(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 30

Now you are reading (WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! Chapter 30 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บารอน ราเซล

 

บ้านขุนนางถูกลดระดับ

 

ดาวทรัพยากรของพวกเขาถูกยึดโดยจักรวรรดิ และความน่าเชื่อถือทั้งหมดของพวกเขาในฐานะขุนนางก็หายไป

 

บ้านไวเคานต์…ไม่สิ… บ้านบารอน ราเซล กลายเป็นสถานที่ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือพอสำหรับการฝึกอบรมอีกแล้ว

 

“-มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”

 

เมื่อบ้านเบนฟิลด์ถูกโจรสลัดโจมตี พวกเขาก็ถูกสงสัยเพราะไม่ได้เจตนาจะส่งความช่วยเหลือไป

 

สิ่งเดียวที่ดีต่อพวกเขาคือการที่เลียมสังหารผู้ซุ่มโจมตีทั้งหมด

 

นั่นรวมถึงกลุ่มโจรสลัดที่เหลืออยู่ในดินแดนทั้งหมดที่สามารถเล่นงานแรนดอล์ฟได้

 

แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจักรวรรดิจะทุ่มเต็มที่กับการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันจึงนำมาสู่สถานการณ์ดังเช่นปัจจุบัน  

 

เหตุผลที่พวกเขาไม่ทำลายบ้านทั้งหมดก็เพราะว่ามันจะลำบากสำหรับฝ่ายจักรวรรดิที่จะต้องหาคนมาปกครองอาณาเขตของบ้านราเซลในทันที

 

นอกเหนือจากนั้น พวกเขาถูกลงโทษด้วยสิ่งที่พวกเขาทำลงไปอยู่แล้ว

 

บ้านพีตัคที่พวกเขาสานสัมพันธ์ด้วยได้รับการยืนยันแล้วว่าพังทลาย ในขณะที่หนี้สินจำนวนมหาศาลที่พวกพีตัคถืออยู่จะถูกผลักเข้าใส่พวกเขา

 

สาเหตุหลักคือตัวของแคทเทอรีน่าที่แต่งเข้าบ้านพีตัค

 

ถ้าปีเตอร์ตาย เป็นไปได้ที่แคทเทอรีน่าจะเป็นหัวหน้าคนต่อไปของบ้าน

 

คงจะดีสำหรับพวกเขาถ้าเลือกที่จะละทิ้งทุกสิ่งและวิ่งหนีไป แต่พวกเขาก็จะถูกเหล่าขุนนางดูหมิ่นเหยียดหยามและไม่เหลือกระทั้งทางรอดชีวิต

 

พวกเขาจะถูกมองด้วยสายตาที่เย็นชานับแต่นั้นในสังคมชนชั้นสูงของจักรวรรดิ

 

ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร แรนดอล์ฟก็มองไม่เห็นแสงสว่างของอนาคตเลย

 

ในขณะเดียวกัน…

 

“พวกนักธุรกิจทั้งหมดก็จากกันไปหมด”

 

พ่อค้าที่ได้ยินข่าวก็ละทิ้งพวกเขา

 

นักธุรกิจทุกคนที่พวกเขามีความสัมพันธ์ด้วยเริ่มตีตัวออกห่าง… แต่หลังจากการสืบสวนพบว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับพวกโจรสลัด พวกพ่อค้าทั้งหมดจึงใช้โอกาสนี้จากไป

 

ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เห็นท่าไม่ดี ต่างก็ออกไปค้นหาลอร์ดคนใหม่เพื่อรับใช้เช่นกัน

 

คนที่เหลืออยู่คือคนที่ภัคดีกับบ้านราเซลจริงๆ

 

ในหมู่พวกเขามีอัศวินที่ดูแลเลียมอยู่ด้วย

 

“มันเกิดอะไรขึ้น…เราผิดพลาดตรงไหน”

 

แรนดอฟกำลังสิ้นหวัง – และไกด์กำลังเฝ้าดูเขาอยู่

 

เขายืนอยู่ต่อหน้า แต่แรนดอล์ฟมองไม่เห็นเขา

 

“คุณทำให้ฉันผิดหวังคุณแรนดอล์ฟ แต่ด้วยความสิ้นหวังของคุณ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ฉันจะแก้แค้นเลียม โดยใช้พลังที่คุณมอบให้ฉันอย่างแน่นอน”

 

แรนดอล์ฟ ปีเตอร์และคนอื่นๆ อยู่ในความสิ้นหวัง ความคิดด้านลบของพวกเขานำพลังจำนวนเล็กน้อยกลับมาหาไกด์

 

แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาไปต่อกรกับเลียมได้

 

ไกด์กำลังครุ่นคิด

 

“ถ้าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เรามาเปิดเผยทุกอย่างกับเลียมกันเถอะ”

 

ความสำนึกในบุญคุณของเลียมยังคงส่งไปถึงเขาแม้อยู่ไกลแสนไกล

 

หากปราศจากความรู้สึกด้านลบของแรนดอล์ฟหรือปีเตอร์ สถานะของเขาในตอนนี้จะเลวร้ายมาก

 

หากเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น เขาอาจจะหมดพลังและสลายตัวไป

 

เขาหวังว่าคนพวกนี้จะมอบพลังด้านลบให้เขามากกว่านี้ด้วยซ้ำ

 

ไกด์คิดอย่างนั้นจริงๆ

 

“ด้วยอารมณ์เชิงลบของคุณทำให้ฉันมีพลัง ฉันจะส่งเลียม ให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!”

 

เมื่อไกด์หายตัวไป แรนดอล์ฟก็เงยหน้าขึ้น

 

การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย – ใบหน้ารู้สึกสดชื่นขึ้น

 

อาจเป็นเพราะไกด์ซึมซับอารมณ์ด้านลบของเขา

 

“ฉันต้องทำงานหนัก ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็แค่ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง อันดับแรก ติดต่อกับลูกชายของฉันก่อน แล้วฉันจะโทรหาแคทเทอรีน่าในภายหลัง”

 

เขาต้องการให้แน่ใจว่ามีอนาคตสำหรับลูก ๆ ของเขา

 

แม้จะไม่มีใครช่วย แรนดอล์ฟกำลังจะฟื้นฟูทุกอย่างกลับคืนมา

 

◇ ◇ ◇

 

ปีเตอร์ซึ่งความเป็นลูกผู้ชายได้ระเบิดออกมีสีหน้าว่างเปล่า

 

ขณะที่เขานอนอยู่บนเตียง ปีเตอร์เริ่มหัวเราะอย่างว่างเปล่า

 

แคทเทอรีน่ายังอยู่เคียงข้างเขา

 

“ผู้ยิ่งใหญ่อย่างฉั…ไม่สิ ฉันมันเป็นคนโง่”

 

“เป็นอะไรไป?”

 

แคทเทอรีน่ารู้สึกประหลาดใจ

 

“แคทเทอรีน่า…คุณกลับบ้านของคุณไปเถอะ… คุณไม่จำเป็นต้องมามีส่วนร่วมกับฉันอีกต่อไป… ฉันจะเป็นพยานว่าเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางร่างกาย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณจะไม่มีปัญหากับเรื่องนี้”

 

สำหรับปีเตอร์แล้ว เขาไม่อยากให้แคทเทอรีน่ามามีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป

 

“แม้ว่าฉันจะจากไปมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก พ่อบอกให้ฉันกลับแต่ฉันไม่ไป ถ้าฉันปล่อยให้คุณอยู่ตามลำพัง บ้านของคุณจะถูกทำลาย”

 

“…แคทเธอรี ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ.”

 

“ไม่เป็นไร.”

 

แคทเทอรีน่ามีสีหน้าผิดหวังบนใบหน้าของเธอ

 

ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดอย่างจริงจังถึงวิธีที่จะช่วยฟื้นฟูบ้านพีตัค

 

“ถ้าบ้านพี่ตัคได้รับการฟื้นฟู จะต้องมีคนโผล่มารับตำแหน่งหัวหน้าแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้นก็โยนเรื่องนี้ให้เขาแล้วเกษียณไปด้วยกัน”

 

“ได้สิ… ผมจะทำให้ดีที่สุด”

 

ปีเตอร์ก็เหมือนกับเลียม

 

เขาโตมาโดยไม่รู้จักความรักของพ่อแม่

 

พ่อแม่ของเขาได้หนีไปยังเมืองหลวงเมื่อตอนที่เขายังเด็ก

 

ปีเตอร์มีความสุขที่ได้มีคนที่เขาพึ่งพาได้เป็นครั้งแรกในชีวิต

 

◇ ◇ ◇

 

เมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

หลังจากเทียจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอก็ได้รับการฝึกอบรมเพื่อเป็นข้าราชการ

 

ระยะเวลาการฝึกอบรมนั้นมากกว่าสองปี โดยในระหว่างนั้นพวกเขาจะถูกบังคับให้ทำงานแปลกๆ ต่างๆ

 

อย่างไรก็ตามผู้ที่คาดว่าจะได้รับตำแหน่งสูงในอนาคตจะได้รับมอบหมายให้อยู่ในแผนกที่เหมาะสมซึ่งพวกเขาได้รับการศึกษาเป็นพิเศษ

 

เทียเป็นหนึ่งในนั้น

 

เมื่อเธอเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลด้วยชุดสูท เธอมองเห็นทายาทของบ้านราเซลในชุดทำงาน

 

เขาถูกผู้บังคับบัญชาดุ

 

“เฮ้ ไอ้เจ้าเด็กใหม่! พูดขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นสิ่งเดียวที่คุณทำได้หรือเปล่าห๊ะ!”

 

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”

 

“คุณไม่ได้สนใจงานเลยรึไง!”

 

“มะ…ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”

 

“แบบนั้นมันแบบไหน? ยกเว้นพวกในแผนกดาวเด่น ทายาทของตระกูลขุนนางล้วนแต่เป็นพวกไร้ประโยชน์… หากมัวแต่ทำตัวแบบนี้ตลอดสองปี คุณคิดว่าคุณพร้อมเข้ารับตำแหน่งรึเปล่าห๊ะ!”

 

“ไม่ครับ… ฉันจะไม่ทำแน่นอน”

 

“แม้แต่คนอย่างคุณก็ไม่ได้รับอนุญาตให้หลบหนีจากสิ่งนี้ สำหรับการฝึกสองปีของคุณ คุณจะต้องทำความสะอาดห้องน้ำ”

 

ศีรษะของเขาก้มลงและมือของเขากำแน่น

 

บ้านราเซลถูกลดระดับลง และด้วยเหตุนี้ ลูกชายของพวกเขาจึงไม่อยู่ในแผนกดาวเด่น

 

เขาถึงขนาดถูกมอบหมายให้ทำงานในแผนกภารโรง

 

แผนกนั้นไม่ใช่สถานที่ที่จะให้พวกลูกขุนนางเข้าไปทำด้วยซ้ำ

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำงานอย่างจริงจัง

 

(…ฉันคงพูดอะไรไม่ได้  ฉันหวังว่านายจะทำดีที่สุด)

 

หากเธอพูดอะไรที่นี่ แสดงว่าเธอให้อภัยบ้านเรเซลที่ปฏิบัติแย่ๆกับเลียม แต่สภาพของผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เทียรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย

 

(เฮ้อ- การเรียนสองปี แล้วก็ฝึกงานอีกสี่ปี ระหว่างสถาบันการทหารกับมหาวิทยาลัย ฉันสงสัยว่าลอร์ดเลียมจะเลือกที่ไหน)

 

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจว่าจะต้องจริงจังยิ่งขึ้น

 

เทียทำงานหนักเพื่ออนาคตของเลียม

 

◇ ◇ ◇

 

มีการโต้ตอบอย่างรุนแรงภายในอาณาเขต

 

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ผมได้ต่อสู้กับกลุ่มกบฏที่โง่เขลาซึ่งเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ

 

แต่สิทธิและเสรีภาพของพวกเขาเป็นของผม!

 

พวกเขาไม่มีเสรีภาพหรือสิทธิอะไรทั้งนั้น!

 

“ทำไมพวกเขาถึงยืนกรานที่จะมีทรงผมอะไรแบบนั้น!”

 

ผมทุบโต๊ะในที่ทำงานขณะที่วางแผนส่งทหารไปยังสถานที่ต่างๆ

 

มันเป็นขบวนพาเหรดเพื่อประท้วงการแบนทรงผมแบบทอร์นาโด แต่ก็มีป้ายทรงผมแปลกๆหลากหลายแบบที่เข้ามาร่วมการประท้วงด้วย

 

เพราะมันเป็นเรื่องแบบนั้น พวกทหารก็เลยไม่รู้จะทำยังไง

 

บางคนถึงกับพูดว่า “ทรงผมนั้นก็ดูดีอยู่นะ…”

 

อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟร้ยย!

 

ผมจะไม่ยอมรับทรงผมแบบนี้แน่!

 

ไม่สำคัญว่าจะต้องใช้เวลากี่ปี! ผมจะบังคับให้พวกเขาใช้ทรงผมที่ผมต้องการแทนการตัดทรงทอร์นาโดบ้าๆนี่!

 

“ดินแดนแห่งนี้สงบสุขจริงๆ”

 

ผมตกตะลึงกับความคิดเห็นของอามากิ

 

“สงบสุขยังไง! ผู้คนกำลังลุกขึ้นต่อต้านผมนะ!”

 

เมื่อผมบอกสถานีออกอากาศว่า “สิ่งนี้มันสมควรถูกห้ามอย่างร้ายแรง!” พวกเขาก็บอกผมว่า “ไม่มีกฎหมายข้อไหน ที่ควบคุมทรงผม”

 

พวกเขาอยู่ฝ่ายใครกันแน่! ผมเป็นผู้ปกครองที่นี่!

 

อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟร้ยย!

 

เมื่อผมพยายามบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่บอกว่า “เรื่องแค่นี้เหรอครับ?”

 

จากนั้นพวกเขาจะเริ่มสอนผมว่า มันเป็นสิ่งพื้นฐานของสิทธิมนุษย์ชนในการเลือกจัดการร่างกายของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนผู้คนในอาณาเขต อีกทั้งมันยังเป็นที่นิยมด้วย

 

ผมรู้ว่ามันเป็นแบบนั้น… ผมรู้ แต่-!

 

ทำไมพอเป็นเรื่องทรงผมแล้วพวกคุณก็กลายเป็นนักวิชาการกันหมด!

 

นี่เป็นการตอบโต้ของพวกเขาต่อการเพิ่มภาษีใช่ไหม? มันต้องเป็นเรื่องนั้นแน่!

 

“ที่สำคัญกว่านั้น ดูเหมือนว่าทีมที่สี่จะไปถึงดาวบุกเบิกอย่างปลอดภัยแล้ว การพัฒนาดูเหมือนจะไปได้ดีกว่าที่คาดไว้ การเพิ่มภาษีโดยนายท่านดูเหมือนว่าจะช่วยในเรื่องนั้นอย่างมาก”

 

“อะไรจะสำคัญไปกว่าปัญหาทรงผม! ผมเกลียดมัน! คนที่มีทรงผมทอร์นาโดปรากฏตัวอยู่ทุกที่!”

 

ก่อนที่ผมจะเข้าเรียนในโรงเรียนประถม ผมจะแบนทรงผมนั้นให้ได้!

 

◇ ◇ ◇

 

หัวหน้าสาวใช้กำลังรายงานนายกรัฐมนตรี

 

“…และนั่นคือสถานการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ยกเว้นการประท้วงนิดหน่อย”

 

“ฉันเข้าใจความเจ็บปวดของเขาเลยล่ะ”

 

หลังจากได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเลียม นายกรัฐมนตรีก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ

 

“ไม่ว่ายังไง สำหรับเขาที่จะลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนประถมกำลังใกล้เข้ามาแล้ว”

 

“ส่วนตัวแล้วคาดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร… แต่ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กมีปัญหาจำนวนไม่น้อยที่ลงทะเบียนเรียนในทุกวันนี้”

 

โรงเรียนประถมก็มีปัญหาเช่นกัน

 

นายกรัฐมนตรีความหวังไว้สูงสำหรับเลียม ผู้ซึ่งเป็นเหมือนแสงสว่างส่องประกายให้กับจักรวรรดิ

 

“ยังไงก็เถอะ ฉันได้ยินมาว่าเขาซื้อยานคลาสป้อมปราการมาจากโรงงานอาวุธที่เจ็ด ดูเหมือนว่าเขากำลังสร้างกองกำลัง มีเหตุผลอะไรไหม?”

 

หัวหน้าสาวใช้ตอบกลับ

 

“เราใช้มันเป็นฐานป้องกันชั่วคราวสำหรับพื้นที่รอบดาวบุกเบิก ต้องใช้เวลาหลายปีในการเตรียมฐานที่มั่น ดังนั้นเราจึงใช้มันแบบนี้จนกว่าจะถึงเวลานั้น”

 

“เข้าใจล่ะ นั่นคือเหตุผลสินะ? ฉันคิดว่ามันเป็นแบบนั้น”

 

◇ ◇ ◇

 

เด็กๆขุนนางได้รับการฝึกอบรมในบ้านของเลียม

 

แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ แต่พวกเขาก็ได้รับการฝึกอย่างเคร่งครัดเหมือนคนรับใช้ในช่วงสามปีของการฝึกอบรม

 

พวกเขายังได้รับการศึกษา จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเลียมไปเรียนโรงเรียนประถม?

 

– คำตอบนั้นง่าย

 

พวกเขายังคงใช้เวลาอยู่ในอาณาเขตของเลียมต่อไป

 

มีการสร้างมหาวิทยาลัยขึ้น พวกเขาจึงเรียนต่อในโรงเรียนที่ตนเองเลือก

 

เด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ในคฤหาสน์มาแล้วสามปีกำลังเดินไปรอบ ๆ บริเวณมหาวิทยาลัยในชุดธรรมดา

 

“ว้าว~ ท่านเคานต์นั้นใจกว้างจริงๆ เขาครอบคลุมค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพของเราด้วย”

 

ค่าเล่าเรียนของพวกเขาได้รับการยกเว้น

 

พวกเขาได้รับเงินช่วยเหลือ และถ้าไม่เพียงพอ พวกเขาจะเริ่มทำงานนอกเวลาหรือขอเพิ่มจากพ่อแม่

 

“เราคงไม่มีโอกาสได้เที่ยวเล่นกันมากนักถ้ากลับบ้าน”

 

ในอาณาเขตของพวกเขาไม่มีมหาวิทยาลัย

 

เมื่อเทียบกับพื้นที่โดยรอบ อาณาเขตของเลียมได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ

 

เหตุผลที่เหล่าขุนนางปล่อยให้ลูกหลานไปเรียนต่างแดนก็เพราะพวกเขาต้องการให้พวกเขาเรียนรู้จากอาณาเขตที่มีความสมบูรณ์พร้อม แบบอาณาเขตของเลียม

 

“ฉันไม่อยากกลับบ้านเลย~”

 

เด็กสาวคนหนึ่งหันไปยิ้มให้เพื่อนที่คร่ำครวญของเธอ

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องแต่งงานกับคนในท้องถิ่นแล้วย้ายมาที่นี่”

 

สาวคร่ำครวญจ้องมองเพื่อนของเธอ

 

“ฟังดูดีนะ~ ฉันอยากพักผ่อนที่นี่สักสิบปีเป็นอย่างน้อย”

 

“อย่ายอมแพ้! ฉันแน่ใจว่าคุณจะพบใครบางคนในหมู่อัศวิน”

 

สาวๆดูสนุกสนานกันจริงๆ

 

ผู้ชายก็พูดได้เหมือนกัน

 

พวกเขาทั้งหมดยังคงศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในขณะที่ประสบชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักและความเยาว์วัย

 

◇ ◇ ◇

 

“บัดซบ!!!”

 

ผมโมโหมากทั้งที่กำลังจะเข้าโรงเรียนประถม

 

เหตุผลก็คือ-

 

เมื่อหยิบนิตยสารแฟชั่นขึ้นมา ทรงผมบนหน้าปกก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น แทนที่จะหายไป… และตอนนี้ผมก็หมดเวลาแล้ว

 

ไบรอันแสดงความคิดเห็น

 

“นายท่านเลียม ถ้าคุณไม่สนใจผู้คน เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะพบกับฝ่ายค้าน”

 

“ผมจะทุบมันให้ละเอียดเลย!”

 

ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะทำให้ผมโกรธได้ขนาดนี้

 

ผมสงสัยว่านี่เป็นการโต้ตอบของการที่ผมที่ให้อามากิขึ้นภาษีถึงขีดสุด

 

หากเป็นแบบนั้น ผมจำเป็นต้องบอกให้พวกเขารู้ว่าใครอยู่จุดสูงสุดของดินแดนนี้!

 

“แน่ใจรึครับว่าไม่อยากยอมแพ้?”

 

“ราวกับว่าผมจะยอมแพ้งั้นเรอะ! ผมจะทำให้พวกเขาเสียใจที่พวกเขากบฏต่อผม – ลอร์ดเลียมผู้นี้!”

 

“แต่ผู้คนดูเหมือนจะยังสนุกสนานกันอยู่”

 

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ยิ่งไม่สามารถให้อภัยพวกเขาได้!”

 

ผมต้องเป็นผู้เดียวที่เล่นอย่างสนุกสนานในดินแดนนี้ แต่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

 

ผมต้องใช้ไพ่ตายสำหรับจอมมารซะแล้ว

 

“หากเป็นแบบนี้ ผมสั่งให้ส่งอัศวินออกไปและบังคับให้พวกเขาตัดผม—”

 

ขณะที่ผมพูด ผมก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าไบรอันดูแปลกไปเล็กน้อย

 

เขาไม่เคลื่อนไหวเลย ราวกับว่าเวลาได้หยุดลง

 

ความรู้สึกนี้ ใช่… ผมรู้ว่าสถานการณ์นี้คืออะไร

 

เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็พบไกด์ที่ดูเหนื่อยๆ

 

เขากำลังนั่งไขว่ห้างบนกระเป๋าเดินทาง

 

เขายังคงสวมหมวกทรงสูงของเขา ใบหมวกกดต่ำจนผมมองไม่เห็นดวงตาของเขา

 

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยวบนใบหน้าของเขานั้นชัดเจน

 

“ไม่เจอกันนานเลยนะ เลียม”

 

“เป็นคุณนั้นเอง…”

 

ไกด์กางมือออก

 

“ฉันอยากพบคุณจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาในวันนี้”

 

สำหรับไกด์ที่ดูมีความสุข ผมต้องการกล่าวขอบคุณเขาสักสองสามคำ

 

“ที่จริงผมก็อยากเจอคุณเหมือนกัน ผมต้องการที่จะ—”

 

ไกด์เอานิ้วชี้มาที่ปากเพื่อบอกให้ผมหยุด

 

“ขอให้ฉันได้พูดอะไรบางอย่างก่อนนะเลียม… ฉันมีหลายอย่างที่อยากจะพูด”

 

หลังจากยืนขึ้น ไกด์ก็เริ่มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“ไม่คิดว่ามันตลกบ้างเหรอ?”

 

“หะ…เรื่องอะไรล่ะ?”

 

“หลายๆอย่างนั่นแหละ แต่ถ้าให้เลือกหัวข้อล่าสุด… ก็คงเป็นเรื่องบ้านราเซล… เลียม คุณไม่เคยสงสัยเลยเหรอว่าทำไมคุณถึงถูกปฏิบัติแบบนั้นที่นั่น?”

 

“ไม่จริงน่า—”

 

“คิดได้รึยัง!”

 

ไกด์ที่จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดัง เริ่มไอแล้วพูดต่อ

 

“เลียม อันที่จริงมันต้องเป็นคุณต่างหาก ที่ควรได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ใช่ปีเตอร์! ซึ่งมันเป็นโอกาสของคุณที่จะได้พบกับลูกสาวของบ้านราเซล และสร้างสัมพันธ์กับบ้านที่ทรงพลัง มันควรเป็นเหตุการณ์แบบนั้น!”

 

“-คุณล้อฉันเล่นแน่ๆ”

 

ขณะที่ผมลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ ไกด์ก็กางมือออกและเริ่มหัวเราะ

 

“แล้วทำไมปีเตอร์ถึงเอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของคุณไป? เป็นเพราะมีคนเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง”

 

“เบื้องหลังงั้นรึ?”

 

“นั่นคือฉันเอง!”  (TL: ซุปเปอร์เบจิต้าคนนี้….แค่กๆผิดๆ)

 

ไกด์ที่โค้งคำนับ ส่งรอยยิ้มมาทางผมขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง

 

“มันเป็นฉันเอง และฉันตลอดมา”

 

เมื่อผมเริ่มคิดถึงความจริงที่เกิดขึ้นมาตลอดกับผม

 

“ทะ…ทั้งหมดนั่น…”

 

“ไม่ใช่ปีเตอร์ที่พรากทุกอย่างไปจากคุณ! คุณสูญเสียทุกอย่างเพราะฉัน! ใช่แล้วเลียม! คุณถูกหลอกแล้ว!”

 

มันเป็นเขา…..

 

———————————————-

 

ไบรอัน (; ・`ω・´) “อะ…อะไรนะ!?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 30

Now you are reading (WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! Chapter 30 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บารอน ราเซล

 

บ้านขุนนางถูกลดระดับ

 

ดาวทรัพยากรของพวกเขาถูกยึดโดยจักรวรรดิ และความน่าเชื่อถือทั้งหมดของพวกเขาในฐานะขุนนางก็หายไป

 

บ้านไวเคานต์…ไม่สิ… บ้านบารอน ราเซล กลายเป็นสถานที่ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือพอสำหรับการฝึกอบรมอีกแล้ว

 

“-มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”

 

เมื่อบ้านเบนฟิลด์ถูกโจรสลัดโจมตี พวกเขาก็ถูกสงสัยเพราะไม่ได้เจตนาจะส่งความช่วยเหลือไป

 

สิ่งเดียวที่ดีต่อพวกเขาคือการที่เลียมสังหารผู้ซุ่มโจมตีทั้งหมด

 

นั่นรวมถึงกลุ่มโจรสลัดที่เหลืออยู่ในดินแดนทั้งหมดที่สามารถเล่นงานแรนดอล์ฟได้

 

แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจักรวรรดิจะทุ่มเต็มที่กับการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันจึงนำมาสู่สถานการณ์ดังเช่นปัจจุบัน  

 

เหตุผลที่พวกเขาไม่ทำลายบ้านทั้งหมดก็เพราะว่ามันจะลำบากสำหรับฝ่ายจักรวรรดิที่จะต้องหาคนมาปกครองอาณาเขตของบ้านราเซลในทันที

 

นอกเหนือจากนั้น พวกเขาถูกลงโทษด้วยสิ่งที่พวกเขาทำลงไปอยู่แล้ว

 

บ้านพีตัคที่พวกเขาสานสัมพันธ์ด้วยได้รับการยืนยันแล้วว่าพังทลาย ในขณะที่หนี้สินจำนวนมหาศาลที่พวกพีตัคถืออยู่จะถูกผลักเข้าใส่พวกเขา

 

สาเหตุหลักคือตัวของแคทเทอรีน่าที่แต่งเข้าบ้านพีตัค

 

ถ้าปีเตอร์ตาย เป็นไปได้ที่แคทเทอรีน่าจะเป็นหัวหน้าคนต่อไปของบ้าน

 

คงจะดีสำหรับพวกเขาถ้าเลือกที่จะละทิ้งทุกสิ่งและวิ่งหนีไป แต่พวกเขาก็จะถูกเหล่าขุนนางดูหมิ่นเหยียดหยามและไม่เหลือกระทั้งทางรอดชีวิต

 

พวกเขาจะถูกมองด้วยสายตาที่เย็นชานับแต่นั้นในสังคมชนชั้นสูงของจักรวรรดิ

 

ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร แรนดอล์ฟก็มองไม่เห็นแสงสว่างของอนาคตเลย

 

ในขณะเดียวกัน…

 

“พวกนักธุรกิจทั้งหมดก็จากกันไปหมด”

 

พ่อค้าที่ได้ยินข่าวก็ละทิ้งพวกเขา

 

นักธุรกิจทุกคนที่พวกเขามีความสัมพันธ์ด้วยเริ่มตีตัวออกห่าง… แต่หลังจากการสืบสวนพบว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับพวกโจรสลัด พวกพ่อค้าทั้งหมดจึงใช้โอกาสนี้จากไป

 

ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เห็นท่าไม่ดี ต่างก็ออกไปค้นหาลอร์ดคนใหม่เพื่อรับใช้เช่นกัน

 

คนที่เหลืออยู่คือคนที่ภัคดีกับบ้านราเซลจริงๆ

 

ในหมู่พวกเขามีอัศวินที่ดูแลเลียมอยู่ด้วย

 

“มันเกิดอะไรขึ้น…เราผิดพลาดตรงไหน”

 

แรนดอฟกำลังสิ้นหวัง – และไกด์กำลังเฝ้าดูเขาอยู่

 

เขายืนอยู่ต่อหน้า แต่แรนดอล์ฟมองไม่เห็นเขา

 

“คุณทำให้ฉันผิดหวังคุณแรนดอล์ฟ แต่ด้วยความสิ้นหวังของคุณ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ฉันจะแก้แค้นเลียม โดยใช้พลังที่คุณมอบให้ฉันอย่างแน่นอน”

 

แรนดอล์ฟ ปีเตอร์และคนอื่นๆ อยู่ในความสิ้นหวัง ความคิดด้านลบของพวกเขานำพลังจำนวนเล็กน้อยกลับมาหาไกด์

 

แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาไปต่อกรกับเลียมได้

 

ไกด์กำลังครุ่นคิด

 

“ถ้าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เรามาเปิดเผยทุกอย่างกับเลียมกันเถอะ”

 

ความสำนึกในบุญคุณของเลียมยังคงส่งไปถึงเขาแม้อยู่ไกลแสนไกล

 

หากปราศจากความรู้สึกด้านลบของแรนดอล์ฟหรือปีเตอร์ สถานะของเขาในตอนนี้จะเลวร้ายมาก

 

หากเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น เขาอาจจะหมดพลังและสลายตัวไป

 

เขาหวังว่าคนพวกนี้จะมอบพลังด้านลบให้เขามากกว่านี้ด้วยซ้ำ

 

ไกด์คิดอย่างนั้นจริงๆ

 

“ด้วยอารมณ์เชิงลบของคุณทำให้ฉันมีพลัง ฉันจะส่งเลียม ให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!”

 

เมื่อไกด์หายตัวไป แรนดอล์ฟก็เงยหน้าขึ้น

 

การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย – ใบหน้ารู้สึกสดชื่นขึ้น

 

อาจเป็นเพราะไกด์ซึมซับอารมณ์ด้านลบของเขา

 

“ฉันต้องทำงานหนัก ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันก็แค่ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง อันดับแรก ติดต่อกับลูกชายของฉันก่อน แล้วฉันจะโทรหาแคทเทอรีน่าในภายหลัง”

 

เขาต้องการให้แน่ใจว่ามีอนาคตสำหรับลูก ๆ ของเขา

 

แม้จะไม่มีใครช่วย แรนดอล์ฟกำลังจะฟื้นฟูทุกอย่างกลับคืนมา

 

◇ ◇ ◇

 

ปีเตอร์ซึ่งความเป็นลูกผู้ชายได้ระเบิดออกมีสีหน้าว่างเปล่า

 

ขณะที่เขานอนอยู่บนเตียง ปีเตอร์เริ่มหัวเราะอย่างว่างเปล่า

 

แคทเทอรีน่ายังอยู่เคียงข้างเขา

 

“ผู้ยิ่งใหญ่อย่างฉั…ไม่สิ ฉันมันเป็นคนโง่”

 

“เป็นอะไรไป?”

 

แคทเทอรีน่ารู้สึกประหลาดใจ

 

“แคทเทอรีน่า…คุณกลับบ้านของคุณไปเถอะ… คุณไม่จำเป็นต้องมามีส่วนร่วมกับฉันอีกต่อไป… ฉันจะเป็นพยานว่าเราไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางร่างกาย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณจะไม่มีปัญหากับเรื่องนี้”

 

สำหรับปีเตอร์แล้ว เขาไม่อยากให้แคทเทอรีน่ามามีส่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป

 

“แม้ว่าฉันจะจากไปมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก พ่อบอกให้ฉันกลับแต่ฉันไม่ไป ถ้าฉันปล่อยให้คุณอยู่ตามลำพัง บ้านของคุณจะถูกทำลาย”

 

“…แคทเธอรี ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ.”

 

“ไม่เป็นไร.”

 

แคทเทอรีน่ามีสีหน้าผิดหวังบนใบหน้าของเธอ

 

ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดอย่างจริงจังถึงวิธีที่จะช่วยฟื้นฟูบ้านพีตัค

 

“ถ้าบ้านพี่ตัคได้รับการฟื้นฟู จะต้องมีคนโผล่มารับตำแหน่งหัวหน้าแน่ๆ เมื่อถึงเวลานั้นก็โยนเรื่องนี้ให้เขาแล้วเกษียณไปด้วยกัน”

 

“ได้สิ… ผมจะทำให้ดีที่สุด”

 

ปีเตอร์ก็เหมือนกับเลียม

 

เขาโตมาโดยไม่รู้จักความรักของพ่อแม่

 

พ่อแม่ของเขาได้หนีไปยังเมืองหลวงเมื่อตอนที่เขายังเด็ก

 

ปีเตอร์มีความสุขที่ได้มีคนที่เขาพึ่งพาได้เป็นครั้งแรกในชีวิต

 

◇ ◇ ◇

 

เมืองหลวงของจักรวรรดิ

 

หลังจากเทียจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอก็ได้รับการฝึกอบรมเพื่อเป็นข้าราชการ

 

ระยะเวลาการฝึกอบรมนั้นมากกว่าสองปี โดยในระหว่างนั้นพวกเขาจะถูกบังคับให้ทำงานแปลกๆ ต่างๆ

 

อย่างไรก็ตามผู้ที่คาดว่าจะได้รับตำแหน่งสูงในอนาคตจะได้รับมอบหมายให้อยู่ในแผนกที่เหมาะสมซึ่งพวกเขาได้รับการศึกษาเป็นพิเศษ

 

เทียเป็นหนึ่งในนั้น

 

เมื่อเธอเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลด้วยชุดสูท เธอมองเห็นทายาทของบ้านราเซลในชุดทำงาน

 

เขาถูกผู้บังคับบัญชาดุ

 

“เฮ้ ไอ้เจ้าเด็กใหม่! พูดขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นสิ่งเดียวที่คุณทำได้หรือเปล่าห๊ะ!”

 

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”

 

“คุณไม่ได้สนใจงานเลยรึไง!”

 

“มะ…ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”

 

“แบบนั้นมันแบบไหน? ยกเว้นพวกในแผนกดาวเด่น ทายาทของตระกูลขุนนางล้วนแต่เป็นพวกไร้ประโยชน์… หากมัวแต่ทำตัวแบบนี้ตลอดสองปี คุณคิดว่าคุณพร้อมเข้ารับตำแหน่งรึเปล่าห๊ะ!”

 

“ไม่ครับ… ฉันจะไม่ทำแน่นอน”

 

“แม้แต่คนอย่างคุณก็ไม่ได้รับอนุญาตให้หลบหนีจากสิ่งนี้ สำหรับการฝึกสองปีของคุณ คุณจะต้องทำความสะอาดห้องน้ำ”

 

ศีรษะของเขาก้มลงและมือของเขากำแน่น

 

บ้านราเซลถูกลดระดับลง และด้วยเหตุนี้ ลูกชายของพวกเขาจึงไม่อยู่ในแผนกดาวเด่น

 

เขาถึงขนาดถูกมอบหมายให้ทำงานในแผนกภารโรง

 

แผนกนั้นไม่ใช่สถานที่ที่จะให้พวกลูกขุนนางเข้าไปทำด้วยซ้ำ

 

ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำงานอย่างจริงจัง

 

(…ฉันคงพูดอะไรไม่ได้  ฉันหวังว่านายจะทำดีที่สุด)

 

หากเธอพูดอะไรที่นี่ แสดงว่าเธอให้อภัยบ้านเรเซลที่ปฏิบัติแย่ๆกับเลียม แต่สภาพของผู้ชายคนนี้ก็ทำให้เทียรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย

 

(เฮ้อ- การเรียนสองปี แล้วก็ฝึกงานอีกสี่ปี ระหว่างสถาบันการทหารกับมหาวิทยาลัย ฉันสงสัยว่าลอร์ดเลียมจะเลือกที่ไหน)

 

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตัดสินใจว่าจะต้องจริงจังยิ่งขึ้น

 

เทียทำงานหนักเพื่ออนาคตของเลียม

 

◇ ◇ ◇

 

มีการโต้ตอบอย่างรุนแรงภายในอาณาเขต

 

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ผมได้ต่อสู้กับกลุ่มกบฏที่โง่เขลาซึ่งเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ

 

แต่สิทธิและเสรีภาพของพวกเขาเป็นของผม!

 

พวกเขาไม่มีเสรีภาพหรือสิทธิอะไรทั้งนั้น!

 

“ทำไมพวกเขาถึงยืนกรานที่จะมีทรงผมอะไรแบบนั้น!”

 

ผมทุบโต๊ะในที่ทำงานขณะที่วางแผนส่งทหารไปยังสถานที่ต่างๆ

 

มันเป็นขบวนพาเหรดเพื่อประท้วงการแบนทรงผมแบบทอร์นาโด แต่ก็มีป้ายทรงผมแปลกๆหลากหลายแบบที่เข้ามาร่วมการประท้วงด้วย

 

เพราะมันเป็นเรื่องแบบนั้น พวกทหารก็เลยไม่รู้จะทำยังไง

 

บางคนถึงกับพูดว่า “ทรงผมนั้นก็ดูดีอยู่นะ…”

 

อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟร้ยย!

 

ผมจะไม่ยอมรับทรงผมแบบนี้แน่!

 

ไม่สำคัญว่าจะต้องใช้เวลากี่ปี! ผมจะบังคับให้พวกเขาใช้ทรงผมที่ผมต้องการแทนการตัดทรงทอร์นาโดบ้าๆนี่!

 

“ดินแดนแห่งนี้สงบสุขจริงๆ”

 

ผมตกตะลึงกับความคิดเห็นของอามากิ

 

“สงบสุขยังไง! ผู้คนกำลังลุกขึ้นต่อต้านผมนะ!”

 

เมื่อผมบอกสถานีออกอากาศว่า “สิ่งนี้มันสมควรถูกห้ามอย่างร้ายแรง!” พวกเขาก็บอกผมว่า “ไม่มีกฎหมายข้อไหน ที่ควบคุมทรงผม”

 

พวกเขาอยู่ฝ่ายใครกันแน่! ผมเป็นผู้ปกครองที่นี่!

 

อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟร้ยย!

 

เมื่อผมพยายามบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่บอกว่า “เรื่องแค่นี้เหรอครับ?”

 

จากนั้นพวกเขาจะเริ่มสอนผมว่า มันเป็นสิ่งพื้นฐานของสิทธิมนุษย์ชนในการเลือกจัดการร่างกายของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อนผู้คนในอาณาเขต อีกทั้งมันยังเป็นที่นิยมด้วย

 

ผมรู้ว่ามันเป็นแบบนั้น… ผมรู้ แต่-!

 

ทำไมพอเป็นเรื่องทรงผมแล้วพวกคุณก็กลายเป็นนักวิชาการกันหมด!

 

นี่เป็นการตอบโต้ของพวกเขาต่อการเพิ่มภาษีใช่ไหม? มันต้องเป็นเรื่องนั้นแน่!

 

“ที่สำคัญกว่านั้น ดูเหมือนว่าทีมที่สี่จะไปถึงดาวบุกเบิกอย่างปลอดภัยแล้ว การพัฒนาดูเหมือนจะไปได้ดีกว่าที่คาดไว้ การเพิ่มภาษีโดยนายท่านดูเหมือนว่าจะช่วยในเรื่องนั้นอย่างมาก”

 

“อะไรจะสำคัญไปกว่าปัญหาทรงผม! ผมเกลียดมัน! คนที่มีทรงผมทอร์นาโดปรากฏตัวอยู่ทุกที่!”

 

ก่อนที่ผมจะเข้าเรียนในโรงเรียนประถม ผมจะแบนทรงผมนั้นให้ได้!

 

◇ ◇ ◇

 

หัวหน้าสาวใช้กำลังรายงานนายกรัฐมนตรี

 

“…และนั่นคือสถานการณ์ทั้งหมด ดูเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ยกเว้นการประท้วงนิดหน่อย”

 

“ฉันเข้าใจความเจ็บปวดของเขาเลยล่ะ”

 

หลังจากได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเลียม นายกรัฐมนตรีก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ

 

“ไม่ว่ายังไง สำหรับเขาที่จะลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนประถมกำลังใกล้เข้ามาแล้ว”

 

“ส่วนตัวแล้วคาดว่าน่าจะไม่มีปัญหาอะไร… แต่ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กมีปัญหาจำนวนไม่น้อยที่ลงทะเบียนเรียนในทุกวันนี้”

 

โรงเรียนประถมก็มีปัญหาเช่นกัน

 

นายกรัฐมนตรีความหวังไว้สูงสำหรับเลียม ผู้ซึ่งเป็นเหมือนแสงสว่างส่องประกายให้กับจักรวรรดิ

 

“ยังไงก็เถอะ ฉันได้ยินมาว่าเขาซื้อยานคลาสป้อมปราการมาจากโรงงานอาวุธที่เจ็ด ดูเหมือนว่าเขากำลังสร้างกองกำลัง มีเหตุผลอะไรไหม?”

 

หัวหน้าสาวใช้ตอบกลับ

 

“เราใช้มันเป็นฐานป้องกันชั่วคราวสำหรับพื้นที่รอบดาวบุกเบิก ต้องใช้เวลาหลายปีในการเตรียมฐานที่มั่น ดังนั้นเราจึงใช้มันแบบนี้จนกว่าจะถึงเวลานั้น”

 

“เข้าใจล่ะ นั่นคือเหตุผลสินะ? ฉันคิดว่ามันเป็นแบบนั้น”

 

◇ ◇ ◇

 

เด็กๆขุนนางได้รับการฝึกอบรมในบ้านของเลียม

 

แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ แต่พวกเขาก็ได้รับการฝึกอย่างเคร่งครัดเหมือนคนรับใช้ในช่วงสามปีของการฝึกอบรม

 

พวกเขายังได้รับการศึกษา จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเลียมไปเรียนโรงเรียนประถม?

 

– คำตอบนั้นง่าย

 

พวกเขายังคงใช้เวลาอยู่ในอาณาเขตของเลียมต่อไป

 

มีการสร้างมหาวิทยาลัยขึ้น พวกเขาจึงเรียนต่อในโรงเรียนที่ตนเองเลือก

 

เด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ในคฤหาสน์มาแล้วสามปีกำลังเดินไปรอบ ๆ บริเวณมหาวิทยาลัยในชุดธรรมดา

 

“ว้าว~ ท่านเคานต์นั้นใจกว้างจริงๆ เขาครอบคลุมค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพของเราด้วย”

 

ค่าเล่าเรียนของพวกเขาได้รับการยกเว้น

 

พวกเขาได้รับเงินช่วยเหลือ และถ้าไม่เพียงพอ พวกเขาจะเริ่มทำงานนอกเวลาหรือขอเพิ่มจากพ่อแม่

 

“เราคงไม่มีโอกาสได้เที่ยวเล่นกันมากนักถ้ากลับบ้าน”

 

ในอาณาเขตของพวกเขาไม่มีมหาวิทยาลัย

 

เมื่อเทียบกับพื้นที่โดยรอบ อาณาเขตของเลียมได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ

 

เหตุผลที่เหล่าขุนนางปล่อยให้ลูกหลานไปเรียนต่างแดนก็เพราะพวกเขาต้องการให้พวกเขาเรียนรู้จากอาณาเขตที่มีความสมบูรณ์พร้อม แบบอาณาเขตของเลียม

 

“ฉันไม่อยากกลับบ้านเลย~”

 

เด็กสาวคนหนึ่งหันไปยิ้มให้เพื่อนที่คร่ำครวญของเธอ

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องแต่งงานกับคนในท้องถิ่นแล้วย้ายมาที่นี่”

 

สาวคร่ำครวญจ้องมองเพื่อนของเธอ

 

“ฟังดูดีนะ~ ฉันอยากพักผ่อนที่นี่สักสิบปีเป็นอย่างน้อย”

 

“อย่ายอมแพ้! ฉันแน่ใจว่าคุณจะพบใครบางคนในหมู่อัศวิน”

 

สาวๆดูสนุกสนานกันจริงๆ

 

ผู้ชายก็พูดได้เหมือนกัน

 

พวกเขาทั้งหมดยังคงศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในขณะที่ประสบชีวิตที่เต็มไปด้วยความรักและความเยาว์วัย

 

◇ ◇ ◇

 

“บัดซบ!!!”

 

ผมโมโหมากทั้งที่กำลังจะเข้าโรงเรียนประถม

 

เหตุผลก็คือ-

 

เมื่อหยิบนิตยสารแฟชั่นขึ้นมา ทรงผมบนหน้าปกก็พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น แทนที่จะหายไป… และตอนนี้ผมก็หมดเวลาแล้ว

 

ไบรอันแสดงความคิดเห็น

 

“นายท่านเลียม ถ้าคุณไม่สนใจผู้คน เป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะพบกับฝ่ายค้าน”

 

“ผมจะทุบมันให้ละเอียดเลย!”

 

ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะทำให้ผมโกรธได้ขนาดนี้

 

ผมสงสัยว่านี่เป็นการโต้ตอบของการที่ผมที่ให้อามากิขึ้นภาษีถึงขีดสุด

 

หากเป็นแบบนั้น ผมจำเป็นต้องบอกให้พวกเขารู้ว่าใครอยู่จุดสูงสุดของดินแดนนี้!

 

“แน่ใจรึครับว่าไม่อยากยอมแพ้?”

 

“ราวกับว่าผมจะยอมแพ้งั้นเรอะ! ผมจะทำให้พวกเขาเสียใจที่พวกเขากบฏต่อผม – ลอร์ดเลียมผู้นี้!”

 

“แต่ผู้คนดูเหมือนจะยังสนุกสนานกันอยู่”

 

“ถ้าอย่างนั้นผมก็ยิ่งไม่สามารถให้อภัยพวกเขาได้!”

 

ผมต้องเป็นผู้เดียวที่เล่นอย่างสนุกสนานในดินแดนนี้ แต่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

 

ผมต้องใช้ไพ่ตายสำหรับจอมมารซะแล้ว

 

“หากเป็นแบบนี้ ผมสั่งให้ส่งอัศวินออกไปและบังคับให้พวกเขาตัดผม—”

 

ขณะที่ผมพูด ผมก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าไบรอันดูแปลกไปเล็กน้อย

 

เขาไม่เคลื่อนไหวเลย ราวกับว่าเวลาได้หยุดลง

 

ความรู้สึกนี้ ใช่… ผมรู้ว่าสถานการณ์นี้คืออะไร

 

เมื่อผมมองไปรอบๆ ก็พบไกด์ที่ดูเหนื่อยๆ

 

เขากำลังนั่งไขว่ห้างบนกระเป๋าเดินทาง

 

เขายังคงสวมหมวกทรงสูงของเขา ใบหมวกกดต่ำจนผมมองไม่เห็นดวงตาของเขา

 

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยวบนใบหน้าของเขานั้นชัดเจน

 

“ไม่เจอกันนานเลยนะ เลียม”

 

“เป็นคุณนั้นเอง…”

 

ไกด์กางมือออก

 

“ฉันอยากพบคุณจริงๆ นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาในวันนี้”

 

สำหรับไกด์ที่ดูมีความสุข ผมต้องการกล่าวขอบคุณเขาสักสองสามคำ

 

“ที่จริงผมก็อยากเจอคุณเหมือนกัน ผมต้องการที่จะ—”

 

ไกด์เอานิ้วชี้มาที่ปากเพื่อบอกให้ผมหยุด

 

“ขอให้ฉันได้พูดอะไรบางอย่างก่อนนะเลียม… ฉันมีหลายอย่างที่อยากจะพูด”

 

หลังจากยืนขึ้น ไกด์ก็เริ่มพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“ไม่คิดว่ามันตลกบ้างเหรอ?”

 

“หะ…เรื่องอะไรล่ะ?”

 

“หลายๆอย่างนั่นแหละ แต่ถ้าให้เลือกหัวข้อล่าสุด… ก็คงเป็นเรื่องบ้านราเซล… เลียม คุณไม่เคยสงสัยเลยเหรอว่าทำไมคุณถึงถูกปฏิบัติแบบนั้นที่นั่น?”

 

“ไม่จริงน่า—”

 

“คิดได้รึยัง!”

 

ไกด์ที่จู่ๆ ก็ตะโกนเสียงดัง เริ่มไอแล้วพูดต่อ

 

“เลียม อันที่จริงมันต้องเป็นคุณต่างหาก ที่ควรได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ใช่ปีเตอร์! ซึ่งมันเป็นโอกาสของคุณที่จะได้พบกับลูกสาวของบ้านราเซล และสร้างสัมพันธ์กับบ้านที่ทรงพลัง มันควรเป็นเหตุการณ์แบบนั้น!”

 

“-คุณล้อฉันเล่นแน่ๆ”

 

ขณะที่ผมลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ ไกด์ก็กางมือออกและเริ่มหัวเราะ

 

“แล้วทำไมปีเตอร์ถึงเอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของคุณไป? เป็นเพราะมีคนเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง”

 

“เบื้องหลังงั้นรึ?”

 

“นั่นคือฉันเอง!”  (TL: ซุปเปอร์เบจิต้าคนนี้….แค่กๆผิดๆ)

 

ไกด์ที่โค้งคำนับ ส่งรอยยิ้มมาทางผมขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมอง

 

“มันเป็นฉันเอง และฉันตลอดมา”

 

เมื่อผมเริ่มคิดถึงความจริงที่เกิดขึ้นมาตลอดกับผม

 

“ทะ…ทั้งหมดนั่น…”

 

“ไม่ใช่ปีเตอร์ที่พรากทุกอย่างไปจากคุณ! คุณสูญเสียทุกอย่างเพราะฉัน! ใช่แล้วเลียม! คุณถูกหลอกแล้ว!”

 

มันเป็นเขา…..

 

———————————————-

 

ไบรอัน (; ・`ω・´) “อะ…อะไรนะ!?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+