผู้เล่นไปแล้ว!

เสียงดังคึกโครมกระจายไปทั่วหน้าผาแห่งนั้น พวกเขาที่มาชมล้วนคุยกันจอแจจนบรรยากาศอันเงียบสงบถูกทำลายไปไม่เหลือชิ้นดี

ไม่ว่าจะมองไปทางไหน จะด้านบนหรือด้านล่างก็มีแต่ผู้เล่น พวกที่อยู่ด้านบนก็อยากจะเห็นว่าด้านล่างมีอะไรจนแทบจะเบียดกันร่วงลงไปแล้ว มวลมหาผู้เล่นเหล่านี้มองไกล ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับคลื่นที่กำลังจะกลืนกินหุบเขารอยแยกนี้เลย

ผู้เล่นทุกคนแม้ว่าจะมีรูปลักษณ์ต่างกัน แต่พวกเขาก็มีบางสิ่งบางอย่างเหมือนกัน นั่นคือเหนือชื่อของพวกเขาเองที่ปรากฏขึ้นบนหัว มันมีคำนำหน้าที่เหมือนกันอยู่อย่างคำว่า ‘กลอรี่’

“พวกเราต้องรอกันอีกนานแค่ไหนน่ะ?”

ที่ด้านบนสุดของหุบผาสูงชันนี้ ร่างของบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ กำลังยืนเด่นสง่าด้วยความภาคภูมิใจและหยิ่งผยองอยู่ที่นั่น สายตาของเขาเหลือบมองลงไปยังทัพขนาดใหญ่ที่กำลังเงียบสงัดเบื้องล่าง แต่แล้วทันใดนั้น ท่าทีอันสูงส่งก็หายไปเมื่อเขาหันกลับไปหายังบุคคลที่อยู่ด้านหลัง

ที่ด้านหลังของไนน์นั้นมีผู้เล่นอีกคนหนึ่งที่มีคำว่า ‘กลอรี่’ จารึกอยู่เหนือชื่อเช่นกัน “อีก 1 นาทีจะเริ่มการต่อสู้ครับ” ชายคนนั้นตอบหลังจากเหลียวมองเวลาแล้ว

ไนน์พยักหน้าและนิ่งเงียบไป รอยยิ้มสะใจปรากฏขึ้นให้เห็นที่ริมฝีปากของเขา “มันจะดีซะยิ่งกว่าถ้าเขาไม่ยอมมาน่ะ” เขาคิด

แผนนี้ถูกวางไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้าหากเซียวเฟิงไม่ปรากฏตัวออกมา พวกเกรียนคีย์บอร์ดในเขตก็จะตั้งกระทู้ดูหมิ่นขึ้นมาโดยมีผู้เล่นอันดับ 1 ในเขตฮัวเซียเป็นเหยื่ออารมณ์

กลับกันหากเซียวเฟิงปรากฏตัวขึ้นมา เรื่องนี้ก็จะยุ่งยากมากขึ้นไปอีกแน่ ๆ

เขารู้ว่าเซียวเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน ต่อให้กิลด์ของเขาจะสามารถโค่นเซียวเฟิงลงได้ในท้ายที่สุด ความเสียหายก็คงจะไม่ใช่น้อย ๆ รวมไปถึงต้องเสียสละสมาชิกหลายชีวิตเพื่อให้มันประสบความสำเร็จ แน่นอนว่ามันจะทำให้ชื่อเสียงของกิลด์กลอรี่ต้องด่างพร้อยแน่ ๆ และมันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ไนน์คิดจะทำ

ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงและมาแรงมากมายต่างยืนอยู่ด้านหลังไนน์ ไม่เว้นแม้แต่เล่าสวี (ผู้ที่กำลังไลฟ์) และตัวแทนจากกิลด์อื่น ๆ ที่แฝงตัวมาในฝูงผู้เล่นที่มาดูในตอนนี้ แต่พวกเขาเพียงแค่มายืนอยู่ด้านหลังไนน์บนผาเฉย ๆ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ฝั่งไนน์แต่อย่างใด เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมุมผานี้มันสามารถมองเห็นทั่วทั้งสนามรบได้ชัดเจนที่สุดต่างหาก

จริง ๆ แล้วที่ผานั้นไม่ได้มีเพียงเล่าสวีที่มาไลฟ์สด ยังมีคนอื่น ๆ มาไลฟ์อีกหลายคนที่หาตำแหน่งถ่ายทอดสดเหมาะ ๆ ได้แล้ว ข่าวคราวเรื่องการต่อสู้นี้จะกระจายไปทั่วทั้งเขตฮัวเซียในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่มันก็ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้เล่นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งนี่ยังเป็นเวลากลางคืน เวลาที่ผู้เล่นออนไลน์มากที่สุด ดังนั้นไม่มีใครอยากพลาดอีเวนท์ใหญ่ระดับนี้แน่ ๆ

เพราะบริเวณนี้ไม่ได้มีพื้นที่เพียงพอให้ทุกคนได้รับชมแบบเกาะติดข้างสนาม ดังนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้วิธีการรับชมถ่ายทอดสดเหล่านี้แทนเพื่อชมการต่อสู้

เสียงโหวกเหวกก่อนหน้าเริ่มจะพากันเงียบลงช้า ๆ พวกเขากำลังนับถอยหลังสู่จุดเริ่มต้นแห่งการต่อสู้ ทุกคนในที่แห่งนี้ ต่างก็หวังว่าจะได้เห็นการต่อสู้แห่งเกียรติยศด้วยตาของตนเองให้ได้

แล้วแบบนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะปรากฏตัวออกมาจริง ๆ เหรอ? มองยังไงนี่มันก็การฆ่าตัวตายดี ๆ นั่นเอง ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะหากเขาจะไม่ปรากฏตัวออกมาจริง ๆ น่ะ

รอยยิ้มน้อย ๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้าของไนน์แล้ว นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะเห็นจริง ๆ ชายหนุ่มหวังความเงียบงันนี้จะคงอยู่ จนกว่าผู้คนจะแยกย้ายกันไปด้วยความผิดหวัง

“ขอทางหน่อย! ขอทางหน่อย!”

“เฮ้ย!? เป็นบ้าอะไรวะ! อย่าดันสิ!! ข้างหน้านี่ไม่มีที่ยืนแล้วนะเว้ย!”

“ถ้าอยากได้ที่ยืนทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้ล่ะวะ!”

ใครบางคนพยายามจะแทรกตัวฝ่าฝูงชนเข้ามาจากด้านหลัง เพื่อที่จะไปด้านหน้า แต่ก็ไม่มีใครยอมหลีกทางให้เขาเลย

“ไอ้พวกเวรนี่! พวกแกยังอยากจะดูละครหนังหมานี่อยู่จริงหรือเปล่าวะ!”

เซียวเฟิงพูดขึ้นมาเสียงดัง เขาวนอยู่บริเวณนี้มาพักใหญ่ ๆ แล้วก่อนจะเห็นว่าคนของกิลด์กลอรี่นั้นอยู่ที่ด้านล่างของหุบเขารอยแยกนี่ ทว่าเมื่อเขาพยายามที่จะลงไป ฝูงชนเหล่านี้ก็ขวางทางจนชายหนุ่มจนไม่สามารถลงไปได้ ยิ่งเวลาเริ่มการต่อสู้ใกล้เข้ามาถึง มันก็ยิ่งทำให้เขาดูแย่มากขึ้นไปอีก

“จะได้ดูหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับแกวะ! ในเมื่อแกมาช้า ก็กลับไปดูถ่ายทอดสดไป๊! ที่นี่ไม่มีที่ว่างแล้ว!”

ผาที่เต็มไปด้วยจีนมุงนี้ไม่มีใครอยากจะยอมเปิดทางให้เซียวเฟิง แถมพวกเขายังรวมหัวกันไล่เซียวเฟิงออกไปด้วย

“เสี่ยวเสวี่ย ออกมา!”

พวกคนหัวแข็งที่เตรียมจะใช้กำลังขับไล่เซียวเฟิงต้องชะงักลงไปเมื่อเห็นสัตว์ขี่ที่ปรากฏต่อหน้า

“พวกเวรนี่!” เซียวเฟิงตะโกนก้องแล้วเก็บของที่ใช้ปิดบังตัวตนของเขาลงไป

ในทันทีแสงสว่างจากชิ้นอุปกรณ์ต่าง ๆ มันก็ส่องประกายออกมาต่อสายตาของทุกคน

เกราะหัวที่สวมนั้นคืออาร์ติแฟคท์ มีรูปร่างเหมือนกระโหลกมังกรที่ยกหัวขึ้นราวกับกำลังขู่คำรามไปบนท้องฟ้า ใต้เกราะหัวก็ยังมีหน้ากากกระโหลกปิดบังใบหน้าของเซียวเฟิงอีกทีหนึ่ง ดวงตาของเขาทั้งสองข้างก็เปล่งแสงคนละสีกัน ข้างหนึ่งเปล่งแสงสีเขียวประดุจไฟแห่งวิญญาณขึ้นมา ในขณะที่อีกข้างหนึ่งนั้นมืดสนิทประดุจต้นกำเนิดแห่งความมืด

ชุดเกราะกระดูกกับชุดมังกรปีศาจที่อยู่บนตัวนั้นจับคู่กันได้อย่างลงตัว เสื้อเกราะโครงกระดูกบนตัวนั้นทำให้เขาดูเหมือนเป็นชายที่มีแต่ซี่โครงปรากฏออกมา ร่างกายตั้งแต่ส่วนบนลงไปยังด้านล่างนั้นจะเห็นชิ้นส่วนสีขาวปกคลุมอยู่เต็มไปหมดเลย ราวกับว่าเป็นร่างกายที่ถูกชโลมไปด้วยงาขาวไปแล้ว

ที่แขนขวาของเซียวเฟิงมีกรงเล็บมังกรติดอยู่ ซึ่งมันดูเหมือนจะงอกออกมาจากมือของเขาและงอกยาวไปถึงศอกเลย ในส่วนของแขนซ้ายเองก็มีเกราะแขนกระดูกที่ถึงแม้ชื่อจะเป็นเกราะแขน แต่รูปลักษณ์ของมันกลับเหมือนท่อนแขนที่คลุมทั้งแขนท่อนปลายยาวไปถึงศอกเสียมากกว่า เพราะงั้นตอนนี้ที่ศอกของเซียวเฟิงจึงมีกระดูกงอกยาวออกมา 3 ชิ้นอย่างเห็นได้ชัด

ที่บริเวณเอวเองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เข็มขัดกระดูกนั้นมองยังไงก็เหมือนกระดูกสันหลังที่ถูกนำมาผูกเอวไว้ และที่ตรงด้านหน้าสุดก็มีกระดูกส่วนหัวของมอนสเตอร์ถูกติดเอาไว้

อุปกรณ์เหล่านี้มีบรรยากาศที่น่ากลัวถูกแผ่ขยายออกมาอยู่เรื่อย ๆ และเมื่อมันถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเช่นนี้ มันก็ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างพากันหวาดหวั่นและส่งเสียงอื้ออึงไปพร้อม ๆ กัน

“ว้าว นั่นมันชุดอะไรกันน่ะ?”

“คน ๆ นี้เป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงมีชุดอุปกรณ์ที่ดูดีแบบนี้ได้!?”

ในขณะเดียวกัน ประตูวาร์ปก็เปิดข้าง ๆ ตัวเขาพร้อมกับปลดปล่อย เสี่ยวเสวี่ยออกมา ร่างที่สูงใหญ่นั้นค่อย ๆ เดินผ่านออกมาจากประตูมิติดังกล่าวช้า ๆ จนเป็นที่จับตามอง

เขาสีเงินที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสีเงินงอกยาวออกมาจากกลางหน้าผาก ควบคู่ไปกับปีกขนาดใหญ่ด้านหลังที่แผ่สยายอย่างดงาม มันช่างเป็นภาพที่น่าจับตามองเสียจริง ๆ!

“นั่นมัน..เฮ้ย! นี่มันสัตว์ขี่อันดับ 1 ในแรงค์นี่! ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์! ขะ…ขะ…เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์!”

“ว่ายังไงนะ!? เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์เหรอ!? บ้าเอ้ย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาวุธของเขามันถึงได้เจ๋งขนาดนี้!”

“เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่เป็นอันดับ 1 ในอันดับอุปกรณ์ทั้งหมด แสดงว่าอุปกรณ์บนตัวเขาจะต้องมูลค่าสูงมากเลยแน่ ๆ ว่าไหม? เฮ้ นายน่ะ คิดว่าชิ้นไหนกันที่เป็นอาร์ติแฟคท์?”

“ให้ตายเถอะ! ดูสัตว์ขี่เขาสิ สวยจริง ๆ ! มันมีปีกด้วย ฉันเดาได้เลยว่ามันต้องบินได้แน่ ๆ !”

“ไอ้โง่เชอร์ล็อคเอ้ย! ปีกเบ้อเริ่มขนาดนั้นมันก็ต้องบินได้สิวะ! แถมไม่ใช่ช้า ๆ ด้วย!”

“สัตว์ขี่จำพวกยูนิคอร์นน่ะก็ต้องบินได้อยู่แล้ว!”

“ว้าว! ฉันอยากจะได้ความรู้สึกตอนบินอยู่ในอากาศจัง! โว้ยยยยย อยากได้สัตว์ขี่แบบนี้จริง ๆ !”

“ฉันก็เหมือนกัน! ถ้าสมมุติเรามีสัตว์ขี่แบบนั้นบ้างล่ะก็ พวกสาว ๆ ได้ติดกันตรึมแน่! ฉันบอกเลยนะว่าขี่เจ้านั่นดูดีมีสไตล์กว่ารถหรูทุกคันเลย!”

ตอนนั้นเอง เหล่าคนที่กำลังถ่ายทอดสดบรรยากาศรอบ ๆ อยู่ก็รีบหันมาโฟกัสที่เซียวเฟิงโดยเร็ว ซึ่งในขณะเดียวกัน สไปรท์ตัวอื่น ๆ ก็บินมารวมกันที่หน้าผาที่เซียวเฟิงปรากฏตัวเพื่อถ่ายทอดสดด้วย นี่เป็นความสามารถพิเศษของสไปรท์ที่เป็นรุ่นสำหรับใช้งานระยะไกล และในบรรดาสไปรท์เหล่านี้ก็มีสไปรท์ของเล่าสวีอยู่ด้วย

ในทันทีที่ร่างอันแข็งแกร่งและน่ากลัวของเซียวเฟิงปรากฏขึ้นต่อสายตาผู้เล่นทุกคนที่ดูไลฟ์สดอยู่ พวกเขาก็เห็นร่างของยูนิคอร์นสีขาวสะอาดนามว่าเสี่ยวเสวี่ยไปพร้อม ๆ กันด้วย

ระบบการใช้สไปรท์สำหรับถ่ายวีดีโอนี้จะทำให้ผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในโหมดต่อสู้สามารถถ่ายวีดีโอเก็บไว้ได้ รูปร่างของมันเหมือนวิญญาณที่ไม่มีสสารตายตัว ไม่มีมอนสเตอร์หรือ NPC ตนไหนเห็นหรือสัมผัสมันได้ หรือพูดให้ง่ายขึ้นก็คือ สไปรท์นั้นเป็นระบบที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อต่อสู้แต่อย่างใด

“เลิกตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมได้แล้ว ไอ้พวกโง่! รีบเปิดทางให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เร็ว!”

ใครคนหนึ่งภายในฝูงชนเหล่านั้นเหมือนจะตระหนักได้สติขึ้นมาแล้ว เขารีบตะโกนบอกและทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ เปิดทางให้เซียวเฟิงสามารถเดินเข้าไปยังหุบเขาได้อย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนมันจะสายไปนิดหน่อย

เพราะเซียวเฟิงนั้นขึ้นไปขี่บนหลังเสี่ยวเสวี่ยไปเสียแล้ว ร่างของยูนิคอร์นสีขาวสยายปีกกว้างก่อนจะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว ผู้ชมตรงหน้าต่างมองตามเป็นตาเดียวกัน แล้วก็พบว่าปลายทางของทั้งสองคือหุบเขาที่มีเหล่าสมาชิกกิลด์กลอรี่รวมตัวกันอยู่จนไม่สามารถนับได้เลย

เสมือนหยดน้ำที่ไหลหยดลงสู่ท้องสมุทรกว้าง ร่างของเซียวเฟิงแทบจะโดนมวลมหาผู้เล่นตรงหน้ากลืนกินไปอย่างง่ายดาย และเมื่อเซียวเฟิงมาปรากฏตัวในสนามประลองขนาดใหญ่แล้ว นั่นหมายถึงการต่อสู้จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า เหล่าสไปรท์ที่บินอยู่รอบ ๆ จึงรีบหันกลับมาจับภาพที่หุบเขารอยแยกในทันที

“อะไรกันน่ะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะตัดสินใจเผชิญหน้ากับคนมากมายขนาดนี้ เขากระโดดลงไปกลางวงทัพศัตรูแบบนั้นเลยเนี่ยนะ?”

การกระทำของเซียวเฟิงทำให้ผู้เล่นจำนวนมากมายต่างตกใจ พวกเขาคิดว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ผู้นี้ไม่รู้จำนวนที่แท้จริงของทัพใหญ่ตรงหน้าบ้างเลยหรือไง

“เอาล่ะ เป้าหมายมาแล้ว! เคลื่อนเข้าไป! ฆ่าเขาให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

ตอนนั้นเอง จากบนยอดผาที่สูงที่สุด ไนน์ก็ตะโกนและออกคำสั่งให้โจมตีอย่างไม่ลังเลหรือคุยอะไรกันก่อน

คิดเหรอว่าเซียวเฟิงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจำนวนคนเยอะขนาดไหน? ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มกระโดดออกจากหน้าผา เขาก็เห็นได้ว่าตลอดหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้เล่นมากมายขนาดไหน จำนวนของพวกเขาด้านล่างนี้มีมากพอที่จะทำให้เซียวเฟิงไม่สามารถมองเห็นพื้นได้เลย แม้จะพยายามเพ่งมองแล้วก็ตาม

ที่แห่งนี้เหมือนเป็นนาฬิกาทรายขนาดใหญ่ที่ด้านก้นนั้นมีทรายอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ส่วนเซียวเฟิงก็เป็นแค่เม็ดทรายที่ไม่โดดเด่นอะไรซึ่งกำลังตกลงไปในกองทรายเหล่านั้น

ไม่มีการพูดจาใด ๆ ให้เสียเวลา เซียวเฟิงควบเสี่ยวเสวี่ยเพื่อให้มันดิ่งลงไปกลางวงศัตรูจริง ๆ ในจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มส่งเสี่ยวเสวี่ยกลับมิติสัตว์เลี้ยงไป แสงสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นจากร่างของเซียวเฟิง เขาร่ายบัฟใส่ตัวเองไปแล้ว!

[คุณได้รับผลสกิลของแด๊ด อวยพรชีวิต พลังชีวิตของคุณจะเพิ่มขึ้นอีก 310 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]

[คุณได้รับผลสกิลของแด๊ด อวยพรอาวุธ พลังโจมตีกายภาพของคุณเพิ่มขึ้นอีก 399 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]

[คุณได้รับผลสกิลของแด๊ด อวยพรความกล้า พลังโจมตีเวทมนตร์ของคุณเพิ่มขึ้นอีก 366 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]

[คุณได้รับผลสกิลของแด๊ด อวยพรการป้องกัน พลังป้องกันทางกายภาพของคุณเพิ่มขึ้นอีก 55 หน่วย และพลังป้องกันทางเวทมนตร์เพิ่มขึ้นอีก 51 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] 172 มุ่งหน้าสู่การต่อสู้

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter 172 มุ่งหน้าสู่การต่อสู้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่เซียวเฟิงได้มาเยี่ยมเมืองซือหรานอันงดงาม ทว่าครั้งนี้ที่ด้านนอกเมืองที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนแทนที่จะเป็นในเมือง ผู้เล่นมากมายไม่เพียงแต่เผ่าพันธุ์เอลฟ์ต่างก็ไปรวมตัวกันที่ด้านนอกนั่น ไม่ต้องฉลาดระดับโลกก็รู้ว่าพวกเขาไปทำอะไรกัน

กิลด์กลอรี่เลือกเอาพื้นที่ว่างระหว่างรอยแยกของหุบเขามาเป็นสนามรบ เมื่อมองจากด้านบน จะเห็นว่าพื้นที่แห่งนี้มีรอยแยกแตกจากตรงจุดกึ่งกลางและแผ่ขยายออกไปโดยรอบ และที่จุดกึ่งกลางนั้นก็จมลึกกลายเป็นหุบเขาที่ดูเหมือนอ่างน้ำขนาดยักษ์ก็มิปาน

เหลือเวลาอีก 10 นาทีก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น เซียวเฟิงกลับเห็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาดูเยอะแยะไปหมดเลย

ผู้เล่นที่มาดูมีจำนวนมากในระดับที่พวกเขายืนกันแน่นอยู่บนเชิงผาที่อยู่ใกล้กับหุบเหวนั้น และเพราะมีคนอยู่มากมาย เสียงตะโกนโหวกเหวกจึงดังกระหึ่มราวกับพวกเขากำลังจะทะเลาะกันเสียเอง

“ให้ตายเถอะ! ดูนั่นสิ ทัพใหญ่ของกิลด์กลอรี่เลยนะเนี่ย! นี่พวกเขาเตรียมตัวมาเพื่อสู้กับคนคนเดียวจริง ๆ เหรอ?”

“สหาย ลืมเหรอว่าครั้งนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับใคร? อีกฝ่ายเป็นถึง เจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่น่าเกรงขามเลยนะ! บุรุษผู้เป็นอันดับ 1 ทั้งเลเวล อุปกรณ์ สัตว์เลี้ยง สัตว์ขี่ ความดัง อันดับหนึ่งไปซะทั้งหมดเลยนะ!”

“นายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าในเขตฮัวเซียน่ะมีผู้เล่นอยู่หลายล้านคนเลยนะ แล้วการที่เขาเป็นอันดับหนึ่งท่ามกลางคนทั้งร้อยล้านคนได้เนี่ย มันต้องเป็นคนแบบไหนกัน? ฉันกำลังจะบอกนายว่าฝีมือของเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะน่ากลัวมาก รู้ไหม?! ถ้าหากกิลด์กลอรี่ไม่เอาสมาชิกขนาดนี้มาร่วมทัพ มีหวังได้จบลงที่พวกเขาแพ้เจ้าแห่งฮีลเลอร์แน่ ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาจะโดนดูถูกเอานะ”

“ใช่แล้ว เจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะแข็งแกร่งมากจริง ๆ นะ ความแข็งแกร่งของเขาน่ะ มันมากเกินกว่าที่พวกเราจะคาดเดาได้ไปแล้ว กิลด์กลอรี่ต้องเตรียมตัวระดับนี้แหละ หากคิดจะโค่นเขาให้ได้”

“แต่ดูสิ! จำนวนคนนี่ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนเลยนะ! ไม่ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ยังไงเขาก็เป็นแค่ฮิลเลอร์ไม่ใช่หรือไง? ฉันว่าพวกเขาทำเกินไปหน่อยแล้วนะ”

“อืม…”

“เฮ้ จะถึงเวลาแล้วนี่? ทำไมจะครบชั่วโมงแล้วเขายังไม่ปรากฏตัวอีกล่ะ? เจ้าแห่งฮีลเลอร์อยู่ไหน?”

“จริง ๆ พอนายพูดขึ้นมาฉันก็นึกขึ้นได้ พวกเราเองก็มารอที่นี่กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วนะ ทำไมเจ้าแห่งฮีลเลอร์ยังไม่มาอีกล่ะ? เดี๋ยวนะ หรือเขาคิดจะไม่มาตั้งแต่ต้นแล้ว นายคิดเหมือนกันไหม?”

“ฉันว่ามันก็เป็นไปได้ เพราะถ้าเป็นนายเอง นายก็คงไม่อยากจะเอาตัวคนเดียวออกไปสู้กับกิลด์ที่ใหญ่เป็นลำดับ 2 หรอกใช่ไหมล่ะ? แค่คิดก็เหมือนฆ่าตัวตายแล้ว ฉันค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่ใช่คนโง่”

“นายกำลังจะบอกว่าการที่พวกเรามารอกันนี่เสียเวลาใช่หรือเปล่า? เฮอะ แบบนี้ก็หมายความว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ขี้ขลาดไม่กล้าโผล่หน้ามาให้พวกเราเห็นล่ะสิ?”

ตัวหุบเขารอยแยกนั้นไม่ได้ลึกมากนัก จากขอบเหวที่มีคนมุงอยู่นั้นมันก็มีความสูงแค่ราว ๆ 10 เมตรเท่านั้นเอง รอยแยกแห่งนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยเหวทุกทิศทาง หากมีใครสักคนชะโงกหน้าลงมาจากเหวล่ะก็ พวกเขาจะสามารถเห็นผู้เล่นจำนวนมหาศาลที่เบื้องล่าง อันเป็นทัพของกิลด์กลอรี่ได้อย่างชัดเจน…ชัดเจนว่ามันแทบจะกลายเป็นมหาสมุทรผู้เล่นไปแล้ว!

เสียงดังคึกโครมกระจายไปทั่วหน้าผาแห่งนั้น พวกเขาที่มาชมล้วนคุยกันจอแจจนบรรยากาศอันเงียบสงบถูกทำลายไปไม่เหลือชิ้นดี

ไม่ว่าจะมองไปทางไหน จะด้านบนหรือด้านล่างก็มีแต่ผู้เล่น พวกที่อยู่ด้านบนก็อยากจะเห็นว่าด้านล่างมีอะไรจนแทบจะเบียดกันร่วงลงไปแล้ว มวลมหาผู้เล่นเหล่านี้มองไกล ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับคลื่นที่กำลังจะกลืนกินหุบเขารอยแยกนี้เลย

ผู้เล่นทุกคนแม้ว่าจะมีรูปลักษณ์ต่างกัน แต่พวกเขาก็มีบางสิ่งบางอย่างเหมือนกัน นั่นคือเหนือชื่อของพวกเขาเองที่ปรากฏขึ้นบนหัว มันมีคำนำหน้าที่เหมือนกันอยู่อย่างคำว่า ‘กลอรี่’

“พวกเราต้องรอกันอีกนานแค่ไหนน่ะ?”

ที่ด้านบนสุดของหุบผาสูงชันนี้ ร่างของบราเธอร์ไนน์ออฟกลอรี่ กำลังยืนเด่นสง่าด้วยความภาคภูมิใจและหยิ่งผยองอยู่ที่นั่น สายตาของเขาเหลือบมองลงไปยังทัพขนาดใหญ่ที่กำลังเงียบสงัดเบื้องล่าง แต่แล้วทันใดนั้น ท่าทีอันสูงส่งก็หายไปเมื่อเขาหันกลับไปหายังบุคคลที่อยู่ด้านหลัง

ที่ด้านหลังของไนน์นั้นมีผู้เล่นอีกคนหนึ่งที่มีคำว่า ‘กลอรี่’ จารึกอยู่เหนือชื่อเช่นกัน “อีก 1 นาทีจะเริ่มการต่อสู้ครับ” ชายคนนั้นตอบหลังจากเหลียวมองเวลาแล้ว

ไนน์พยักหน้าและนิ่งเงียบไป รอยยิ้มสะใจปรากฏขึ้นให้เห็นที่ริมฝีปากของเขา “มันจะดีซะยิ่งกว่าถ้าเขาไม่ยอมมาน่ะ” เขาคิด

แผนนี้ถูกวางไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้าหากเซียวเฟิงไม่ปรากฏตัวออกมา พวกเกรียนคีย์บอร์ดในเขตก็จะตั้งกระทู้ดูหมิ่นขึ้นมาโดยมีผู้เล่นอันดับ 1 ในเขตฮัวเซียเป็นเหยื่ออารมณ์

กลับกันหากเซียวเฟิงปรากฏตัวขึ้นมา เรื่องนี้ก็จะยุ่งยากมากขึ้นไปอีกแน่ ๆ

เขารู้ว่าเซียวเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน ต่อให้กิลด์ของเขาจะสามารถโค่นเซียวเฟิงลงได้ในท้ายที่สุด ความเสียหายก็คงจะไม่ใช่น้อย ๆ รวมไปถึงต้องเสียสละสมาชิกหลายชีวิตเพื่อให้มันประสบความสำเร็จ แน่นอนว่ามันจะทำให้ชื่อเสียงของกิลด์กลอรี่ต้องด่างพร้อยแน่ ๆ และมันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ไนน์คิดจะทำ

ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงและมาแรงมากมายต่างยืนอยู่ด้านหลังไนน์ ไม่เว้นแม้แต่เล่าสวี (ผู้ที่กำลังไลฟ์) และตัวแทนจากกิลด์อื่น ๆ ที่แฝงตัวมาในฝูงผู้เล่นที่มาดูในตอนนี้ แต่พวกเขาเพียงแค่มายืนอยู่ด้านหลังไนน์บนผาเฉย ๆ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะอยู่ฝั่งไนน์แต่อย่างใด เหตุผลที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมุมผานี้มันสามารถมองเห็นทั่วทั้งสนามรบได้ชัดเจนที่สุดต่างหาก

จริง ๆ แล้วที่ผานั้นไม่ได้มีเพียงเล่าสวีที่มาไลฟ์สด ยังมีคนอื่น ๆ มาไลฟ์อีกหลายคนที่หาตำแหน่งถ่ายทอดสดเหมาะ ๆ ได้แล้ว ข่าวคราวเรื่องการต่อสู้นี้จะกระจายไปทั่วทั้งเขตฮัวเซียในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่มันก็ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้เล่นเป็นจำนวนมาก อีกทั้งนี่ยังเป็นเวลากลางคืน เวลาที่ผู้เล่นออนไลน์มากที่สุด ดังนั้นไม่มีใครอยากพลาดอีเวนท์ใหญ่ระดับนี้แน่ ๆ

เพราะบริเวณนี้ไม่ได้มีพื้นที่เพียงพอให้ทุกคนได้รับชมแบบเกาะติดข้างสนาม ดังนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะใช้วิธีการรับชมถ่ายทอดสดเหล่านี้แทนเพื่อชมการต่อสู้

เสียงโหวกเหวกก่อนหน้าเริ่มจะพากันเงียบลงช้า ๆ พวกเขากำลังนับถอยหลังสู่จุดเริ่มต้นแห่งการต่อสู้ ทุกคนในที่แห่งนี้ ต่างก็หวังว่าจะได้เห็นการต่อสู้แห่งเกียรติยศด้วยตาของตนเองให้ได้

แล้วแบบนี้เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะปรากฏตัวออกมาจริง ๆ เหรอ? มองยังไงนี่มันก็การฆ่าตัวตายดี ๆ นั่นเอง ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะหากเขาจะไม่ปรากฏตัวออกมาจริง ๆ น่ะ

รอยยิ้มน้อย ๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้าของไนน์แล้ว นี่คือสิ่งที่เขาอยากจะเห็นจริง ๆ ชายหนุ่มหวังความเงียบงันนี้จะคงอยู่ จนกว่าผู้คนจะแยกย้ายกันไปด้วยความผิดหวัง

“ขอทางหน่อย! ขอทางหน่อย!”

“เฮ้ย!? เป็นบ้าอะไรวะ! อย่าดันสิ!! ข้างหน้านี่ไม่มีที่ยืนแล้วนะเว้ย!”

“ถ้าอยากได้ที่ยืนทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้ล่ะวะ!”

ใครบางคนพยายามจะแทรกตัวฝ่าฝูงชนเข้ามาจากด้านหลัง เพื่อที่จะไปด้านหน้า แต่ก็ไม่มีใครยอมหลีกทางให้เขาเลย

“ไอ้พวกเวรนี่! พวกแกยังอยากจะดูละครหนังหมานี่อยู่จริงหรือเปล่าวะ!”

เซียวเฟิงพูดขึ้นมาเสียงดัง เขาวนอยู่บริเวณนี้มาพักใหญ่ ๆ แล้วก่อนจะเห็นว่าคนของกิลด์กลอรี่นั้นอยู่ที่ด้านล่างของหุบเขารอยแยกนี่ ทว่าเมื่อเขาพยายามที่จะลงไป ฝูงชนเหล่านี้ก็ขวางทางจนชายหนุ่มจนไม่สามารถลงไปได้ ยิ่งเวลาเริ่มการต่อสู้ใกล้เข้ามาถึง มันก็ยิ่งทำให้เขาดูแย่มากขึ้นไปอีก

“จะได้ดูหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับแกวะ! ในเมื่อแกมาช้า ก็กลับไปดูถ่ายทอดสดไป๊! ที่นี่ไม่มีที่ว่างแล้ว!”

ผาที่เต็มไปด้วยจีนมุงนี้ไม่มีใครอยากจะยอมเปิดทางให้เซียวเฟิง แถมพวกเขายังรวมหัวกันไล่เซียวเฟิงออกไปด้วย

“เสี่ยวเสวี่ย ออกมา!”

พวกคนหัวแข็งที่เตรียมจะใช้กำลังขับไล่เซียวเฟิงต้องชะงักลงไปเมื่อเห็นสัตว์ขี่ที่ปรากฏต่อหน้า

“พวกเวรนี่!” เซียวเฟิงตะโกนก้องแล้วเก็บของที่ใช้ปิดบังตัวตนของเขาลงไป

ในทันทีแสงสว่างจากชิ้นอุปกรณ์ต่าง ๆ มันก็ส่องประกายออกมาต่อสายตาของทุกคน

เกราะหัวที่สวมนั้นคืออาร์ติแฟคท์ มีรูปร่างเหมือนกระโหลกมังกรที่ยกหัวขึ้นราวกับกำลังขู่คำรามไปบนท้องฟ้า ใต้เกราะหัวก็ยังมีหน้ากากกระโหลกปิดบังใบหน้าของเซียวเฟิงอีกทีหนึ่ง ดวงตาของเขาทั้งสองข้างก็เปล่งแสงคนละสีกัน ข้างหนึ่งเปล่งแสงสีเขียวประดุจไฟแห่งวิญญาณขึ้นมา ในขณะที่อีกข้างหนึ่งนั้นมืดสนิทประดุจต้นกำเนิดแห่งความมืด

ชุดเกราะกระดูกกับชุดมังกรปีศาจที่อยู่บนตัวนั้นจับคู่กันได้อย่างลงตัว เสื้อเกราะโครงกระดูกบนตัวนั้นทำให้เขาดูเหมือนเป็นชายที่มีแต่ซี่โครงปรากฏออกมา ร่างกายตั้งแต่ส่วนบนลงไปยังด้านล่างนั้นจะเห็นชิ้นส่วนสีขาวปกคลุมอยู่เต็มไปหมดเลย ราวกับว่าเป็นร่างกายที่ถูกชโลมไปด้วยงาขาวไปแล้ว

ที่แขนขวาของเซียวเฟิงมีกรงเล็บมังกรติดอยู่ ซึ่งมันดูเหมือนจะงอกออกมาจากมือของเขาและงอกยาวไปถึงศอกเลย ในส่วนของแขนซ้ายเองก็มีเกราะแขนกระดูกที่ถึงแม้ชื่อจะเป็นเกราะแขน แต่รูปลักษณ์ของมันกลับเหมือนท่อนแขนที่คลุมทั้งแขนท่อนปลายยาวไปถึงศอกเสียมากกว่า เพราะงั้นตอนนี้ที่ศอกของเซียวเฟิงจึงมีกระดูกงอกยาวออกมา 3 ชิ้นอย่างเห็นได้ชัด

ที่บริเวณเอวเองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน เข็มขัดกระดูกนั้นมองยังไงก็เหมือนกระดูกสันหลังที่ถูกนำมาผูกเอวไว้ และที่ตรงด้านหน้าสุดก็มีกระดูกส่วนหัวของมอนสเตอร์ถูกติดเอาไว้

อุปกรณ์เหล่านี้มีบรรยากาศที่น่ากลัวถูกแผ่ขยายออกมาอยู่เรื่อย ๆ และเมื่อมันถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเช่นนี้ มันก็ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างพากันหวาดหวั่นและส่งเสียงอื้ออึงไปพร้อม ๆ กัน

“ว้าว นั่นมันชุดอะไรกันน่ะ?”

“คน ๆ นี้เป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงมีชุดอุปกรณ์ที่ดูดีแบบนี้ได้!?”

ในขณะเดียวกัน ประตูวาร์ปก็เปิดข้าง ๆ ตัวเขาพร้อมกับปลดปล่อย เสี่ยวเสวี่ยออกมา ร่างที่สูงใหญ่นั้นค่อย ๆ เดินผ่านออกมาจากประตูมิติดังกล่าวช้า ๆ จนเป็นที่จับตามอง

เขาสีเงินที่เปล่งประกายไปด้วยแสงสีเงินงอกยาวออกมาจากกลางหน้าผาก ควบคู่ไปกับปีกขนาดใหญ่ด้านหลังที่แผ่สยายอย่างดงาม มันช่างเป็นภาพที่น่าจับตามองเสียจริง ๆ!

“นั่นมัน..เฮ้ย! นี่มันสัตว์ขี่อันดับ 1 ในแรงค์นี่! ยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์! ขะ…ขะ…เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์!”

“ว่ายังไงนะ!? เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์เหรอ!? บ้าเอ้ย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอาวุธของเขามันถึงได้เจ๋งขนาดนี้!”

“เขาคือเจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่เป็นอันดับ 1 ในอันดับอุปกรณ์ทั้งหมด แสดงว่าอุปกรณ์บนตัวเขาจะต้องมูลค่าสูงมากเลยแน่ ๆ ว่าไหม? เฮ้ นายน่ะ คิดว่าชิ้นไหนกันที่เป็นอาร์ติแฟคท์?”

“ให้ตายเถอะ! ดูสัตว์ขี่เขาสิ สวยจริง ๆ ! มันมีปีกด้วย ฉันเดาได้เลยว่ามันต้องบินได้แน่ ๆ !”

“ไอ้โง่เชอร์ล็อคเอ้ย! ปีกเบ้อเริ่มขนาดนั้นมันก็ต้องบินได้สิวะ! แถมไม่ใช่ช้า ๆ ด้วย!”

“สัตว์ขี่จำพวกยูนิคอร์นน่ะก็ต้องบินได้อยู่แล้ว!”

“ว้าว! ฉันอยากจะได้ความรู้สึกตอนบินอยู่ในอากาศจัง! โว้ยยยยย อยากได้สัตว์ขี่แบบนี้จริง ๆ !”

“ฉันก็เหมือนกัน! ถ้าสมมุติเรามีสัตว์ขี่แบบนั้นบ้างล่ะก็ พวกสาว ๆ ได้ติดกันตรึมแน่! ฉันบอกเลยนะว่าขี่เจ้านั่นดูดีมีสไตล์กว่ารถหรูทุกคันเลย!”

ตอนนั้นเอง เหล่าคนที่กำลังถ่ายทอดสดบรรยากาศรอบ ๆ อยู่ก็รีบหันมาโฟกัสที่เซียวเฟิงโดยเร็ว ซึ่งในขณะเดียวกัน สไปรท์ตัวอื่น ๆ ก็บินมารวมกันที่หน้าผาที่เซียวเฟิงปรากฏตัวเพื่อถ่ายทอดสดด้วย นี่เป็นความสามารถพิเศษของสไปรท์ที่เป็นรุ่นสำหรับใช้งานระยะไกล และในบรรดาสไปรท์เหล่านี้ก็มีสไปรท์ของเล่าสวีอยู่ด้วย

ในทันทีที่ร่างอันแข็งแกร่งและน่ากลัวของเซียวเฟิงปรากฏขึ้นต่อสายตาผู้เล่นทุกคนที่ดูไลฟ์สดอยู่ พวกเขาก็เห็นร่างของยูนิคอร์นสีขาวสะอาดนามว่าเสี่ยวเสวี่ยไปพร้อม ๆ กันด้วย

ระบบการใช้สไปรท์สำหรับถ่ายวีดีโอนี้จะทำให้ผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในโหมดต่อสู้สามารถถ่ายวีดีโอเก็บไว้ได้ รูปร่างของมันเหมือนวิญญาณที่ไม่มีสสารตายตัว ไม่มีมอนสเตอร์หรือ NPC ตนไหนเห็นหรือสัมผัสมันได้ หรือพูดให้ง่ายขึ้นก็คือ สไปรท์นั้นเป็นระบบที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อต่อสู้แต่อย่างใด

“เลิกตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมได้แล้ว ไอ้พวกโง่! รีบเปิดทางให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์เร็ว!”

ใครคนหนึ่งภายในฝูงชนเหล่านั้นเหมือนจะตระหนักได้สติขึ้นมาแล้ว เขารีบตะโกนบอกและทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ เปิดทางให้เซียวเฟิงสามารถเดินเข้าไปยังหุบเขาได้อย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนมันจะสายไปนิดหน่อย

เพราะเซียวเฟิงนั้นขึ้นไปขี่บนหลังเสี่ยวเสวี่ยไปเสียแล้ว ร่างของยูนิคอร์นสีขาวสยายปีกกว้างก่อนจะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว ผู้ชมตรงหน้าต่างมองตามเป็นตาเดียวกัน แล้วก็พบว่าปลายทางของทั้งสองคือหุบเขาที่มีเหล่าสมาชิกกิลด์กลอรี่รวมตัวกันอยู่จนไม่สามารถนับได้เลย

เสมือนหยดน้ำที่ไหลหยดลงสู่ท้องสมุทรกว้าง ร่างของเซียวเฟิงแทบจะโดนมวลมหาผู้เล่นตรงหน้ากลืนกินไปอย่างง่ายดาย และเมื่อเซียวเฟิงมาปรากฏตัวในสนามประลองขนาดใหญ่แล้ว นั่นหมายถึงการต่อสู้จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า เหล่าสไปรท์ที่บินอยู่รอบ ๆ จึงรีบหันกลับมาจับภาพที่หุบเขารอยแยกในทันที

“อะไรกันน่ะ? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะตัดสินใจเผชิญหน้ากับคนมากมายขนาดนี้ เขากระโดดลงไปกลางวงทัพศัตรูแบบนั้นเลยเนี่ยนะ?”

การกระทำของเซียวเฟิงทำให้ผู้เล่นจำนวนมากมายต่างตกใจ พวกเขาคิดว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ผู้นี้ไม่รู้จำนวนที่แท้จริงของทัพใหญ่ตรงหน้าบ้างเลยหรือไง

“เอาล่ะ เป้าหมายมาแล้ว! เคลื่อนเข้าไป! ฆ่าเขาให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”

ตอนนั้นเอง จากบนยอดผาที่สูงที่สุด ไนน์ก็ตะโกนและออกคำสั่งให้โจมตีอย่างไม่ลังเลหรือคุยอะไรกันก่อน

คิดเหรอว่าเซียวเฟิงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีจำนวนคนเยอะขนาดไหน? ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มกระโดดออกจากหน้าผา เขาก็เห็นได้ว่าตลอดหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้เล่นมากมายขนาดไหน จำนวนของพวกเขาด้านล่างนี้มีมากพอที่จะทำให้เซียวเฟิงไม่สามารถมองเห็นพื้นได้เลย แม้จะพยายามเพ่งมองแล้วก็ตาม

ที่แห่งนี้เหมือนเป็นนาฬิกาทรายขนาดใหญ่ที่ด้านก้นนั้นมีทรายอยู่เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ส่วนเซียวเฟิงก็เป็นแค่เม็ดทรายที่ไม่โดดเด่นอะไรซึ่งกำลังตกลงไปในกองทรายเหล่านั้น

ไม่มีการพูดจาใด ๆ ให้เสียเวลา เซียวเฟิงควบเสี่ยวเสวี่ยเพื่อให้มันดิ่งลงไปกลางวงศัตรูจริง ๆ ในจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มส่งเสี่ยวเสวี่ยกลับมิติสัตว์เลี้ยงไป แสงสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นจากร่างของเซียวเฟิง เขาร่ายบัฟใส่ตัวเองไปแล้ว!

[คุณได้รับผลสกิลของแด๊ด อวยพรชีวิต พลังชีวิตของคุณจะเพิ่มขึ้นอีก 310 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]

[คุณได้รับผลสกิลของแด๊ด อวยพรอาวุธ พลังโจมตีกายภาพของคุณเพิ่มขึ้นอีก 399 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]

[คุณได้รับผลสกิลของแด๊ด อวยพรความกล้า พลังโจมตีเวทมนตร์ของคุณเพิ่มขึ้นอีก 366 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]

[คุณได้รับผลสกิลของแด๊ด อวยพรการป้องกัน พลังป้องกันทางกายภาพของคุณเพิ่มขึ้นอีก 55 หน่วย และพลังป้องกันทางเวทมนตร์เพิ่มขึ้นอีก 51 หน่วย เป็นเวลา 60 วินาที!]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+