Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] 293 ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพ

Now you are reading Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] Chapter 293 ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 293 ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพ
บทที่ 293 ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพ

มันเป็นเวลาตีสามแล้วกว่าเซียวเฟิงจะกลับมาถึงคฤหาสน์ เมื่อเข้าไปภายในชายหนุ่มก็พบว่าไฟในห้องนั่งเล่นนั้นยังเปิดอยู่ โดยที่ภายในห้องนั้นมีหลิวเฉียงเหว่ย ซือเยี่ยจิ๋ง และเฉียนโตวโตวกำลังนั่งรอเขากลับมา

“จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว พวกเธอกลับไปนอนกันเลยก็ได้ หรือถ้ายังไม่ง่วงจะล็อกอินเข้าเกมต่อก็ตามใจ” เซียวเฟิงพูดกับทั้งสามสาว

ปัญหาถูกจัดการไปแล้วจริง ๆ พวกแก๊งชิงหลงนั้นติดสินบนตำรวจไว้เพื่อไม่ให้ตำรวจเข้ามายุ่งกับเรื่องที่เกิดในอาคารหลังนี้ เพราะงั้นต่อให้สมาชิกแก๊งหลายร้อยคนจะหายตัวไปโดยที่ตำรวจไม่ได้เข้ามายุ่ง พวกเขาก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงหรือสืบหาความจริงอยู่ดี

หรือต่อให้แก๊งชิงหลงจะเจออะไรบางอย่างที่ผิดปกติในเร็ว ๆ นี้ เซียวเฟิงก็ชิงทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องหมดแล้ว พวกนั้นไม่มีทางสืบหาเบาะแสได้อย่างแน่นอน

ทั้งสามสาวไม่ได้พูดอะไร พวกเธอเพียงจ้องมองไปยังเซียวเฟิงเท่านั้น

เซียวเฟิงไม่ได้ใส่ใจท่าทีของพวกเธอนัก เขาย้อนกลับไปยังห้องของตนเองเพื่อที่จะอาบน้ำ

ชายหนุ่มรีบอาบน้ำและออกมาเนื่องจากเขายังห่วงเรื่องมหาสุสานใต้พิภพอยู่ ชุดเซ็ตมังกรปีศาจของเขามันเกือบครบแล้ว ดังนั้นตัวเองจะไม่รอจนกระทั่งถึงพรุ่งนี้แน่ ๆ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เซียวเฟิงกำลังเช็ดผมที่เปียกชื้นด้วยผ้าเช็ดตัวและเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาก็พบว่าใครบางคนเข้ามาอยู่ในห้องเขาแล้ว

“มาทำอะไรที่นี่น่ะ?” มือทั้งสองข้างยังคงเช็ดหัวไปเรื่อยขณะก้าวขาก็พาร่างที่เพิ่งอาบน้ำใหม่ ๆ ตรงไปที่เตียง เซียวเฟิงเอ่ยถามซือเยี่ยจิ๋งที่เข้ามานั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย

“ฉัน…เอ่อ…จะมาขอโทษนาย…” ซือเยี่ยจิ๋งหันไปมองเซียวเฟิงด้วยความตื่นเต้น

“ขอโทษ? ขอโทษฉันทำไม?” ได้ฟังเช่นนั้นเซียวเฟิงก็ยิ่งสงสัย ผมของเขาแห้งในเวลาอันสั้น ดังนั้นเจ้าตัวจึงโยนผ้าเช็ดตัวไปพาดที่ไหนสักแห่งก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียง และยื่นมือไปหยิบเอาหมวกเล่นเกมมาถือไว้

“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมีปัญหากับนายก่อนหน้านี้หรอกนะ…เอ่อ…ฉันแค่ไม่สามารถยอมรับมันได้…” สาวเจ้าพูดตะกุกตะกักโดยที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธออ้วกและอึดอัดก่อนหน้านี้

“เรื่องนั้นเองสินะ ช่างมันเถอะ ใคร ๆ ก็เป็นแบบนั้นกันหมดนั่นแหละ”

เซียวเฟิงส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจในสิ่งที่เธอพูด เขารู้แล้วว่าซือเยี่ยจิ๋งกำลังพูดถึงเรื่องอะไร

สำหรับคนในยุคสมัยใหม่นี้ ความรุนแรงสามารถเห็นได้ในทีวีเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ดังนั้นหากได้มาเห็นภาพที่รุนแรงเช่นนั้นในชีวิตจริง ไม่ว่าใครก็ต้องอ้วกเป็นเรื่องธรรมดา

“ฉันไม่ได้คิดว่ามันน่ารังเกียจหรอกนะ แต่แค่แบบ…ฉันทนไม่ได้เฉย ๆ … นายอุตส่าห์มาช่วยฉันกับพี่เฉียงเหว่ย…แต่ฉันกลับทำท่าทีแบบนั้นใส่ ถ้ามันทำให้นายไม่สบายใจล่ะก็ ฉันต้องขอโทษด้วย”

ซือเยี่ยจิ๋งพยายามพูดอย่างระมัดระวัง แน่นอนเธอรู้ว่าการที่เซียวเฟิงต้องฆ่าคนมากมายนั้นก็เพื่อพวกเธอ แต่ยังไงการกระทำบางอย่างของเขามันก็เข้าใจได้ยาก เพราะงั้นเธอจึงรีบมาขอโทษเซียวเฟิงเสียก่อน

นอกจากนี้ เธอยังแอบสงสัยด้วยว่าการที่เซียวเฟิงเริ่มลงมือฆ่าชายชุดดำพวกนั้น เป็นเพราะเขาเห็นรอยตบใบหน้าของเธอหรือเปล่า หากไม่มีรอยนั่นล่ะก็ บางทีอาจจะไม่มีใครตายก็ได้…

ครั้นเมื่อพอได้คิดเรื่องนี้ ซือเยี่ยจิ๋งก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นแรงและแน่นหน้าอกไปหมด ในหัวของเธอนั้นมีความคิดต่าง ๆ แล่นไปมาไม่หยุดเลย

“ไม่เป็นไร” เซียวเฟิงไม่อยากจะพูดทวนซ้ำคำพูดเขาอีก ตอนนี้เขาอยากจะสวมหมวกแล้วล็อกอินเกมเต็มแก่แล้ว

“ไม่! ฉันรู้จักนายดี นายไม่เคยต้องเสียอะไรไป รวมถึงผลประโยชน์ ต่อให้นายพูดว่าไม่เป็นไร ในใจนายเองก็อาจจะยังไม่สบายใจก็ได้ ถ้ายังไง…ให้ฉันชดเชยให้ได้ไหม?” ซือเยี่ยจิ๋งพูดแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดด้วยความลังเล

“เชิญตามสะดวก” เซียวเฟิงไม่อยากพูดมากไปกว่านี้แล้ว เพราะงั้นเขาจึงเอนตัวนอนดี ๆ แล้วสวมหมวกเล่นเกมไปเพื่อล็อกอินทันที

“ถ้างั้น…ให้ฉันนอนกับนายหนึ่งคืนเป็นไง? อ๊ะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ! แบบว่าชดเชยด้วยจิตใจ อะไรแบบนี้! แค่นอนเท่านั้น! ฉันจะนอนบนเตียงนี้กับนายแล้วเล่นเกมอย่างเดียว! นายก็ห้ามทำอะไรฉันด้วย!”

หญิงสาวพูดโดยที่ไม่กล้าหันกลับไปมองเซียวเฟิงที่อยู่ด้านข้างเพราะความประหม่า แต่หลังจากที่ไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ พักใหญ่ ๆ จากเซียวเฟิง เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่พบก็คือเซียวเฟิงสวมหมวกเล่นเกมไปแล้ว หนำซ้ำยังเข้าเกมไปแล้วอีกด้วย

“คนบ้า! คนเลว! ไปลงนรกเลยไป๊! ใช้ชีวิตที่เหลือของนายไปกับเกมซะให้พอใจเลย!!”

เธอรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะก่อนจะกลับมาระเบิดด้วยความโกรธ ซือเยี่ยจิ๋งลุกขึ้นและเตะไปที่ขาของเซียวเฟิงอย่างรุนแรง ฟันขบกัดแน่นก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป

เซียวเฟิงกำลังยืนรอใครบางคนอยู่ที่หน้ามหาสุสานใต้พิภพ ไม่นานนัก เฉียนโตวโตวก็รีบล็อกอินตามเข้ามาติด ๆ แล้วแจ้งไปยังผู้เล่นหญิงที่มาด้วยกันก่อนหน้าให้กลับมาอัปเลเวลกันต่อ

“พี่เซียว ฉันได้ยินมาว่าพี่ฆ่าคนมาเยอะมากเลย ใช่ม้า?”

ขณะที่กำลังรอให้คนอื่น ๆ มารวมตัวกัน เฉียนโตวโตวก็เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเบา

“ทำไม? เธอคิดว่าฉันผิดหรือไง? หรือเธอจะคิดว่าฉันน่ากลัวเกินไป?” เซียวเฟิงพูดพลางหัวเราะ

“ไม่ ๆๆ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามที่พี่ทำมันต้องเป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว!”

เมื่อโดนถามแบบนั้นเฉียนโตวโตวก็รีบส่ายหน้าแล้วตอบไปอย่างรวดเร็ว กระนั้นแล้วก็ยังมีบางเรื่องที่เธอพูดอย่างลังเลอยู่ “แต่ในเมื่อพี่เซียวทำเรื่องพวกนั้นลงไปแล้ว…มันจะกลายเป็นปัญหาขึ้นมาจริง ๆ นะ การฆ่าคนในฮัวเซียน่ะ เรื่องใหญ่จะตายไป!”

“ปัญหามันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก” เซียวเฟิงส่ายหน้า พูดกับเฉียนโตวโตวที่เงียบไปด้วยความกังวล …และเพราะอดไม่ได้ ชายหนุ่นจึงยื่นมือไปลูบหัวของเธอด้วยเบา ๆ

การกระทำนี้มันทำให้เฉียนโตวโตวแอบตกใจอยู่ลึก ๆ เธอรีบก้มหัวลงเล็กน้อยด้วยความเขินอาย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากเซียวเฟิงเช่นนี้ และมันก็ทำให้ความกังวลของเธอหายไปอย่างรวดเร็ว

การฆ่าคนไม่กี่ร้อยคนนั้นไม่ได้มีค่าอะไรให้เซียวเฟิงพูดถึงอยู่แล้ว นั่นเพราะตามปกติชายหนุ่มก็ฆ่าคนอยู่เป็นประจำ เพียงแต่นี่เขาไม่ได้อยู่ต่างประเทศ หากตอนนี้ตัวเองอยู่ต่างประเทศละก็ เขาคงจะทำอะไรตามใจแล้ว แต่เพราะนี้เขาอยู่ที่ฮัวเซีย จึงจำเป็นต้องรักษากฏเกณฑ์

เซียวเฟิงไม่กล้าที่จะฆ่าใครกลางวันแสก ๆ ดังนั้นก็มองข้ามคนไม่กี่ร้อยคนไปได้เลย ในตอนกลางวัน ต่อให้ฆ่าใครไปเพียงแค่คนเดียว มันก็ทำให้เขาเจอกับปัญหาใหญ่ได้ง่าย ๆ เลย

กลับกันหากอยู่ในความมืด เขาไม่มีอะไรต้องกังวลทั้งนั้น ขนาดตำรวจยังไม่สนใจธุรกิจที่แก๊งชิงหลงทำอยู่เลย สำหรับเซียวเฟิง ตราบใดที่รัฐบาลไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกแซง ยังไงปัญหาก็มาไม่ถึงตัวเขาแน่นอน

มันอาจจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คิดบ้างหากสาเหตุที่ทำให้สมาชิกแก๊งชิงหลงหลายร้อยคนหายไปอย่างปริศนา แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดี เขาอาจจะต้องฆ่าคนอีกหลายร้อยคน ไม่ว่าจะต้องฆ่าอีกกี่คน หากมันจะทำให้แก๊งชิงหลงไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งอีก มันก็คุ้มค่าแล้ว

“บอสคะ พวกเรามาแล้ว!”

“หวาาา! ทำต่อไปเถอะค่ะ พวกฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”

กลุ่มของผู้เล่นหญิงจากร้านค้ามหาสมบัติที่กลับมาตามคำบอกของเฉียนโตวโตวเผอิญเข้ามาเห็นเซียวเฟิงกำลังลูบหัวบอสของพวกตนพอดี เพราะงั้นพวกเธอจึงรีบตะโกนบอกแล้วหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“พวกเธอนี่มันมารผจญจริง ๆ!”

เฉียนโตวโตวเขินขณะที่จ้องมองลูกทีมของเธอด้วยแววตาอาฆาต แน่นอนว่าสาว ๆ เหล่านี้ไม่ได้เกรงกลัวสายตานั้นอยู่แล้ว แถมยังแอบหัวเราะกันคิกคักอีกด้วย ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งหมดจะสนิทกับเฉียนโตวโตวดี

“ไปกันเถอะ ได้เวลาเก็บเลเวลกันแล้ว”

เซียวเฟิงเข้ามาขัดบทการสนทนาของพวกเธอและกลับมาโฟกัสกับเรื่องในเกมอีกครั้ง

สืบเนื่องมาจากสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ภายในมหาสุสานใต้พิภพนั้นมันสามารถบดบังสายตาของผู้เล่นได้ ทำให้เซียวเฟิงไม่กล้าที่จะเคลื่อนที่เร็วเหมือนตอนที่อยู่บนภูเขากระดูก

อย่างไรก็ตาม เพราะศักยภาพในการสู้ของเขานั้นไม่ใช่น้อย ๆ เขาใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงในการผ่านชั้นที่ 1 ของปราสาทใต้พิภพไปได้ ปล่อยให้กลุ่มสาว ๆ ยังคงกระซิบกระซาบกันอยู่ระหว่างที่มอนสเตอร์ประจำชั้นนี้ถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว

พวกเขาทั้งหมดมุ่งหน้าตรงไปยังชั้น 2 ของปราสาทใต้พิภพ ตามด้วยชั้นที่ 3 เซียวเฟิงจงใจเร่งมือ และมันทำให้พวกเขามาถึงเป้าหมายก่อนเวลาอาหารเช้า… ชั้นที่ 4 ของปราสาทใต้พิภพ!

ที่แห่งนี้ต้องเป็นสถานที่ที่ผู้คุ้มกันตนสุดท้ายของปราสาทใต้พิภพที่เหลืออยู่กลับมาแน่นอน นั่นหมายถึง ชุดเซ็ตมังกรชิ้นสุดท้ายของเขาก็จะต้องอยู่ที่นี่ด้วยแน่ ๆ!

ชายหนุ่มกังวลขึ้นมานิดหน่อย เขารีบจัดการมอนสเตอร์ด่านหน้าของชั้นนี้ให้หมดไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังโถงกลางด้วยความกังวลและความคาดหวัง เซียวเฟิงแอบกลัวว่าที่ชั้นที่ 4 นี้จะไม่มีบอสปรากฏตัวเหมือนกับชั้นที่ 3 มีเพียงทางไปชั้นต่อไปเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นมาหลังจากมอนสเตอร์ทั้งหมดถูกกำจัดไป

“กรรร!”

แต่แล้วความจริงก็เปิดเผย และมันเป็นเครื่องยืนยันให้เซียวเฟิงเลิกกังวลได้เป็นอย่างดี หมอกสีเทาค่อย ๆ ก่อตัวกันที่กลางห้องโถง จากนั้นนักดาบอันเดดร่างสูงก็ปรากฏตัวออกมาจากหมอกสีเทา

ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ

เลเวล : 30

ระดับ : เทพเจ้า

ธาตุ : อันเดด

พลังชีวิต : 200,000 / 200,000 หน่วย

พลังโจมตี : 2,850 – 3,000 หน่วย

พลังโจมตีเวทมนตร์ : 1,900 – 2,000 หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : 2,500 – 2,600 หน่วย

พลังป้องกันเวทมนตร์ : 2,600 – 2,800 หน่วย

สกิล : คลื่นดาบจู่โจม, ระเบิดแรงสูง, ดาบแห่งความตาย, ดาบแห่งความแห้งเหี่ยว, ดาบอันเดด, ผ่าสายฟ้า, ระบำดาบวิญญาณมลายสูญ, ต่อต้านอันเดด, พันธะสัญญาแห่งความตาย, ซากศพ, ขุมพลังแห่งทวยเทพ

คำอธิบาย : ‘ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพ จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีผู้รุกรานเข้ามายังชั้นที่ 4 ของมหาปราสาทใต้พิภพ’

เป็นผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 ที่ตามหาอยู่จริง ๆ ด้วย! มันถือดาบสองมือที่ดูแล้วน่าเกรงขามสุด ๆ เหมือนเมื่อครั้งนั้นไม่มีผิด!

“นะ…นั่นมันบอสระดับเทพเจ้านี่!?”

กลุ่มของสาว ๆ ที่นั่งคุยกันอยู่ห่าง ๆ ต่างก็ถูกเสียงคำรามของผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพเรียกความสนใจไป ทักษะการตรวจจับของพวกเธอตอนนี้ไม่ได้ต่ำเหมือนตอนแรกแล้ว ดังนั้นพวกเธอจึงสามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของบอสตนนี้และอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเสียงดัง

“พวกเธอห้ามเข้ามาตรงนี้นะ!”

เซียวเฟิงหยุดสาว ๆ ที่ดูจะอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อน เพราะตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจนักว่าจะทำอะไรได้บ้างต่อหน้าบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 ที่มีเกราะหนาเป็นพิเศษตนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้ด้วยว่าบอสมีสกิลอะไรบ้าง สิ่งที่รู้ก็มีเพียงถ้ามันเข้าใกล้ได้ เรื่องนี้จบไม่สวยแน่

ผู้เล่นหญิงทั้งหมดที่มาด้วยรีบชะงักเท้ากันไว้ก่อนในทันที ในเมื่อเซียวเฟิงพูดเช่นนั้น พวกเธอเองก็ทำได้เพียงมองบอสระดับแฟรี่นั้นจากระยะไกลเท่านั้น

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะสู้กับบอสตัวนั้นจริง ๆ เหรอ?”

“ไม่นะ! นั่นมันบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 เลยนะ! ไม่ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เขาจัดการบอสระดับนั้นด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอก!”

“ฉันก็ว่างั้น บอสระดับเทพเจ้าน่ะแข็งแกร่งเกินกว่าที่ผู้เล่นคนไหนก็ตามจะรับมือมันคนเดียวได้ ยังไง ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็ต้องหาทางหลบที่จะปะทะกับมันตรง ๆ แหละ”

“ไม่! อย่าลืมสิว่าบนตัวของเจ้าแห่งฮีลเลอร์น่ะ มีอาร์ติแฟกต์เต็มไปหมดเลยนะ ของพวกนั้นน่ะถ้าไม่ใช่บอสระดับเทพเจ้าก็ไม่ดร็อปมาหรอกนะ”

“เธอกำลังจะบอกว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์สามารถรับมือมันได้งั้นเหรอ?”

“ถ้าไม่ใช่แบบนั้นเขาจะมีอาร์ติแฟกต์พวกนั้นเหรอ? เขาจะต้องจัดการบอสตัวนี้ได้แน่ ๆ!”

“มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? บอสตัวนี้มันแข็งแกร่งเกินกว่าจะสู้เสียด้วยซ้ำ! ดู ๆ ไปแล้วฉันว่าต่อให้เป็นกิลด์หลักเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าจะสู้กับมันได้!”

“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว! ดูสิ! เจ้าแห่งฮีลเลอร์เริ่มแล้วนะ!”

ขณะที่สาว ๆ กำลังถกเถียงกัน เซียวเฟิงก็เริ่มต่อสู้อย่างตั้งใจแล้ว

บัฟนั้นไร้ประโยชน์ไปเลยเมื่อต้องเจอกับบอสระดับเทพเจ้าตนนี้ ไม่ว่าจะเป็นบัฟอะไรก็ตาม มันก็แทบไม่ส่งผลเมื่อเจอกับเกราะที่หนาของมัน แล้วไหนจะพลังโจมตีที่พร้อมจะฆ่าเขาได้ด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียวอีก

ไม่ต้องคิดไปถึงตอนโดนฟัน แค่มันพุ่งเข้าประชิดตัวแล้วยกเท้ากระทืบ เขาเองก็น่าจะเละเทะเหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าเซียวเฟิงจะเพิ่มพลังโจมตีของตนหรือไม่ ยังไงเขาก็เจาะเกราะมันไม่เข้าอยู่ดี

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอาร์ติแฟกต์ถึงได้หายากนัก ขนาดที่ว่าไอเทมระดับเทพเจ้าก็ยังขาดแคลน

ด้วยพลังในการต่อสู้ที่สูงกว่าผู้เล่นทั่ว ๆ ไป เซียวเฟิงก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะรับมือกับบอสระดับเทพเจ้าตนนี้ได้ และในเมื่อชายหนุ่มก็ยังรับมือไม่ได้ มันก็ไม่มีทางที่ผู้เล่นคนอื่นจะทำได้แล้ว

-36,000!

-1,800!

-1,800!

-1,800!

โชคยังดีที่เซียวเฟิงไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมันในแบบที่คนอื่นจำเป็นต้องทำ ทุกครั้งที่เขาร่ายสกิลโฮลี่ไลท์และถ้อยคำแห่งเงาออกไป ตัวเลขแสดงความเสียหายปริมาณมหาศาลก็ปรากฏขึ้นบนหัวของผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพให้เห็นเด่นชัด

ส่วนสกิลรักษาของชายหนุ่มนั้น มันไม่สามารถทำความเสียหายเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ ดังนั้นผลของมันเลยถือว่าไม่น่าพอใจเอาเสียเลย

** มาแล้วผู้อ่านจ๋าาา เปิดนิยายให้อ่านฟรี กว่า 700 ตอน **

คัดสรรนิยาย 4 เรื่อง 4 แนว สุดฮิตมาให้อ่านกันตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ ต้องรีบไปอ่านแล้ววว

ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย – 18 เม.ย. นี้

อ่านได้เลยที่ www.enjoybook.co

ติดตามผลงานและข่าวสารจากเราได้ที่ เพจ EnjoyBook

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด