(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 38

Now you are reading (WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! Chapter 38 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้านมืด

 

หอพักนักเรียนของอาคารเรียนหลังที่หนึ่ง

 

บนหลังคามีผู้ชายสามคน

 

“เป็นไงบ้าง”

 

“ไม่น่ามีปัญหา”

 

“ดูเหมือนว่าเราจะจบเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่น”

 

พวกเขาพูดคุยกัน

 

แต่ทันใดนั้น ชายร่างใหญ่ในชุดดำก็ปรากฏขึ้นจากเงามืด

 

แขนของเขายาวผิดปกติเมื่อเทียบกับสัดส่วนของร่างกายทั้งหมด

 

หน้ากากที่น่าขนลุกอยู่บนใบหน้าของเขา

 

ผู้ชายทั้งสามชักอาวุธ

 

“อะ-อะไรน่ะ!?”

 

ชายร่างใหญ่ทักทายพวกเขาด้วยการกางแขนออก

 

“ราตรีสวัสดิ์ ขอให้คืนนี้คงเป็นคืนที่ดี”

 

ทันทีหลังจากตำพูดนั้น ผู้คนจำนวนมากซึ่งมีลักษณะเหมือนกันกับชายร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของผู้ชายทั้งสาม และใช้มีดกรีดคอพวกเขาสองคน เหลือเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่

 

ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างกระฉับกระเฉง

 

“โปรดให้อภัยฉันที่รบกวนงานของคุณในคืนนี้”

 

-ณ หอพักชายที่เลียมอาศัยอยู่

 

หลังจากที่ชายร่างใหญ่หายตัวไปจากหลังคาโดยจมลงไปในเงามืด เขาก็ปรากฏตัวขึ้นภายในห้องของเลียม

 

เลียมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของเขา

 

ชายร่างใหญ่เอื้อมมือไปหาเลียมและ… ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขา

 

เลียมลืมตาขึ้นเล็กน้อย

 

“…คุคุริ ทำอะไรกันเสียงดังเชียว”

 

หลังจากเห็นว่าเลียมตื่นแล้ว คุคุริก็คุกเข่าลงทันทีและโค้งคำนับเขาแทบติดพื้น

 

“ได้โปรดยกโทษให้ฉันนายท่านเลียม มีสุนัขเดินเข้ามาในอาคาร และฉันก็กำลังไล่มันออกไป”

 

“สุนัข? …ถ้ามันเป็นแค่สุนัข ให้คืนมันให้เจ้าของด้วยล่ะ”

 

คุคุริยอมรับคำสั่งของเลียม

 

“ตามที่ท่านสั่งครับ”

 

คุคุริหายตัวด้วยการที่ร่างของเขาผสานรวมกับพื้น เมื่อเขาออกไปข้างนอกเขารวบรวมลูกน้องของเขาทันที

 

เขาหันไปหาชายที่รอดตายบนหลังคา

 

“แล้ว…เจ้าของคุณเป็นใคร?”

 

ชายที่หวาดกลัวไม่ตอบเขาและยังคงตัวสั่นต่อไป

 

แต่เมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของคุคุริ— เขาก็เริ่มพูดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

 

“…ท่านเดอร์ริคส่งฉันมาที่นี่ ฉันถูกสั่งให้ลักพาตัวเลียมและทรมานเขา”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนของคุคุริก็ดึงมีดออกมาเตรียมหั่นชายผู้นี้เป็นชิ้นๆ

 

แต่คุคุริหยุดพวกเขา

 

“เดี๋ยว… ท่านเลียมสั่งให้เราส่งเขาคืนให้เจ้าของ หากเราสับมันละเอียดเกินไปจะไม่มีใครจำเขาได้”

 

คุคุริหัวเราะเย็น ลูกน้องของเขาก็เริ่มหัวเราะด้วย

 

ชายผู้นั้นพลันมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมาพร้อมเหงื่อแตกพลัก

 

คนพวกนี้เป็นกลุ่มที่น่าขนลุก

 

และเวทมนตร์นั้นคืออะไรกัน? แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นผู้ลอบสังหาร แต่เขาไม่เคยเห็นเวทมนตร์แบบนั้นมาก่อนในชีวิต

 

“พวกแกเป็นใครกันแน่?”

 

คุคุริเงยหน้าขึ้นและตอบเขา

 

“พวกเราคือใคร? อืม… ตระกูลที่น่าจะถูกทำลายไปแล้ว หรือควรจะเรียกว่าตระกูลที่ฟื้นคืนชีพจากความตาย? แต่เรื่องราวของเรานั้นไม่เกี่ยวข้องกับคุณ เรากำลังส่งคืนคุณให้กับเจ้าของของคุณ เราคงต้องตกแต่งคุณซักหน่อย”

 

แขนที่ยาวผิดปกติของคุคุริยื่นไปทางชายคนนั้น

 

“ม-ไม่ ออกไปนะเว้ยยย!!!!”

 

คุคุริกระซิบไปทางชายที่กรีดร้อง

 

“คุณพยายามลงมือกับนายท่านเลียม การกระทำนั้นเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะรับประกันความตายของทั้งคุณและนายของคุณ”

 

◇ ◇ ◇

 

“กรี๊ดดดดดดด!!!!!”

 

ณ หอพักนักเรียนในอาคารเรียนหลังที่สอง

 

เดอร์ริกตื่นขึ้นมาและกุมหัวเพราะเสียงกรีดร้องของคนรับใช้ของเขา

 

“หุบปากได้แล้ว ไอ้พวกงี่เง่า! ฉันปวดหัวเพราะเมาค้าง ทำไมคุณถึงตะโกน—”

 

เมื่อเขามองไปรอบๆ ห้อง คนที่เขาส่งไปลักพาตัวเลียมก็อยู่ที่นั่น  

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้กลายเป็นวัตถุที่น่าขนลุกอย่างสุดจะพรรณนา

 

“-?!”

 

สภาพมันดูสยดสยองมาก แม้แต่เดอร์ริกก็ทนไม่ได้ที่จะมองพวกมัน

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมของแบบนั้นถึงมาอยู่ในห้องของเขา

 

“ร-รีบเอามันออกไป! แล้วทำความสะอาดพวกมันด้วย”

 

อาการเมาค้างของเขาหายไปทันทีและหัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น

 

(ต-ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาเข้ามาในห้องของฉันเมื่อไหร่?)

 

การรักษาความปลอดภัยของหอพักนักศึกษานั้นเข้มงวดมาก

 

แม้ว่าตัวเขาเองจะวางแผนที่จะลักพาตัวและทรมานเลียม แต่การรักษาความปลอดภัยที่เขารู้ก็ยังเข้มงวดมาก

 

อีกทั้งเขายังจ้างอัศวินที่มีทักษะระดับสูงมาปกป้องเขาเป็นการส่วนตัว

 

แต่ก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น ประติมากรรมที่น่าสยดสยองนี้ก็ถูกวางไว้ในห้องของเขา เดอร์ริก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันผิดปกติเกินไป

 

อัศวินที่เข้ามาในห้องหลังจากฟังเสียงร้องของเดอร์ริคก็ตกตะลึง ในขณะที่คนใช้ที่เข้ามาก็อาเจียน

 

“ท่านเดอร์ริค ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

 

“ถ-ถามว่าเป็นอะไรงั้นเรอะ! มีคนแอบเข้ามาในห้องของฉัน! ท-ที่สำคัญกว่านั้น ทำความสะอาดพวกมันซะที!”

 

“แต่ก่อนอื่น เราควรติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนประถม—”

 

“ไอ้โง่! นี่คือคนที่เราส่งไปเพื่อลักพาตัวเลียม! พวกเขาไม่ควรอยู่ในโรงเรียน ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป ปัญหาต่างๆจะมาลงที่ฉัน”

 

เดอร์ริกรู้ว่าเขาซวยแน่หลังจากพิจารณาสถานการณ์

 

อย่างแรกเลย ประติมากรรมของศพที่ปรากฏอยู่ในห้องของเขา นี่เป็นงานของเลียมอย่างไม่ต้องสงสัย

 

พวกเขาเป็นข้อความที่หมายความว่า “ฉันสามารถฆ่าคุณได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”

 

เดอร์ริคกุมหัวของเขา

 

(ให้ตายสิ แม่งเอ้ย! กองยานที่ฉันรวบรวมมาถูกทำลาย พี่ชายของฉันกำลังตำหนิฉันสำหรับความล้มเหลว และที่สำคัญที่สุด ฉันสูญเสีย’สิ่งนั้น’ในครั้งนี้ด้วย ฉันกำลังไม่มีที่ยืนในตระกูลอยู่แล้ว)

 

ตำแหน่งของเดอร์ริก ในตระกูลเบิร์กลีย์ตกต่ำอย่างมากหลังจากที่กองยานของเขาถูกทำลาย

 

พี่น้องของเขาต่างไม่ชอบใจการกระทำของเขา ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เขาคิดซักอย่าง

 

และที่สำคัญคือเขาสูญเสีย’สิ่งนั้น’

 

ตระกูลของเขาแทบจะฆ่าเขาให้ตายตั้งแต่นั้น

 

“ให้ตายสิ ไอ้ห่าเอ้ย!!! ทำไมมันถึงมีระดับป้อมปราการ!”

 

ในสถานที่ที่กองยานของเขาถูกส่งไปนั้น ยานรบระดับป้อมปราการกำลังรอพวกเขาอยู่

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงส่งยานระดับป้อมปราการ ซึ่งหาได้ยากแม้แต่ในกองทัพจักรวรรดิและขุนนางชั้นสูง ไปประจำการบนดาวเคราะห์ผู้บุกเบิก

 

ถ้าเขารู้ว่ามีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอยู่ที่นั่น เดอร์ริคคงไม่คิดที่จะโจมตีด้วยซ้ำ

 

“ไม่ ไม่ ฉันยังมีโอกาสรักษาหน้า ฉันต้องกำจัดเลียมด้วยมือของฉันเอง”

 

เดอร์ริกเป็นนักเรียนชั้นปีที่สี่แล้ว

 

ขณะที่เลียมเป็นนักเรียนปีที่สอง

 

ถ้าเขาไม่กำจัดเขาก่อนจบการศึกษา พี่น้องของเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวข้ามหัวเขา

 

เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาจะไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป

 

“…ไอ้นั่นไงล่ะ การแข่งขัน… ถ้าฉันฆ่าเลียมที่นั่น ตำแหน่งของฉันจะยังคงอยู่ เขาจะเข้าร่วมอย่างแน่นอน ฉันต้องฆ่าเขาโดยแกล้งทำเป็นอุบัติเหตุ”

 

มันเป็นเพียงงานโรงเรียนประถม แต่เมื่อคุณขับอัศวินขับเคลื่อนอะไรก็เกิดขึ้นได้

 

–คุณสามารถเข้าร่วมแข่งขันได้แต่คุณต้องยอมรับความเสี่ยงของมันด้วย

 

เขาจะบดขยี้เลียมในระหว่างการแข่งขัน

 

เดอร์ริกจะใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อฆ่าเลียมซะ

 

เขาได้ตัดสินใจแล้ว

 

◇ ◇ ◇

 

เมื่อเร็วๆนี้รอบๆตัวผมค่อนข้างเสียงดัง

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา มีสุนัขตัวหนึ่งหลงเข้าไปในหอพักโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ชาติก่อนผมเคยเลี้ยงหมา ผมจึงหวังว่ามันจะกลับไปหาเจ้าของได้อย่างปลอดภัย

 

ในตอนนี้คุคุริเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของผม ชื่อของเขาดูน่ารักเกินไปสำหรับรูปลักษณ์ของเขา  

 

ผมว่ามันเข้ากับนิสัยของเขา เพราะเขารู้ว่าผมชอบสุนัขจึงได้ปลุกผมเพราะมีสุนัขหลงทางเมื่อคืน

 

เหมือนกับมารี เขาเป็นหนึ่งในคนที่กลายเป็นหินที่ผมช่วยไว้ในดินแดนของบารอนเอ็กซ์เนอร์ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากการช่วยเหลือที่นั่น

 

ยังไงก็ตาม ตอนนี้ผมอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แล้ว  

 

เนื้อหาของบทเรียนไม่แตกต่างจากปีที่แล้วมากนัก

 

ผมเริ่มรู้สึกเบื่อ

 

เพราะแบบนั้นผมจึงเริ่มคิดหาวิธีว่าจะทำลายโรเซตต้าอย่างไร

 

ที่มาของความภาคภูมิใจของเธอดูเหมือนจะมาจากตำแหน่งของเธอ ในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวดัชเชสที่มีชื่อเสียง

 

แม้ในความเป็นจริงเธอจะยากจน แต่สถานะของเธอคือของจริง

 

เหมือนที่วอลเลซพูดไว้ ว่าบ้านของเธอได้รับความทุกข์ทรมานมานับพันปีเนื่องจากคำสั่งของจักรพรรดิองค์ก่อน

 

อย่างไรก็ตาม เธอนั้นไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

 

ในฐานะผู้ครอบครองจิตวิญญาณแห่งเหล็กกล้าของบ้านคลอเดียซึ่งไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรมอันโหดร้ายของพวกเขา มันยิ่งน่าสนใจที่จะทำลายเธอลง

 

“แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่าย”

 

เมื่อพิจารณาว่านี่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ผมสามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน  

 

ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น ที่จะทำให้เธอพังทลายลง

 

แม้ว่าผมจะอวดสถานะของตัวเองว่าเป็นเคานต์ เธอก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ

 

นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับหญิงสาวที่หยิ่งผยองใช่ไหมล่ะ

 

“ตอนนี้ผมจะทำลายเธออย่างไรดี”

 

ผมอยากให้ผู้หญิงที่หยิ่งผยองคุกเข่าลงต่อหน้าขณะที่ผมหัวเราะอย่างชั่วร้าย

 

นั่นเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบของลอร์ดที่ชั่วร้าย

 

เมื่อผมเข้าไปในห้องเรียน วอลเลซเข้ามาใกล้และดึงผมเข้ามาคุย

 

“ทำไมตอนนี้คุณถึงดูมีความสุข”  

 

“ใช่แล้ว ผมกำลังสนุกเลยทีเดียว”

 

ผมคาดหวังที่จะให้หญิงสาวผู้ภาคภูมิใจแบบเธอยอมจำนนต่อผม

 

“ฉันไม่เข้าใจคุณเลยซักนิด เลียม ตอนนี้ฉันเต็มไปด้วยความกังวล”

 

ปกติเขาเป็นคนไม่สู้คน แต่พอเป็นเรื่องเงินหรือเรื่องอื่นๆ เขาก็ดูมีปากมีเสียงขึ้นมา

 

เหตุการณ์เมื่อวานก็ด้วย

 

เราเพิ่งผ่านไปได้ครึ่งเดือน แต่เขาไม่ได้วางแผนให้ดี เขาใช้เงินเก็บไปจนหมดไปแล้ว

 

คนคนนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าเขาเป็นลูกน้องของผม?

 

เขาคิดว่าผมเป็นเหมือนกระเป๋าเงินที่สะดวกสบายรึไง?

 

ผมอาจต้องการให้เขาช่วยอะไรนิดหน่อย…แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ไร้ประโยชน์

 

“เฮ้ วอลเลซ”

 

“ว่าไง? คุณจะเพิ่มเงินเบี้ยเลี้ยงให้ฉันเหรอ?”

 

ผมเงยหน้าขณะถามคำถาม

 

“ผมต้องการรู้วิธีเพิ่มสถานะของตัวเอง โดยวิธีที่ใช้เวลาน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

 

“หืม?”

 

วอลเลซเริ่มไตร่ตรองคำถามของผมขณะกอดอก

 

แล้วดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างออก

 

“วิธีที่เร็วที่สุดคือซื้อมัน”  

 

“ผมสามารถซื้อสถานะจากวังได้เหรอ? ราคาเท่าไหร่?”

 

“ไม่ว่าคุณจะเสนอราคาเท่าไหร่ พระราชวังก็ไม่ขายมันแน่นอน คุณต้องซื้อจากบ้านขุนนางอื่นๆ”

 

วอลเลซอธิบายต่อไปว่ามีบ้านหลายหลังที่มีสถานะเพียงในนามเท่านั้น

 

ตัวอย่างที่ดีที่สุดนั่นคืออดีตบ้านเบนฟิลด์

 

แต่ก็แน่นอนว่าสถานะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขายกัน

 

ประการแรก บ้านที่ซื้อจะต้องมีเงินเพียงพอที่จะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างจากผู้ขาย

 

ประการที่สอง หัวหน้าของบ้านที่ซื้อจะส่งต่อกรรมสิทธิ์ให้ลูกชายหรือลูกสาวของตน ให้แต่งงานกับผู้ขาย เพื่อได้รับสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่ง  

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

 

บ้านที่จะขายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มักมีหนี้สินมหาศาล

 

“ถ้าคุณสามารถแก้ไขหนี้และปัญหาอื่นๆ ได้ จักรวรรดิก็จะยอมรับว่าคุณเข้ายึดสถานะของพวกเขา” (TL:แต่งเข้าบ้านเพื่อเอาสถานะ ซึ่งจะต้องยอมรับทรัพย์สินและหนี้สินของอีกฝ่าย เหมือนกรณีบ้านพีตัค)

 

ผมเริ่มยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น

 

“อย่างงี้นี่เอง หากคุณมีเงินเพียงพอ คุณสามารถซื้อสถานะได้สินะ”

 

ผมอยู่ในความคิดลึกๆ

 

การเป็นเคานต์ไม่ได้ทำให้ผมพอใจ

 

ขุนนางมีหลายระดับ ซึ่งยศที่สูงกว่าตัวผมนั้นคือมาร์ควิสและดยุค

 

ด้วยราคาที่เหมาะสม ผมสามารถซื้อสถานะขุนนางของบ้านหลังอื่นได้  

 

ผมได้ความคิดดีๆละ

 

ถ้าผมขโมยสถานะที่เธอภาคภูมิใจไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความภาคภูมิใจของเธอจะแตกสลาย

 

“พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าผมเอาบ้านที่ยากจนมาอยู่ในความดูแลของผม – ชำระหนี้ของพวกเขาให้หมด และรับลูกสาวของพวกเขาเป็นภรรยา สถานะของผมจะสูงขึ้นจริงไหม?”

 

วอลเลซพยักหน้า

 

“มันจะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานะปัจจุบันของคุณ ตัวเลือกของคุณค่อนข้างจำกัด แม้จะพิเศษไปหน่อย แต่คุณคิดว่าคุณสามารถรับหนี้สินบ้านอีกหลังได้ทั้งหมดงั้นเหรอ? แทนที่จะใช้เงินไปกับเรื่องแบบนั้น เอาเงินมาเพิ่มเบี้ยเลี้ยงของฉัน—”

 

ผมหยุดวอลเลซด้วยการดีดหน้าผากของเขา และเริ่มกำหนดแผนของตัวเอง

 

ถ้าผมเดินเข้าไปหาโรเซตต้า และพูดว่า “ให้สถานะของคุณกับผมซะ” เธอก็คงจะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เย็นชา

 

ทัศนคติที่ดื้อรั้นของเธอนั้นไร้ที่ติอย่างแน่นอน มันยิ่งทำให้ผมอยากเห็นการแสดงออกของเธอพังทลายลงด้วยความสิ้นหวัง

 

เมื่อรู้ว่าสถานะที่เธอภาคภูมิใจนั้นถูกขโมยไปจากเธอ – เธอจะทำหน้าแบบไหนกันนะ?

 

ในชีวิตก่อน ผมยังจำคนที่หัวเราะเยาะผมที่กำลังสิ้นหวังได้ดี

 

แต่ตอนนี้ถึงตาผมแล้วที่จะเหยียบย่ำคนอื่นและหัวเราะ

 

ผมยืนขึ้น

 

“จะเข้าห้องน้ำเหรอ?”

 

เมื่อวอลเลซถาม ผมก็ส่ายหัว

 

ไม่ ผมแค่ยืน ทำไมคุณถึงคิดว่าต้องไปห้องน้ำ?

 

และถึงแม้จะนั่งห่างออกไปเล็กน้อย เคิร์ทก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

 

หรือว่าคุณอยากไปห้องน้ำ?

 

“ผมจะไปติดต่อกับทางบ้าน มันจะต้องสนุกแน่”

 

-ภายในห้องเรียน.

 

มีร่างของโรเซตต้านั่งอยู่คนเดียว

 

เธอให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว และกีดกันสิ่งรอบข้างออกไปจากตัวเธอ

 

ผมไม่ได้เกลียดสิ่งเหล่านี้

 

แม้ว่าเธอจะไม่ได้ฉลาดหรือแข็งแรง แต่เธอก็ยังพยายามอย่างเต็มที่

 

เธอมีจิตวิญญาณแห่งเหล็กล้า

 

โรเซตต้า ผมล่ะคาดหวังในตัวคุณจริงๆ

 

◇ ◇ ◇

 

พระราชวังในเมืองหลวง

 

มีรายงานด่วนมาจากเซเรน่า

 

“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”

 

“…ท่านเลียมตัดสินใจว่าเขาต้องการหมั้นกับลูกสาวของบ้านคลอเดีย คิดว่าผลคงออกมาในไม่ช้า”

 

เมื่อเซเรน่า- หัวหน้าสาวใช้พูดอย่างนั้น นายกรัฐมนตรีก็เบิกตากว้างและส่ายหัว

 

“ถ้าฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ฉันก็คงจะคิดว่าเขาเป็นคนงี่เง่า แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรากำลังได้รับการปลดปล่อยจากภาระอันหนักอึ้ง”

 

การโดดเดี่ยวบ้านคลอเดียเป็นสิ่งที่อดีตจักรพรรดิตัดสินใจเมื่อนานมาแล้ว

 

ขุนนางหลายคนรู้สึกสงสารพวกเขาตั้งแต่นั้นมา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถช่วยได้

 

บ้านดัชเชสคลอเดีย ที่น่าอับอายซึ่งตอนนี้เป็นหนี้อยู่มหาศาล

 

“ไบรอันได้เริ่มพูดคุยกับบ้านของพวกเขาแล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์จะเป็นในทางไหน แต่ถ้าพวกเขาตกลง พระราชวังจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้รีเปล่า?”

 

“ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะปฏิเสธ”

 

บ้านคลอเดียซึ่งทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานาน ดูเหมือนจะยังไม่เชื่อใจบ้านเบนฟิลด์

 

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสนี้อีกหรือไม่

 

พวกเขาถูกบีบให้เลือก

 

“ฉันจะเริ่มคุยกับคนที่อยู่ฝั่งฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

“คุณจะสนับสนุนเรื่องนี้?”

 

“คุณก็รู้สถานการณ์ของพวกเขานี่? ฉันคิดว่าบ้านคลอเดียได้รับความทุกข์ทรมาณมานานเกินไปแล้ว”

 

“ฉันรู้ แต่-“

 

“ตอนนี้เหล่าขุนนางผู้มีคุณธรรมกำลังจับตาดูบ้านเบนฟิลด์ เหตุจากข่าวลือที่ว่าพวกเขาขัดแย้งกับครอบครัวเบิร์กลีย์ ”

 

นายกฯยิ้มกว้าง

 

การช่วยบ้านคลอเดียเป็นเรื่องที่ยากลำบากและได้รับสิ่งตอบแทนน้อยนิด

 

จะพูดว่า ‘การยื่นมือช่วยเหลือไปยังบ้านหลังนั้นไม่มีประโยชน์สำหรับเลียม’-อย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว

 

‘เลียมเข้าช่วยบ้านคลอเดียซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชา’

 

บรรดาขุนนางผู้มีคุณธรรมที่ได้ยินเช่นนั้นย่อมเข้าใจว่าแท้จริงแล้วบ้านเบนฟิลด์เป็นบ้านมีเกียรติเพียงใด

 

นายกรัฐมนตรีคาดหวังว่าเลียมจะต่อต้านครอบครัวเบิร์กลีย์อย่างจริงจัง

 

“เราปล่อยพวกมันไว้ตามเฉยๆนานเกินไปแล้ว ถึงเวลากำจัดพวกมันให้สิ้นซาก”

 

“จักรวรรดิจะยอมให้มันเกิดขึ้นรึ?”

 

“ต้องยอมอยู่แล้ว จักรวรรดิไม่ได้เสียอะไรเลยกับการที่ทั้งสองสู้กัน นอกจากนี้ การมีบุคคลที่ทรงพลังผู้ซึ่งสนับสนุนจักรวรรดิได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของดยุคนั้นย่อมเป็นผลดีต่อจักรวรรดิ  

ต่อให้จักรวรรดิจะเสียหายเล็กน้อย แต่ฉันก็อยากให้ล้างสิ่งสกปรกพวกนั้นออกไปอยู่ดี”

 

หัวหน้าสาวใช้ดูไม่มั่นใจ แต่เธอยอมรับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี

 

“แล้วฉันจะบอกท่านเลียมว่าเขาได้รับอนุญาตจากวังแล้ว”

 

“เป็นหน้าที่คุณแล้ว”

 

เมื่อวางสาย นายกรัฐมนตรีก็เริ่มหัวเราะ

 

“เคานต์…. ไม่สิ ดยุค ฉันตั้งตารอที่จะได้เห็นอนาคตของคุณ”  (TL: คาดหวังสูงจนหลอน – -*)

 

—————————-

 

ไบรอัน (´・ω・`)  “เมื่อยื่นข้อเสนอหมั้นกับอีกฝ่าย มันช่างเจ็บปวดที่โดนบอกว่า ‘เราไม่โดนหลอกง่ายๆหรอกนะ!’”

 

ไบรอัน (´;ω;`)  “ส่วนการที่หนี้ของเราเพิ่มขึ้นอีกครั้งก็เจ็บปวดเช่นกัน”

 

—————————-

ปล.ช่วงคุยการเมืองนี่จับจุดแปลยากอีกละ – -*

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

กราบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

(WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! 38

Now you are reading (WN) I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! Chapter 38 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้านมืด

 

หอพักนักเรียนของอาคารเรียนหลังที่หนึ่ง

 

บนหลังคามีผู้ชายสามคน

 

“เป็นไงบ้าง”

 

“ไม่น่ามีปัญหา”

 

“ดูเหมือนว่าเราจะจบเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่น”

 

พวกเขาพูดคุยกัน

 

แต่ทันใดนั้น ชายร่างใหญ่ในชุดดำก็ปรากฏขึ้นจากเงามืด

 

แขนของเขายาวผิดปกติเมื่อเทียบกับสัดส่วนของร่างกายทั้งหมด

 

หน้ากากที่น่าขนลุกอยู่บนใบหน้าของเขา

 

ผู้ชายทั้งสามชักอาวุธ

 

“อะ-อะไรน่ะ!?”

 

ชายร่างใหญ่ทักทายพวกเขาด้วยการกางแขนออก

 

“ราตรีสวัสดิ์ ขอให้คืนนี้คงเป็นคืนที่ดี”

 

ทันทีหลังจากตำพูดนั้น ผู้คนจำนวนมากซึ่งมีลักษณะเหมือนกันกับชายร่างใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของผู้ชายทั้งสาม และใช้มีดกรีดคอพวกเขาสองคน เหลือเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่

 

ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างกระฉับกระเฉง

 

“โปรดให้อภัยฉันที่รบกวนงานของคุณในคืนนี้”

 

-ณ หอพักชายที่เลียมอาศัยอยู่

 

หลังจากที่ชายร่างใหญ่หายตัวไปจากหลังคาโดยจมลงไปในเงามืด เขาก็ปรากฏตัวขึ้นภายในห้องของเลียม

 

เลียมกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของเขา

 

ชายร่างใหญ่เอื้อมมือไปหาเลียมและ… ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขา

 

เลียมลืมตาขึ้นเล็กน้อย

 

“…คุคุริ ทำอะไรกันเสียงดังเชียว”

 

หลังจากเห็นว่าเลียมตื่นแล้ว คุคุริก็คุกเข่าลงทันทีและโค้งคำนับเขาแทบติดพื้น

 

“ได้โปรดยกโทษให้ฉันนายท่านเลียม มีสุนัขเดินเข้ามาในอาคาร และฉันก็กำลังไล่มันออกไป”

 

“สุนัข? …ถ้ามันเป็นแค่สุนัข ให้คืนมันให้เจ้าของด้วยล่ะ”

 

คุคุริยอมรับคำสั่งของเลียม

 

“ตามที่ท่านสั่งครับ”

 

คุคุริหายตัวด้วยการที่ร่างของเขาผสานรวมกับพื้น เมื่อเขาออกไปข้างนอกเขารวบรวมลูกน้องของเขาทันที

 

เขาหันไปหาชายที่รอดตายบนหลังคา

 

“แล้ว…เจ้าของคุณเป็นใคร?”

 

ชายที่หวาดกลัวไม่ตอบเขาและยังคงตัวสั่นต่อไป

 

แต่เมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของคุคุริ— เขาก็เริ่มพูดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า

 

“…ท่านเดอร์ริคส่งฉันมาที่นี่ ฉันถูกสั่งให้ลักพาตัวเลียมและทรมานเขา”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนของคุคุริก็ดึงมีดออกมาเตรียมหั่นชายผู้นี้เป็นชิ้นๆ

 

แต่คุคุริหยุดพวกเขา

 

“เดี๋ยว… ท่านเลียมสั่งให้เราส่งเขาคืนให้เจ้าของ หากเราสับมันละเอียดเกินไปจะไม่มีใครจำเขาได้”

 

คุคุริหัวเราะเย็น ลูกน้องของเขาก็เริ่มหัวเราะด้วย

 

ชายผู้นั้นพลันมีสติสัมปชัญญะกลับคืนมาพร้อมเหงื่อแตกพลัก

 

คนพวกนี้เป็นกลุ่มที่น่าขนลุก

 

และเวทมนตร์นั้นคืออะไรกัน? แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นผู้ลอบสังหาร แต่เขาไม่เคยเห็นเวทมนตร์แบบนั้นมาก่อนในชีวิต

 

“พวกแกเป็นใครกันแน่?”

 

คุคุริเงยหน้าขึ้นและตอบเขา

 

“พวกเราคือใคร? อืม… ตระกูลที่น่าจะถูกทำลายไปแล้ว หรือควรจะเรียกว่าตระกูลที่ฟื้นคืนชีพจากความตาย? แต่เรื่องราวของเรานั้นไม่เกี่ยวข้องกับคุณ เรากำลังส่งคืนคุณให้กับเจ้าของของคุณ เราคงต้องตกแต่งคุณซักหน่อย”

 

แขนที่ยาวผิดปกติของคุคุริยื่นไปทางชายคนนั้น

 

“ม-ไม่ ออกไปนะเว้ยยย!!!!”

 

คุคุริกระซิบไปทางชายที่กรีดร้อง

 

“คุณพยายามลงมือกับนายท่านเลียม การกระทำนั้นเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะรับประกันความตายของทั้งคุณและนายของคุณ”

 

◇ ◇ ◇

 

“กรี๊ดดดดดดด!!!!!”

 

ณ หอพักนักเรียนในอาคารเรียนหลังที่สอง

 

เดอร์ริกตื่นขึ้นมาและกุมหัวเพราะเสียงกรีดร้องของคนรับใช้ของเขา

 

“หุบปากได้แล้ว ไอ้พวกงี่เง่า! ฉันปวดหัวเพราะเมาค้าง ทำไมคุณถึงตะโกน—”

 

เมื่อเขามองไปรอบๆ ห้อง คนที่เขาส่งไปลักพาตัวเลียมก็อยู่ที่นั่น  

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้กลายเป็นวัตถุที่น่าขนลุกอย่างสุดจะพรรณนา

 

“-?!”

 

สภาพมันดูสยดสยองมาก แม้แต่เดอร์ริกก็ทนไม่ได้ที่จะมองพวกมัน

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมของแบบนั้นถึงมาอยู่ในห้องของเขา

 

“ร-รีบเอามันออกไป! แล้วทำความสะอาดพวกมันด้วย”

 

อาการเมาค้างของเขาหายไปทันทีและหัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น

 

(ต-ตั้งแต่เมื่อไหร่? เขาเข้ามาในห้องของฉันเมื่อไหร่?)

 

การรักษาความปลอดภัยของหอพักนักศึกษานั้นเข้มงวดมาก

 

แม้ว่าตัวเขาเองจะวางแผนที่จะลักพาตัวและทรมานเลียม แต่การรักษาความปลอดภัยที่เขารู้ก็ยังเข้มงวดมาก

 

อีกทั้งเขายังจ้างอัศวินที่มีทักษะระดับสูงมาปกป้องเขาเป็นการส่วนตัว

 

แต่ก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น ประติมากรรมที่น่าสยดสยองนี้ก็ถูกวางไว้ในห้องของเขา เดอร์ริก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันผิดปกติเกินไป

 

อัศวินที่เข้ามาในห้องหลังจากฟังเสียงร้องของเดอร์ริคก็ตกตะลึง ในขณะที่คนใช้ที่เข้ามาก็อาเจียน

 

“ท่านเดอร์ริค ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

 

“ถ-ถามว่าเป็นอะไรงั้นเรอะ! มีคนแอบเข้ามาในห้องของฉัน! ท-ที่สำคัญกว่านั้น ทำความสะอาดพวกมันซะที!”

 

“แต่ก่อนอื่น เราควรติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนประถม—”

 

“ไอ้โง่! นี่คือคนที่เราส่งไปเพื่อลักพาตัวเลียม! พวกเขาไม่ควรอยู่ในโรงเรียน ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป ปัญหาต่างๆจะมาลงที่ฉัน”

 

เดอร์ริกรู้ว่าเขาซวยแน่หลังจากพิจารณาสถานการณ์

 

อย่างแรกเลย ประติมากรรมของศพที่ปรากฏอยู่ในห้องของเขา นี่เป็นงานของเลียมอย่างไม่ต้องสงสัย

 

พวกเขาเป็นข้อความที่หมายความว่า “ฉันสามารถฆ่าคุณได้ทุกเมื่อที่ต้องการ”

 

เดอร์ริคกุมหัวของเขา

 

(ให้ตายสิ แม่งเอ้ย! กองยานที่ฉันรวบรวมมาถูกทำลาย พี่ชายของฉันกำลังตำหนิฉันสำหรับความล้มเหลว และที่สำคัญที่สุด ฉันสูญเสีย’สิ่งนั้น’ในครั้งนี้ด้วย ฉันกำลังไม่มีที่ยืนในตระกูลอยู่แล้ว)

 

ตำแหน่งของเดอร์ริก ในตระกูลเบิร์กลีย์ตกต่ำอย่างมากหลังจากที่กองยานของเขาถูกทำลาย

 

พี่น้องของเขาต่างไม่ชอบใจการกระทำของเขา ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เขาคิดซักอย่าง

 

และที่สำคัญคือเขาสูญเสีย’สิ่งนั้น’

 

ตระกูลของเขาแทบจะฆ่าเขาให้ตายตั้งแต่นั้น

 

“ให้ตายสิ ไอ้ห่าเอ้ย!!! ทำไมมันถึงมีระดับป้อมปราการ!”

 

ในสถานที่ที่กองยานของเขาถูกส่งไปนั้น ยานรบระดับป้อมปราการกำลังรอพวกเขาอยู่

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงส่งยานระดับป้อมปราการ ซึ่งหาได้ยากแม้แต่ในกองทัพจักรวรรดิและขุนนางชั้นสูง ไปประจำการบนดาวเคราะห์ผู้บุกเบิก

 

ถ้าเขารู้ว่ามีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอยู่ที่นั่น เดอร์ริคคงไม่คิดที่จะโจมตีด้วยซ้ำ

 

“ไม่ ไม่ ฉันยังมีโอกาสรักษาหน้า ฉันต้องกำจัดเลียมด้วยมือของฉันเอง”

 

เดอร์ริกเป็นนักเรียนชั้นปีที่สี่แล้ว

 

ขณะที่เลียมเป็นนักเรียนปีที่สอง

 

ถ้าเขาไม่กำจัดเขาก่อนจบการศึกษา พี่น้องของเขาจะเริ่มเคลื่อนไหวข้ามหัวเขา

 

เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาจะไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป

 

“…ไอ้นั่นไงล่ะ การแข่งขัน… ถ้าฉันฆ่าเลียมที่นั่น ตำแหน่งของฉันจะยังคงอยู่ เขาจะเข้าร่วมอย่างแน่นอน ฉันต้องฆ่าเขาโดยแกล้งทำเป็นอุบัติเหตุ”

 

มันเป็นเพียงงานโรงเรียนประถม แต่เมื่อคุณขับอัศวินขับเคลื่อนอะไรก็เกิดขึ้นได้

 

–คุณสามารถเข้าร่วมแข่งขันได้แต่คุณต้องยอมรับความเสี่ยงของมันด้วย

 

เขาจะบดขยี้เลียมในระหว่างการแข่งขัน

 

เดอร์ริกจะใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มีเพื่อฆ่าเลียมซะ

 

เขาได้ตัดสินใจแล้ว

 

◇ ◇ ◇

 

เมื่อเร็วๆนี้รอบๆตัวผมค่อนข้างเสียงดัง

 

เมื่อคืนที่ผ่านมา มีสุนัขตัวหนึ่งหลงเข้าไปในหอพักโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

ชาติก่อนผมเคยเลี้ยงหมา ผมจึงหวังว่ามันจะกลับไปหาเจ้าของได้อย่างปลอดภัย

 

ในตอนนี้คุคุริเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของผม ชื่อของเขาดูน่ารักเกินไปสำหรับรูปลักษณ์ของเขา  

 

ผมว่ามันเข้ากับนิสัยของเขา เพราะเขารู้ว่าผมชอบสุนัขจึงได้ปลุกผมเพราะมีสุนัขหลงทางเมื่อคืน

 

เหมือนกับมารี เขาเป็นหนึ่งในคนที่กลายเป็นหินที่ผมช่วยไว้ในดินแดนของบารอนเอ็กซ์เนอร์ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ได้รับจากการช่วยเหลือที่นั่น

 

ยังไงก็ตาม ตอนนี้ผมอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 แล้ว  

 

เนื้อหาของบทเรียนไม่แตกต่างจากปีที่แล้วมากนัก

 

ผมเริ่มรู้สึกเบื่อ

 

เพราะแบบนั้นผมจึงเริ่มคิดหาวิธีว่าจะทำลายโรเซตต้าอย่างไร

 

ที่มาของความภาคภูมิใจของเธอดูเหมือนจะมาจากตำแหน่งของเธอ ในฐานะส่วนหนึ่งของครอบครัวดัชเชสที่มีชื่อเสียง

 

แม้ในความเป็นจริงเธอจะยากจน แต่สถานะของเธอคือของจริง

 

เหมือนที่วอลเลซพูดไว้ ว่าบ้านของเธอได้รับความทุกข์ทรมานมานับพันปีเนื่องจากคำสั่งของจักรพรรดิองค์ก่อน

 

อย่างไรก็ตาม เธอนั้นไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

 

ในฐานะผู้ครอบครองจิตวิญญาณแห่งเหล็กกล้าของบ้านคลอเดียซึ่งไม่ยอมจำนนต่อชะตากรรมอันโหดร้ายของพวกเขา มันยิ่งน่าสนใจที่จะทำลายเธอลง

 

“แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่าย”

 

เมื่อพิจารณาว่านี่เป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ผมสามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน  

 

ผมไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้น ที่จะทำให้เธอพังทลายลง

 

แม้ว่าผมจะอวดสถานะของตัวเองว่าเป็นเคานต์ เธอก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ

 

นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับหญิงสาวที่หยิ่งผยองใช่ไหมล่ะ

 

“ตอนนี้ผมจะทำลายเธออย่างไรดี”

 

ผมอยากให้ผู้หญิงที่หยิ่งผยองคุกเข่าลงต่อหน้าขณะที่ผมหัวเราะอย่างชั่วร้าย

 

นั่นเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบของลอร์ดที่ชั่วร้าย

 

เมื่อผมเข้าไปในห้องเรียน วอลเลซเข้ามาใกล้และดึงผมเข้ามาคุย

 

“ทำไมตอนนี้คุณถึงดูมีความสุข”  

 

“ใช่แล้ว ผมกำลังสนุกเลยทีเดียว”

 

ผมคาดหวังที่จะให้หญิงสาวผู้ภาคภูมิใจแบบเธอยอมจำนนต่อผม

 

“ฉันไม่เข้าใจคุณเลยซักนิด เลียม ตอนนี้ฉันเต็มไปด้วยความกังวล”

 

ปกติเขาเป็นคนไม่สู้คน แต่พอเป็นเรื่องเงินหรือเรื่องอื่นๆ เขาก็ดูมีปากมีเสียงขึ้นมา

 

เหตุการณ์เมื่อวานก็ด้วย

 

เราเพิ่งผ่านไปได้ครึ่งเดือน แต่เขาไม่ได้วางแผนให้ดี เขาใช้เงินเก็บไปจนหมดไปแล้ว

 

คนคนนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าเขาเป็นลูกน้องของผม?

 

เขาคิดว่าผมเป็นเหมือนกระเป๋าเงินที่สะดวกสบายรึไง?

 

ผมอาจต้องการให้เขาช่วยอะไรนิดหน่อย…แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ไร้ประโยชน์

 

“เฮ้ วอลเลซ”

 

“ว่าไง? คุณจะเพิ่มเงินเบี้ยเลี้ยงให้ฉันเหรอ?”

 

ผมเงยหน้าขณะถามคำถาม

 

“ผมต้องการรู้วิธีเพิ่มสถานะของตัวเอง โดยวิธีที่ใช้เวลาน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

 

“หืม?”

 

วอลเลซเริ่มไตร่ตรองคำถามของผมขณะกอดอก

 

แล้วดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างออก

 

“วิธีที่เร็วที่สุดคือซื้อมัน”  

 

“ผมสามารถซื้อสถานะจากวังได้เหรอ? ราคาเท่าไหร่?”

 

“ไม่ว่าคุณจะเสนอราคาเท่าไหร่ พระราชวังก็ไม่ขายมันแน่นอน คุณต้องซื้อจากบ้านขุนนางอื่นๆ”

 

วอลเลซอธิบายต่อไปว่ามีบ้านหลายหลังที่มีสถานะเพียงในนามเท่านั้น

 

ตัวอย่างที่ดีที่สุดนั่นคืออดีตบ้านเบนฟิลด์

 

แต่ก็แน่นอนว่าสถานะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขายกัน

 

ประการแรก บ้านที่ซื้อจะต้องมีเงินเพียงพอที่จะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างจากผู้ขาย

 

ประการที่สอง หัวหน้าของบ้านที่ซื้อจะส่งต่อกรรมสิทธิ์ให้ลูกชายหรือลูกสาวของตน ให้แต่งงานกับผู้ขาย เพื่อได้รับสิทธิ์ในการสืบทอดตำแหน่ง  

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

 

บ้านที่จะขายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มักมีหนี้สินมหาศาล

 

“ถ้าคุณสามารถแก้ไขหนี้และปัญหาอื่นๆ ได้ จักรวรรดิก็จะยอมรับว่าคุณเข้ายึดสถานะของพวกเขา” (TL:แต่งเข้าบ้านเพื่อเอาสถานะ ซึ่งจะต้องยอมรับทรัพย์สินและหนี้สินของอีกฝ่าย เหมือนกรณีบ้านพีตัค)

 

ผมเริ่มยิ้มเมื่อได้ยินแบบนั้น

 

“อย่างงี้นี่เอง หากคุณมีเงินเพียงพอ คุณสามารถซื้อสถานะได้สินะ”

 

ผมอยู่ในความคิดลึกๆ

 

การเป็นเคานต์ไม่ได้ทำให้ผมพอใจ

 

ขุนนางมีหลายระดับ ซึ่งยศที่สูงกว่าตัวผมนั้นคือมาร์ควิสและดยุค

 

ด้วยราคาที่เหมาะสม ผมสามารถซื้อสถานะขุนนางของบ้านหลังอื่นได้  

 

ผมได้ความคิดดีๆละ

 

ถ้าผมขโมยสถานะที่เธอภาคภูมิใจไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความภาคภูมิใจของเธอจะแตกสลาย

 

“พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าผมเอาบ้านที่ยากจนมาอยู่ในความดูแลของผม – ชำระหนี้ของพวกเขาให้หมด และรับลูกสาวของพวกเขาเป็นภรรยา สถานะของผมจะสูงขึ้นจริงไหม?”

 

วอลเลซพยักหน้า

 

“มันจะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานะปัจจุบันของคุณ ตัวเลือกของคุณค่อนข้างจำกัด แม้จะพิเศษไปหน่อย แต่คุณคิดว่าคุณสามารถรับหนี้สินบ้านอีกหลังได้ทั้งหมดงั้นเหรอ? แทนที่จะใช้เงินไปกับเรื่องแบบนั้น เอาเงินมาเพิ่มเบี้ยเลี้ยงของฉัน—”

 

ผมหยุดวอลเลซด้วยการดีดหน้าผากของเขา และเริ่มกำหนดแผนของตัวเอง

 

ถ้าผมเดินเข้าไปหาโรเซตต้า และพูดว่า “ให้สถานะของคุณกับผมซะ” เธอก็คงจะจ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เย็นชา

 

ทัศนคติที่ดื้อรั้นของเธอนั้นไร้ที่ติอย่างแน่นอน มันยิ่งทำให้ผมอยากเห็นการแสดงออกของเธอพังทลายลงด้วยความสิ้นหวัง

 

เมื่อรู้ว่าสถานะที่เธอภาคภูมิใจนั้นถูกขโมยไปจากเธอ – เธอจะทำหน้าแบบไหนกันนะ?

 

ในชีวิตก่อน ผมยังจำคนที่หัวเราะเยาะผมที่กำลังสิ้นหวังได้ดี

 

แต่ตอนนี้ถึงตาผมแล้วที่จะเหยียบย่ำคนอื่นและหัวเราะ

 

ผมยืนขึ้น

 

“จะเข้าห้องน้ำเหรอ?”

 

เมื่อวอลเลซถาม ผมก็ส่ายหัว

 

ไม่ ผมแค่ยืน ทำไมคุณถึงคิดว่าต้องไปห้องน้ำ?

 

และถึงแม้จะนั่งห่างออกไปเล็กน้อย เคิร์ทก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน

 

หรือว่าคุณอยากไปห้องน้ำ?

 

“ผมจะไปติดต่อกับทางบ้าน มันจะต้องสนุกแน่”

 

-ภายในห้องเรียน.

 

มีร่างของโรเซตต้านั่งอยู่คนเดียว

 

เธอให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว และกีดกันสิ่งรอบข้างออกไปจากตัวเธอ

 

ผมไม่ได้เกลียดสิ่งเหล่านี้

 

แม้ว่าเธอจะไม่ได้ฉลาดหรือแข็งแรง แต่เธอก็ยังพยายามอย่างเต็มที่

 

เธอมีจิตวิญญาณแห่งเหล็กล้า

 

โรเซตต้า ผมล่ะคาดหวังในตัวคุณจริงๆ

 

◇ ◇ ◇

 

พระราชวังในเมืองหลวง

 

มีรายงานด่วนมาจากเซเรน่า

 

“เรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง?”

 

“…ท่านเลียมตัดสินใจว่าเขาต้องการหมั้นกับลูกสาวของบ้านคลอเดีย คิดว่าผลคงออกมาในไม่ช้า”

 

เมื่อเซเรน่า- หัวหน้าสาวใช้พูดอย่างนั้น นายกรัฐมนตรีก็เบิกตากว้างและส่ายหัว

 

“ถ้าฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ฉันก็คงจะคิดว่าเขาเป็นคนงี่เง่า แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรากำลังได้รับการปลดปล่อยจากภาระอันหนักอึ้ง”

 

การโดดเดี่ยวบ้านคลอเดียเป็นสิ่งที่อดีตจักรพรรดิตัดสินใจเมื่อนานมาแล้ว

 

ขุนนางหลายคนรู้สึกสงสารพวกเขาตั้งแต่นั้นมา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถช่วยได้

 

บ้านดัชเชสคลอเดีย ที่น่าอับอายซึ่งตอนนี้เป็นหนี้อยู่มหาศาล

 

“ไบรอันได้เริ่มพูดคุยกับบ้านของพวกเขาแล้ว ฉันไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์จะเป็นในทางไหน แต่ถ้าพวกเขาตกลง พระราชวังจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้รีเปล่า?”

 

“ไม่มีเหตุผลที่พวกเขาจะปฏิเสธ”

 

บ้านคลอเดียซึ่งทุกข์ทรมานมาเป็นเวลานาน ดูเหมือนจะยังไม่เชื่อใจบ้านเบนฟิลด์

 

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสนี้อีกหรือไม่

 

พวกเขาถูกบีบให้เลือก

 

“ฉันจะเริ่มคุยกับคนที่อยู่ฝั่งฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

“คุณจะสนับสนุนเรื่องนี้?”

 

“คุณก็รู้สถานการณ์ของพวกเขานี่? ฉันคิดว่าบ้านคลอเดียได้รับความทุกข์ทรมาณมานานเกินไปแล้ว”

 

“ฉันรู้ แต่-“

 

“ตอนนี้เหล่าขุนนางผู้มีคุณธรรมกำลังจับตาดูบ้านเบนฟิลด์ เหตุจากข่าวลือที่ว่าพวกเขาขัดแย้งกับครอบครัวเบิร์กลีย์ ”

 

นายกฯยิ้มกว้าง

 

การช่วยบ้านคลอเดียเป็นเรื่องที่ยากลำบากและได้รับสิ่งตอบแทนน้อยนิด

 

จะพูดว่า ‘การยื่นมือช่วยเหลือไปยังบ้านหลังนั้นไม่มีประโยชน์สำหรับเลียม’-อย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว

 

‘เลียมเข้าช่วยบ้านคลอเดียซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชา’

 

บรรดาขุนนางผู้มีคุณธรรมที่ได้ยินเช่นนั้นย่อมเข้าใจว่าแท้จริงแล้วบ้านเบนฟิลด์เป็นบ้านมีเกียรติเพียงใด

 

นายกรัฐมนตรีคาดหวังว่าเลียมจะต่อต้านครอบครัวเบิร์กลีย์อย่างจริงจัง

 

“เราปล่อยพวกมันไว้ตามเฉยๆนานเกินไปแล้ว ถึงเวลากำจัดพวกมันให้สิ้นซาก”

 

“จักรวรรดิจะยอมให้มันเกิดขึ้นรึ?”

 

“ต้องยอมอยู่แล้ว จักรวรรดิไม่ได้เสียอะไรเลยกับการที่ทั้งสองสู้กัน นอกจากนี้ การมีบุคคลที่ทรงพลังผู้ซึ่งสนับสนุนจักรวรรดิได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของดยุคนั้นย่อมเป็นผลดีต่อจักรวรรดิ  

ต่อให้จักรวรรดิจะเสียหายเล็กน้อย แต่ฉันก็อยากให้ล้างสิ่งสกปรกพวกนั้นออกไปอยู่ดี”

 

หัวหน้าสาวใช้ดูไม่มั่นใจ แต่เธอยอมรับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี

 

“แล้วฉันจะบอกท่านเลียมว่าเขาได้รับอนุญาตจากวังแล้ว”

 

“เป็นหน้าที่คุณแล้ว”

 

เมื่อวางสาย นายกรัฐมนตรีก็เริ่มหัวเราะ

 

“เคานต์…. ไม่สิ ดยุค ฉันตั้งตารอที่จะได้เห็นอนาคตของคุณ”  (TL: คาดหวังสูงจนหลอน – -*)

 

—————————-

 

ไบรอัน (´・ω・`)  “เมื่อยื่นข้อเสนอหมั้นกับอีกฝ่าย มันช่างเจ็บปวดที่โดนบอกว่า ‘เราไม่โดนหลอกง่ายๆหรอกนะ!’”

 

ไบรอัน (´;ω;`)  “ส่วนการที่หนี้ของเราเพิ่มขึ้นอีกครั้งก็เจ็บปวดเช่นกัน”

 

—————————-

ปล.ช่วงคุยการเมืองนี่จับจุดแปลยากอีกละ – -*

สนับสนุนผู้แปลได้ที่นี่นะครับ กสิกร 475-2-65694-8 เมือง บ.

กราบ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+